“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (1)


ให้ลูกของเราอยู่กับเรา...อยู่ในบ้านของเราเถอะนะคะ...อย่าปล่อยให้ลูกไปอยู่บ้านเขาเลย เพราะบ้านหลังไหน ๆ ก็ไม่อบอุ่นเท่ากับบ้านของเรา ที่เราช่วยกันถักช่วยกันทอด้วยความรัก

          เมื่อพูดถึงบ้านสิ่งแรกที่นึกถึง คือ ความอบอุ่น ภายใต้ความอบอุ่นของบ้านทำให้นึกถึงปีกอุ่น ๆ ที่ปกคลุมคุ้มครองคนในบ้าน...ต้นมิ๊กกี้เม้าท์ที่ปลูกไว้ในกระถางใบใหญ่หน้าบ้านมีใบเล็ก ๆ ปกคลุมเขียวขจีภายใต้ใบเขียวมีรังนกกระจิบเล็ก ๆ ที่หลุดลุ่ยตามกาลเวลา ห้อยแกว่งไกวไปตามสายลม...รังที่ไร้รัก  ก่อนหน้านี้ทุก ๆ เช้าฉันจะเพียรเฝ้ามองแม่นกกระจิบตัวเล็ก ๆ คาบเส้นหญ้าแห้ง ๆ บินถลามาถักทอก่อรวงรังเส้นแล้วเส้นเล่า วันแล้ววันเล่า บางครั้งกลัวเจ้านกจะตกใจก็แอบชะเง้อมองออกไปทางช่องหน้าต่างเพื่อดูการถักทอ ใบมิ๊กกี้เมาท์พันเกี่ยวร้อยเป็นเกลียวด้วยเส้นหญ้าแห้ง ภายในรังมีฟองนุ่ม ๆ ขาว ๆ คล้ายกับสำลีเพื่อใช้รองรับไข่ใบน้อย ๆ ฉันติดตามดูวันแล้ววันเล่า จนกระทั่งแม่นกออกไข่ กกกอดด้วยปีกอุ่น และแล้วลูกนกหัวโล้น ๆ ก็โผล่ออกมา อ้าปากกว้าง ๆ รอแม่นกหาอาหารมาป้อน จวบจนปีกกล้าขาแข็ง แล้วเริ่มบินถลาออกจากรังในที่สุด นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สิ่งที่ฉันพบอีกครั้ง คือ อีกประมาณสองหรือสามเดือนต่อมา มีแม่นกกระจิบมาวางไข่ที่รังเดิมอีกมีการซ่อมแซมเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเป็นแม่นกตัวเดิมหรือเปล่า หลังจากครั้งที่สองก็ไม่เห็นนกกระจิบอีกเลย ปล่อยรังให้รกร้างว่างเปล่า นี่คือธรรมชาติของนก ที่ทำให้ฉันคิดไปได้มากมาย...คุณกำลังคิดเหมือนฉันคิดหรือเปล่า... “เราจะปล่อยบ้านให้รกร้างว่างเปล่า หรือเราจะมาช่วยกันซ่อมแซมบ้านที่ผุพังของเราอีกครั้ง เพื่อให้เป็นบ้านที่น่าอยู่ดังเดิม”

          ฉันเริ่มนึกถึง “บ้าน”...คนทุกคนย่อมมีบ้าน จะอบอุ่นหรือไม่นั่นก็แล้วแต่ความสัมพันธ์ของคนในบ้าน ความผูกพันของคนในบ้าน บอกตัวเองโดยไม่อายใคร ๆ เลยว่าบ้านฉันอบอุ่นมากที่สุด ก็เพราะทุกคนในบ้านรักกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยอมรับฟังความคิดของกันเสมอ ให้อภัยกันและกัน เราไม่อึดอัดเมื่อนึกถึงบ้าน และอบอุ่นทุกครั้งเมื่อกลับบ้าน แต่มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่อยากกลับบ้าน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนด้วยแล้วน่าเป็นห่วงยิ่งหากเขาเหล่านั้นบอกว่า “ผม/หนู...ไม่อยากกลับบ้าน” เพราะเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ บ้านนั้นอาจไม่อบอุ่นเสียแล้วสำหรับพวกเขา บ้านที่ใช้การปกครองแบบเผด็จการ บ้านที่ไม่มีฟองนุ่ม ๆ มารองรับความบอบบางทางด้านจิตใจของเด็ก บ้านที่ไม่ได้ถักทอมาจากความรัก บ้านที่เด็กเห็นแต่รอยแตกร้าวของฝาผนัง และรอยรั่วของหลังคาบ้าน จนกระทั่งเด็กและเยาวชนหลายต่อหลายคนพากันไปอยู่บ้านหลังใหม่ ที่เรารู้จักกันในนาม “บ้านเมตตา บ้านกรุณา บ้านอุเบกขา และบ้านปรานี” ทำไมเด็กเหล่านี้ถึงได้มารวมตัวกันที่นี่โดยไม่ได้มีการนัดหมายล่ะ ถามคุณค่ะ...คุณอยากให้ลูกหลานของคุณอยู่บ้านหลังไหน?  บันทึกหน้า...จะมาบอกว่าบ้านหลังไหนเหมาะกับเด็กประเภทใดค่ะ แล้วอย่าลืมเลือกบ้านหลังที่อบอุ่นที่สุดให้ลูกคุณนะคะ

ให้ลูกของเราอยู่กับเรา...อยู่ในบ้านของเราเถอะนะคะ...อย่าปล่อยให้ลูกไปอยู่บ้านเขาเลย  เพราะบ้านหลังไหน ๆ ก็ไม่อบอุ่นเท่ากับบ้านของเรา ที่เราช่วยกันถักช่วยกันทอด้วยความรัก

หมายเลขบันทึก: 68213เขียนเมื่อ 19 ธันวาคม 2006 15:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)
มันก็พูดยากนะครับ คือ ผมยังไม่มีลูกหน่ะ แต่ก็มีหลานแล้วหล่ะ แน่นอนก็อย่างที่ คุณ Vij เขียนไว้นั่นแหล่ะครับ เลือกบ้านที่อบอุ่นที่สุด ถ้าใจผมแล้วถ้ามี แฟน มีลูก ผมปล่อยอิสระครับ เหมือน "นก" ให้เค้าเลือกโบยบินเองแล้วแต่ใจเค้า โดยจิตสำนึกของนก หรือของคน ก็ไม่น่าต่างกันนะครับที่ว่า ที่ไหนปลอดภัย อบอุ่น สุขใจ ก็จะเลือกที่นั่นแหล่ะ    ว่ามั้ยครับ

ขอบคุณ คุณ พรหมลิขิต ค่ะ

เอ้าตกลงยังไม่มีแฟนเหรอค่ะ...แล้วนั่นลูกใครค่ะเดินตามหลังมา อ่อ...หลานนั่นเอง ให้เขาอิสระและโบยบินเอง แต่ต้องเคยประคับคองดูแลให้เขาโบยบินอย่างสวยงามด้วยนะคะ ให้เขาได้รับรู้ว่าเราไม่ได้ทิ้งเขาขณะที่ปล่อยให้เขาโบยบิน เขาจะได้บินอย่างไม่โดดเดี่ยวค่ะ บินโดยเอากำลังใจจากเราไปด้วย บินอย่างมีความสุข และสนุกกับการบิน(ไทย)...ยิ้ม ๆ ค่ะ

คุณ Vij ครับ ผมว่าลงมาคุยกันบนพื้นดินดีกว่ามั้ยครับรู้สึกว่ามันจะหวิวหวิวยังไงชอบกลแล้วหล่ะ

ขำ ขำ ค่ะ...ก็ว่าอยู่เหมือนกันแหละ...ยิ่งคุย ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ  กลัวถูกเครื่องบินเฉี่ยว...เอ้า!! ลงก็ลงค่ะ ลงมาคุยกันบนดินแล้ว ฮ่าย!! ค่อยยังชั่ว ลงมาบนดินแล้วก็ว่ากันด้วยการปลูกผักปลอดสารพิษต่อแล้วกัน (ยิ้ม ๆ)

คุณ Vij จำได้ไหมครับว่าครั้งสุดท้ายที่คุณถอดรองเท้าเหยียบบนพื้นดิน ช่วงเช้าๆ หรือตอนเย็นๆ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง???  นอกจากเฉยๆ หรือแค่เปื้อนเท้าอะไรประมาณนั้น ผมเชื่อว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกดีเอามากๆเลยแหล่ะ
  • สวัสดีครับพี่ Vij
  • บ้านเป็นสถานที่ที่มีความสุขที่สุด
  • บ้านเป็นสถานที่สุดท้ายที่เราคิดถึงเมื่อมีสุข
  • บ้านเป็นสถานที่แรกที่เราคิดถึงเมื่อมีทุกข์
  • แต่บ้านและคนในบ้านไม่เคยจากเราไปไหน ยังรอเรากลับบ้านไม่ว่าเราจะทุกข์หรือสุข เพราะบ้านอย่างไรก็คือบ้าน เพราะบ้านอย่างไรก็มีสุข เพราะบ้านอย่างไรก็มีรัก
  • ความรักและความสุข อยู่ที่บ้าน
  • ขอร่วมแรงใจให้พี่น้องไทยกลับมาอยู่บ้านแห่งความสุขกันเยอะ ๆ ครับ

 คุณ พรหมลิขิต

แน่นอนค่ะ...เป็นคนชนบท เลยรับรู้ถึงสัมผัสที่เท้าได้เหยียบลงบนพื้นดินดีค่ะว่ามันดีและวิเศษขนาดไหน ความรู้สึกแตกต่างกันนะคะระหว่างพื้นคอนกรีตกับพื้นดิน พื้นดินคือชีวิตค่ะ ดินอ่อนนุ่มชุ่มเท้ารู้สึกดีทุกครั้งค่ะที่เท้าได้สัมผัสบนพื้นดิน ยิ่งเป็นผืนดินบ้านเกิดด้วยแล้วยิ่งดีกว่าที่ไหน ๆ ค่ะ ดินรับสัมผัสอุ่นร้อนของชีวิตเรา และดินก็ไม่ได้ต่ำต้อยแค่เท้าที่เราเหยียบนะคะ ดินคือชีวิตฉันค่ะ มาอยู่ที่นี่ไม่ได้สัมผัสดินเลยค่ะ ที่นี่มีแต่คอนกรีต

ขอบคุณนะคะที่ทำให้นึกถึงคุณค่าและสัมผัสของดินนึกถึงคุณค่าของดิน

ขอบคุณน้อง ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ นะคะ ที่เข้ามาเติมเต็มความอบอุ่นให้บ้านมีความสุขยิ่งขึ้น เห็นด้วยทุกประการค่ะ "กลับมาอยู่บ้านแห่งความสุขกันเยอะ ๆ" เพราะบ้านเรามีแต่รักและความเข้าใจค่ะ
  • มาใช้ไปหน่อย อยากบอกว่า
  • บ้านควรดูแลให้อบอุ่น ทุกๆคนควรเข้าใจกัน
  • ไปคุยกับหลวงพี่มา
  • ไม่ค่อยได้อยู่บ้านครับ
  • นิมนต์ท่านมาด้วย BM.chaiwut
  • ขอบคุณมากครับ
  • นอนดึกจังดูแลสุขภาพบ้างนะครับ
  • ว่าจะไปนอนแล้วครับ
  • นิมนต์หลวงพี่จำวัดครับ

ขอบคุณคุณ "ขจิต" ค่ะ แวะมาตอนดึก งง ตัวเองอยู่เหมือนกัน คืนนี้เป็นอะไร ทำไมถึงนอนไม่หลับ อ่านหนังสือแล้วก็ยังนอนไม่หลับ งง อุ๊บ!! คุณ "ขจิต" นิมนต์หลวงพี่มาด้วยหรือค่ะ...Vij ไปอ่านหนังสือต่อดีกว่าค่ะ

  • ฝากไปเยี่ยมหลวงพี่หน่อยนะครับ
  • ท่านเพิ่งมาเขียน
  • ขอบคุณมากครับ
แวะไปเยี่ยมหลวงพี่มาแล้วค่ะ คุณ "ขจิต" แล้วตกลงว่าเมื่อคืนหลวงพี่จำวัดได้ใหมค่ะ? (ทะลึ่ง!! ปาบ..กินหัวแล้ว)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท