ขอบคุณ คุณเบิร์ด ที่้ชวนเล่นเกมส์ blog tag ซึ่งทำให้คนรู้จักและเข้าใจกันมากขึ้น
จริง ๆ เรื่องที่จะเล่านี้ไม่ลับที่ไม่ธรรมดา ของคนธรรมดาคนหนึ่ง
1. สิ่งที่อยากทำมากที่สุดในชีิวิตคือปฏิบัติธรรมจนได้นิพพาน
เป็นความใฝ่ฝันและมีความรู้สึกตั้งแต่เรียนประถมแล้วว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์พึงจะขวนขวายพากเพียรปฏิบัติให้ได้ ช่วงที่เรียนที่ต่างประเทศบางช่วง อาจจะลืมในเรื่องธรรมะ ไปบ้าง แต่ตอนเช้าก็จะเหมือนมีใครมาสอนหรือมากระตุ้นให้กลับมาสนใจใหม่ เคยได้รับฉายาจากเพื่อน ๆ มงฟอร์ตว่า ท่านมหา จากเพื่อนนักเรียนทุนว่า นางชี แต่จริง ๆ ตนเองคิดว่าตนเองยังไม่ใช่เป็นคนที่ดีมาก หรือเป็นคนที่ปฏิบัตธรรมะได้ดีแล้ว แต่เป็นคนที่สนใจธรรมะและต้องการปฏิบัติธรรมได้มากกว่านี้ และอยากเป็นคนดีมากกว่านี้ หลังเกษียณแล้วและไม่มีภาระผูกมัดอะไรหรือไม่สามารถทำประโยชน์ในทางโลกได้แล้ว คิดว่าจะไปบวช
2. เป็นคนที่สนใจและถนัดวิชาสายศิลป์มากกว่าสายวิทย์
เป็นคนชอบอ่านกลอนทั้งไทยและอังกฤษ อ่านหนังสือปรัชญามากจนอ่านหนังสือทุกเล่มในหมวดปรัชญาในห้องสมุดของโรงเรียนศิริมาตย์เทวี พาน เชียงราย ชอบติดตามข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมตอนสอบชิงทุนกระทรวงวิทย์ ทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ไม่ค่อยได้ แต่รู้สึกสนุกในการทำข้อสอบวิชาสังคม เขียนเรียงความเพื่อตอบโจทย์ที่ให้มาจนไม่มีที่จะให้เขียนให้สมุดคำตอบ หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วทำไมมาเรียนสายวิทย์ ตอนจบ ม 3 ถามแม่ว่าจะให้เรียนสายไหน เพราะคิดว่าเรียนได้ทั้ง 2 สาย แต่จริง ๆ คิดว่าทำได้ดีมากในสายศิลป์ แม่บอกว่าให้เรียนสายวิทย์เพราะหางานง่ายกว่า มาถึงตอนนี้ก็ดีใจที่เรียนต่อสายวิทย์ เพราะจริง ๆ ตนเองก็เรียนได้ และประเทศไทยก็ขาดแคลนบุคลากรทางด้านสายวิทย์มากกว่าสายศิลป์
3. ขับรถจริง ๆ ครั้งแรกตอนอยู่นิวยอร์ก
ด้วยความที่ฐานะทางบ้านยากจน ที่บ้านมีแต่รถจักรยาน จึงขับรถไม่เป็น แต่ตอนเรียนปริญญาเอก ได้ฝึกงานที่ IBM TJ Watson Research Center ที่นิวยอร์ก ต้องขับรถเนื่องจากไม่มีรถโดยสารผ่านสถาบันวิจัยนี้ จึงซื้อรถของรุ่นน้อง และให้คุณไฟว์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทขับรถจากมิชิแกนไปนิวยอร์กเพื่อเอารถไปขับที่นิวยอร์ก จริง ๆ เคยหัดขับรถมาก่อน แต่หัดขับรถจริง ๆ ตอนที่อยู่เมือง San Jose, California แต่ตอนนั้นมีครูสอนช่วยอยู่ในรถตลอดเวลา แต่พอมาอยู่นิวยอร์กต้องลุยเดี่ยว ก่อนขับรถออกไปฝึกงาน ก็ภาวนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ุคุ้มครองทุกครั้ง เพราะคนที่นั้นขับรถเร็ว และต้องขับรถบนทางด่วนด้วย อีกทั้งเป็นคนจำทางไม่ค่อยแม่น เพราะฉะนั้น อาทิตย์แรกของการฝึกงาน ขับรถหลงทางเป็นส่วนใหญ่ เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้น และน่าหวาดเสียว
4. เคยสอบเกือบตกวิชาภาษาอังกฤษ
ตอนเรียนมัธยมต้นอยู่ที่โรงเรียนศิริมาตย์เทวี พาน เชียงราย ทำข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษดีอยู่ ไม่คิดว่าตนเองอ่อนภาษาอังกฤษ จนกระทั่งมีคุณโอห์มซึ่ีงเป็นเพื่อนสนิทชวนไปสอบที่โรงเรียนปรินซ์รอแยล และโรงเรียนมงฟอร์ตที่เชียงใหม่ ปรากฎว่าตอนไปสอบเข้า ในวิชาภาษาอังกฤษ เรากาข้อสอบมั่ว 25 ข้อจาก 100 ข้อ เพราะอ่านโจทย์ไม่รู้เรื่อง แต่ปรากฎว่าก็ยังโชคดีที่สอบเข้าได้ทั้ง 2 แห่ง แต่แม่ก็แนะนำให้เข้าโรงเรียนมงฟอร์ต เพราะญาติบอกว่าสถิติสอบเอ็นท์ติดได้มากกว่าในสายวิทย์ พอเข้าไปเรียน ในการประกาศผลสอบมิดเทอม เราเป็นเด็กต่างจังหวัดต่างอำเภอที่ท๊อปวิชาภาษาไทย แต่เกือบตกวิชาภาษาอังกฤษ เพื่อนในห้องก็งง แต่เราไม่งง เราคิดว่าเ็ป็นเพราะมาตรฐานการศึกษาในเมืองเล็กกับเมืองใหญ่แตกต่างกันมาก เราก็เจ็บใจในความแตกต่างนี้ จึงเลือกที่จะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยในต่ีางจังหวัด เพราะอยากจะช่วยเด็กต่างจังหวัดให้มีโอกาสและมาตรฐานการศึกษาที่ไม่แตกต่างจากในกรุงเทพมาก
อย่างไรก็ตาม เราก็โชคดีที่อยู่หอพักของครูที่สอนวิชาภาษาอังกฤษ และเราได้พยายามอ่านหนังสือที่เขามีอยู่เนือง ๆ จนทำให้จากที่เคยสอบอังกฤษเกือบตกใน ม 4 เทอม 1 มาเป็นเืกือบท๊อป ใน ม 5 เทอม 2
5. เคยสอบตกในการสอบมิดเทอมวิชาพื้นฐานวิศวกรรมไฟฟ้าและวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ตอนเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี้ เมลอน ประเทศสหรัฐอเมริกา คณะวิศวกรรมศาสตร์ให้นักศึกษาปี 1 เรียนวิชาพื้นฐานของวิศวกรรมศาสตร์ในสาขาต่าง ๆ 2 สาขา เพื่อเลือกเรียนในสาขาที่ตนเองถนัดและสนใจในปี 2 ในเทอม 1 เราก็เรียนพื้นฐานวิศวกรรมโยธา ซึ่งพอรวมคะแนนทั้งหมดแล้ว เราได้รองท๊อปจากนักศึกษาทั้งหมดที่ลงในวิชานั้น เราก็ภูมิใจ แต่เราก็คงไม่เรียนวิศวกรรมโยธา เพราะเราไ้ด้รับทุนจากรัฐบาลให้เรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ตอนเทอม 2 ปี 1 จึงเรียนพื้นฐานวิศวกรรมไฟฟ้าและวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ปรากฎว่าเราสอบได้ 27 จาก 100 เรารู้สึกเสียใจมาก เพราะเราต้องกลับไปเป็นอาจารย์สอน แต่เราก็พยายามและขยันให้มากขึ้น ที่นั้น การเรียนที่นั้นจะมีคะแนนการบ้าน คะแนนสอบย่อย และคะแนนจากส่วนอื่น ๆ ค่อนข้างเยอะ ตอนสอบปลายภาค เราก็ทำข้อสอบได้ วิชานี้เราจึงได้ A มาในที่สุด และเราก็ขยันและพยายามเรียนจนจบและได้เกียรตินิยม
ขอบคุณค่ะที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ ยาวหน่อย แต่คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่พบได้ง่าย ๆ สำหรับการต่อสู้และความพยายามในการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเพื่อที่จะทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้มากขึ้น
ขออนุญาต blog tag ไปที่ ..
ขออนุโมทนาในข้อที่ 1 ครับ
ส่วนข้อที่ 3 นั้นเยี่ยมมากเลยครับ ผมขับรถเข้า New York ยังมือสั่นเลยครับ คนขับรถดุเดือดกว่าทุกที่ที่ผมเคยขับอย่างเห็นได้ชัด
ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้อ่านท่านอื่นว่าที่ New York, NY นี่สถิติเขาว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนเดินเร็วที่สุดในโลก และคนขับรถดุ (แต่ถูกกฎจราจร) ที่สุดในโลก ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่หัดขับ ดังนั้นมือใหม่หัดขับใน New York นี่ถ้าไม่แน่จริงขับไม่ได้นะครับ
ข้อ 1 อาจารย์ครับบวชนี่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อทางโลกมากนะครับ...ไม่เชื่อถามพระอาจารย์ชัยวุธของผมก็ได้...555
ข้อ 2 ผมก็เรียนสายวิทย์มาตลอด...ตอนเรียนมัธยมไม่ชอบภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภาษาไทย หน้าที่พลเมือง...แต่ตอนนี้สิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุดคือวิชาพวกนี้อ่ะครับ....อิอิ
ข้อ 3 ถ้ามาขับรถที่บ้านผมต้องระวังมอไซด์ครับ...นึกจะโผล่ก็มา...จะเบียดจะแซง...น่าหวาดเสียวกว่าครับ
ข้อ 4 ภาษาอังกฤษเป็นปัญหาสำหรับผมจริง ๆ ครับ...เคยไปอบรมระดับนานาชาติ(ในประเทศไทย) ผมพูดจนเมื่อยมือเลยครับ...อิอิ
ข้อ 5 อาจารย์เป็นคนมุ่งมั่น...เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทยจริง ๆ ครับ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจจากอาจารย์นมินทร์
ขอบคุณอาจารย์จันทวรรณและอาจารย์ปิยะวัฒน์ที่มาเยี่ยมชมบันทึกค่ะ จริง ๆ ไม่ได้ขับรถในตัวเมือง New York City แต่ขับรถในรัฐนิวยอร์ก
ขอบคุณคุณขจิตที่บอกคำที่สะกดผิดค่ะ แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่คิดว่าวันที่ 17 นี้จะไม่้อยู่ขอนแก่นค่ะ จะไปต่างจังหวัดค่ะ เสียดายที่ไม่ได้ร่วมพบกับบุคคลที่น่านับถือหลายท่านซึ่งรวมถึงคุณขจิตด้วยค่ะ
คุณขจิตค่ะ ขอบคุณค่ะที่ถามเรื่องการไปกรุงเทพ ไปกรุงเทพมาก็ดีค่ะเพราะได้ประโยชน์หลายอย่าง ได้ทั้งเตรียมลูกศิษย์ในการนำเสนอโครงการในรอบชิงชนะเลิศของ National Software Contest (NSC) ได้ทั้งเป็นกรรมการตรวจโปรแกรม ในหัวข้อ Web Services ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ไม่มีโครงการที่ตัวเองเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเข้ารอบชิงชนะเลิศในหัวข้อนี้ แต่ก็ดีใจที่มีโอกาสตรวจ เพราะได้ทราบความก้าวหน้าของการพัฒนาเว็บเซอร์วิสของสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ได้คุยเรื่องงานวิจัยกับ Biotec และ Nectec ได้เอาใบที่มีลายเซ็นของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ป โท กลับมาที่ขอนแก่น และได้เจอเพื่อน ๆ พี่ ๆ หลายคนค่ะ นักศึกษาที่เข้าไปชิงในโครงการโปรแกรมอ่าน RSS Feed ให้กับผู้พิการทางสายตา ก็ได้รางวัลพิเศษเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท จากสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย
ขอบคุณคุณโอ๋สำหรับคำชมค่ะ จริง ๆ แล้วคิดว่าทุกคนก็มีความไม่ธรรมดาอยู่ค่ะ คุณโอ๋เองก็มีความไม่ธรรมดา อย่างเช่น ความสามารถในการทำงานฝีมือ
ขอบคุณคุณนายขำสำหรับคำชมนะค่ะ จริง ๆ แล้วก็เห็นด้วยค่ะว่าการบวชก็มีประโยชน์ทางโลกเหมือนกัน แต่อย่างน้อยตอนนี้อยากจะชดใช้ทุนและถ่ายทอดความรู้ที่เรียนมาให้กับคนไทยก่อนค่ะ อยากจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ และมีคนที่เขาอยากจะให้เราเป็นคู่ชีวิตเขาค่ะ เพราะฉะั้นั้นก็คงจะบวชตอนนี้ไม่ได้ค่ะ
อดแสดงความเห็นไม่ได้...เยี่ยมมากครับ...ตื่นเต้นดี...ด้วยความตั้งใจในเรื่องที่ดีๆ ผมคิดว่าอาจารย์คงจะได้ทำในทุกเรื่องที่อาจารย์ตั้งใจไว้นั่นแหล่ะ...ขอเป็นกำลังใจด้วยคนครับ...เชียร์ๆ
สวัสดีค่ะอาจารย์กานดา..
จบมงฟอร์ตฯเหมือนกันเลยค่ะ แถมเป็นคนชร.เหมือนกันอีก ดีใจจัง..ที่คน ชร.มีแต่คนดีๆ ( ยกหางตัวเองฮี่ ฮี่ )
ความลับของอาจารย์อ่านแล้วเบิร์ดรู้สึกปลื้มใจกับความตั้งใจของอาจารย์มากเลยค่ะ เอาใจช่วยนะคะ..
ขอบคุณคุณสุภาพค่ะที่มาให้กำลังใจ
ขอบคุณคุณเบิรด์ค่ะที่มาอ่านแล้วบอกว่ารู้สึกปลื้มใจ ขอบคุณค่ะที่เอาใจช่วย ไม่ว่าคุณเบิร์ดเรียนมงฟอร์ตในช่วงไหนคะ ต้อมเรียนมงฟอร์ตตั้งแต่ปี 2533 - 2535 (ม. 4 - ม. 5) ตอนเรียน ม. 5 สอบเทียบและสอบชิงทุนรัฐบาลได้ แล้วไปเรียนต่อที่อเมริกา แล้วคุณเบิร์ดเป็นคนเชียงราย อำเภออะไรคะ ต้อมเกิดและอยู่อำเภอพาน จนถึง ม. 3 ตอนไปเรียนอเมริกาแล้วกลับมาเยี่ยมบ้าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 วัน และใช้เครื่องโดยสารทุกประเภท ตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินจากอเมริกามาลงกรุงเทพ ขึ้นรถไฟจากกรุงเทพไปเชียงราย ขึ้นรถโดยสารจากเชียงใหม่ไปอำเภอเมืองเชียงราย ขึ้นรถโดยสารเล็กจากอำเภอเมืองเชียงราย ไปอำเภอพาน ลงที่หน้าตลาด ขึ้นสามล้อจากหน้าตลาดไปลงที่บ้านที่อยู่หลังตลาด
ผมตามมาจาก blog เบิร์ด ครับ
ผมทึ่งอาจารย์กานดามากเลยครับ อาจารย์เป็นคนที่มีความมุมานะสูง ผมสังเกตว่าคนที่ประสบความสำเร็จจะเป็นคนที่ทำอะไรก็ทำอย่างมุ่งมั่นไม่ท้อถอย เรียกว่ามีลูกฮึดลูกอึด อาจารย์คงเป็นอย่างนั้นนะครับ
ผมเองก็เคยไปสอบมงฟอร์ตและปรินซ์รอยเหมือนกันครับ หลังจากจบมศ. 3 ที่เชียงรายวิทยาคม ตอนนั้นตัดสินใจไปมอบตัวที่ปรินซ์รอย แต่ไม่ได้เรียนเพราะอีกไม่กี่วันถัดมาทราบว่าติดที่เตรียมอุดม โรงเรียนศิริมาตย์เทวีนี่ก็ดังนะครับสมัยผมเรียนก็ได้ยินข่าวคราวตลอด
ผมก็ชอบอ่านหนังสือบนเส้นทางชีวิตของอาจารย์ประเวศมากครับ ให้กำลังใจเด็กบ้านนอกได้ดีจริงๆ ยังเคยคิดเลยว่าอยากให้โรงเรียนต่างจังหวัดบังครับให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา เพราะอ่านแล้วอยากขยัน อยากทำความดีครับ น่าจะทำให้เด็กๆ มี inspiration ได้มากครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ต้อม..
เป็นรุ่นน้องมงฟอร์ตฯ ของพี่ ( นับญาติเลยเห็นมั้ย ^ ^ ) อยู่ประมาณ 6 ปีมั้งคะ ..เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคราว่าเป็นอย่างนั้น ( บอกให้รู้ว่าเบิร์ดแก่ขนาดไหน อิ อิ )
พี่ ( เห็นมั้ยว่านับญาติอีกแล้ว..) เป็นคน อ.เมือง จ.ชร.ค่ะ จบ ม.3 จากดำรง ฯ ก็ต่อ มงฟอร์ต ฯ เลยไม่ได้ไปสอบที่อื่น..เห็นการเดินทางกลับบ้านของอาจารย์ต้อมแล้ว..เชื่อเลยค่ะว่าอึดจริงๆ..
อืม..ตอนนี้เบิร์ดเจอคน ชร.ใน g2k ..3 คนแล้ว มี อ.มาโนช , อ.ต้อม และเบิร์ด.. ปลื้มใจจัง
ขอบคุณค่ะคุณประพันธ์ คุณณัฐกานต์ อ. มาโนช คุณขจิต พี่เบิร์ด และคุณ Bright Lily ที่แวะมาเยี่ยมและแสดงข้อคิดเห็นที่ให้กำลังใจ
พี่เบิร์ดและ อ มาโนชค่ะ ดีใจค่ะที่เจอคนเชียงรายด้วยกัน แต่ตอนนี้ต้อมไม่ค่อยได้ไปเชียงรายแล้ว เพราะแม่ย้ายมาอยู่เชียงใหม่แล้ว พี่เบิร์ด และ อ มาโนช ได้กลับไปเชียงรายบ่อยไหมคะ
คุณ Bright Lily ค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับคำชม แต่ไม่คิดว่าตนเองเป็นคนคุณภาพระดับประเทศไทยค่ะ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของสังคมที่ต้องการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเพื่อส่วนรวมค่ะ ในเชิงวิชาการ ยังต้องพัฒนาขึ้นไปอีก ที่ผ่านมาส่งแต่บทความภาษาไทย ตอนนี้จะต้องเขียนบทความภาษาอังกฤษแล้ว ในเชิงจิตใจ ยังต้องพัฒนาอีกเช่นกันค่ะ อยากจะ่สามารถฝึกสติได้อยู่ตลอดเวลา และมีความรักและเมตตาต่อทุกคนแม้คนนั้นจะไม่ชอบเราหรือกระทำไม่ดีต่อเรา
ชอบอ่านคอลัมน์ของอาจารย์มากๆๆ เลย ขออนุญาตอาจารย์ รวมblog ของอาจารย์ไว้ที่ แพลนเน็ต นะคะ ซึ่ง เพื่อ ไว้ เข้ามา ก็สามารถอ่านหรือ update ข้อความที่อาจารย์ เขียน ไว้ ได้ เลย คะ
อยากเป็นคนที่มีความมุมานะสูง และก็มุ่งมั่นไม่ท้อถอย อย่างอาจารย์คะ
ขอบคุณ คะ
ขอบคุณที่นำเสนอเรื่องราวให้คนทั่ว ๆ ไป ได้เป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจครับ แต่ผมชอบที่อาจารย์พูดถึงคนที่อยากให้อาจารย์เป็นคู่ชีวิตมากกว่า
หลาย ๆ คนอาจให้คุณค่าของคนอยู่ที่ หน้าที่ การงาน ความรู้ ประสบการณ์หรืออะไรก็ตามที่ อาจเห็นและสัมผัส แต่ผมเชื่อในคุณค่าความรักที่ไม่ใช่การครอบครอง และความรักของคนที่มีสติพร้อม เป็นความรักที่โอบอ้อมเอื้ออารีที่สุด
ผมเชื่อในพระเจ้าแต่ว่า ทั้งตระกูลนับถือพุทธ ผมไม่รู้ว่าสิ่งใดดีกว่าสิ่งใดได้แต่ผงกศรีษะในสิ่งที่บอกแต่ในใจลึกลึกแล้วอยากโต้แย้งทั้งคำสอนของทั้ง2อย่างแต่ก้อได้แค่คิดคับ เลยเป็นคนทีครึ่งคึ่งกลางกลาง กับเรื่องแบบนี้ครับ