1.1ศักยภาพด้านความตระหนักรู้ (social awareness) และสมรรถนะในการแก้ปัญหาของตนเองและชุมชน
นักเรียนชาวนาเกิดความตระหนักรู้ในปัญหาที่ตนเอง ครอบครัว และสังคมประสบอยู่ และมองเห็นตนเองและกลุ่มสามารถหาทางออกในการแก้ปัญหาได้ด้วยการพึ่งตนเองโดยผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน มองเห็นว่าปัญหาที่สับสน ซับซ้อน และยุ่งยากมากกว่าเดิมนั้นสามารถผ่อนคลายได้โดยตั้งเป้าหมายร่วมกัน สร้างความรู้ ใช้ประโยชน์ความรู้ผ่านปฏิบัติการทางสังคม และทบทวนผลการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ปฏิบัติการครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ปฏิบัติการในกระบวนการทำนาข้าวของนักเรียนชาวนานั้นต้องเผชิญกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอนอยู่หลายด้าน โดยเฉพาะกับปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ระบบตลาด ดินฟ้าอากาศ และปัจจัยความไม่เห็นด้วยหรือถูกมองจากเพื่อนชาวนากลุ่มอื่นในเชิงดูแคลน หรือมองว่ามีพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากเพื่อน แต่ท้ายที่สุดนักเรียนชาวนาก็สามารถดำรงอยู่ได้อย่างสัมพัทธ์ มีระยะห่างทางสังคม (social distance) ที่เหมาะสมกับผู้ที่มีความคิดเห็นต่างและพิสูจน์ได้ระดับหนึ่ง ในประสิทธิผลของทิศทางที่กำลังดำเนินการอยู่ ก่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นว่าไม่มีปฏิบัติการทางสังคมใดหรือสถานที่ใดที่ปราศจากปัญหา ปัญหาบางอย่างแก้ได้เร็ว บางอย่างแก้ได้ช้า บางปัญหาแก้ได้โดยตนเองหรือครอบครัว บางปัญหาต้องมีหลายคนช่วยเรียนรู้ร่วมกัน บางปัญหาแก้ไขครั้งเดียวจบ ขณะที่บางปัญหาต้องแก้ไขหลายๆ ครั้ง เงื่อนไขที่สำคัญมากคือ ความเชื่อมั่นในทิศทางและสิ่งที่กำลังกระทำอยู่
ในส่วนของชุมชนนั้น กล่าวได้ว่าความสามารถในระดับที่ผ่านมาของนักเรียนโรงเรียนชาวนา ทำให้เกิดความตระหนักในชุมชนเกี่ยวกับความเป็นไปได้จริงของแนวทางนี้ แม้ปัจจุบันจะดำรงอยู่ในฐานะกระแสทางเลือก แต่ก็กล่าวได้ว่ามีตัวตนและตำแหน่งแห่งที่ (social position) ของขบวนการทางสังคมหรือชุมชนนักปฏิบัติในด้านการจัดการความรู้เรื่องการผลิตข้าวของนักเรียนชาวนาขึ้นแล้ว
1.2 ศักยภาพด้านความเป็นผู้นำและความเป็นสมาชิกที่สนใจ “เอาธุระ” ต่อสังคม
นักเรียนโรงเรียนชาวนาที่ผ่านหลักสูตรที่ มขข. ดำเนินการตลอดกระบวนการ 3 หลักสูตรแล้ว ได้พัฒนาศักยภาพด้านความเป็นผู้นำเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังเห็นได้จากมีนักเรียนชาวนาที่มีศักยภาพสามารถเป็นวิทยากร เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ในฐานะชาวนาที่มีความชำนาญถึง 25 คน (จากนักเรียนชาวนาทั้งสิ้น 208 คน) แม้ว่าเขาเหล่านี้จะมิได้ชำนาญในทุกเรื่อง แต่หากพิจารณาในแง่ความเป็นผู้นำรวมหมู่ (collective leader) ก็นับว่าโครงการที่ดำเนินการครั้งนี้สามารถพัฒนาให้เกิดผู้นำการเปลี่ยนแปลงในแนวทางใหม่ (transformative leaders) เพิ่มขึ้น
ศักยภาพด้านความเป็นผู้นำที่เห็นได้ชัดเจนในกลุ่มนักเรียนชาวนา นอกจากที่เกี่ยวกับกระบวนการการทำนาแล้ว ยังพบว่านักเรียนชาวนาส่วนหนึ่งมีความมั่นใจ คลายความรู้สึกว่าถูกกดทับความรู้สึกต่ำต้อย ถูกกดขี่ และวัฒนธรรมเงียบ (culture of silence) สามารถนำเสนอผลงาน มีปฏิสัมพันธ์ในกระบวนการกลุ่ม มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการสร้างความรู้ด้วยการวิจัยปฏิบัติการในไร่นาของตน นับว่าโครงการได้มีส่วนอย่างสำคัญในการเสริมสร้างชาวนาจำนวนมากให้มีสมรรถนะ เป็นนักจัดการความรู้ระดับท้องถิ่น มีความสามารถและมีฉันทะในการเรียนรู้ นับว่าเป็นกลุ่มนักวิจัยและนักจัดการความรู้ท้องถิ่นหรือชุมชนนักปฏิบัติกลุ่มใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งที่เคยมีมาในสังคมไทย
กระบวนการในโรงเรียนชาวนาได้มีส่วนทำให้นักเรียนชาวนาสนใจปัญหาร่วมของเพื่อนร่วมอาชีพและชุมชน สนใจวิกฤตที่เกิดขึ้นในชุมชน เป็นต้นว่าวิกฤตด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อม มีความตั้งใจที่ดีในการเป็นผู้ให้ มีจิตใจที่อ่อนโยนในการไม่ทำลายชีวิตของสรรพสิ่งในไร่นา คำนึงถึงเพื่อนมนุษย์ ปรารถนาให้เพื่อนมนุษย์ได้บริโภคข้าวที่ตั้งใจผลิตขึ้นอย่างประณีตและปลอดสารพิษ นับว่ามีผลกระทบที่เป็นแบบอย่างเบื้องต้นต่อการขับเคลื่อนนโยบายอาหารปลอดภัย (food safety)
นักเรียนชาวนาจำนวนมากปรับเปลี่ยนทัศนะว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากระบบคุณค่าและพฤติกรรมของตนเอง เป็นความรับผิดชอบของตนเองและกลุ่มที่จะหาทางออก มิใช่เป็นความรับผิดชอบของรัฐที่ชาวนาเป็นเพียงผู้รอรับบริการหรือคอยเพียงให้ความร่วมมือกับรัฐ เนื่องจากขาดความมั่นใจในศักยภาพของตนเองและกลุ่มที่จะแก้ปัญหาที่ประสบอยู่
ขอcoad เพลงหน่อยจิ....