เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
ขณะนี้ ผมมีบล๊อก 5 อัน
สำหรับความเห็นเกี่ยวกับบันทึก บล๊อก และแพลนเน็ต ผมขอรำพึงส่วนตัวดังๆ ดังนี้:
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้ว รู้สึกจะมีความคิดไปคล้ายคุณConductorอยู่หลายข้อ ก็ดีใจค่ะ มีอะไรที่ไม่เข้าใจอยู่บ้าง ได้โอกาสแล้ว ขออนุญาตพูดนิดนึง
คุณย่าศศินันท์.com: เรื่องเขียนบันทึกบ่อยนี้ ผมไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นสิ่งที่ g2k อยากให้ทำอย่างนั้นหรือไม่ แต่อนุมาณเอาตามเหตุผลว่าน่าจะเป็นการพยายามสร้างนิสัยให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อต่อยอดความรู้กัน ให้กล้าที่จะถ่ายทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง tacit knowledge ความรู้ประสบการณ์แนวปฏิบัติ ความรู้นอกตำราครับ
บริษัทผมมีบล๊อกภายใน ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 47 หรืออะไรประมาณนั้น แรกๆ ก็เขียนคนเดียว เข้าใจว่าคนอื่นไม่ค่อยกล้า แรกๆ ก็เลยเป็นเครื่องมือสื่อสารเรื่องสำคัญจากผู้บริหารถึงพนักงาน โดยที่มีประโยชน์อยู่ตรงที่ไม่มี communication loss รายทางตามลำดับชั้น
สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเมื่อเริ่มใช้ multiblog แยกตามฝ่าย ประมาณปี 48 เนื่องจากแต่ละฝ่ายมีลักษณะงานไม่เหมือนกัน การเปิดให้แต่ละฝ่ายมีพื้นที่ของตนเอง พนักงานในฝ่ายเขียนบันทึกได้เฉพาะในบล๊อกของฝ่าย แต่อ่านให้ความเห็นได้ทุกบล๊อก (มีบันทึกบางชนิดที่สามารถล๊อคไว้ให้เห็นเฉพาะสมาชิกของฝ่ายได้) ช่วยให้กระบวนการ ลปรร. ภายในบริษัทดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้จัดเข้าตามรูปแบบของ สคส. เนื่องจากไม่รู้จัก สคส.ในตอนนั้น
ได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ของ สคส.ช่วงปลายปีที่แล้วศรัทธาในความคิดความตั้งใจครับ เมื่อต้นปีนี้ ผมจึงตัดสินใจอพยพ (เฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับงานบริษัท) มาตั้งหลักแหล่งบน g2k; เลยยิ่งทำให้พนักงานรู้สึกมีอิสระที่จะพูดถึงสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง ซึ่งก็เป็นผลดีต่อบริษัทด้วย; ใช้เกม Blog-Tag เป็นตัวปลดล๊อคอันสำคัญ ทำให้คนที่ไม่เคยเขียนบล๊อก ก็ต้องขวนขวายหัดใช้ แล้วก็ตามมาอ่านของเพื่อน; เสริมด้วยการตั้ง CKO ซึ่งเธอก็เป็น champion เรื่อง km ที่ดีมากครับ; ปัจจุบัน จำนวนบันทึกใน category "km" เป็น kpi ของบริษัทซึ่งคณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญติดตามเช่นเดียวกับเกณฑ์อื่นๆ
กลับมาเรื่องความถี่ในการเขียน บริษัทที่ผมทำงานอยู่นี้ มี knowledge worker อยู่มาก การปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ ก็ต้องให้เกียรติกันมาก ต้องไว้ใจเขาว่าเขาพัฒนาได้ ดังนั้นแทนที่จะสั่งให้เขียน ก็ใช้วิธีสร้างบรรยากาศแทนครับ ช้าหน่อย เหนื่อยหน่อย แต่ได้ผลดีและน่าจะยั่งยืนครับ; เลยเตะโด่งตัวเองมาสิงอยู่ที่นี่ -- รู้เหมือนกันว่าพนักงานตามมาอ่าน แต่ไปที่ "คนเป็นนาย" เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีลิงก์ไปยังบันทึกที่นั่นเป็นครั้งคราว
อานิสงส์ของการเขียนบล๊อกอย่างสม่ำเสมอ เท่าที่สังเกตเห็นนะครับ คือทักษะการใช้ภาษาของพนักงานดีขึ้น การเรียบเรียงความคิดดีขึ้นจริงๆ แล้วบล็อกช่วยให้พนักงานใหม่ๆ ได้เข้าใจบริษัท เข้าใจวิธีทำงาน เรียนรู้ชีวิตในบริษัทได้เร็วขึ้นมาก
คุณโอ๋-อโณ: ขอบคุณมากครับ ถึงอย่างไร g2k ก็เป็นสังคมของผมเหมือนกันครับ
อานิสงส์ ใช้ ส์ ครับ
เรื่อง Blog-Tag ในบริษัท เล่าไว้ตรงส่วนต้นๆ ของบันทึกเก่านี้ครับ
ถ้าไม่ได้ reload ก็ไม่นับครับ ถึงนับก็ขึ้นแต่ pageview แต่ UIP ไม่ขึ้น
การ refresh ใน portal เป็น AJAX ซึ่ง Truehits มองไม่เห็นครับ
ครูอ้อยมีความคิดเห็นเหมือนท่านผู้เขียนทุกประการค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เขียนไปแล้ว ได้แต่ยอมรับความผิดครับ
แต่ความหมายที่แท้จริงของผมนั้น ผมหวังว่าคุณสวัสดิ์คงเข้าใจว่าไม่ได้เป็นการแบ่งชนชั้นเลย เช่นเดียวกับความเห็นเรื่อง สส.ต้องจบชั้นโน้นชั้นนี้มา แต่เป็นข้อสังเกตว่าสมาชิก g2k ส่วนมากเป็นผู้มีความรู้สูง มีประสบการณ์สูง จึงสมควรจะพิจารณาเห็นได้ว่า ความแตกต่างทางความคิดเป็นเรื่องธรรมดา และสามารถแลกเปลี่ยนโดยใช้ความสุภาพได้ แม้เป็นเรื่องที่เห็นแตกต่างกันครับ
มาร่วมขบวนเพื่อยืนยันกับคุณสวัสดิ์ว่า GotoKnow เป็นที่ของทุกคนค่ะ ไม่เกี่ยวกับการศึกษาแน่นอน แต่คงเกี่ยวกับการทำงาน ซึ่งหมายถึงคนทุกคน และงานทุกงานค่ะ คิดว่าพื้นที่นี้เป็นสิทธิของเรา ไม่มีผิดไม่มีถูก คุณสมบัติพื้นฐานที่คุณสวัสดิ์บอกมานั้นเหลือจะพอแล้วค่ะ เพราะขอให้มีจิตใจดี รักเพื่อนมนุษย์ ใฝ่เรียนใฝ่รู้เท่านั้น กรอบหรือกระดาษสมมุติทั้งหลายไม่มีความหมายมากกว่าไปได้หรอกค่ะ
เชื่อว่าคุณ Conductor ก็คิดเหมือนพวกเราแน่นอนค่ะ เพียงแต่ใน GotoKnow ความรู้บางเรื่องที่เราเขียน ก็ต้องอาศัย"กระดาษ"มายืนยันคุณสมบัติเพื่อความน่าเชื่อถือบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่เป็นประสบการณ์ตรง ความรู้ ความคิดนั้นต้องการเพียงสิ่งที่คุณสวัสดิ์บอกเท่านั้นเองค่ะ
สำหรับข้อ 6.)
ผมคิดว่าวิธีที่ดีกว่าคือตอบเป็นบล็อก (ไปเขียนไว้ที่บล็อกตัวเองแล้วลิงก์กลับมา) ข้อดีโดยตรงคือสามารถอ้างอิงได้ และโดยอ้อมคือทำให้เราได้เรียบเรียงความคิดมากขึ้นกว่าเดิม
ครับคุณ
ขอบคุณในความกรุณาครับ
ผมไม่ได้แก้ไขข้อความในบันทึก เพราะมีผู้ให้ความคิดเห็นมามากแล้ว; อีกอย่างหนึ่งคือผมเป็นเพียงสมาชิกของ GotoKnow ไม่สามารถพูดอะไรไปได้มากกว่าความเห็นส่วนตัว แล้วผมก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์หรือเลิศเลยอะไรเลยครับ ผิดได้+ไม่กลัวที่จะยอมรับต่อผลนั้น คิดว่าไม่มีศักดิ์ศรีอะไรที่จะต้องรักษาให้กับ กระจกเบี้ยวๆที่ส่องแมวเห็นเป็นสิงโต ครับ
ผมหวังและแอบเชื่อว่าในที่สุด ดร.สวัสดิ์ จะเข้าใจครับ ข้อความในบันทึกที่ยาวเหยียด เขียนต่อกันมาเกือบสามชั่วโมงนั้น มีโอกาสหลุดได้จริงๆ แต่บันทึกและความเห็นหลายร้อยอันที่ผ่านมา คงบอกอะไรได้ชัดกว่าบันทึกนี้อันเดียวครับ
เรื่องนี้มีบทเรียนที่ดีครับ
ไม่ทราบว่ามีใครติดใจประเด็น #11 ไหมครับ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย หากไม่มีการปฏิบัติ