ข้อสังเกตและความเห็นส่วนตัว เกี่ยวกับบันทึก บล๊อก และแพลนเน็ตใน Gotoknow


เป็นความเห็นส่วนตัวครับ

ขณะนี้ ผมมีบล๊อก 5 อัน

  • OpenCARE เป็นเรื่องของระบบข้อมูลเพื่อสนับสนุนการจัดการภัยพิบัติ ช่วยให้หน่วงงานบรรเทาทุกข์หรืออาสาสมัคร ได้รับข้อมูลล่าสุด ตัดสินใจได้เองเพื่อที่สามารถจะช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ดีขึ้น เป็นเรื่องเฉพาะทางอย่างยิ่ง
  • คนเป็นนาย เขียนเรื่องของประสบการณ์ และวิธีคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดการ เขียนให้คิด และไม่ได้ต้องการให้เชื่อ ความคิดต่างๆ หากว่าใช้ได้ ก็ยังจำเป็นต้องนำไปปรับใช้สำหรับแต่ละองค์กร ซึ่งมีวัฒนธรรมและข้อจำกัดไม่เหมือนกัน กรุณาอย่ามามองหาคำตอบสำเร็จรูปในนี้ครับ; แต่ละบันทึก มีประเด็นที่ต้องคิดให้หนัก เป็นบล๊อกที่มีผู้ชมค่อนข้างสูง และเชื่อว่ามีมาอ่านจากนอก Gotoknow พอสมควร และมีกลุ่มผู้ติดตามเฉพาะ
  • อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เป็นเรื่องที่อยากจะบันทึกความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เนื่องจากมีประสบการณ์เรื่องนี้มานาน (มาก) เห็นมาตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ยังไม่แพร่หลาย จนปัจจุบัน เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ และเต็มไปด้วยความมั่ว
  • ตามใจฉัน คือบล๊อกอันนี้ ใช้สำหรับเขียนเรื่องที่ไม่เข้ากับบล๊อกข้องบนทั้งสาม ไม่ได้มีความตั้งใจจะเขียนทุกวัน แต่เขียนตามที่อยากเขียน เขียนเมื่อเห็นประเด็นอะไรน่าสนใจ; เผอิญเห็นเรื่องน่าสนใจบ่อย ก็เลยเขียนบ่อย แล้วทำให้มีปริมาณผู้ชมสูงอยู่เหมือนกัน
  • วงนอก ถูกทีมงานขอให้เปิดบล๊อกใหม่ เพื่อเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับมุมมองของผู้มีวิชาชีพทางเทคนิค มอง Gotoknow ในแง่การใช้งาน การออกแบบ วิธีการ สถิติต่างๆ

สำหรับความเห็นเกี่ยวกับบันทึก บล๊อก และแพลนเน็ต ผมขอรำพึงส่วนตัวดังๆ ดังนี้:

  1. การเขียนบันทึกบ่อยช่วยให้มีผู้เข้าชมมาก แต่ในมุมหนึ่ง ก็เหมือน portal ซึ่งมีความคาดหวังให้ผู้ชมเดินมาหา เป็นแนวคิด web 1.0; แม้ไม่ผิดในแง่ที่ว่าความรู้ควรจะต้องแสวงหาเอา ไม่ใช่รอให้ใครจับความรู้มายัดเยียดใส่ลงไปในสมอง แต่หากผู้มีความรู้ ช่วยสงเคราะห์ผู้อื่นโดยการแลกเปลี่ยนบนพื้นที่ของบล๊อกเกอร์ท่านอื่น ก็จะเกิดการเชื่อมโยงความรู้มากขึ้น
  2. ความคุ้มค่าของบันทึก ไม่ได้อยู่ที่สถิติการเข้าชม แต่อยู่ที่ผู้อ่านได้ประเด็นอะไรไปจากบันทึกและความคิดเห็นในบันทึกนั้น ซึ่งวัดได้ยากครับ แต่รู้สึกได้เอง
  3. การเขียนบันทึกถี่เกินไป กลับทำให้เวลาที่จะไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบล๊อกเกอร์ท่านอื่นลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย; การสนธิความรู้นั้น ไม่ใช่ 1+1=2 แต่ควรจะได้มากกว่า 2 ต่อยอดความคิดไปได้; มีสมาชิกหลายท่านที่สามารถเขียนบันทึกได้สม่ำเสมอ มีความถี่สูง แถมยังมีประเด็นที่ดีอีกด้วย เรื่องเหล่านี้เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ไม่ได้ห้ามลอกเลียนแบบแต่ขอให้เข้าใจความพิเศษนี้ไว้ด้วย
  4. คำว่าเกินไป หมายถึงมากจนไม่มีความพอดี ในเมื่อฝืนเขียน ก็ทำให้ความเข้มข้นของเนื้อหา อาจจะลดลงไป; เรื่องนี้กลับไม่ได้ตอบสนองต่อเป้าประสงค์ของ Gotoknow เรื่อง km; มี km ไม่ได้ถ้าไม่มี k และ k ก็จะต้องมีประเด็นที่ดี
  5. วิธีการถ่ายทอด มีหลายวิธี อาจสอดแทรกอยู่ในบันทึกที่รู้สึกเหมือนไม่จริงจัง สรวลเสเฮฮา บางทีเป็นบันทึกประจำวัน ก็ไม่แปลก ตราบใดที่มีประเด็นที่ดี ผมก็คิดว่าบันทึกนั้นมีค่าครับ; การแยก signal ออกจาก noise เจ้าของบันทึกจะช่วยผู้อ่านได้มากโดยการเน้นประเด็นสำคัญให้ชัด; ในหลายกรณี อาจจะดีกว่าบันทึกที่เคร่งเครียดไร้วิญญาณด้วยซ้ำไป
  6. ผมไม่คิดว่าเป็นการผิดมารยาท ที่เขียนความคิดเห็นยาวๆ ตราบใดที่มีประเด็นที่ดี; ความเห็นที่แตกต่าง เป็นเรื่องปกติ เพราะคนแตกต่างกัน; หากทุกคนเหมือนกัน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำ km หรือ ลปรร. BAR AAR ฯลฯ ในการแสดงความเห็นแตกต่างนั้น สามารถทำได้โดยใช้ความสุภาพสมกับที่สังคม Gotoknow เป็นสังคมของผู้มีการศึกษาสูง เป็นสังคมของคนทำงาน
  7. ในส่วนของการเชื่อมโยงความรู้ Gotoknow เปลี่ยนไปในทางที่ดีในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา มีการ quote ข้อความและให้เครดิตกลับไปยังบันทึกต้นทางมากขึ้น; ประเด็นตรงนี้ไม่ใช่เรื่องของเครดิต แต่เป็นเรื่องของการเปิดกว้างยอมรับความเห็นของผู้อื่นมากขึ้น; การเชื่อมโยงในลักษณะนี้ จะช่วยให้ผู้ที่มาอ่านบันทึกหรือข้อคิดเห็นทีหลัง ได้เข้าใจในบริบทของข้อความที่ quote มา; ความสามารถในการชื่นชมผู้อื่นอย่างจริงใจ เป็นส่วนหนึ่งของ self-esteem (ความนับถือตัวเอง) ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยพูดกันในสังคมไทย
  8. สมาชิกแต่ละท่าน ควรมีแพลนเน็ตหนึ่งอัน ที่รวบรวมบันทึกในบล๊อกของตนเอง โดยไม่ปนกับบล๊อกของผู้อื่น เช่นรวมบันทึกของ Conductor ซึ่งไม่ว่าจะไปเขียนบันทึกในบล๊อกไหน ก็จะมาปรากฏที่นี่ เมื่อมีการเพิ่มหรือปิดบล๊อก ก็จะทำให้กัลยาณมิตรเพื่อนฝูงไม่พลาดบันทึกใดๆ ไป
  9. ควรจะถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับเจ้าของบล๊อก ที่มีสมาชิกรับบล๊อกนั้นเข้าแพลนเน็ต ยิ่งมีแพลนเน็ตรับบล๊อกเข้าไปมาก ก็ยิ่งต้องรับผิดชอบต่อผู้อ่านมากขึ้น; สำหรับผู้บริหารแพลนเน็ต สามารถสร้างแพลนเน็ตขึ้นได้หลายอัน เพื่อที่จะจัดหมวดหมู่บล๊อกที่รับเข้ามา เพื่อให้อยู่ในแนวเดียวกัน แทนที่จะรับบล๊อกเป็นร้อยบล๊อกเอาไว้่ในแพลนเน็ตเดียวกัน; หากแพลนเน็ตเป็น subset ของ Gotoknow ตามความสนใจ ในเมื่อสมาชิกแต่ละคนมีความสนใจหลากหลาย ก็สร้างหลาย subset (หลายแพลนเน็ต) ได้เช่นกัน -- แต่สร้างไว้มากเกินไปจนอ่านไม่ไหว ก็ไม่ดีเหมือนกัน
  10. การวัดคุณค่าของบล๊อกและบันทึกในบล๊อก ผมไม่คิดว่าสถิติการเข้าชมจะเป็นตัววัดที่ดี แต่น่าจะเป็นจำนวนแพลนเน็ตที่รวมบล๊อกนั้นๆ เข้าไปมากกว่า ซึ่งในปัจจุบันได้แสดงจำนวนนับ (ในวงเล็บ) ไว้แล้ว
  11. ยังมีชีวิตจริง อยู่นอก Gotoknow อีกครับ!
  12. หากความเห็นนี้ก้าวล่วงท่านใดไป หรือทำให้ท่านใดไม่ชอบใจ ผมขออภัยและขออโหสิด้วยครับ
หมายเลขบันทึก: 100529เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2007 00:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)
ตีตั๋วเข้ามาอ่านค่ะ

สวัสดีค่ะ

อ่านแล้ว รู้สึกจะมีความคิดไปคล้ายคุณConductorอยู่หลายข้อ ก็ดีใจค่ะ มีอะไรที่ไม่เข้าใจอยู่บ้าง ได้โอกาสแล้ว  ขออนุญาตพูดนิดนึง

  • เท่าที่จับความได้ ไม่ทราบจะผิดไหม ไม่ค่อยเข้าใจว่า  ทำไม ที่ G2K ต้องอยากให้มีการเขียนบันทึกทุกวัน เพราะบางที มันก็ไม่มีประเด็นจะเขียน หรือ ยังไม่มีอารมณ์ แต่หลายท่านอาจมีไฟที่จะเขียนทุกวันก็ได้ บางที มีประเด็นจะเขียน แต่ดูแล้วไม่เหมาะนัก ไม่ใช่จะดีทุกเรื่อง เช่น เรื่อง ศาสนา เรื่องนักบวชบางนิกาย
  • วันที่ไม่ได้เขียน  ก็มักไปอ่านของท่านอื่นๆ และแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
  • ส่วนตัว ชอบเขียนอะไรที่ไม่ซีเรียส เพราะชีวิตทำงานซีเรียสมามากแล้ว    ช่วงนี้อยากสบาย และการเขียน อยากเขียนสบายๆ relax แต่มีสาระ    จริงๆตั้งใจจะมาผ่อนคลายแบบมีสาระที่นี่ค่ะ 
  • ตัวเอง มีเขียนอยู่ที่อื่นบ้าง และ linkให้คนอื่นเข้ามาอ่าน บางคนนอกจากอ่านก็มาแลกเปลี่ยนด้วย   ที่มาจากpantip ก็มีบ่อย
  • จริงๆตอนนี้ เขียนบล็อกส่วนตัวที่blogspot.comอยู่ แต่เพื่อความสนุกและมีชีวิตชีวาเท่านั้นค่ะ  ตอนนี้มีหลานอายุ 11เดือน ตั้งใจจะเป็นคุณย่า .comให้หลานให้ได้ค่ะ !!!!
  • ขอบคุณ สำหรับคำแนะนำดีๆ เป็แฟนประจำคุณConductor แม้ว่า บางอย่าง อาจไม่เห็นด้วย ก็ไม่ว่ากันนะคะ ขออภัยล่วงหน้าค่ะ
เป็นบทวิเคราะวิจารณ์และข้อแนะนำที่น่าชื่นชมค่ะ ทำให้ได้กลับมาสะท้อนย้อนมองตัวเอง และคิดถึงเพื่อนๆบล็อกเกอร์หลายๆท่าน ได้แง่คิดเอาไว้วิเคราะห์ตัวเองและผู้อื่นไปด้วยค่ะ เคยเป็นคนช่างอ่านที่ไม่ค่อยวิจารณ์ และเป็นคนช่างเขียนที่ไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กับคนที่มาเขียนความเห็นในบันทึกของเรา สังคม GotoKnow ทำให้สะท้อนย้อนมองตัวเองได้เสมอเลยค่ะ ในขณะที่ในโลกภายนอก โอกาสแบบนี้จะหาได้ยากมาก ขอบคุณคุณ Conductor สำหรับบันทึกนี้และข้อคิดที่ได้ค่ะ

คุณย่าศศินันท์.com: เรื่องเขียนบันทึกบ่อยนี้ ผมไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นสิ่งที่ g2k อยากให้ทำอย่างนั้นหรือไม่ แต่อนุมาณเอาตามเหตุผลว่าน่าจะเป็นการพยายามสร้างนิสัยให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อต่อยอดความรู้กัน ให้กล้าที่จะถ่ายทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง tacit knowledge ความรู้ประสบการณ์แนวปฏิบัติ ความรู้นอกตำราครับ

บริษัทผมมีบล๊อกภายใน ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 47 หรืออะไรประมาณนั้น แรกๆ ก็เขียนคนเดียว  เข้าใจว่าคนอื่นไม่ค่อยกล้า แรกๆ ก็เลยเป็นเครื่องมือสื่อสารเรื่องสำคัญจากผู้บริหารถึงพนักงาน โดยที่มีประโยชน์อยู่ตรงที่ไม่มี communication loss รายทางตามลำดับชั้น

สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเมื่อเริ่มใช้ multiblog แยกตามฝ่าย ประมาณปี 48 เนื่องจากแต่ละฝ่ายมีลักษณะงานไม่เหมือนกัน การเปิดให้แต่ละฝ่ายมีพื้นที่ของตนเอง พนักงานในฝ่ายเขียนบันทึกได้เฉพาะในบล๊อกของฝ่าย แต่อ่านให้ความเห็นได้ทุกบล๊อก (มีบันทึกบางชนิดที่สามารถล๊อคไว้ให้เห็นเฉพาะสมาชิกของฝ่ายได้) ช่วยให้กระบวนการ ลปรร. ภายในบริษัทดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้จัดเข้าตามรูปแบบของ สคส. เนื่องจากไม่รู้จัก สคส.ในตอนนั้น

ได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ของ สคส.ช่วงปลายปีที่แล้วศรัทธาในความคิดความตั้งใจครับ เมื่อต้นปีนี้ ผมจึงตัดสินใจอพยพ (เฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับงานบริษัท) มาตั้งหลักแหล่งบน g2k; เลยยิ่งทำให้พนักงานรู้สึกมีอิสระที่จะพูดถึงสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง ซึ่งก็เป็นผลดีต่อบริษัทด้วย; ใช้เกม Blog-Tag เป็นตัวปลดล๊อคอันสำคัญ ทำให้คนที่ไม่เคยเขียนบล๊อก ก็ต้องขวนขวายหัดใช้ แล้วก็ตามมาอ่านของเพื่อน; เสริมด้วยการตั้ง CKO ซึ่งเธอก็เป็น champion เรื่อง km ที่ดีมากครับ; ปัจจุบัน จำนวนบันทึกใน category "km" เป็น kpi ของบริษัทซึ่งคณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญติดตามเช่นเดียวกับเกณฑ์อื่นๆ

กลับมาเรื่องความถี่ในการเขียน บริษัทที่ผมทำงานอยู่นี้ มี knowledge worker อยู่มาก การปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ ก็ต้องให้เกียรติกันมาก ต้องไว้ใจเขาว่าเขาพัฒนาได้ ดังนั้นแทนที่จะสั่งให้เขียน ก็ใช้วิธีสร้างบรรยากาศแทนครับ ช้าหน่อย เหนื่อยหน่อย แต่ได้ผลดีและน่าจะยั่งยืนครับ; เลยเตะโด่งตัวเองมาสิงอยู่ที่นี่ -- รู้เหมือนกันว่าพนักงานตามมาอ่าน แต่ไปที่ "คนเป็นนาย" เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีลิงก์ไปยังบันทึกที่นั่นเป็นครั้งคราว

อานิสงส์ของการเขียนบล๊อกอย่างสม่ำเสมอ เท่าที่สังเกตเห็นนะครับ คือทักษะการใช้ภาษาของพนักงานดีขึ้น การเรียบเรียงความคิดดีขึ้นจริงๆ แล้วบล็อกช่วยให้พนักงานใหม่ๆ ได้เข้าใจบริษัท เข้าใจวิธีทำงาน เรียนรู้ชีวิตในบริษัทได้เร็วขึ้นมาก

คุณโอ๋-อโณ: ขอบคุณมากครับ ถึงอย่างไร g2k ก็เป็นสังคมของผมเหมือนกันครับ

P ผมพึ่งรู้อานิสงค์ของ blog-tag เดี๋ยวนี้นี่เอง  เป็นกุศโลบายที่ชาญฉลาดแนบเนียนทีเดียว

อานิสงส์ ใช้ ส์ ครับ

เรื่อง Blog-Tag ในบริษัท เล่าไว้ตรงส่วนต้นๆ ของบันทึกเก่านี้ครับ

P ขอบคุณสำหรับ link และการแก้คำสะกดผิดครับ (มิน่าผม search หาคำนี้ไม่ค่อยเจอ สะกดผิดนี่เอง)
ที่ตอบได้เร็วนี้ ไม่ได้ปั่น portal นะครับ แต่ g2k -> gmail -> gtalk ก็เลยเห็นว่ามีความคิดเห็นใหม่อย่างรวดเร็ว
P แต่ผมปั่นครับ :-P แต่ว่าพรุ่งนี้คงเลิกปั่นมาทำงานทำการแล้ว  
 
ผมใช้ Google Notify ครับ แต่ว่าตอนนี้ช่วยได้แต่ blog ตัวเอง ถ้าส่งเมล์ แบบใน Portal ได้ด้วยนี่จะเยี่ยมมากเลย :-) 
การปั่น portal โดยการกดที่ "ล่าสุด" ซึ่งน่าจะเป็น ajax นี่ truehit นับหรือเปล่าครับ?

ถ้าไม่ได้ reload ก็ไม่นับครับ ถึงนับก็ขึ้นแต่ pageview แต่ UIP ไม่ขึ้น

การ refresh ใน portal เป็น AJAX ซึ่ง Truehits มองไม่เห็นครับ 

ครูอ้อยมีความคิดเห็นเหมือนท่านผู้เขียนทุกประการค่ะ

ขอบคุณค่ะ

P ขอบคุณครับ แบบนี้ค่อยปั่นได้อย่างสบายใจหน่อย :-)
สวัสดีครับคุณ P ผมรู้สึกไม่ดีกับข้อความที่ว่า "สมกับที่สังคม Gotoknow เป็นสังคมของผู้มีการศึกษาสูง เป็นสังคมของคนทำงาน"

ผมรู้สึกไม่ดีจริง ๆ ...ปกติผมจะเขียนข้อคิดเห็นยาวมาก...แต่เห็นข้อความนี้...ความคิดเห็นไม่ไหลเลย...ผมหวังว่า...คุณ Conductor คงไม่ได้รู้สึกอย่างที่ข้อความที่ปรากฏจริง ๆ...ผมได้แต่หวังว่า...การให้ความหมาย Gotoknow ของคุณ....

...แค่เขาเป็นคนที่มีจิตใจดี...รักเพื่อนมนุษย์...ใฝ่เรียนใฝ่รู้...ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่เขาจะเข้ามาในชุมชนแห่งนี้ไม่ใช่หรือครับ?...ทำไมต้องเอา "กรง" แห่งการศึกษาและการทำงานมาแบ่งแยกมนุษย์ออกจากการเรียนรู้ด้วย?...ผมเศร้าใจมากที่ได้เห็นข้อความแบบนี้ในที่เช่นนี้...ผมได้แต่หวังว่า...นี่เป็นแค่ฝันร้าย...ผมต้องตื่นขึ้นก่อนที่น้ำตาจะไหลริน...

เขียนไปแล้ว ได้แต่ยอมรับความผิดครับ

แต่ความหมายที่แท้จริงของผมนั้น ผมหวังว่าคุณสวัสดิ์คงเข้าใจว่าไม่ได้เป็นการแบ่งชนชั้นเลย เช่นเดียวกับความเห็นเรื่อง สส.ต้องจบชั้นโน้นชั้นนี้มา แต่เป็นข้อสังเกตว่าสมาชิก g2k ส่วนมากเป็นผู้มีความรู้สูง มีประสบการณ์สูง จึงสมควรจะพิจารณาเห็นได้ว่า ความแตกต่างทางความคิดเป็นเรื่องธรรมดา และสามารถแลกเปลี่ยนโดยใช้ความสุภาพได้ แม้เป็นเรื่องที่เห็นแตกต่างกันครับ

มาร่วมขบวนเพื่อยืนยันกับคุณสวัสดิ์ว่า GotoKnow เป็นที่ของทุกคนค่ะ ไม่เกี่ยวกับการศึกษาแน่นอน แต่คงเกี่ยวกับการทำงาน ซึ่งหมายถึงคนทุกคน และงานทุกงานค่ะ คิดว่าพื้นที่นี้เป็นสิทธิของเรา ไม่มีผิดไม่มีถูก คุณสมบัติพื้นฐานที่คุณสวัสดิ์บอกมานั้นเหลือจะพอแล้วค่ะ เพราะขอให้มีจิตใจดี รักเพื่อนมนุษย์ ใฝ่เรียนใฝ่รู้เท่านั้น กรอบหรือกระดาษสมมุติทั้งหลายไม่มีความหมายมากกว่าไปได้หรอกค่ะ

เชื่อว่าคุณ Conductor ก็คิดเหมือนพวกเราแน่นอนค่ะ เพียงแต่ใน GotoKnow ความรู้บางเรื่องที่เราเขียน ก็ต้องอาศัย"กระดาษ"มายืนยันคุณสมบัติเพื่อความน่าเชื่อถือบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่เป็นประสบการณ์ตรง ความรู้ ความคิดนั้นต้องการเพียงสิ่งที่คุณสวัสดิ์บอกเท่านั้นเองค่ะ

สำหรับข้อ 6.)

ผมคิดว่าวิธีที่ดีกว่าคือตอบเป็นบล็อก (ไปเขียนไว้ที่บล็อกตัวเองแล้วลิงก์กลับมา) ข้อดีโดยตรงคือสามารถอ้างอิงได้ และโดยอ้อมคือทำให้เราได้เรียบเรียงความคิดมากขึ้นกว่าเดิม

ครับคุณ

P

คงไม่ได้มีเจตนาเพื่อให้ใครเป็นคนผิด  หรือถูกหรอกครับ...นั่นเป็นเรื่องเหตุผลของมนุษย์ที่สมมติกันไปเองตามบริบทของอำนาจ...ในบริบทแห่งความเท่าเทียมของชุมชนเรา...ของเพื่อน...เรามีแต่ความแตกต่างที่สวยงามครับ...

ผมดีใจที่ภาษาที่ใช้...ไม่ได้สื่อถึงความรู้สึกจริง ๆ ของ
P
เท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ...คำอธิบายทั้งหลายก็คือเสียงเพลงที่บรรเลงเพื่อให้สังคมเราสวยงาม...ผมดีใจเป็นที่สุด...ในที่สุดผมก็ตื่นขึ้นมา...มาพบกับเพื่อนอีกครั้งหนึ่ง...

ขอบคุณในความกรุณาครับ

ผมไม่ได้แก้ไขข้อความในบันทึก เพราะมีผู้ให้ความคิดเห็นมามากแล้ว; อีกอย่างหนึ่งคือผมเป็นเพียงสมาชิกของ GotoKnow ไม่สามารถพูดอะไรไปได้มากกว่าความเห็นส่วนตัว แล้วผมก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์หรือเลิศเลยอะไรเลยครับ ผิดได้+ไม่กลัวที่จะยอมรับต่อผลนั้น คิดว่าไม่มีศักดิ์ศรีอะไรที่จะต้องรักษาให้กับ กระจกเบี้ยวๆที่ส่องแมวเห็นเป็นสิงโต ครับ

ผมหวังและแอบเชื่อว่าในที่สุด ดร.สวัสดิ์ จะเข้าใจครับ ข้อความในบันทึกที่ยาวเหยียด เขียนต่อกันมาเกือบสามชั่วโมงนั้น มีโอกาสหลุดได้จริงๆ แต่บันทึกและความเห็นหลายร้อยอันที่ผ่านมา คงบอกอะไรได้ชัดกว่าบันทึกนี้อันเดียวครับ

เรื่องนี้มีบทเรียนที่ดีครับ

  1. ความไม่มีสติ (ในตอนที่เขียนบันทึก) ไม่เป็นเหตุผลที่ดี ไม่ว่าจะแก้ตัวอย่างไรก็ตาม
  2. เมื่อไม่เข้าใจ ถามเสียก็หมดเรื่อง ดีกว่าคิดไปเอง
  3. สำหรับผม ไม่มีเรื่องตั้งแต่กด "ตกลง" ในตอนที่เขียนบันทึกแล้วครับ -- ผมรู้อยู่แล้วว่าบันทึกนี้ เป็น flame bait (ท่านที่เคยมีประสบการณ์กับ USENET คงรู้ซึ้งดี) แต่เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว ก็ยังคิดว่าน่าจะเขียนครับ
เห็นด้วยกับที่คุณ conductor เขียนทุกอย่าง แต่ติดปัญหาเรื่องทำไม่ได้ครับ T__T  โดยเฉพาะความถี่เนี่ี่ย  ไหนจะอยากเขียน ไหนจะอยากอ่าน อยากร่วมแสดงความคิดเห็น ... มันเป็นอะไรที่ใช้เวลาเรา (ที่มีอยู่น้อย) ไปมากเลยทีเดียว   ทุกวันนี้ผมยังสองจิตสองใจกับเรื่องนี้  เลยผลุบๆ โผล่ๆ ครับ ตามแต่อารมณ์ + เวลาที่มี  แต่ยังไงก็อยู่ตรงนี้ล่ะครับ  เพราะเป็นที่ๆ (เกือบจะ) ใช่เลยสำหรับผม  ณ ขณะนี้ ไม่มีที่ๆ ผมรู้สึกว่าดึงดูดความสนใจได้มากกว่าครับ
บางทีนะครับอาจารย์ F2F กันมากขึ้นก็อาจจะดี (แต่ผมสงสัยว่าตัวเองจะโผล่ไปได้หรือเปล่า)

ไม่ทราบว่ามีใครติดใจประเด็น #11 ไหมครับ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย หากไม่มีการปฏิบัติ

ตรงประเด็น ได้ประโยชน์ เป็นแนวทางที่ดีของการบล็อกค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท