พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต) : ความรู้กับความคิดเห็น


สังคมไทยเวลานี้ ชอบแสดงความคิดเห็น แต่มักจะไม่หาความรู้ให้ลึกและชัดเจนเพื่อมาแสดงความคิดเห็น ให้ความคิดเห็นนั้นตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง

ความรู้กับความคิดเห็น

           อีกเรื่องหนึ่งที่ท่านเจ้าคุณฯ มักจะพูดให้ศิษย์ฟังเสมอ คือ เรื่อง ความรู้กับความคิดเห็น

          ท่านบอกว่า  สังคมไทยเวลานี้  ชอบแสดงความคิดเห็น  แต่มักจะไม่หาความรู้ให้ลึกและชัดเจนเพื่อมาแสดงความคิดเห็น  ให้ความคิดเห็นนั้นตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง

          หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ  ชอบแสดงความคิดเห็นจากความรู้สึก  ไม่แสดงความคิดเห็นจากความรู้ที่ชัดเจน  เมื่อแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีความรู้  ความคิดเห็นนั้นก็กลายเป็นความรู้สึกไป  ความรู้สึกยิ่งเป็นตัวซ้ำเติม  สรุปว่า  มีแค่ความคิดเห็นกับความรู้สึก

          ความรู้มี ๒ ขั้นตอน คือ

          หนึ่ง  ข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้อง  ซึ่งให้อย่างเป็นกลาง  ไม่มีความคิดเห็นและความรู้สึกประกอบความรู้อย่างนี้  ภาครัฐและสื่อมวลชนต่างๆ มีหน้าที่นำเสนอแก่ประชาชน  เพราะมีความเป็นกลางอยู่ในตัว  ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไปกระทบกระทั่งใคร  เพราะมันเป็นข้อเท็จจริง  ถ้าไม่รู้ข้อเท็จจริงจะไปแก้ปัญหาได้อย่างไร

          สอง  ความรู้คือปัญญาขั้นจัดสรรดำเนินการ  ได้แก่  ความสามารถในการแสดงความคิดเห็น  บนฐานของข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง  จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องนั้นๆ อย่างรอบด้านบริบูรณ์ที่สุด

          เมื่อมีความรู้บริบูรณ์แล้ว  จึงเหมาะสมที่จะแสดงความคิดเห็น  และควรที่จะแสดงความคิดเห็นของตนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน  เช่น  การพูดว่า  เท่าที่ข้าพเจ้าทราบมา  เท่าที่ข้าพเจ้ารู้  ข้าพเจ้ามีความคิดเห็นอย่างนี้ๆ  ไม่ใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นที่เป็นการตัดสินชี้ขาด

          เท่าที่ปรากฏในสื่อ  ส่วนใหญ่มักจะไปจับข้อมูลนิดๆ หน่อยๆ  บางแง่บางด้านเท่านั้น  เวลาแสดงความคิดเห็น  ก็ตัดสินลงไปง่ายๆ  ชี้ผิดชี้ถูก  หนักไปกว่านั้น  ก็เขียนด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงก็มี

          หากมีความรู้ไม่พอ  และอยากจะแสดงความคิดเห็นเท่าที่ทำได้  น่าจะเป็นการเสนอแง่คิดเท่านั้น  ไม่ใช่การตัดสินชี้ขาด  โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง.


 คัดลอกจากหนังสือ วิถีแห่งปราชญ์ : ปฏิปทา จริยาวัตร ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

หมายเลขบันทึก: 109764เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2007 01:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สวัสดียามเช้าค่ะคุณ..ธรรมาวุธ

  • ครูอ้อยเห็นด้วยกับข้อความทั้งหมดค่ะ
  • ในสังคม  เมื่อมีการแสดงความคิดเห็น...ต้องใช้ความรู้อย่างชัดลึกและถูกต้อง  รวมทั้งมีความเหมาะสมในการแสดงความคิดเห็นด้วย
  • ไม่ควรใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการชี้ชัดเรื่องที่เป็นส่วนรวม...ควรจะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
  • ครูอ้อย...ใช้ความรู้..ในการแสดงความคิดเห็นกับคุณธรรมาวุธ หรือเปล่าคะ...

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ

ชอบจริงๆ " ความรู้ กับความคิดเห็น ".....^ ^

ชอบเพราะทำให้ย้อนกลับมาดูตัวเองและพบว่าต้องปรับปรุงแล้วววว  ก็หลังๆ ( รวมทั้งแรกๆด้วยแหละค่ะ )เป็นความรู้สึกมากกว่าความรู้เยอะเลย...อิ อิ อิ ความรู้นี่ต้องเป็นความรู้ที่เป็นข้อมูล ร่วมกับความรู้ที่เป็นระดับของปัญญา ที่ทำให้เกิดความแตกฉานไม่ใช่ความรู้ที่เป็นการ " ท่องจำ " เหมือนนกแก้วนกขุนทองด้วยเนอะคะ...ดีจังเลยค่ะ  ชอบจริงๆนะเนี่ย ^ ^...ยิ้มปากถึงหูเลย

 

P
สวัสดีครับครูอ้อย
  • ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตอบช้า  เพราะช่วงนี้เน็ตผมมีปัญหาอย่างมากครับ  ต้องรบราฆ่าฟันกับศูนย์เกือบทุกวันครับ
  • สังคมเราทุกวันนี้ที่ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย  ก็เพราะเรามีแต่ความเห็นนี่แหละครับ  เราไม่มีข้อมูลอยู่ในหัว  ไม่ยอมศึกษาแล้วมาถกเถียงกันเอามันส์มันก็ไม่ได้อะไร  ครูอ้อยลองดูข่าวในทีวีก็เห็นได้ทุกวันครับ
  • ที่ถามว่าครูอ้อยใช้ความรู้ในการแสดงความเห็นกับผมหรือไม่? นั้น  คงตอบยากครับ  เพราะเราได้คุยกันน้อย  และผมก็ไม่ปฏิเสธเรื่องความเห็นด้วย  เพราะที่เราสร้างบล็อกกันขึ้นมาก็เพื่อแสดงความเห็นกันนี่แหละครับ  แต่เท่าที่เห็นจากประสบการณ์ครูอ้อยผมเชื่อเลยครับว่าข้อมูลคงเต็มสมองครูอ้อยแน่ๆ
  • ว่าแล้วก็ทวงที่อยู่เลยครับครู  ครูช่วยบอกที่อยู่ที่ชัดเจนให้ผมส่งแผ่นดีวีดีให้หน่อยได้ไหมครับ  พอดีผมหาที่อยู่ครูไม่ได้ครับ

ขอบคุณครับ

P
  • จากที่ได้ฟังธรรมบรรยายของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ท่านเจ้าคุณฯ สอนบ่อยๆ ครับ  ว่าคนไทยเราเนี่ยชอบมากที่จะแสดงความคิดเห็น  แต่ไม่ชอบที่จะหาข้อมูล  เมื่อไม่มีข้อมูล  มีแต่ความเห็นมันก็หาข้อสรุปไม่ได้  สรุปไปก็จบ...เห่
  • สังคมที่แตกแยกทุกวันนี้ก็เพราะผู้ใหญ่อย่างเราๆ ท่านๆ นี่แหละครับ  ชอบแสดงความเห็นกันเกินขอบเขต  สงสารก็แต่เยาวชนตาดำๆ  ที่นั่งเฝ้าหน้าจอ  หรือชอบอ่านวารสารวัยรุ่น  หรือแม้แต่อ่านข่าวหนังสือพิมพ์  อ้อ แล้วอินเตอร์เน็ตด้วย  ข้อมูลขยะแทบทั้งนั้น
  • เคยมีคนรู้จักสองคน  เขาจะซื้อคอมพิวเตอร์  คนหนึ่งอยากได้ที่ดีๆ ไปเลย (ดีในความหมายเขาคือต้องแพง  และตรงตามที่ทีวีบอกมา)  อีกคนต้องการที่ไม่แพงนัก  ให้เหมาะกับงาน  เผลอๆ งบนั้นอาจซื้อได้สองเครื่อง  ว่าแล้วเขาทั้งสองก็ทะเลาะกันเองครับ  ทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดง  ทั้งๆ ที่ทั้งสองมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์น้อยมากครับ  แล้วก็สรุปกันได้ครับ  คือ ใครใหญ่กว่าก็ทำตามคนนั้นครับ  เฮ้อ นี่ขนาดผู้ใหญ่ที่เป็นผู้นำองค์กรนะครับเนี่ย
  • ผมนับถือคุณเบิร์ดอย่างหนึ่ง(อย่างเพิ่งลอยนะครับ) ก็คือ นอกจากคุณจะมีความเห็นที่มาจากข้อมูลที่กั่นกรองมาดีพอสมควรแล้ว  คำพูดทุกคำที่คุณเขียนผมต้องอ่านหลายรอบครับ แม้จะพูดแบบเล่นๆ ก็ตาม  เพราะในนั้นจะแฝงถึงธรรมะที่สอดแทรกมาทุกอณู  และรวมทั้งเป็นนักการศึกษาตัวยงทีเดียว  ผมก็พยายามดูคุณเป็นตัวอย่างครับ
  • จริงๆ แล้วผมเคยคิดจะออกจากสังคมนี้หลายรอบแล้วครับ  แต่พอตีลังกาคิดหลายรอบแล้ว  ผมว่าเราจะหาสังคมที่มีแต่กัลยาณมิตรอย่างนี้ยากทีเดียวครับ  แม้คนที่ผมคุยด้วยไม่มากนักแต่ทุกคนสุดยอดจริงๆ ครับ
  • ว่าแล้วก็ทวงเลยครับ  บ้านพร้อมที่ดิน เอ๊ย  ที่อยู่ครับ ชื่อที่อยู่  ขอแผ่นดีวีดีเราแต่ไม่มีที่อยู่ให้  เดี๋ยวเข้าฌานไปขอซะร้อก อิอิ

ธรรมะสวัสดีครับ

สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ

  • เป็นบันทึกที่ยิ่งใหญ่ชนิดถกเท่าไรก็ไม่มีวันจบจริงๆ เหมือนๆกับอีกหลายเรื่อง เช่นเรื่องการศึกษา เรื่องความทุกข์ยากของคน ฯลฯ...ก็มันเป็นเรื่องของคนที่แตกต่างนี่นะ...
  • แต่ถ้าจะให้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย สำหรับแหววๆจะคิดในเชิงที่ว่า..ความคิดเห็นของเขามันก็คือความรู้ของเขา ไม่ว่าเขาจะมีความรู้จากทฤษฏีของใครมาก็ตาม สุดท้ายสิ่งที่เขากล่าวกับเราด้วยความรู้สึกนั้น นอกจากจะเป็นความรู้(ของเขา) แล้วยังบ่งบอกถึงทัศนคติของเขาต่อเรื่องนั้นๆด้วย..ถ้าเราอยากศึกษาหรืออยากรู้ว่าที่มาแห่งความเห็นของเขานั้นมาอย่างไร เราก็จะได้สัจธรรมเดิมๆอีกนั่นแหละ คือพื้นความรู้เก่าของเขา ประสบการณ์ จริต ธรรมชาติของเขา ฯลฯ รวมถึงความรู้ที่ได้ใหม่ และองค์ประกอบที่แตกต่าง สรุปสุดท้ายก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรถูกอะไรผิด..ทฤษฏีของสุนทรียสนทนาจึงว่าด้วยเรื่องการ " ไม่ตัดสิน" (ความคิดของผู้อื่น) ซึ่งข้อนี้ที่เป็นปัญหาของสังคมแห่งการสื่อสารหรือเวทีที่มีการแสดงความคิดเห็นโดยบุคคลที่ไม่เข้าใจในความเป็นมนุษย์และการเชื่อมรวมเป็นหนึ่ง ซึ่งก็คือการตัดสิน ความคิด คำพูด หรือพฤติกรรมของผู้อื่นในเชิงลบ คือ"คนอื่นผิด"  แล้วก็แสดงความคิดเห็นออกไปตามนั้นด้วยคำพูด ด้วยสีหน้าท่าทาง หรือสื่อด้วยอักษร...ซึ่งล้วนแล้วแต่ก็ให้เกิดบรรยากาศในเชิงลบ จนถึงขั้น โกรธทะเลาะ...แตกหัก...ฯลฯ ขั้นเบาะๆ ก็คือทำให้หน้าแตก หมดกำลังใจ หมดความเชื่อมั่นในตัวเอง-ในกลุ่ม หรือถึงขั้นเจ็บปวดใจรุนแรง...(คนพูดผิดศีลข้อ 1 โดยไม่รู้ตัว)
  • เท่าที่จะพอเยียวยาหรือทำกันได้แหววคิดว่า ก็แบบคุณธรรมาวุธไงคะ...ทบทวนกันในเรื่องนี้บ่อยๆ และก็มาเป็นตัวอย่างในด้านสุนทรียสนทนากัน พูดในส่วนที่เป็นความรู้ที่ได้มาและความคิดเห็นของตนเอง (ถ้าไม่ได้อ้างอิงความรู้มาจากที่ใด นั่นก็เป็นความรู้และความคิดเห็นของเขา)-ฟังอย่างตั้งใจ/ใส่ใจ(ใจถึงใจ)-ไม่ตัดสิน(ความคิดของเขาว่าผิดหรือถูก)
  • ถึงขั้นนี้ แหววจะบอกว่า แหววก็มีปัญหาอย่างหนึ่งในเรื่องความรู้ต่างๆ เนี่ยแหละ เวลาบันทึกจะเห็นว่า ไม่มีการอ้างอิงความรู้จากที่ใดเลย เพราะ ทุกอย่างมันมาจากหลายที่มา จนมันผสมปนเป หาหลักแหล่งไม่เจอ แล้วถูกสร้างใหม่ด้วยกระบวนการ จนเป็นประสบการณ์ความรู้จากการปฏิบัติของตนเองที่เป็นมนุษย์ที่แตกต่างจากผู้อื่น..ซึ่งผู้อ่านทั้งหลายในโลกแห่งการสื่อสารนั้น ก็ต้องทำใจเป็นกลางไม่ตัดสิน เพราะว่าเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ไม่เช่นนั้นก็...
  • สุดท้ายนี้ แหววก็เป็นคนนึงที่ชอบไปหาความรู้จากผู้อื่นที่เขานำมาบันทึกไว้..อาทิเช่นด้านธรรมะก็เป็นคุณธรรมาวุธ และอีกหลายๆคน ซึ่งก็ต้องขอบคุณต่อๆ กันไปด้วยนะคะ....สวัสดีตอนเย็นๆ ค่ะ
  • อ้อ! สุดท้ายจริงๆ ก็สนับสนุนบันทึกของคุณธรรมาวุธเป็นอย่างยิ่งนะคะ..กรณีเวทีที่ต้องสรุปความคิดเห็นที่เราต้องใช้ข้อมูลเนี่ย สำคัญมากๆ ....มิเช่นนั้น จบไม่ลงแน่ๆ...(เนี่ยคือปัญหาของการประชุม หรือหาข้อตกลงที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะพบบ่อยมาก ถ้าผู้บริหารการประชุมยังไม่เจ๋งพอ) แต่ถ้าเวทีนั้นจัดทำขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้พูดหรือระบายความรู้สึกกันอย่างเดียว..ก็อีกเรื่องนึงเนอะ....(หิวแล้วสิ..ต้องไปเตรียมอาหารเย็นซะแล้ว...คุณพ่อคุณแม่ และน้องๆ ที่ทำงานรออยู่หล่ะ...

เอาดอกไม้มามอบให้ก่อนไปทานข้าวค่ะ..

img517/357/flowerforlifexy2.jpg

สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ

จริงค่ะที่คนมักแสดงความเห็นมากกว่าแสดงความรู้

ดูข่าวแต่ละช่องทีไร รู้สึกเหมือนคนอ่านข่าวไม่แสดงความรู้ในข่าวแต่แสดงความเห็นเสียมากกว่า แล้วความเห็นนี่แหละที่กระตุ้นให้คนเกิดกิเลสต่างๆ มากขึ้น เข้าสู่ความวุ่นวายมากขึ้น จริงอย่างที่ท่าน ป.อ. ปยุตโต ว่าไว้เลยค่ะ

คนแสดงความเห็นมากกว่าความรู้จนกระทั่งคนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าคนที่แสดงความเห็นมากๆ นั้นฉลาดหรือเก่งไปด้วย เกิดมิจฉาทิฎฐิกันขึ้นไปใหญ่... เรื่องบางเรื่องการแสดงความเห็นของคนก็ยังทำให้ฆ่ากันตายได้ด้วย ... ไม่มีที่สิ้นสุดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเวลารับฟังก็ต้องรับฟังด้วยความเข้าใจ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถึงจะหยุดวงจรนี้ได้ด้วยตัวเราอีกทางหนึ่งค่ะ..

ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆ มาเขียนเตือนกันนะคะ...

แวะอ่าน

ถูกต้อง เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะ เดี๋ยวนี้ คนเราสมัยนี้ มักจะไม่สามารถแยกออกได้ระหว่าง ความรู้ กับ ความคิด ออกจากกันได้ บางทีเหมารวมกันไปหมดว่า ความรู้ กับ ความเห็น นั้นเป็นอันเดียวกัน ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

หากได้ปฏิบัติธรรมแล้ว จะรู้เลยว่า อย่างไหนความรู้ อย่างไหนความเห็น และ เข้าใจอะไร ๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิมมากนัก

สุบ สงบ เย็น

เดียวดายกลางสายฝน

P

สวัสดีตอนเที่ยงคืนครับคุณแหวว

  • อะไรจะชื่นใจและมีความสุขกับที่เราได้พบกับกัลยาณมิตร  แม้จะไม่เคยพบเห็นด้วยตาหรือพูดคุยกันด้วยเสียง  แต่ความจริงใจของเราอาจมีมากกว่าคนที่อยู่รายรอบตัวเรา  ที่เห็นหน้าแต่ไม่รู้ใจด้วยซ้ำ
  • ไม่น่าเชื่อว่าผมจะได้พบกับกัลยาณมิตรมากมายขนาดนี้ (มากกว่าหนึ่งคนผมก็ถือว่ามากแล้วครับ) คุณแหววก็เป็นหนึ่งในนั้น
  • ต้องขอโทษด้วยนะครับที่หลายครั้งผมตอบช้า  เพราะผมเป็นคนคิดช้า  เจอเนื้อหาแน่นๆ มานี่ต้องอ่านทวนหลายรอบ  ถึงจะตอบได้
  • แม้ท่านอาจารย์พุทธทาสที่ท่านเน้นย้ำเรื่อง ตัวกู-ของกู อย่างหนักแน่นได้ละสังขารไปหลายปีแล้ว  แต่ความเป็นตัวกู-ของกูในสังคมเรานี้กลับกระชับรัดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนเราไม่สนใจกรอบศีลธรรมอันใดเพื่อจะได้มาในสิ่งที่ตนต้องการ  แค่ดูหน้าแรกของหนังสือพิมพ์  หรือหน้าแรกของเว็บที่เสนอข่าวต่างๆ ก็พบได้โดยไม่ยากนัก
  • อะไรทำให้เราเป็นเช่นนี้  เราสร้างสังคมที่ขาดการศึกษา(ทางจิต)  เรามอมเมาเยาวชนของเราด้วยสื่อต่างๆ อย่างน่าเกลียดน่ากลัว 
  • เมื่อเราขาดการศึกษาที่แท้จริง  เราก็คิดไม่เป็น  หิริ โอตตัปปะไม่มี  เลียนแบบทุกอย่างที่ขวางหน้า  แสดงความเห็นทุกครั้งก็เป็นความเห็นล้วนๆ  ไม่เคยที่จะหยุดคิด  มาพิจารณา สาวหาเหตุหาปัจจัย  เพื่อจะแสวงหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุด
  • เราตัดสินทุกอย่างเป็นขาวเป็นดำ  ไม่ถูกใจก็ผิด  ถูกใจก็ถูก  ใครตักเตือนก็สบถใส่เขา และนับวันพวกเราก็กล้าที่จะแสดงด้านมืดของตัวเองออกมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
  • เหมือนที่ผมได้อ่านที่ ดร.กมลวัลย์ เล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องการประชุมที่ยืดเยื้อไร้สาระ  ก็เพราะแย่งชิงตัวกู-ของกูกัน ทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆ (แต่ดร.กมลวัลย์ท่านคงไม่เสียเวลาหรอก เพราะท่านถือเป็นการปฏิบัติธรรมไปในตัว ทำให้ธรรมะก้าวหน้า) นี่ขนาดระดับผู้มีการศึกษาที่เป็นระดับผู้บริหารยังเป็นเช่นนี้  ประสาอะไรกับชาวบ้านตาดำๆ
  • จริงๆ แล้วผมไม่ถือว่าความเห็นเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ  เพียงแต่อยากให้เรามีสติรู้(และบอกให้คนอื่นรู้) ว่าอันไหนเป็นข้อมูล อันไหนเป็นความเห็น แยกให้ออก  แยกให้ชัด  ถ้าทุกคนชัดในเรื่องเหล่านี้การทำงานไม่ว่าเวทีใดๆ ก็ง่าย และมีประสิทธิภาพ
  • ความเห็นที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของคุณแหววผมก็ถือว่าคือความรู้ครับ  โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ตัวเอง  ไม่ต้องไปอ้างใครหรอกครับ เผลอๆ ดันไปอ้างความเห็นคนอื่นเขามาอีกที (เพราะเห็นว่าเขาเก่ง เลยนึกว่านั่นเป็นความรู้)
  • โลกเราจะน่าอยู่มากขึ้นถ้าทุกๆ ส่วน เอาใจใส่เรื่องเหล่านี้ให้มาก
  • สุดท้ายขอบคุณสำหรับดอกไม้ครับ  คุณแหววนี่ใจดีจริงๆ ไปไหนก็แจกดอกไม้เขาจนบานเต็ม g2k แล้วครับ น่าชื่นใจมากครับ
  • มาร่วมด้วยช่วยกันครับ  ไม่ต้องเริ่มที่ใคร  เริ่มที่ตัวเราเองก่อน

ธรรมะสวัสดีครับ

P

สวัสดีหลังเที่ยงคืนครับ อ.กมลวัลย์

สังคมเราเป็นกันอย่างนี้ทุกซอกทุกมุมจริงๆ ครับ

ผู้ที่มีส่วนในเรื่องเหล่านี้อันดับต้นๆ เลยคือสื่อครับ  ทั้งทีวี  หนังสือพิมพ์ และอินเตอร์เน็ต

เคยสังเกตเห็นไหมครับว่าพิธีกรข่าวหลายคน  ตอนแรกๆ ก็เก่งครับ ข้อมูลแน่น วิเคราะห์ได้อย่างน่าสนใจ  แต่พอดังเข้า  งานเยอะ เวลาน้อย  ทีนี้เหลือแต่ความเห็นครับ  ก็วันๆ อ่านข่าวทั้งวัน วันละหลายๆ ช่วง จะเอาเวลาในไปหาข้อมูล

ถึงขั้นตอนนี้แหละครับ  คนที่ติดตามเขามาก็เลยเชื่อเขาเต็มๆ กว่าจะรู้ตัวความเลวร้ายต่างๆ ก็เกิดเกินเยียวยาแล้วครับ

ถ้าไทยพุทธได้ศึกษาความเป็นพุทธตัวเองแค่สักเสี้ยวหนึ่ง ปัญหาเหล่านี้ก็คงเกิดได้อยากนะครับอาจารย์

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

P
สวัสดีและยินดีต้อนรับครับ
ผมว่าตอนนี้ตัวปัญหาหลักก็คือผู้หลักผู้ใหญ่  ร่วมมือกับสื่อ  ที่แสดงกันแต่ความเห็น  ตอบกันวันต่อวัน  โต้กันไปโต้กันมา  จนไม่มีเวลาไปหาความรู้
ชาวบ้าน หรือคนทั่วไป  หรือแม้แต่เยาวชน ที่นับถือเขา(เพราะเขาออกทีวี) ก็พลอยเชื่อ  แล้วปัญหาก็เกิดตามมาอย่างที่หันหน้าไปทางไหนก็เจอ
วัยรุ่นที่เหลวไหล  เหลวแหลก  คนฆ่ากันตายทุกวัน ฯลฯ ก็เป็นผลจากเหตุเหล่านั้น
การปฏิบัติธรรมช่วยได้มากจริงๆ ครับ  ทำให้เรามีสติ  มความสงบ  วางใจเป็นกลาง  รู้เท่าทัน
ได้แค่นี้เราคงอยู่กันสงบขึ้นนะครับ
แล้วแวะเวียนมาคุยกันอีกนะครับ
ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ

ถ้าถ่ายน้ำหนักจาก "ความรู้คู่คุณธรรม" ไปสู่ "ความรู้คู่การกระทำ" บ้าง สังคมไทยคงไม่มีลักษณะเป็นสังคมแห่งการวิพากษ์แบบนี้หรอกครับ 

ก่อนจะเป็นการกระทำได้ ก็ต้องมีโอกาสได้ทำเสียก่อน แต่จะด้วยความเป็นห่วงเป็นใย หรือว่าความไม่ไว้ใจก็ตาม โอกาสแสวงหาได้ค่อนข้างยากนะครับ เมืองไทยนี้แปลก หาผู้ใหญ่ใจกว้างไม่ค่อยเจอ ยิ่งใหญ่โต ก็บวมคับบ้านคับเมือง

กฏระเบียบต่างๆ ก็ออกมาในลักษณะที่ไม่ไว้ใจใครเลย จนไม่มีประโยชน์เพียงพอที่จะทำอะไรให้ก้าวหน้า ทำได้ดีก็ต้องไปแข่งกับเด็กเส้น ถ้าพลาดตายสถานเดียว  (ผมเขียนเว่อร์ไป แต่คงได้ความรู้สึก)

แม้แก้ไขอุปสรรคเหล่านี้ไม่ได้ในทันที แต่เมื่อพบใครทำอะไรได้ดี ผมคิดว่าให้กำลังใจเขาอย่างจริงใจจะช่วยได้ครับ ให้ทุกคนเห็นว่าเมื่อทำอะไรได้ดี ก็มีคนชื่นชม ไม่ใช่ทำแล้วหายไปเฉยๆ กับสายลม

เห็นด้วยกับบันทึกของคุณธรรมาวุธครับ

สวัสดีค่ะคุณน้อง..ธรรมาวุธ

  • ถามที่อยู่..หมายถึงจะส่ง CD แล้วใช่ไหมคะ  อุ๊ยดีใจ รีบบอกเลยค่ะ

สิริพร  กุ่ยกระโทก

โรงเรียนพระยาประเสริฐสุนทราศรัย(กระจ่าง สิงหเสนี)

70/8 ซอยคุณประสะนี  ถนนลาดพร้าว 94

วังทองหลาง วังทองหลาง

กรุงเทพ10310

  • ส่งมาที่โรงเรียน  จะมีคนรับตลอดวันค่ะ  ส่งไปที่บ้านไม่มีคนรับ  และจะถูกส่งไปเขต...ครูอ้อยไปรับยากมากค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้า  ต้องส่ง ซองกับแสตมป์มาด้วยหรือเปล่าคะ

อิอิ..ล้อเล่น

P

สวัสดีครับ

  • ต้องขอโทษนะครับที่ตอบช้าไปหน่อย
  • ตอนที่ผมเรียนจบใหม่ๆ แม้ที่บ้านจะไม่ได้มีฐานะอะไร  แต่ก็พอจะมีความสามารถใช้เส้นได้ในบางแห่ง แต่โดยนิสัยผมไม่ชอบสิ่งเหล่านี้  เมื่อรู้ว่าอยู่ใกล้ผมก็หนีเข้ากลีบเมฆทุกที
  • จะสังเกตได้ว่าชาวบ้านเขาไม่รู้สึกผิดที่มีการใช้เส้นกัน  ตอนเรียนมัธยมเขาก็จะมีโควต้ากันไว้ให้พวกเส้นสำหรับนักการเมือง
  • เมื่อวานมานี้เอง สดๆ ร้อนๆ ผมได้ถามน้องคนหนึ่งว่ากำลังเรียนอะไร  เขาตอบว่าเขาสอบเข้าสถานศึกษาดังแห่งหนึ่งได้  แต่ไม่ได้ไปเรียน  ถามว่าทำไม?  เขาบอกว่าพ่อไม่อยากให้เรียน  ถามเขาว่าชอบสถานที่ที่ตนสอบได้ไหม? เขาบอกว่าชอบมากๆ  แต่ต้องตามใจพ่อเพราะพ่อไม่ยอมคุยด้วย  แล้วผมถามต่อว่าจะทำอะไรต่อ  เขาก็ตอบว่าจะอ่านหนังสือต่อแล้วไปสอบที่ไปรณณีย์  แล้วผมว่าเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจะสอบได้?  เขาตอบว่าคิดว่าได้แน่ เพราะพ่อทำงานไปรษณีย์  ได้คะแนนไปแล้วครึ่งหนึ่ง  แล้วผมถามว่าอีกครึ่งหนึ่งคงเป็นความสามารถใช่ไหม?  เขาตอบตามซื่อว่า อีกครึ่งใช้เส้น!?
  • ผมถึงกับอึ้ง  คิดถึงแต่เด็กที่มีความสามารถแต่ขาดปัจจัยอื่นที่น้องคนนี้มี  แล้วเราจะแข่งขันกันไปทำไมให้เสียเวลา  เปลืองงบประมาณ  ไม่รู้เขาเล่นอะไรกันนะผู้หลักผู้ใหญ่เนี่ย
  • เรื่องกฎบัตรกฎหมายก็เช่นกัน  ออกซะละเอียดเหมือนแหของอวนรุน(ที่ไว้จับกุ้งเคยที่ตัวเล็กมากๆ)  ไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้จริงหรือเปล่า  แล้วถ้าได้แล้วจะทำเพื่อส่วนรวม(ที่มีธรรมนำหน้า) จริงหรือไม่
  • เรารณรงค์ให้เด็ก(หรือผู้ใหญ่?) มีความรู้คู่คุณธรรม  แต่ไม่รู้ว่าคุณธรรมมันหน้าตาอย่างไร  ตัวอย่างก็ไม่มีให้เห็นเป็นรูปธรรม  แล้วเด็กเขาจะทำได้ยังไงกัน
  • เรื่องนี้พูดไปก็เมื่อยนิ้ว(เพราะต้องพิมพ์ครับ อิอิ)  ทางออกที่รำไรก็คือเริ่มที่ตัวเอง  ตัวเองทำได้ก็ค่อยแผ่ขายไปคนรอบข้าง  ช่วยทำกันให้มากๆ  ก็คงดีขึ้นเอง(มั้ง)ครับ
  • ตบท้ายด้วยเรื่องของฟรีครับ  ผมไม่ทราบว่าคุณเป็นไทยพุทธหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นจะรับแผ่นดีวีดีธรรมะสักชุดไหมครับ?

ธรรมะสวัสดีครับ

  • มาเพิ่มความคิดเห็น
  • ไม่ใช่ความรู้ครับน้องเทพ
  • เป็นอย่างไรบ้างช่วงนี้
P

สวัสดีครับครูอ้อย

  • แผ่นดีวีดีธรรมะคงได้ส่งวันศุกร์นี้ครับ
  • ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็หวังว่าภายในสัปดาห์หน้าคงได้รับกันทุกคนครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

P
สวัสดีครับพี่ขจิต
ตอนนี้ผมสบายดีครับ  แต่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เพราะเข้าบล็อกพี่แล้วเปียกฝน แล้วเป็นหวัด  555
แต่ก็ยังดีที่แค่เป็นหวัด  ไม่มีงานแต่งให้อิจฉา  ถ้ามีคงฟื้นยากครับพี่  55555
ว่าแล้วก็ไม่สนใจดีวีดีธรรมะสักชุด  ไปรักษาใจหน่อยหรือครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
P
สวัสดีครับพี่ขจิต
ตอนนี้ผมสบายดีครับ  แต่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เพราะเข้าบล็อกพี่แล้วเปียกฝน แล้วเป็นหวัด  555
แต่ก็ยังดีที่แค่เป็นหวัด  ไม่มีงานแต่งให้อิจฉา  ถ้ามีคงฟื้นยากครับพี่  55555
ว่าแล้วก็ไม่สนใจดีวีดีธรรมะสักชุด  ไปรักษาใจหน่อยหรือครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
(เมื่อกี้ดันไปตอบพี่อีกบันทึกนึง  หวัดนี่มันร้ายจริงๆ อิอิ)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท