KM.18 สัญญาและปีติในกุศลจิต ช่วยบรรเทาทุกข์เวทนา และสร้างเสริมสุขภาวะแห่งชีวิต


ภาพแต่ละภาพทะยอยมาปรากฏในมโนสำนึก..ฉันรู้สึกเหมือนจิตยิ้ม เวทนาที่มีไม่รู้หายไปไหน เหมือนกายคือปากฉันยิ้มออกมาด้วยจางๆ จึงเริ่มรู้สึกตัว พบว่ามีปีติแห่งกุศลจิต

แด่คุณพ่อและคุณแม่ บุพการีที่รัก และเคารพยิ่ง

img412/1706/dadmum21we6.jpg

         เมื่อวานฉันและน้องในที่ทำงานได้เดินทางไปซื้อของในเมืองลพบุรีซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 22 กิโลเมตร ไปถึงก็เป็นเวลาเที่ยง ต้องตัดสินใจทานอาหารกลางวันก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วฉันชอบทานก๋วยเตี๋ยวปลาเก๋าของร้านๆหนึ่ง ที่ดูว่ากระบวนการและขั้นตอน รวมถึงภาชนะ ต่าง ๆสะอาดดี แถมอร่อยด้วย ปริมาณไม่มากเหมาะกับเรา...แต่น้องอยากทานก๋วยเต๋ยวหมูน้ำตกอีกที่หนึ่ง ซึ่งค่อนข้างเผ็ด แต่ก็ตามใจน้อง หลังจากทานอาหารได้ 2 ชั่วโมงฉันเริ่มรู้สึกภายในท้องไม่ค่อยดี คลื่นไส้เล็กน้อย สุดท้ายต้องเข้าห้องน้ำ และรู้ว่ามีการถ่ายผิดปกติ จากนั้นก็ไม่สบายท้องรู้สึกคลื่นไส้ตลอดจนกลับถึงบ้านพัก ก็ถ่ายอีก 1 ครั้ง คราวนี้หมดแรง คลื่นไส้ หน้ามืดเป็นพักๆ ภายในท้องปั่นป่วนไปหมด จึงโทรฯขึ้นไปบน รพ.ให้น้องจัดยาให้ น้องก็ให้ลูกจ้างขับรถเอายาฆ่าเชื้อ ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนและปรับการทำงานของระบบทางเดินอาหารให้สมดุล พร้อมด้วยยาแก้ปวดท้อง และผงเกลือแร่มาให้ ฉันต้องทานยาขับลม แก้ท้องอืด เข้าไปอีก 2 เม็ด  จากนั้นก็นอนพัก ยังขับรถกลับบ้านไม่ได้ นอนก็ไม่หลับแม้ว่าจะเพลียด้วยทุกข์เวทนาที่ท้อง เลยต้องเจริญสติตามรู้เวทนา-กายและจิต ไปเป็นระยะ ๆ จนเริ่มรู้สึกว่าไม่หน้ามืด และสามารถขับรถกลับบ้านได้ จึงกลับ ไปถึงบ้าน ก็ต้มโจ๊ก โชคดีที่พี่สะใภ้มาช่วยทำอาหารให้คุณพ่อกับคุณแม่ ส่วนฉันก็ยังทนทุกข์กับอาการที่ไม่บรรเทาเลย ดีที่ไม่ถ่ายท้องอีก...พยายามทานยาทุกอย่างที่คิดว่าช่วยได้รวมถึงยาโรคกระเพาะที่เคยเป็น  และทานโจ๊กแต่ทานได้ไม่มาก


         จวบจนเวลา 22.00 น. ก็ยังมีอาการคลื่นไส้ แก๊สในกระเพาะมาก แถมอาการภูมิแพ้กำเริบชนิดคัดจมูกมากหายใจแทบไม่ออก รับรู้ได้เลยว่าเรามีพิษในร่างกายซะแล้ว  ไม่สามารถนอนได้... ต้องนำภาชนะมาไว้ข้างเตียงกลัวจะอาเจียนและรับไม่ทัน...ตอนนั้นเพลียก็เพลีย ตัดสินใจปิดไฟนอนสมาธิ สักพักน้องพยาบาลที่ไปลพบุรีด้วยกันโทรมาถามอาการ เธอแนะนำให้ทานยาเพิ่มอีก 1 ตัวคือยาช่วยให้นอนหลับที่คุณแม่ทานอยู่ เลยคิดว่าดีเหมือนกัน ทานยาทุกอย่างเสร็จปิดไฟนอนสมาธิ ดูลมหายใจ เพราะท้องไส้ยังสร้างทุกข์อยู่มาก จากนั้นก็ทำมรณานุสติที่เคยทำเป็นระยะๆ  และแล้ว ภาพความทรงจำอันทรงคุณค่าต่อเวทนาในครั้งนี้ก็ปรากฏ


         ภาพเหตุการณ์ในห้องนอนของฉันแห่งนี้เมื่อเกือบ 9 เดือนที่แล้ว ที่คุณแม่ป่วย จากการติดเชื้อในลำไส้ หลังจากไปงานเลี้ยงงานหนึ่ง แต่คุณแม่เป็นมากกว่าฉัน เพราะท่านเป็นโรคกระเพาะเดิมอยู่แล้ว ภาพของการที่ฉันตั้งใจดูแลปรนนิบัติอาการป่วยของคุณแม่ เนื่องจากท่านถ่ายบ่อยจนควบคุมไม่ได้ แพทย์เปลี่ยนยาฆ่าเชื้อในลำไส้ให้ถึง 3 ครั้ง 3 ขนาน แถมท่านอาเจียนบ่อย แต่ไม่อยากนอน รพ. ฉันเลยให้คุณแม่มานอนที่ห้องฉันเองโดยฉันนอนเฝ้าข้างๆ ต้องคอยดูน้ำเกลือที่ให้ทางเส้นเลือด ให้ท่านทานยาเคลือบกระเพาะทุก 2 ชั่วโมง ซึ่งท่านจะต้องเข้าห้องน้ำด้วยอยู่แล้ว โดยมีผ้าอ้อมสำเร็จรูปใส่อยู่ด้วย อีกทั้งต้องฉีดยาฆ่าเชื้อเข้าเส้นเลือดทุก 6 ชั่วโมง 


         ช่วงนั้นฉันดูแลท่านเป็นอย่างดี ด้วยหัวใจ...เนื่องจาก 2-3 ปีมานี้ ฉันตั้งใจจะดูแลท่านให้ดีที่สุดในทุกๆ เรื่อง เพราะไม่รู้ว่าตัวเองหรือท่านจะละกายนี้ไปเมื่อใด...ภาพแต่ละภาพทยอยมาปรากฏในมโนสำนึก..ฉันรู้สึกเหมือนจิตยิ้ม เวทนาที่มีไม่รู้หายไปไหน เหมือนกายคือปากฉันยิ้มออกมาด้วยจางๆ จึงเริ่มรู้สึกตัว พบว่าเกิดปิติแห่งกุศลจิต และเมื่อเวทนาเริ่มกลับมาบ้างก็นอนสมาธิ รู้ลมหายใจต่อ จนหลับไปเมื่อใดไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่พบเวทนาและความผิดปกติของกาย  ดูนาฬิกาเป็นเวลาตี 3 ครึ่ง จึงนอนสมาธิรู้ลมหายใจต่อจนหลับและตื่นอีกครั้งก็ 05.15 น. ซึ่งเป็นเวลาตื่นตามปกติ ลุกขึ้นด้วยความคิดและยิ้มภายในใจว่า วันนี้โชคดีเหลือเกินที่ยังมีอีก 1 วันที่จะมีความสุข ด้วยเวทนาไม่มาให้เห็น หลังจากแปรงฟัน ล้างหน้าหวีผมเสร็จก็เดินลงไปเตรียมอาหารให้คุณพ่อกับคุณแม่เหมือนเคย ผิดก็แต่ว่าวันนี้ทำอาหารให้ท่านเสร็จ ขณะที่ทานโจ๊กอยู่ การระลึกรู้ปัจจุบันขณะมีน้อยแต่สัญญาในเรื่องของปีติจากการดูแลมารดาในครั้งเมื่อท่านป่วยกลับมาช่วยบรรเทาทุกข์เวทนาให้เราในตอนกลางคืน ก่อให้เกิดปีติแห่งความรักในบุพการีกำเริบหนักจนน้ำตาไหลพราก ขณะทานโจ๊ก


         ฉันรู้สึกดีใจที่มีคุณพ่อกับคุณแม่ ดีใจที่มีท่านเป็นตัวอย่างแห่งคุณงามความดีให้กับตนเองหลายอย่าง แม้ท่านทั้งสองจะต้องแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อยกายและใจชนิดที่ตนเองเกิดมาก็ไม่เคยพานพบ ทั้งต่อครอบครัว สังคม ชุมชน โดยเฉพาะ ผู้ทุกข์ยาก ฉันปาดน้ำตา และทานโจ๊กต่อด้วยสติที่ตามรู้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง  


         เหตุการณ์นี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนให้กับฉันอีกเรื่องหนึ่ง ในเรื่องของการกระทำกิจอันเป็นกุศล เช่นบุญ หรือทาน การให้ต่างๆ ที่ฉันเคยรับทราบมาว่า ให้ทำครบสมบูรณ์ทุกขั้นตอน ซึ่งมีเพียง 3 ขั้นตอน ที่ฉันพอจะจำได้คร่าวๆ หรืองูๆ ปลาๆ แต่จำได้ขึ้นใจคือ
        1. ก่อนทำ เริ่มด้วยกุศลจิต คือคิดตั้งใจทำ ด้วยจิตด้วยใจที่จะทำบุญ ทาน อันเป็นด้านกุศล
        2. ขณะทำ ก็ทำด้วยจิตด้วยใจที่เป็นกุศล เบาสบาย สะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีอกุศลมาแทรกทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ
        3. หลังทำ ก็ยังคงรักษาใจและกายด้วยกุศลนั้น โดยทบทวนถึงสิ่งอันเป็นกุศลที่ได้กระทำลงไป บันทึกไว้ในใจ ทั้งตอนพึ่งกระทำเสร็จใหม่ๆ หรือหลังจากนั้น เช่นถ่ายรูปหรือบันทึกไว้ แล้ววันหลังจะได้กลับมาทบทวนดู อันจะก่อให้เกิดกุศลจิตต่อเนื่องไปได้อีก

         เช้านี้ฉันกลับมาทบทวนเหตุการณ์ในการดูแลคุณแม่ที่ป่วยในครั้งนั้น ก็พบว่าฉันมี 3 ข้อนี้อย่างเต็มเปี่ยม ทำด้วยจิตใจแห่งความรักและกตัญญู และอ่อนโยนโดยมิได้มีหนังสือหรือใครบอกให้ทำในตอนนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ย้อนรำลึกเพราะการดูภาพถ่ายเหมือนการไปทำบุญบริจาคทาน อื่นๆ..หรือมิได้บันทึกไว้และกลับไปอ่าน  แต่กลับนึกขึ้นมาได้เองในช่วงเวลาแห่งทุกข์ตนเอง ซึ่งกลับทำให้ทุกข์ของตนเองบรรเทาเบาบางแล้วเกิดปีติสุข ยิ่งทำให้ตอกย้ำการทำกุศลในข้อ 3 ว่ามีความสำคัญมากเพียงใด   เนื่องจากข้อนี้แหละที่ฉัน และหลายๆคนมักลืมทำ

           จึงตั้งใจว่าวันนี้ฉันจะบันทึกเรื่องนี้เพื่อจะเก็บไว้เป็นบททบทวนของชีวิตในด้านกุศลอีกบทหนึ่ง  ถึงแม้ว่าในตอนแรก ฉันคิดว่าสัปดาห์นี้วันหยุด 2 วันคงไม่มีเวลาบันทึกเนื่องจากมีงานรออยู่และยังเพลียๆ อยู่บ้าง

หมายเลขบันทึก: 111674เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2007 14:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 10:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

สวัสดีครับ คุณแหวว

  • ตกลงตอนนี้หายเป็นปกติดีแล้วใช่ไหมครับ
  • และขออย่าให้ได้พบเจอต่อภาวะเช่นนี้อีกต่อไปนะครับ
  • ....
  • ผมชื่นชอบแนวคิดในบันทึกที่มักผูกโยงในเรื่องสมาธิและธรรมะอยู่เสมอ
  • ยิ่งได้อ่านบันทึกแห่งการได้ดูแลคุณแม่ยิ่งทำให้ผมประทับใจและหวนคิดถึงตนเองและบทบาทของตนเองที่ควรจะต้องปฏิบัติต่อแม่
  • ผมเป็นคนที่เคอะเขินที่จะแสดงออกซึ่งความรักต่อแม่  แต่หากสามารถได้แสดงออกไปแล้วก็จะรู้สึกสัมผัสซึ้งถึงความสุขอย่างยิ่งใหญ่
  • และชื่นชมคนที่ดูแลและปฏิบัติต่อบิดามารดาอย่างสัตย์จริง
  • ....
  • โชคดีกับชีวิต
  • แข็งแรงทั้งกายและใจ
  • พานพบเรื่องดี ๆ เสมอไปทั้งตนเองและครอบครับ  นะครับ

สวัสดีค่ะคุณแหวว

เอาดอกไม้มาเยี่ยมไข้ค่ะ...หายดีแล้วใช่มั้ยคะ

                                 

แจกันดอกไม้ V001

เบิร์ดชอบที่คุณแหววสามารถเชื่อมโยงธรรมะกับการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งกุศลจิตที่คุณแหววกระทำมาโดยตลอด ทำให้คุณแหววสามารถ " ดับทุกขเวทนา " ในตอนนั้นได้

คุณความดี  ความกตัญญูที่กระทำต่อพ่อ แม่เป็นกุศลสูงสุดอย่างหนึ่งเลยนะคะ...ท่านเป็นพระของลูกเสมอเลยไม่ว่ายามดี หรือยามเจ็บไข้ ทุกข์ท้อ...ท่านก็เป็นพระที่คุ้มครอง ปกป้องเราเสมอมา

ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับบันทึกดีๆ ที่ทำให้เบิร์ดยิ้มได้ในวันนี้

สวัสดีครับคุณแหวว

หายป่วยไวๆ นะครับ และรักษาสุขภาพนะครับ

มีดอกไม้กำลังยิ้มมาฝากนะครับ

จาก http://gotoknow.org/blog/mrschuai/111055

สวัสดีค่ะคุณ

P
  • ตอนนี้ร่างกายเกือบปกติแล้วค่ะ..มีบางครั้งที่จะรู้สึกเพลียและมึนศีรษะเล็กน้อย จากทานอาหารไม่ได้มาก คืนนี้ต้องมา clear งานก่อนวันจันทร์เล็กน้อย และก็กะไว้ว่าจะนอนไม่ดึกเพื่อพักผ่อนอย่างเพียงพอค่ะ
  • ขอบคุณนะคะกับคำพร และกำลังใจจากกัลยาณมิตร...ที่ไม่มีวันหมด..ขอบคุณจริงๆค่ะ..

ขอบคุณมากๆ ค่ะ...คุณ P เบิร์ด สำหรับช่อดอกไม้ในยามพักฟื้น ...ตอนนี้ทั้งกายและใจดีขึ้นมากๆ...จนรู้สึกแปลกใจเมื่อเทียบกับอาการ และการรักษาด้วยยาในช่วงแรกๆค่ะ..

  • ชอบดอกไม้มากค่ะ...คุณพ่อคุณแม่ชอบปลูกต้นไม้ ตัวเองได้รับหน้าที่รดน้ำต้นไม้ตั้งแต่เด็กๆ  ต้นไม้และดอกไม้คือชีวิต นอกจากนี้ยังชอบจัดดอกไม้อีกด้วย...ตามประสาหัวใจสั่งมาค่ะ...เห็นต้นไม้ ดอกไม้แล้วมีความสุขมากๆ..เมื่อเช้าก็ไปเดินชมดอกไม้กับถ่ายรูปมาอีกจำนวนมาก...คืนนี้ก่อนนอนยังโชคดีได้รับช่อดอกไม้แห่งกำลังใจ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะมีความสุขสักแค่ไหน...ขอบคุณนะคะ...ขอบคุณด้วยใจค่ะ

สวัสดีครับคุณแหวว

ผมเปิดบันทึกคุณแหววค้างไว้ตั้งแต่ยังไม่มีใครมาตอบ  ถ้ารู้ว่าข้อความในบันทึกบอกถึงอาการป่วยคงรีบตอบแล้วครับ (คงไม่ยอมให้สองหนุ่มกับหนึ่งสาวนั้นแซงหรอก อิอิ)

เป็นบันทึกที่งดงามมากครับ  การหยิบธรรมะมาใช้ได้ทันกาลในขณะที่เราทุกขเวทนานั้น  หมายถึงผู้นั้นต้องฝึกปฏิบัติมาเป็นอย่างดีและต่อเนื่อง  มิเช่นนั้นคงทำอย่างนี้ได้ยากยิ่ง

อีกทั้งคุณแหววได้ทำกรรมดีไว้กับพระอรหันต์ประจำบ้านไว้มากมาย  สิ่งเหล่านี้กลับมาช่วยเหลือคุณแหววได้ทันท่วงที

ข้อดีของการปฏิบัติธรรมนั้นก็เพื่อที่จะช่วยให้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างปกติสุข  แม้กายจะป่วยไข้แต่ใจก็ไม่เป็นไปด้วย  ยิ่งตอนที่เรากำลังจะลาโลกใบนี้  ขณะนั้นไม่มีใครสามารถที่จะช่วยเราได้  มีแต่ธรรมที่เราฝึกไว้ดีอยู่แล้วเท่านั้นที่จะช่วยได้

ต้องยอมรับข้อหนึ่งว่าผมคนหนึ่งที่ยังปฏิบัติสู้คุณแหววไม่ได้  เวลาเกิดทุกขเวทนาพยายามกำหนดแต่ก็ยากเต็มทน  (ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึง สุขเวทนา และ อทุขมสุขเวทนา)  แต่จะเอาคุณแหววเป็นตัวอย่างครับ

หลายวันก่อนได้ซื้อหนังสือเล่มบางมาเล่มหนึ่ง ชื่อ "สู่ความตายอย่างสงบ"  ซึ่งเข้ากับบันทึกคุณแหววได้อย่างดี  เดี๋ยวจะเอามาบันทึกใหได้อ่านกันครับ

การป่วยครั้งนี้ผมมองว่าเป็นนิมิตที่ดีอย่างยิ่ง  ขณะที่ร่างกายเราป่วยไข้  เรากลับได้สิ่งมีค่่าสิ่งหนึ่งมาแทน คือ การมีใจที่เข้มแข็ง ปลอดโรคภัยมากยิ่งขึ้น  อีกทั้งยังเป็นสัญญาน บอกให้รู้ว่าชีวิตนี้สั้นนัก  เวลาแต่ละวินาทีช่างมีค่าเหลือเกิน

ขอบคุณสำหรับบันทึกอันมีค่าครับ

 ธรรมะสวัสดีครับ

สวัสดีค่ะคุณPเม้ง สมพร ช่วยอารีย์

  • ขอบคุณกับดอกไม้ในธรรมชาติที่สดชื่นและงดงาม วันนี้ช่างดีเหลือเกินค่ะ ไม่เหลือทุกขเวทนาแล้ว อาจมีเพียงร่องรอยกรรม และกลับได้รับแต่สิ่งดีงาม...แถมวันนี้ทำให้ได้ตามรู้จิตเป็นสุข ก่อนหลับคืนนี้ด้วยการนอนสมาธิ อาจมีสัญญาจากภาพประทับใจจากกัลยาณมิตรแทรกแซงให้ตามรู้สภาวะสุขของจิตแทน...ขอบคุณนะคะ...ไกล้เวลาพักผ่อนแล้วสินะ..ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...

สวัสดีก่อนนอนค่ะคุณPธรรมาวุธ

  • ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยมเยือนด้วยจิตแห่งกัลยาณมิตรในธรรมตลอดมา
  • แหววชอบอ่านเรื่องการเตรียมตัวตายค่ะ..อ่านมาหลายปีแล้ว ทั้งของทิเบต ที่แปลโดยพระไพศาล ...การเตรียมตัวตายให้ผลที่ดีงามตามมาหลายอย่างอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ  สมัยยังอายุไม่เท่านี้เวลามีโทสะ หงุดหงิดใจกับคนที่สนิทกันมากและหวังดี คล้ายลิ้นกับฟันที่อาจมีหงุดหงิด ถกเถียงกันบ้าง ภายหลังเมื่อเตรียมตัวตายบ่อยๆ จะลดเรื่องราวเหล่านี้ไปได้มากๆ..เพราะเราจะคิดและเตือนกันเสมอว่า...เราไม่รู้ว่าจะอยู่เห็นกันอย่างนี้อีกนานเท่าใด...นาทีไหนที่เราอาจไม่ย้อนกลับมาพบกันอีก...นิรันดร์... ที่สำคัญ เราจะไม่ปล่อยให้มีเรื่องราวไม่สบายใจค้างคาในใจ..ทำให้ความสุขรอบข้างๆ เราและเขามีมากขึ้น..
  • จะรออ่านบันทึกที่บอกไว้นะคะ...เพื่อเติมเต็มและเตรียมพร้อมกับวาระที่สำคัญและยิ่งใหญ่ข้างหน้า...
  • เวลามีทุกขเวทนานอกจากตามรู้ตามดูกายและจิตแล้ว ...ปัญหาอีกหนึ่งอย่างคือกายอันเกิดจากธรรมชาติ คือพยาธิสภาพของโรค..ที่เราต้องรักษาไปพร้อมๆกันด้วย...รักษาได้เร็วก็จะดีขึ้นเร็ว...เพียงแต่ว่าครั้งนี้ในตอนแรกแหววยังแปลกใจใม่หายกับการรักษาที่ค่อนข้างดูแลตัวเองได้ดี แต่ยังใช้ระยะของทุกข์นานพอควรทีเดียว โชคยังดีค่ะ...ที่เรียนมาทางด้านนี้เลยดูแลตัวเองได้เร็วระดับหนึ่ง และที่สำคัญ ต้องกราบขอบพระคุณในพระคุณของคุณแม่อีกครั้ง...
  • ได้เวลาต้องไปพักผ่อนจริงๆแล้ว...ราตรีสวัสดิ์นะคะ...กัลยาณมิตรในธรรม

สวัสดีครับ

       ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมเสมอ

ขอให้จิตเกษม ครับ

แจกันดอกไม้ V001

เพิ่งได้เข้ามา ขอโทษนะครับ  ด้วยใจจริงครับ  เป็นการแสดงออกที่วิเศษครับ ขอน้อมคาราวะ แต่ไม่ทันการณ์ เลยจิกดอกไม้มาครับ

ขอบคุณนะคะ คุณ P  Mr. ดิศกุล เกษมสวัสดิ์  สำหรับการมาเยี่ยมเยือนในครั้งแรกและความเป็นกัลยาณมิตรด้วยจิตปรารถนาดี ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

และ ขอบคุณ คุณ P สิทธิรักษ์ ที่ทำให้ยิ้มออกจากใจเมื่อใด้รับดอกไม้อีกครั้ง...(ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ..เห็นหน้าหมีแพนด้าก็น่ารักแล้ว)...ขอบคุณนะคะที่ทำให้ยิ้มตั้งแต่อ่าน จนกระทั่งบันทึกจบ ขอบคุณในจิตเมตตา-กรุณาค่ะ...

  • มาดูพี่แหววว่าเป็นอย่างไรบ้าง
  • กำลังยุ่งๆๆเลย
  • ขอให้พี่หายเร็วๆๆนะครับ
  • คาดว่าอาการคงดีขึ้นใช่ไหมครับ
  • ขอบคุณครับ

ขอบคุณค่ะ...คุณน้อง-อาจารย์ขจิต

  • เรื่องเก่าก็หายดี จนทำงานทำการ..อันมาก...เหมือนเดิม..เป็นคนกำลังน้อย...จะเหนื่อยและล้าง่ายค่ะ....เลยไม่ค่อยได้ไปทักทายกัน
  • ขอบคุณนะคะ...ที่มาดูใจถึงที่...ขอให้สนุกกับการทำงานด้วยพลังที่ไม่มีวันหมดไปนานๆ นะคะ..

เรียน คุณ พชรวรัตถ์

    ผมรู้สึกยินดีที่ได้อ่านเรื่องราวของคุณ ในวงการของโรงพยาบาลยังมีคนศึกษาปฏิบัติธรรมอยู่ โดยปฏิบัติจริงที่จิตตนเอง ไม่ต้องไปเข้าคอร์สที่วัด นับว่าเป็นวิธีที่ง่ายๆ แล้วก็ปรากฎผลทันที  ผมขออนุโมทนาในสิ่งที่คุณทำ ผมก็ได้บุญต่อจากคุณไปด้วย และจะขยายไปให้ผู้อื่นในวงการโรงพยาบาลได้ฟังด้วย

     ร่างกายของคนจะเป็นอย่างไร เมื่อเยียวยารักษาอย่างดีที่สุดแล้ว ก็สุดแล้วแต่ผลที่มันจะเกิด บังคับไม่ได้ ขอให้จิตใจสบายก็พอแล้วครับ

 

l         จิต  มนุษย์ประกอบด้วย   ความดี
l อัน   ดับหนึ่งใจควรมี         แบ่งให้
lเป็น   ประโยชน์สุขทวี          ต่อสัง คมนา
lกุศล  จิตดีชั่วไซร้              เลือกได้  ทำเอา

                                          ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์

สวัสดีค่ะ...คุณหมอศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์

  • ขอบคุณนะคะกับการร่วมทบทวนการปฏิบัติธรรมพร้อมกับเสมือนเป็นเป็นกำลังใจให้ปฏิบัติต่อไป และยิ่งยินดีถ้าบันทึกนี้จะเป็นประโยชน์กับคนอื่นมากกว่าเพื่อการทบทวนของตนเองที่ยังเรียนรู้ได้ไม่จบสิ้น
  • เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งพิเศษของตนเองที่ทำให้ได้วิจัยธรรมอยู่หลายข้อ...จึงอยากบันทึกค่ะ แล้วก็มีหลายคนบอกว่าปฏิบัติธรรมไม่ได้ ไม่มีเวลาทำ...ด้วยไม่รู้ว่าทุกขณะนั่นคือธรรมะ
  • ขอบพระคุณมากๆ อย่างจริงใจค่ะ..กับโคลงสี่สุภาพบทนี้..ที่นำมามอบให้ด้วย...งดงามทั้งความหมายและภาษา..ขอบคุณจริงๆค่ะ..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท