วันนี้ผมไปนครศรีธรรมราช พบว่ามีเครื่องบินถึง 7 เที่ยวบิน และกำลังจะเพิ่มเป็น 10 มีทั้งนกแอร์ การบินไทย และวันทูโก และ แอร์เอเซีย ก็กำลังจะไปบิน
ท่านอดีตนายกฯชวน หลีกภัย ก็ไปเป็นประธานกดพิมพ์องค์จตุคาม ที่วัดแสงแรง ในวันนี้ เที่ยวบินที่ผมไปมีพระหลายรูป ขากลับก็มีอีกหลายรูป ดูท่าทางพอดูออกว่า คงจะไปทำพิธีเกี่ยวกับจตุคาม มีคนแต่งชุดขาวที่สนามบินหลายคน
อาจารย์ที่ มวล. เล่าว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครฯ บอกว่าเวลานี้จังหวัดนครฯ เศรษฐกิจดี จากกิจกรรมเกี่ยวกับการสร้างและให้เช่าองค์จตุคามรามเทพ และจากกิจกรรมต่อเนื่อง ทำให้โจรผู้ร้ายลดน้อยลงด้วย แล้วอย่างนี้จะว่าองค์จตุคามไม่ขลังได้อย่างไร
จะเห็นว่าท่านไม่ได้ขลังเฉพาะต่อคนที่มีไว้บูชาเท่านั้น กับจังหวัดนครฯ ท่านก็บันดาลให้รวยขึ้นทันตาเห็น และมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วย เช่น ต่อบริการสายการบินภายในประเทศอย่างที่เล่าแล้ว
ทำให้ผมเกิดความคิดว่า รัฐบาล หรือพวกเราก็ได้ น่าจะหากุศโลบายสร้างงาน ที่เป็นวงจรกระทบกันเป็นลูกโซ่ ไปในทางที่ทำให้เกิดความคึกคักขึ้นในสังคมวงกว้าง และเกิดผลในทางเกิดปัญญา เกิดวัฒนธรรมหรือความเชื่อที่มีผลดีระยะยาวต่อสังคม
ตอนขับรถกลับจากสนามบินดอนเมือง ฟังวิทยุ ว่าการที่ประเทศไทยมีเงินตราต่างประเทศล้นเกินในขณะนี้ ควรเอาเงินนั้นมาลงทุนสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ระยะยาว และมีการสร้างงาน สร้างความคึกคักขึ้นในประเทศ ให้คึกคักยิ่งกว่ากระแสจตุคาม
ผมนึกไม่ออกว่าเอาเงินไปทำอะไรดี ใครมีไอเดียกระฉูด โปรด ลปรร. นะครับ ไม่มีผิดไม่มีถูก เป็นการระดมความคิดกัน
วิจารณ์ พานิช
14 ก.ค. 50
วิธีใช้ "เงินร้อน" ที่เข้ามาตอนนี้ที่ดีที่สุดคือ "ไม่ใช้" ครับ
เรามีเงินตราต่างประเทศเยอะ ก็เท่ากับเรามีเงินบาทน้อยครับ เพราะเงินที่เข้ามานี้เป็นเงินมาฝากแลกเก็บในสกุลเงินบาท ไม่ใช่เป็นเงินรายได้ที่เราหามาได้ ดังนั้นการคิดเอาเงินนี้มาใช้ผมคิดว่าเป็นความพยายามที่น่าหวาดเสียวอย่างยิ่งครับ
ถ้าจะใช้จริงๆ ผมเสนอว่าใช้ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือใช้ส่งเสริมให้คนไทยมีความรู้เรื่องการเงินและเศรษฐศาสตร์มากขึ้นครับ
ให้พื้นฐานความรู้ด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์เป็นวาระแห่งชาติที่คนไทยต้องมีไปเลย จะได้ไม่ต้องหลงลม "สื่อ" ทั้งหลายเสียทีครับ
งานวิจัยและเทคโนโลยี ครับ ( เพราะเงินที่เข้ามาทางตลาดหลักทรัพย์ ถ้ามันไม่มีกำไรติดตัวไป มันก็จะค้างอยู่ในตลาด หลายปีทีเดียวครับ ) ประเทศเราขาดแคลนงบประมาณในส่วนนี้มาก ถ้ามีโอกาสใช้เงินที่เข้ามา ควรจะนำไปส่งเสริมงานวิจัยและเทคโนโลยี จะดีกว่า และส่งเสริมการต่อยอดขึ้นไปอีก หมายถึง การนำงานวิจัยและเทคโนโลยี ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ( หลายงานวิจัย ) ทำให้เกิดผลิตผลขึ้นมาอย่างจริงจัง ครับ นำไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์ให้เรียบร้อยและนำออกสู่กระบวนการ การตลาด สู่ระดับโลก
การสนับสนุนงานวิจัยและเทคโนโลยี จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดระบบการศึกษาใหม่ขึ้นมาด้วย จะมีการเรียนรู้อย่างขนานใหญ่ ถ้ากระตุ้นให้ถูกทาง
ผมเห็นด้วยกับท่าน ดร.ธวัชชัย ในประเด็นที่มาของเงินตราต่างประเทศที่เข้ามา ไม่ใช่เป็นเงินจากรายได้ เราก็ไม่ควรจะดีใจกับการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศจนเกินเหตุ แต่ถ้าจะลองคิดว่าจะนำเงินเหล่านั้นไปทำอะไรดี ในส่วนนี้ผมก็ลองคิดเล่น ๆ นะครับว่าก็ไหน ๆ ตอนนี้การจัดสร้างองค์จตุคาม รามเทพกำลังฮิตสุด ๆ ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดความดังได้ตอนไหน ถ้าเรานำเงินเหล่านั้นกระจายให้กับทุกจังหวัดหรือทุกอำเภอที่มีวัดแต่ขอให้เป็นวัดที่ทุรกันดารหน่อยนะ เพื่อเป็นทุนในการจัดสร้างองค์จตุคาม รามเทพ ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว พร้อมวิหารและเหรียญวัตถุมงคลรุ่นใด ๆ ก็ตั้งกันไป อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง ประชาชนที่ศรัทธาองค์จตุคาม รามเทพ ก็จะได้มีสถานที่สักการะบูชาใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปแสวงหาในที่อื่นให้ลำบาก เป็นการกระจายการลงทุนสู่ท้องถิ่น ทำให้เกิดมีการจ้างงานเป็นลูกโซ่ตามมาอีกมากมายในธุรกิจนี้ เช่น รับปัดทอง ทำกรอบ สร้อยคอ เปิดร้านเช่าพระ เมื่อประชาชนมีอาชีพ เลี้ยงปากท้องได้ มีความกินดีอยู่ดี ก็ลดปัญหายาเสพติด การฉกชิง วิ่งราว ลักทรัพย์และอื่น ๆ อีก ต่อยอดไปได้ในทุก ๆ เรื่อง ทุกมุมมอง ครับ
น่าจะนำเรื่องนี้มาทำเป็นระดับโลก
ส่งออกขายไปทั่วโลก
ทั้งตลาดสหรัฐฯ ที่ผู้คนมีจิตใจที่ตกต่ำ
หรือที่ยุโรป โดยเฉพาะกับชายไทยที่ลอนดอนผู้นั้น
ลงแอดในฟอร์จูน นิวส์วีค อีโคโนมิค ฟอร์บ ฯลฯ ทุกฉบับ
แล้วเราจะได้ก้าวจากมหาอำนาจแห่งแดนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเสียที
สิ่งที่เป็นพลังงานด้านจิตใจนี่ช่างลึกลับยากจะรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ขอพลังอำนาจนั้นช่วยดลจิตดลใจให้เราชาวไทยรักกันมากๆๆ ครับ
เงินดอลล่าร์เยอะๆ อย่างนี้ ดิฉันมองว่ารัฐบาลน่าจะเอาไปลงทุนในด้าน IT Infrastructure ของประเทศค่ะ เช่น ปูพรมอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงราคาไม่แพงนักให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ เป็นต้นค่ะ
ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมธุรกิจ E-commerce ได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับความพยายามในการสร้างรายได้ของ SMEs ที่ไทยควรนำ E-commerce เข้ามาขับเคลื่อนได้แล้วค่ะ ผู้ประกอบการ SMEs จะได้ขายตรงกับลูกค้าได้เองผ่านทางสื่ออินเตอร์เน็ตค่ะ
ยิ่งผลิตจาตุคามมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเป็นอัตราส่วนผกผันของปัญญาคนไทยที่น้อยลงไปเท่านั้น
เห็นชื่อประธานกดแป้นพิมพ์สร้างจาตุคามเป็นนายชวนก็ยิ่งสังเวชในปัญญาอันถูกใช้ในเอาดีใส่ตัว จนลืมมองโลกแห่งความเป็นจริง
เทิดทูนกันไปเถอะ
ก็เคยเทิดทูน19กันยากันมาแล้ว
จะกลับลำก็เสียหน้านักวิชาการที่ Ego Centric สุดๆ