(Image from http://www.ezytrip.com/webboard/images/10000/01000/00929_4897.jpg)
เยียมน้องเม้ง ทฤษฎีนี้ เห็นด้วย
หากหินต่างชนิดกันก็ไม่เป็นปัญหามนการถ่ายเทความร้อน เพียงแต่อาจแตกต่างกันในเรื่องอัตราความเร็วในการถ่ายเทและรับการถ่ายเท
หากเอาคุณสมบัติของสะสารนั้นมาพิจารณาประกอบก็จะยิ่งเข้าใจรายละเอียดของหลักการถ่ายเทความร้อน และ resistance
อย่างเช่นพี่สรุปว่าพี่น้องผู้ไทปรับตัวเร็วมากกว่า ไทโซ่เมื่อเขาไปประกบกับความรู้เรื่องตลาดชุมชนกับหมู่บ้านที่ทำเรื่องตลาดชุมชนมาก่อน ผู้ไทรับรู้และรีบตัดสินใจทำกิจกรรมเลยเพราะเขาเรียนรู้เร็วและสรุปได้เร็วว่ากิจกรรมนี้ดีแน่ๆในหมู่บ้านเรา หินห้อนที่หนึ่งเป็นบ้านต้นแบบตลาดชุมชน หินก้อนที่สองเป็นกลุ่มพี่น้องผู้ไทย ตลาดชุมชนเป็นความร้อน...
เอ้า อธิบายไปได้ไงเนี่ยะ.. ใช่ ปะ น้องเม้ง
และอื่นๆ....เข้าท่า เห็นรูปธรรมจริงๆ
สวัสด้ครับ อาจารย์
สวัสดีครับป้าแดง
สวัสดีครับคุณเศกสรร
สวัสดีครับพี่บางทราย
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
สายใย Gotoknow ก่อนหน้านี้เปรียบเหมือนรากไทร......ครั้งนี้คงเปรียบเหมือนด้านหนึ่งของหิน อีกก้อนหนึ่ง......การถ่ายเทความร้อนคงขึ้นอยู่กับชนิดและคุณสมบัติของหิน ว่าจะถ่ายเทได้มากน้อยแค่ไหน สิ่งที่ให้ซึ่งกันและกันถึงรับได้ไม่หมดแต่ก็ยังได้รับบ้าง........
หากหินสองก้อนเป็นหินชนิดเดียวกัน ความสัมพันธ์ สายใย จะเหนียวแน่นค่ะ
หากหินที่ต่างชนิดกันมาก แม้กระทั้งวางทาบกันยังไม่ติดแล้วความร้อนจะถ่ายเทอย่างไรหละ?..........
ขอบคุณที่เปิดเวทีสนทนานี้........ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับพี่ไมตรี
สวัสดีครับคุณครูหญ้าบัว
หากหินสองก้อนเป็นหินชนิดเดียวกัน ความสัมพันธ์ สายใย จะเหนียวแน่นค่ะ
หากหินที่ต่างชนิดกันมาก แม้กระทั้งวางทาบกันยังไม่ติดแล้วความร้อนจะถ่ายเทอย่างไรหละ?..........
สวัสดีครับคุณครูกั๊ตจัง
พี่เม้งครับ
สวัสดีครับน้องออต
หินแต่ละก้อน มีรูปร่างไม่เหมือนกัน เราเปรียบเหมือนกินก้อนหนึ่ง ซึ่งต้องมีบางส่วนที่สัมผัสได้กับหินก้อนอื่นๆ ซึ่งบริเวณที่สัมผ้สกับแต่ละก้อนอาจมีไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อยก็สัมผัสได้...แต่หากเป็นหินก้อนที่กลมไปหมดทุกด้านก็อาจมีพื้นที่ในการสัมผัสกับหินก้อนอื่นได้น้อย แต่ถ้ามีส่วนที่แบนๆ ก็อาจสัมผัสกับก้อนที่มีแบนๆ เหมือนกันได้มาก ตรงนี้อาจจะเป็นส่วนที่คล้ายกัน แนวคิดทำนองเดียวกันมีค่อนข้างมาก...ก็จะเป็นกลุ่มเป็นเครือข่ายคนที่มีแนวคิด แนวร่วมไปในด้านเดียวกัน.....ชักยาวแค่นี้ก่อน ก่อนจะเป็นหินกลมมาก มะกอกสามตะกร้าปาไม่ติด....อิอิอิ
สวัสดีครับพี่แป๋ว
สวัสดีครับ เพิ่งมาอ่านบล็อกของพี่ครั้งแรกเพราะหัวข้อน่าสนใจมากครับ
หินสองก้อนของพี่ ทำให้ผมได้นึกกว้างมาก (แต่ลงลึกมากๆ ผมก็ชักปวดหัวแฮะ)
พี่ได้พูดประเด็นของร่างกาย การที่สมองกับแขนขาสามารถประสานกันได้ก็เช่นเดียวกับหินสองก้อนเช่นกัน
คือ ถึงแม้นอวัยวะทั้งสองจะต่างกันมากแต่ก็ยังมีพื้นฐานมาจากเซลล์แม่เดียวกันตั้งแต่แรก มีการเชื่อมโยงกันมาตั้งแต่แรก จากที่ไม่แตกต่างกลายเป็นแตกต่าง แต่แม้นแตกต่างก็ยังอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ขัดแย้งกัน
ถ้าพูดเรื่องนี้แล้วแตกย่อยต่อตามที่พี่ว่า ทุกสิ่งล้วนมีพื้นฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นโดยนหลักธาตุดินน้ำลมไฟไม้ทองตามแนวคิดของจีน
หรือลึกกว่านั้นก็คือแนวคิดหยินหยางของจีนที่ว่าทุกอย่างประกอบด้วยสองอย่างนี้
แม้แต่แนวคิดของข้อมูลของคอมก็มาจากเลข 0,1 คือ มีกับไม่มี
(คล้ายแนวหยินหยางไม่๊ครับ)
หรือแนวศาสนาคริสต์ที่ว่า ทุกสิ่งมาจากพระเจ้า
หรือหลักศาสนาพุทธที่ว่าทุกสิ่งล้วนอนิจจัง
ทุกสิ่งล้วนมีจุดร่วมกันเพียงแต่เราจะเห็นมันหรือไม่
เช่นนั้นการแบ่งเขาแบ่งเราก็จะไม่มีอีกต่อไป...
ไม่มีตัวเรา ไม่มีคนอื่น
มีเพียงสิ่งเดียวคือ ธรรม(ชาติ)
เราคือ ธรรม, ธรรมคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
เราจะไม่มีการทำร้ายธรรม
เพราะนั่นคือ การทำลายตัวเราเช่นกัน
สวัสดีครับเม้ง
ผมไม่ได้คิดเปรียบเทียบอะไรนะ ง่วงนอน มึนๆ คิดอะไรไม่ออก แต่พอพูดถึงหินถึงต้นไทร หินแกร่งแค่ไหนรากไทรก็จัดการได้ นานวันเข้าหินก็แตก ที่เขาไม่ให้ปลูกไทรในบ้านเพราะรากไทรนี่แหละ ถ้าวันหนึ่งมีนกคาบลูกไทรแล้วมาวางไว้บนก้อนหินในภาพ ถึงสภาวะที่เหมาะสมลูกไทรเจริญเติบโตเป็นต้นไทร รากไทรก็จะจัดการหินให้แตกได้อาจต้องใช้เวลานานแต่มีความเป็นไปได้สูง
คุณคิดว่าหินสองก้อนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
หรือคุณคิดว่าแค่นี้ก็พอใจครับ
17. จันทร์เมามาย
สวัสดีครับคุณทันสิษฐ์
สวัสดีครับโส
สวัสดีครับ อ.แสวง
คุณคิดว่าหินสองก้อนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
หรือคุณคิดว่าแค่นี้ก็พอใจครับ
วันนึง สมดุลอาจจะหมดไป
ก่อนใหญ่อาจจะหล่นลงมาได้ครับ
^_^
สวัสดีครับคุณ Moo
สวัสดีครับคุณบรรพต
สวัสดีครับคุณนารี
สวัสดีครับพี่เม้ง
เห็นบันทึกนี้ครั้งแรกหลายวันก่อนนะครับ
ตอนนั้นสะดุดและสนใจมากครับ แต่ไม่ค่อยมีแรงเข้ามาอ่าน
วันนี้ว่างและมาเก็บเกี่ยวเพิ่มเติมครับ
ผมชอบเรื่องด้านที่ตรงกัน มาเชื่อมกันครับ
คิดต่อไปแล้ว ในนี้เป็นเวทีที่ทำให้เราได้เห็นด้านที่ตรงกับเรา แล้วเรากก็ได้ไปเรียนรู้เพิ่มเติมหรือ ลปรรครับ อย่างผมกับพี่ไงครับ
คงจะเป็นด้านของการเรียนรู้ ด้านการพัฒนาชุมชน สังคม หรือด้านคุณธรรมก็ได้นะครับ ถ้าไม่เข้าข้างตนเองกเนไปผมว่าเราอาจจะมีหลายด้านที่เหมือนกันก็ได้นะครับ ^_^
-ขอบคุณความรู้และมุมมองใหม่ๆครับ
สวัสดีครับน้องชาย