อุตสาหกรรมหนังและเครื่องหนัง เป็นอุตสาหกรรมการเกษตร (Agro
Industry)
ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมากประเภทหนึ่ง
โดยเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหนังสัตว์
จากการนำหนังดิบอันเป็นผลพลอยได้จากการปศุสัตว์
มาผลิตเป็นหนังฟอกชนิดต่างๆ
และยังก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมากในอุตสาหกรรมเครื่องหนังหลากหลายประเภท
เช่น รองเท้าหนัง กระเป๋าหนัง เสื้อหนัง ถุงมือหนังสายนาฬิกาหนัง
เฟอร์นิเจอร์หนัง และอื่นๆ โดยผลผลิตมีทั้งจำหน่ายในประเทศและส่งออก
เป็นแหล่งรายได้และสามารถนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาปีละประมาณ 20,000
ล้านบาทนอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก (Labour
Intensive) ช่วยสร้างงานจำนวนไม่น้อยกว่า 200,000 คน
ในภาคอุตสาหกรรมนี้
อุตสาหกรรมเครื่องหนัง
เป็นอุตสาหกรรมที่มีโครงสร้างการผลิตที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก
การผลิตยังคงอาศัยแรงงานและทักษะความชำนาญของแรงงานอยู่มาก
ขั้นตอนการผลิตหลายขั้นตอนยังไม่สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตได้
เนื่องจากสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบบ่อยตามแฟชั่น
ทำให้ยากต่อการนำเครื่องจักรมาใช้ในการผลิต เช่น
อุตสาหกรรมกระเป๋าหนัง อุตสาหกรรมรองเท้าหนัง
และอุตสาหกรรมของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง
เป็นต้นจากเหตุผลและข้อจำกัดดังกล่าว
ทำให้โครงสร้างการผลิตของอุตสาหกรรมนี
มีโครงสร้างการผลิตที่ใกล้เคียงกันในแต่ละประเทศ แต่อย่างไรก็ดี
ความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบด้านต้นทุนการผลิตในแต่ละประเทศนั้น
ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานหลายประการที่สำคัญได้แก่
ฝีมือแรงงานความสามารถในการออกแบบผลิตภัณฑ์
ความสามารถในการพัฒนาคุณภาพสินค้า ค่าจ้างแรงงาน
ความสามารถในการได้มาหรือการมีแหล่งวัตถุดิบราคาถูก
ความพร้อมด้านวัสดุและอุปกรณ์
และต้นทุนการดำเนินการในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน เช่น อัตราภาษี
นำเข้า-ส่งออกภาษีการค้า ระเบียบขั้นตอนของราชการ และระบบสาธารณูปโภค
ซึ่งประเทศที่มีความพร้อมในด้านต่างเหล่านี้มากกว่า
ก็จะเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงกว่า
การผลิตเครื่องหนังของไทยในปัจจุบัน
ได้มีการพัฒนาทั้งด้านคุณภาพและรูปแบบ
โดยมีการนำเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตมากขึ้น
รวมทั้งการคัดเลือกวัตถุดิบ
หนังดิบและหนังฟอกที่มีคุณภาพสูงโดยนำเข้าจากต่างประเทศมาผลิต
นอกจากนี้ในอุตสาหกรรมเครื่องหนังที่มีเครื่องหมายการค้าชั้นนำจากต่างประเทศ
ยังสามารถผลิตสินค้าที่สนองตอบความต้องการของตลาดได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
แต่จะเป็นสินค้าในตลาดระดับกลาง-ต่ำจึงยังมีการนำเข้าเครื่องหนังจากต่างประเทศ
โดยเฉพาะเครื่องหนังที มีชื่อเสียงของผู้ผลิตชั่นนำของโลก
เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีรายได้สูง
และมีรสนิยมในสินค้าต่างประเทศโดยนำเข้าจากไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี
ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา
อุตสาหกรรมเครื่องหนังของไทย
มีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบด้านต้นทุนการผลิตในหลายประการ
โดยเฉพาะฝีมือแรงงานที่มีคุณภาพในการผลิต ระบบการจัดการที่ดี
มีบรรยากาศการลงทุนที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุนต่างชาติ
ทำให้ไทยในปัจจุบันมีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบด้านศักยภาพการผลิตเหนือกว่าหลายๆ
ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีนเวียดนาม และอินเดีย
แต่ไทยมีความด้อยกว่าประเทศเหล่านี้ในด้านต้นทุนวัตถุดิบ
ค่าจ้างแรงงาน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ในประเทศผู้ผลิตสินค้าชั่นนำคุณภาพสูงที่สำคัญ เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส
เยอรมนี ฮ่องกง ไต้หวัน และสาธารณรัฐเกาหลี มีศักยภาพการผลิตในด้าน
ความสามารถในการออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาคุณภาพสินค้า การมี Brand
Nameเป็นของตนเองและมีการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนวัตถุดิบและค่าจ้างแรงงานถูก
ตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป
และฮ่องกง ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันคิดเป็นร้อยละ 70
ของการส่งออกเครื่องหนังของไทยทั้งหมด รองมาได้แก่ อาเซียนญี่ปุ่น
ไต้หวันและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
การที่ตลาดส่งออกของไทยกระจุกตัวในตลาดหลักเพียงไม่กี่แห่งดังกล่าว
หากตลาดเหล่านี้เกิดความผันผวน
จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยโดยทันที
ทั้งนี้เนื่องจากสินค้าเครื่องหนังไทยมีจุดขายด้านราคาหรือต้นทุนการผลิตต่ำ
และปัจจุบันคู่แข่งของไทยที่มีความได้เปรียบทางด้านต้นทุนต่ำได้เข้าสู่ตลาดดังกล่าวจำนวนเพิ่มขึ้น
และส่งผลกระทบให้โอกาสการขยายส่วนแบ่งตลาดของไทยในตลาดหลักๆ
ลดลงมากในระยะที่ผ่านมา
ไม่มีความเห็น