ช่วงสงกรานต์ ผมและครอบครัว หอบผ้าหอบผ่อนไปพักที่บ้าน เพื่อขอพรพ่อแม่ และตอบแทนบุญคุณท่านที่ไม่รู้จะเทียบกับอะไรได้
ในการย้อนรอยกลับไปนอนค้างคืนกับพ่อแม่ แทนการไปเที่ยวผักผ่อนในสถานที่ท่องเที่ยวในครั้งนั้น ผมได้กำไรอย่างเดียวไม่มีขาดทุน เพราะแทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย
ความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างเห็นแล้วเสียดาย เพราะบางอย่างหายไปแล้ว และคงไม่อาจเรียกคืนมาอีกได้
เสียงรถไฟเป็นเสียงที่มีเสน่ห์มากเมื่อหลายปีก่อน เราสามารถได้ยินเสียงรถไฟดังแต่ไกลได้ เพราะสภาพธรรมชาติยังสมบูรณ์เป็นธรรมชาติจริง ๆ เมื่อถึงเวลามันจะเงียบของมันเอง เสียงรถไฟที่อยู่ห่างออกไปเป็นสิบ ๆ กิโลเมตรเรายังสามารถได้ยิน เพราะความเงียบหลังเที่ยงคืน และเช้าตรู่
เสียงรถไฟมาเป็นเวลา เช้า เย็น ดึก ส่วนกลางวันถ้าไม่มีลมพัดแรง ก็สามารถได้ยิน ชาวบ้านเลยถือโอกาสให้มันเป็นนาฬิกาบอกเวลาตามวิถีชีวิต ไปไร่ ไถนา กรีดยาง เลี้ยงวัว ควาย ไปไหน จะไปไหนทำอะไร หรือเพื่อการนัดหมายนัดพบ
ตอนดึกสงัด เสียงที่ได้ยินมาแต่ไกลเป็นเสียงหวูด สักพักจะได้ยินเสียง ท่อควันไฟ "วู๊บ วู๊บ ๆ ๆ ๆ " ต่อมาเป็นเสียงล้อเหล็กกระทบปลายข้อต่อราง เสียงจะดังแรงเมื่อมันวิ่งผ่านสะพาน เพราะแรงสั่นสะเทือนของเหล็กหลาย ๆ ท่อน เสียงจะรวมกันเป็นพลัง เวลากรีดยางประมาณตี 2 จะได้ยินเสียงชัดเจน และมันก็ค่อยๆ เงียบหายไปเมื่อมันแล่นห่างออกไป
วันนั้นที่ผมไปพักที่บ้าน พยายามฟังแล้วไม่ได้ยิน รถไฟหายไปไหน เพราะผมได้ยินแต่เสียงรถยนต์ เสียงท่อมอเตอร์ไซต์ บนถนนใหญ่ 4 แลน ซึ่งเป็นความเจริญของทางสัญจรที่เพิ่งตัดผ่านเข้ามา ขวางเสียงรถไฟไม่ให้ผ่านไปบ้านผม
รถไฟ(เสียง)หายไป พร้อม ๆ กันหลาย ๆ อย่างที่หายตามไปด้วย วิถีชีวิต ชุมชน ความใกล้ชิด ความเอื้ออาทร สมัยเก่า กลับเป็นการแข่งกันสร้างสิ่งของให้เกินหน้าคนอื่น การเดินตามหลังกันบนคันนาเป็นแถวเรียงหนึ่งเพื่อไปรอขึ้นรถไฟหายไปแล้ว ทุกคนต่างมีรถส่วนตัว และเรียกได้เหมาะจริง ๆว่า "ส่วนตัว"เพราะส่วนตัวจริง ๆ ต่างคนต่างก็ส่วนตัว สังคมมีแต่เรื่องส่วนตัว ซึ่งน่าจะคล้าย ๆ กันเกือบทุกชุมชน เสาที่ไม่ได้ยึดโยงกัน สั่นคลอนได้ง่าย ๆ เพราะไม่มีเกราะโครงสร้างป้องกัน ต่างเสาต่างอยู่โดดเดี่ยว หลายเสาล้มครื้นลง รู้ตัวก็สายกว่าจะยกขึ้นตั้งตรงได้ บางต้นล้มแล้วล้มเลยไม่สามารถยกได้
เป็นไปได้อยากได้รถไฟคืนมา
สวัสดีค่ะ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรเช่นกัน นอกจากเสียดาย ...เช่นกันค่ะ
ที่บ้านแม้อยู่กรุงเทพฯ ก็อยู่ชานเมือง ก้าวข้ามอีกก้าวเดียว ก็เป็นเขตสมุทรสาคร
สมัยเด็กๆ มีทุ่งนา สวน รอบบ้าน กว้าง ไกล สุดลูกหู ลูกตา ร้อนก็โดดลงคลองว่ายน้ำสบายใจ
แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ... มีแต่หมู่บ้านจัดสรร และในคลองตื้นเขินที่มีแต่น้ำเน่าเสีย
เสียดายค่ะ
สวัสดีครับ คุณจินตนา อิ่มรักษา
คุณน้อง หนุ่มร้อยเกาะ
หลายอย่างมีแต่จะเลือนหายไป เรียกกลับคืนนั้นยากมาก เพราะคนรุ่นใหม่มีวิถีชีวิตที่เริ่มจากจุดใหม่ อยู่กับสังคมปรุงแต่งไม่ใช่จุดเดียวกันกับคนที่เป็นรุ่นพี่ ๆ หรือรุ่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เริ่มที่ความเป็นธรรมชาติของสังคม
คุณน้อง สิงห์ป่าสัก
เรียน คุณ สะ-มะ-นึ-กะ
สวัสดีครับ
เสียงรถไฟมาเป็นเวลา เช้า เย็น ดึก ส่วนกลางวันถ้าไม่มีลมพัดแรง ก็สามารถได้ยิน ชาวบ้านเลยถือโอกาสให้มันเป็นนาฬิกาบอกเวลาตามวิถีชีวิต ไปไร่ ไถนา กรีดยาง เลี้ยงวัว ควาย ไปไหน จะไปไหนทำอะไร หรือเพื่อการนัดหมายนัดพบ
ตอนดึกสงัด เสียงที่ได้ยินมาแต่ไกลเป็นเสียงหวูด สักพักจะได้ยินเสียง ท่อควันไฟ "วู๊บ วู๊บ ๆ ๆ ๆ " ต่อมาเป็นเสียงล้อเหล็กกระทบปลายข้อต่อราง เสียงจะดังแรงเมื่อมันวิ่งผ่านสะพาน เพราะแรงสั่นสะเทือนของเหล็กหลาย ๆ ท่อน เสียงจะรวมกันเป็นพลัง เวลากรีดยางประมาณตี 2 จะได้ยินเสียงชัดเจน และมันก็ค่อยๆ เงียบหายไปเมื่อมันแล่นห่างออกไป
......
ผมขออนุญาตคัดลอกมาแสดงอีกครั้ง เพราะสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับเสียงรถไฟได้อย่างน่าสนใจ ..
สังคมเปลี่ยนไปทุกวัน จนบางทีเราก็ลืมที่จะสังเกต ..
เรียน คุณแผ่นดิน