ความมืดเริ่มปกคลุ่มบริเวณรอบบ้าน แสงตะเกียงที่จุดขึ้นเพื่อขับไล่ความมืด สว่างพอที่จะทำให้มองเห็นทุกอย่างได้ คงเป็นเพราะสายตาที่ชินกับความมืดมาแสนนาน สำหรับเราซึ่งเกิดและเติบโตในผืนแผ่นดินของชนบทที่ห่างไกลความเจริญ แสงจากตะเกียง เทียนไข เป็นแสงที่ให้ความสว่างมากพอสำหรับชีวิต ณ ขณะนั้น เพราะทุกคนในหมู่บ้านแทบจะไม่รู้จักไฟฟ้าด้วยซ้ำไป
ค่ำคืนนี้ ก็เหมือนเช่นทุกคืน ทุกคนในบ้านล้อมวงนั่งทานข้าว ซึ่งมีกระป๋องตะเกียงตั้งอยู่ตรงกลางและมีกับข้าววางอยู่รอบ ๆ ลมพัดเอื่อย ๆ เข้ามาตามช่องชายคาของบ้าน ฝาผนังที่ทำด้วยไม้กระดานแผ่นขนาดใหญ่พอประมาณตอกด้วยตะปู บ้านยกพื้นมีใต้ถุนเป็นบ้านตามชนบทที่แทบจะเหมือนกันทุกหลังคาเรือน ลมที่พัดเอื่อยเข้ามาทำให้เปลวไฟของตะเกียงไหวเอนตามกระแสแรงลม เราช่วยกันเอามือป้องแรงลมเพื่อไม่ให้ไฟตะเกียงดับ และมันได้ผลแทบทุกครั้งที่เราใช้มือช่วยกันป้องแรงลมเอาไว้
บรรยากาศเหงา ๆ ของคืนนี้ มองดูพี่ฉันเศร้า ๆ เหลือเกิน เพียงเพราะคำว่า "อุดมการณ์" ที่เรากำลังหาข้อยุติ ทำให้ฉันต้องรีบทำลายบรรยากาศเหงา ๆ ออกไปด้วยการชวนกันไปจับหิ่งห้อยหลังบ้าน พี่บอกให้ฉันวิ่งไปเอาถุงใส ๆ เพื่อมาใส่หิ่งห้อย ครั้งแรกที่สมองฉันคิด แค่จับหิ่งห้อยมาใส่ฝ่ามือสักสองสามตัวให้สนุกเล่นเพื่อทำลายบรรยากาศก็เพียงพอ แต่ไม่คิดว่าพี่จะจริงจังกับการจับหิ่งห้อยครั้งนี้ คำพูดหนึ่งที่หลุดออกมาเหมือนกับเป็นสัญญาระหว่างพี่กับน้อง “น้องต้องสัญญาว่า...เราต้องปล่อยให้เขาอิสระ เมื่อจับมาชื่นชมได้แล้วนะครับ” ฉันถึงกับจ้องหน้าพี่เพื่อพิจารณาคำพูดอีกครั้ง ในใจขณะนั้นฉันยิ้มกับคำพูดของพี่ที่หลากหลายด้วยความหมายมากมายเหลือเกิน "เราต้องปล่อยให้เขาอิสระ เมื่อจับมาชื่นชมได้แล้ว" ฉันทบทวนคำพูดนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า...
หิ่งห้อยนับร้อย ๆ ตัว บินว่อนอยู่ในห้องนอน ส่องแสงกระพริบสวยงามในยามมืดสนิทแห่งรัตติกาล ทุกอย่างเงียบสงัดในตอนเที่ยงคืน ฉันมองแสงหิ่งห้อยด้วยสติ คิด พิจารณา คำว่า “อุดมการณ์” เพื่อสังคม เพื่อชาวบ้าน เพื่อความยากจนที่ต้องขจัดออกไป เพื่อโอกาสของคนที่ไม่เคยได้รับโอกาส เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน ฉันเป็นคนชนบทแท้ ๆ แต่กลับไม่เคยได้คิดถึง “อุดมการณ์” เช่นนี้เลย ในความมืดหิ่งห้อยที่ส่องแสงเพียงน้อยนิด แต่เมื่อรวมตัวกันจากหนึ่ง เป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย และเป็นร้อย ๆ ตัว ทำให้แสงในห้องสว่างเหมือนกับตอนที่เราจุดตะเกียงล้อมวงกันทานข้าวก็ไม่ปาน
แสงแห่ง “อุดมการณ์” เริ่มสาดส่องเข้ามาในความคิด ฉันเริ่มคิดเมื่อมองเห็นแสงหิ่งห้อยนับร้อย ๆ ตัว อุดมการณ์ของพี่ที่พยายามบอกให้ฉันเข้าใจในตัวตนของเขา...
“ขอเอางานที่ชอบ มอบให้แก่วิญญาณ
ขอเอาร่างกายและแรงเท่าที่มี มอบให้เพื่อใช้หนี้ปวงประชา
ขอผมจงได้เดินต่อในอุดมการณ์ที่มุ่งมั่น...ตามที่ฝันไฝ่ ต่อไป”
แสงหิ่งห้อย...คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับ “อุดมการณ์” เพื่อคนในชนบทที่ห่างไกลที่ไร้แม้แต่แสงไฟจากตะเกียง “อุดมการณ์” ที่เต็มเปี่ยมล้นไปทั่วตัวตนของเขากระมังที่ทำให้ฉันยอมแพ้แก่มัน หิ่งห้อยที่ยังคงทำหน้าที่ส่องแสงกระพริบตามริมทางกลางป่าอันมืดมิด เพื่อให้แสงสว่างแก่ผู้เดินทางยามค่ำคืนในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ คงมีคนไม่มากมายนักที่จะทำประโยชน์เพื่อปวงประชาที่ยากไร้ในชนบท เพียงเพราะเราเกิดมาจากดิน...จึงได้รู้และทดแทนบุญคุณของผืนแผ่นดินบ้าง แม้แสงจะน้อยนิดแต่มันกลับยิ่งใหญ่ในความเป็นคนที่เท้าติดดินอย่างเรา
ฉันคงไม่ขอร้องให้เขาทบทวนชีวิตอีกครั้ง แต่จะขอให้หิ่งห้อยตัวน้อยของฉันจงส่องแสงต่อไปเพื่ออุดมการณ์ที่เขามุ่งมั่น...ตามที่ฝันใฝ่ ต่อไป เพื่อส่องนำทางแก่ผู้ยากไร้ที่ไร้แม้กระทั่งโอกาส ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ นั่นคืออุดมการณ์ที่เขามุ่งมั่น สำหรับฉันขอแค่ให้เขาไม่ลืมคำว่า "องค์รวมและรอบด้าน" ก็เพียงพอแล้ว
คุณ "ขจิต"
ดูเหมือน "คุณขจิต" กับหิ่งห้อยตัวน้อยจะรู้จักกันดีเหลือเกินนะค่ะ ถึงเข้าใจความตั้งใจอันสูงส่งของหิ่งห้อยน้อย
คุณขจิต ก็เป็นหนึ่งในหิ่งห้อยหลาย ๆ ตัว ที่ช่วยกันส่งแสงนั้นให้สว่างเช่นกันมิใช่เหรอค่ะ งานยังยุ่ง ๆ อยู่หรือเปล่าค่ะช่วงนี้ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยค่ะ...
ด้วยความเคารพค่ะคุณขจิต...ยังระลึกถึงเสมอค่ะ
ดีใจจังค่ะ...ที่คุณครู "Handy" แวะเวียนมา
ขอบคุณสำหรับความเห็นที่มาเติมเต็มค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลย...เหมือน ๆ กับให้กำลังใจกัน
ขอบคุณที่แปล่งแสงด้วยความรักและเมตตา
ที่สว่างเสมอมาในใจใคร ๆ หลาย ๆ คน
รักษาสุขภาพนะคะ
คุณ "ขจิต" แนะนำมาไม่ใช่เหรอค่ะ
"vij" เขลาไปหน่อย
เลยมีแพลนเน็ตช้ากว่าคนอื่น ๆ เขา
ครูดีค่ะ แต่นักเรียนไม่เอาไหน
แต่มันก็แพ้ความพยายามจนได้
ยังติดใจความคิดเห็น คุณครู "Handy"
สำนวนภาษาคุ้น ๆ เหมือนใครบางคนจังค่ะ
"ตัวตน" แห่งเรา
แม้นเป็นเพียงหิ่งห้อยที่น้อยแสง
ด้อยด้วยแรงส่องสว่างกลางฟ้าใส
คืนเดือนดับมืดมัวทั่วถิ่นไพร
หิ่งห้อยไซร้สว่างจ้ายิ่งกว่าจันทร์.....งาม
ขอเป็นแรงใจให้เหล่าหิ่งห้อย.....น้อย
และคนรักหิ่งห้อยได้เข้าอกเข้าใจกัน.....เช่นนี้
ให้มีมากขึ้น มากมาย ตลอดไป
"หิ่งห้อยตัวน้อยนิด ชั่งลิขิตขีดเขียน
อุดมการณ์บนเส้นทาง...gotokrow
หิ่งห้อยเกี่ยวก้อยร้อยดวงใจให้เป็นหนึ่งเดียว
หิ่งห้อยหลาย ๆดวง ร่วมสานฝันชีวิตชนบทไทย "
น้องนิว...คนสวย
น้องนิว แอบน้อยใจใครหรือเปล่าเอ่ย...
แสงส่องของน้องพี่ใยพี่นี้จะไม่เห็น
หิ่งห้อยตัวน้อยของพี่
พี่ยังมอง...พี่ยังเห็น แสงที่ส่งประกายในความมืด
สักวันแสงนั้นจะสว่างเจิดจ้าทั่วแผ่นฟ้าเลยจ๊ะ...น้องรัก
คิดถึงหิ่งห้อยน้อยของพี่เสมอจ๊ะ
คุณ "ไม่แสดงตน"
ขอบคุณค่ะ สำหรับคำประพันธ์ที่แสนจะห่วงใย และจริงใจ
ขอบคุณแรงใจที่มอบให้หิ่งห้อยน้อย ๆ ที่ทำเพื่ออุดมการณ์ที่ฝันใฝ่
คุณ "ขจิต" จะทุบน้องนิวได้ลงคอเหรอคะ
น้องกำลังเริ่มส่องแสงเจิดจรัสนะคะ
เอ! แต่เขาบอกว่า "กระท้อน" ยิ่งทุบยิ่งหวาน
หรือว่าเราจะช่วยกันทุบดีค่ะ
คุณ น.เมืองสรวง
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับการแวะเวียนมาให้กำลังใจ
ช่างเป็นคำประพันธ์ที่ร้อยดวงใจเหล่าหิ่งห้อยน้อย ๆ
ที่กำลังจะเริ่มส่องแสงได้มีกำลังใจส่องนำทางต่อไป
หากหิ่งห้อยเกี่ยวก้อยกัน...ส่องแสง
ชีวิตคนชนบทคงงดงามขึ้นดังแสงที่เราช่วยกันส่องให้เขา
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ...สำหรับกำลังใจ
แป่ววว อย่าทุบนิวเลย เหอ ๆ กลัวแย้ววววว จ้า...!!!..คิดถึงอาจารย์จังเยยยย แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาคะ แต่จะเข้ามาอ่านบ่อย ๆ นะคะ.....ขอบคุณสำหรับความห่วงใย...และขอให้มีความสุขมาก ๆ ตลอดไปคะ
เรียน ผอ.บวร
ขอบพระคุณยิ่งสำหรับกำลังใจที่มอบให้หิ่งห้อยน้อย ๆ ที่เริ่มหัดบิน เริ่มหัดส่องแสงในยามค่ำคืน
ที่ยังกลัวกับความมืดมิดอยู่บ้างบางเวลา
แต่แค่ใจไม่ท้อก็เลยหัดบิน หัดส่องแสงแห่งตนออกมา
จะอยู่เพื่อสรรสร้างสิ่งดีงามให้แก่สังคมค่ะ
คุณ "ขจิต"
ทำไมถึงใจร้ายกับน้องกับนุ่งได้ปานนี้ค่ะ คุณขจิต
มีที่ทุบเหล็กอีกสักตัวใหม...ช่วยวางไว้ด้านขวามือหน่อยค่ะ
เอาให้น่วมเลยค่ะเด็กคนนี้ "ดื้อ" นัก ทะเล้นอีกต่างหาก
จะได้ช่วยกันทุบช่วยกันตี "กระท้อน" จะได้หวานเร็ว ๆ ทันใจดี
อ้าว!! คุณชายขอบ หายไปไหนมานาน...จังค่ะ
พอแวะเวียนมาอีกทีก็จะมาขโมยบทความกันเลยเหรอค่ะ
อนุญาตดีกว่าเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ และรักษามารยาททางสังคมด้วย
คุ้น ๆ ว่าจะขโมยของใครคนหนึ่งมาเหมือนกัน
ถ้าคุณ "ชายขอบ" จะขโมยต่อก็ไม่เป็นไร เจ้าของเขาคงอนุญาตและดีใจค่ะ (ผลัดกันขโมย)
แสงไฟนีออนที่สาดแสงแรงจ้า...ยามเมื่อมองทุกครา...แสงจ้านั้นทำให้แสบตา
แสงหิ่งห้อยน้อย ๆ...ส่องแสงอ่อนนุ่มละมุนละไมย...มองคราใดแสงนั้นแสนสบายตา
ยามเปิดไฟสลัวแต่พองาม...จึงได้เห็นแสงหิ่งห้อยนั้น...คอยส่องนำทางเสมอ ๆ
หิ่งห้อยเป็นแสงแห่งชีวิต...แสงดีออน ฤ จะสู้แสงหิ่งห้อยแห่งชีวิตเรา
มาอารมณ์ไหนค่ะคุณ "พี่ชายขอบ" มาถึงก็แซวคุณ น้องเชียวแหละ...ขี้เซาเหรอคะ บางวัน บางเวลา บางสถานที่ และบางความจำเป็นเท่านั้นแหละค่ะ
ตราบใดที่เรายังต้องการอิสระ...ย่อมไม่แตกต่างกับสรรพสิ่งที่มีชีวิตในโลกใบนี้...ทุกชีวิตต้องการอิสระที่จะคิด ที่จะโบยบิน...อิสระแห่งชีวิต
ยามเราเป็นเด็กมักจะกำหิ่งห้อยไว้ในฝ่ามือ...กำไว้จนแน่นไม่ยอมปล่อยวาง...สุดท้ายเมื่อแบมือออกจึงรู้ว่าหิ่งห้อยตายคามือ...เราเสียใจ เศร้าใจ...สุดท้ายจึงได้รู้ว่า...ที่แท้ทุกสรรพสิ่งต้องการอิสระภาพ...ต้องการอากาศหายใจ...ต้องการโบยบิน...เราจึงให้อิสระแก่ทุกชีวิตที่เรารักค่ะ