ตอนยังเด็ก แม่บดกล้วย ที่ปอกเปลือกแล้วเลือกขูดเอาแต่ผิวที่งอมแล้วของกล้วยน้ำว้า บดแล้วบดอีก แล้วมาป้อนให้ลูกน้อย สลับกับน้ำอุ่น แม่เล่าว่า " อ้อยกินกล้วยเก่งมาก ผลุบหาย...ผลุบหาย "
แม่ยังเล่าอีกว่า ครูอ้อยกินกล้วยเก่ง ผิวเนื้อของครูอ้อยจึงแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ท้องดี ไม่เสีย ไม่ท้องผูก และหลับสบาย
เสียดายรูปภาพหากล้วยน้ำว้าไม่พบ เลยเอารูปกล้วยหอมที่ส่งออกนอกมาโพสต์
พอโตขึ้นมา นั่งได้แล้ว ประมาณ 8 เดือนมั๊ง
แม่ยังเล่าอีกว่า " ปอกเปลือกกล้วยให้และจับใส่มือให้ ลูกยังหยิบใส่ปากไม่เป็นเลย "
พ่อก็เสริมว่า " คิดว่าเป็นเด็กปัญญาไม่ดีเสีย(อ่อน)อีก เพราะหยิบของใส่ปากยังไม่เป็นเลย "
ครูอ้อยเติบโตมากับกล้วยค่ะ เพราะยายก็ขายขนมกล้วย สมัยก่อนต้องห่อด้วยใบตอง ทำเป็นห่อแบบขนมใส่ไส้
พอโตขึ้นมา แม่เอาเครือกล้วยแขวนไว้ที่ขื่อบ้าน กล้วยก็จะทะยอยสุกทีละ 2 ลูก 3 ลูก พอให้ลูกๆทุกคนได้กินก่อนไปโรงเรียนและกลับมาจากโรงเรียน
กล้วยน้ำว้ามามีบทบาทอีกครั้งที่ครูอ้อยเป็นแม่ลูกอ่อน ครูอ้อยก็ทำแบบที่แม่เล่า และป้อนให้ลูกทุกคนกิน กล้วยคำ น้ำคำ ผลุบหายและผลุบหายเหมือนกัน
หลาย...สิบปีผ่านไป กล้วยก็ยังมีบทบาทต่อครูอ้อยไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อคราวไปอบรมดูงานที่ต่างประเทศ(สิงคโปร์) อาหาร รวมทั้ง ผลไม้ทุกชนิดราคาแพงมาก รวมทั้งกล้วยด้วย กล้วยที่ราคาแพงก็จะได้แก่กล้วยหอม ครูอ้อยคิดถึงบ้านเรื่องอาหารการกินมาก ไปเที่ยวทีไรก็มองแต่กล้วย....
แล้ววันหนึ่ง คือ วันที่เดินทางกลับ เชฟที่ทำอาหารให้เรากิน ได้เลี้ยงเราเป็นมือพิเศษ และมีกล้วยหอมเป็นพิเศษด้วย เป็นกล้วยที่เปลือกเขียว ไม่ใช่กล้วยเขียวนะคะ เป็นกล้วยหอมดิบ ที่ยังกินไม่ได้ค่ะ
ครูอ้อยก็นำกลับมาบ้านด้วย และได้กินในวันต่อมา มันเป็นกล้วยข้ามประเทศ กล้วยแห่งน้ำใจ กล้วยมิตรภาพ
ทุกวันนี้ครูอ้อยก็จะมีผลไม้ติดบ้าน ก็คือ กล้วยน้ำว้า
เพราะ ถือว่า เป็นไม้มงคล ที่คนรุ่นเก่ามักจะพูดว่า " เรื่องกล้วยกล้วยแค่นี้ ทำไมจะทำไม่ได้ "
ดังนั้น ผลไม้ว่า " กล้วย " จึงเป็นผลไม้มงคล สำหรับครูอ้อยค่ะ
คุณบอน คะ
คุณบอนคะ
ครูอ้อยคะ
ไปลาว (หลวงพระบางมา 4 วัน กลับมาเมื่อ 1 ตค. 49) นี่เอง อาหารของลาวก็อร่อยใช้ได้ ที่ยืนพื้นทุกมื้อคือส้มตำ (อร่อยจริง ๆ)
มื้อแรกที่ถึงลาว เราทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็รออยู่ว่าจะมีผลไม้อะไรมา ก็รอ.....และถามทางร้านว่ามีผลไม้หรือเปล่า เค้าบอกว่ามี ....รอเดี๋ยว.....พร้อมกับถือมีดไปในครัว พวกเราคิดในใจว่า....คงได้ทานสาลี่ ไม่อย่างนั้นก็แอ๊ปเปิ้ลแน่ (เพราะนำเข้าจากจีน ได้)...
.....พอเห็นผลไม้ที่เสริฟ....คือ กล้วยน้ำว้า ตัดหัว ตัดปลาย ให้แกะได้ง่าย....(หัวเราะ.......อืม....และก็กินง่ายเหมือนชื่อกล้วยจริง ๆ ......)
มื้อที่สองก็ทานอาหารอย่างปกติ พวกวเราก็รอดูกันว่าผลไม้จะเป็นอะไร แล้วก็จริง ๆ เป็นกล้วยน้ำว้าและกล้วยไข่
มื้อที่สาม....เปลี่ยนไป....เราเห็นแล้ว.......สีออกเหลืองทอง สวยมาก แคนตาลู๊ปแน่ ๆ .......แป่ว........กล้วยเหมือนกัน...แต่เป็นมะกล้วยเต้ด..ภาษาเหนือ...ก็คือมะละกอ....นั่นเอง (แต่สุก)...แต่ก็เสริฟพร้อมกับกล้วยน้ำว้า
มื้อที่สี่......เป็นกล้วย.....แต่เป็นกล้อยหอม....เอามาทอด....รสชาดเหมือนกล้วยน้ำว้าสุกมาก ๆ ๆ แล้วปิ้ง......หอมมมมมมมมมมมมมมมม......
ไม้ต้องถามอีก 2 มื้อที่เหลือจะเป็นอะไร.......
พวกเราบอกว่ากลับมาเชียงใหม่ (บ้านเรา) ครั้งนี้ อาหารประจำบ้านเราคงเป็นกล้วยน้ำว้าแน่ ๆ
พูดแล้วทำให้นึกถึงอดีต ที่บ้านขายกล้วยปิ้ง (สมัยเด็ก ๆ ....เด็กจริง ๆ.....)ต้องตื่นเช้ามาแกะกล้วย 7 - 8 ตระกร้า เพื่อให้แม่ขาย....(สมัยนั้น 8 ลูก 1 บาท ????สมัยนี้ 6 - 8 ลูก 10 บาท...เชียงใหม่) เอ.....แล้วคนเขียนนี่จะเอายุเท่าไรเนี่ย....... แล้วถ้าเวลากล้วยที่สุกมาก ๆ ปิ้งไม่ทัน เราก็ต้องแกะแล้วเอาไปทำกล้วยตาก
กรรมวิธีมีดังนี้ แกะกล้วยแล้วตากบนตะแกรงไม้ไผ่ ได้ 1 แดด ก็ไปกลับด้าน อีก 1 แดด กลับด้าน 2 แดด(วัน) แล้วเอามาหนีบให้แบน (พอประมาณ) แล้วเอาไปตากต่อได้ 1 แดดก็กลับด้าน อีก 1 แดด พอสีเป็นสีเหลืองน้ำผึ้งสวยก็เก็บมาใส่ถุง 8 ลูก 1 บาท เอาไปขายโรงเรียนด้วย สนุกสนานได้เงินกลับบ้านหักให้แม่ 10 ละ 2 บาท......55.....
ครูอ้อยเปิดประเด็นให้นึกถึงความหลัง...ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
คุณ sompornp คะ
Long time ago.... ประมาณว่านานมากแล้ว
มีฝรั่ง มาเที่ยวตลาดน้ำเมืองไทย
และเห็นผลไม้มากมาย ฝรั่งก็มาดูที่ ก่อนอื่น
แล้วฝรั่งถามแม่ค้าว่า "What is this?"
แม่ค้าไม่รู้ภาษาอังกฤษจึงไม่ได้ตอบอะไร ฝรั่งเห็นดังนั้นจึงลองบีบดู
บังเอิญฝรั่งมือหนักจึงบีบกล้วยเละ แม่ค้าเห็นจึงร้องโวยวายว่า "แบนแน่ๆ"
ฝรั่งได้ฟังจีงร้องอ๋อแล้วก็บอกว่า "Oh! Banana"
หลังจากนั้นฝรั่งก็มาชี้ที่ และถามว่า "Is this mango?"
แม่ค้าชาวไทยกำลังโกรธที่ฝรั่งทำกล้วยเละ
เลยตอบไปว่า "แมงโกส้น teen นะสิ"
ฝรั่งก็ร้องอ๋อแล้วบอกว่า "Oh Mangosteen!"
แล้วฝรั่งก็เหลือบไปเห็น ก็เอามือที่เลอะกล้วยไปจับ
แล้วถามว่า "What is this?"
แม่ค้าเห็นดังนั้นก็ยัวะมากที่มะละกอเลอะเทอะ จึงคว้าเอาสากขึ้นมาจะตีฝรั่ง
แต่มีคนตะโกนห้ามแม่ค้าว่า "ป้าๆ อย่า"
ฝรั่งได้ยินดังนั้นจึงนึกว่ามีคนบอกชื่อมะละกอ จึงร้องว่า "OH! papaya"
ขำ ๆ ๆ ค่ะ (วันนี้ทำบันทกึครูอ้อยเลอะอีกแล้ว.....ก็เป็นพี่กะปุ๋มนี่คะ)
สวัสดีตอนหัวค่ำค่ะ คุณ sompornp
ขอบคุณค่ะ เรื่อง กล้วยกล้วย ไม้มงคลของฉัน
Dr.ka-Poom บอกว่าไปงานฌาปนกิจคุณปู่ค่ะ คิดถึงจังเนอะ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณ kareem
ครูอ้อยค่ะ
กล่วยปั่นต้องกล้วยหอม ใส่นมด้วย อร่อยมั่ก ๆ ๆ (ภาษาวัยรุ่น)
สัวสดียามเช้าค่ะ คุณ sompornp
กล้วยคืออดีต อดีตคือกล้วย