สวัสดีค่ะ คุณ Kawao
- ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
- หวานจังเลยนะคะ เข้ามาถึงก็บอกรักเสียแล้ว อย่างนี้แอบเผลอรักตอบนะเนี่ย ^_^
- ขอบคุณมากค่ะ
.......ตรงนี้จะถือว่าเป็นการเขียนบันทึกส่วนตัวก็ไม่เชิง แต่ขอเรียกว่าเป็นการเอาตัวเอง เอาความคิดและความรู้สึก มาแฉกันให้ฟังดีกว่า หากว่างานคืออาหารหลัก งานอดิเรกที่เรารักก็คือของหวาน ชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหารหลักเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ต้องมีของหวานมากินบ้าง เพื่อความกระชุ่มกระชวย.. ท่านว่าจริงไหม ?....
Who am I ?
เป็นคนพัทลุงแต่กำเนิด อายุ 4 ขวบก็ถูกส่งตัวไปวอร์มอัพการศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลพัทลุงอยู่ 2 ปี จากนั้นจึงเข้ามาเรียนชั้นประถม 1-6 ที่โรงเรียนบ้านท่ามิหรำ แล้วเข้าเรียนต่อชั้นมัธยม 1-6 ที่โรงเรียนสตรีพัทลุง ค่อยสอบเอนท์ตรงได้คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ทำให้ต้องเดินทางออกจากบ้านเกิดเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 18 ปี มาเรียนต่อที่หาดใหญ่ จ.สงขลา
เรียนจบก็อยู่ทำงานเป็นพยาบาลประจำการในหอผู้ป่วยพิเศษแห่งหนึ่งของ รพ.สงขลานครินทร์มานับแต่บัดนั้นมาจนถึงบัดนี้ กลายเป็นคนหาดใหญ่ไปโดยปริยาย
.........
คอมพิวเตอร์เครื่องแรกในชีวิต
รู้จักอินเตอร์เนตและกลายเป็นประชากรคนหนึ่งในโลกไซเบอร์ตั้งแต่เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน สมัยเรียนไม่เคยจับคอมพิวเตอร์มาก่อน
แต่เพราะเมื่อประมาณปี ค.ศ.1994 ทางโรงพยาบาลได้นำระบบ IT มาใช้ ทำให้รู้สึกสนใจกับเจ้าจอสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า "คอมพิวเตอร์ " เพราะทึ่งในความสามารถอันน่าอัศจรรย์ของมัน บวกกับเคยมีความฝันอยากจะพิมพ์ผลงานเขียนของตนเองเย็บเก็บเป็นหนังสือสักเล่มที่มันพิมพ์สวยๆ (แทนลายมือขยุกขยิกที่ชวนตาลาย) ดังนั้นจึงกัดฟันถอนเงินสะสมที่มีอยู่น้อยนิดไปซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมาเครื่องหนึ่ง
สารภาพว่าไม่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์เลย ตอนไปซื้อคนขายสอนวิธีเปิดปิดเครื่อง กับการเปิดเข้าเมนูเพื่อใช้งานต่างๆ (สมัยนั้นยังใช้ระบบ DOS อยู่) ดังนั้นจึงลองผิดลองถูกกับมัน โดยไปซื้อหนังสือมาอ่านวิธีการใช้งาน
แต่ซื้อเครื่องมาได้สามวันทำฮาร์ดดิสก์เจ๊ง ทางร้านเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ ไม่นานก็ทำโปรแกรมเจ๊ง ทางร้านส่งช่างมาช่วยแก้ไขให้ถึงที่ห้อง ต้องขอขอบคุณช่างของทางร้าน BOSS computer มากๆ เนื่องเพราะการลองผิดลองถูก รวมกับการสังเกตเวลาที่ช่างมาแก้ไขและแนะนำการใช้งาน จึงทำให้เกิดการเรียนรู้ขึ้นมากมาย
มีคำกล่าวว่า ถ้ากลัวผิดพลาด ก็จะไม่เกิดการเรียนรู้ เพราะอุ่นใจที่มีช่างคอยเป็นพี่เลี้ยง ทำให้เรากล้าที่จะเข้าไปลองโน่นลองนี่ โดยไม่ต้องกลัวเครื่องคอมจะเสีย นานไปนอกจากได้เรียนรู้แล้วก็ยังได้มิตรภาพอีกด้วย หลังจากเรียนรู้กับระบบ DOS อยู่พักหนึ่ง ระบบปฏิบัติการวินโดว์ก็เข้ามา
ตอนนั้นเป็น Win32 เราได้รู้จักกับ Microsoft Word มันเป็นโปรแกรม Word Processer ที่ยอดเยี่ยมมากๆ (สมัยนั้น) มันช่วยทำให้ฝันของเราก้าวสู่ความเป็นจริง
เราจึงเปลี่ยนการเขียนนิยาย จากเขียนลงสมุดมาเป็นแต่งไปพิมพ์(จิ้มดีด)ไปลงคอมพิวเตอร์แล้วพริ้นออกมาในกระดาษเป็นแผ่นๆ ทั้งยังเปลี่ยนแนวการเขียนนิยายมาสู่แนวใหม่ เป็นนิยายเรื่องยาวเรื่องหนึ่ง.. ที่ใช้เวลาแต่งไปพิมพ์ไปยาวนานมากถึง 3 ปี และเป็นนิยายเรื่องแรกที่เราพิมพ์ออกมาแล้วเย็บเป็นเล่มหนาปึ๊ก เก็บไว้.. มันเป็นความรู้สึกที่ภูมิใจมากๆ
........
ความเป็นมาของนิยาย ??
ปกติเราไม่ใช่คนชอบอ่านนิยาย สมัยเด็กๆที่บ้านไม่ส่งเสริมให้อ่านนิยาย เพราะมีความเห็นว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่เหมาะกับเด็ก
หนังสือที่เราได้อ่านส่วนใหญ่ จึงเป็นพวกหนังสือประวัติศาสตร์ พุทธประวัติ นิทานชาดก นิทานจักรๆวงศ์ๆ และเรื่องที่เราชอบอ่านมากๆสมัยเด็กก็คือหนังสือ "พระเจ้าสิบชาติ" ซึ่งชาติที่เราชอบที่สุดคือ "พระมโหสถ" กับประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ "สมเด็จพระนเรศวร" รู้สึกว่าทรงเป็นนักรบที่เท่มากๆ
สงสัยตรงนี้นั่นเอง จึงทำให้เราชอบเรื่องราวที่มีตัวเอกเป็น "วีรบุรุษ" ความชื่นชอบในวัยเด็กจึงมีอิทธิพลต่องานเขียนของเราในเวลาต่อมา
นิสัยชอบเขียนของเรา ถูกปลูกฝังไว้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เริ่มต้นด้วยการแต่งกลอน และเขียนเรียงความ นิสัยตรงนี้คงได้รับถ่ายทอดมาจากคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งทั้งสองท่านล้วนอยู่ในวงการครูทั้งคู่ และเพราะคุณแม่สอนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกับ อาจารย์พ่วง บุษรารัตน์
..ลุงพ่วงแม้ว่าจะไม่ได้สอนเราโดยตรง แต่ท่านถือเป็นครูคนแรกที่จุดแรงบันดาลใจ ให้เราหลงใหลเกี่ยวกับงานวรรณกรรม
สมัยเด็กๆ เราแต่งนิทานไว้หลายเรื่อง (ตอนนี้หายหมดแล้ว) โดยเขียนใส่สมุดแล้วเอามาอ่านให้น้องฟัง ใช้การอ่านนิยายเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการดูแลน้อง เพราะน้องๆชอบฟังนิทาน แล้วสมัยนั้นทีวีทำให้เรารู้จักกับ "หนังกำลังภายใน" พระเอกในหนังกำลังภายใน ช่างเก่ง เท่ สง่า และหล่อเหลา โรค "ชื่นชอบวีรบุรุษ" ของเราจึงเริ่มกำเริบ
เพียงแต่เรื่องในหนัง บางครั้งก็ขัดใจ..จุดนี้เอง เราจึงเกิดแรงบันดาลใจ ที่จะเขียนนิยายขึ้นมา โดยนิยายแนวแรกที่เขียน ก็คือ "กำลังภายใน"
นิยายกำลังภายใน
จำได้ว่าตอนนั้นอยู่ ม.1 ใช้วิธีการแต่งเรียงความกับการเขียนนิทานที่ฝึกฝนมา ผสมกับสำนวนนิยายที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ (สมัยนั้นหนังสือพิมพ์จะมีนิยายกำลังภายในลงให้อ่านกัน ) ลองเขียนในแนวของนิยายกำลังภายใน แต่เรื่องแรกมันเขียนได้แค่ 1-2 บท ก็เขียนต่อไปไม่ได้ เพราะยังขาดแนวทาง
จนกระทั่งพอขึ้นมาอยู่ ม.2 ห้องเรียนของเราอยู่ติดกับห้องสมุด ช่วงพักเที่ยงเราชอบเข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด
และที่นั่น เราก็พบคัมภีร์ที่จุดประกายให้เราเขียนนิยาย นั่นคือ หนังสือนิยายกำลังภายใน สมัยนั้นนิยายเรื่องแรกที่เราได้อ่าน คือ "หลั่งเลือดสะท้านภพ" แต่หนังสือที่จุดประกายและเป็นแรงบันดาลใจของเราจริงๆคือเรื่อง "มือมีดพระกาฬ"
ความจริงเด็กสาวแรกรุ่นวัย 13-14 ปี น่าจะชอบพวกหนังสือนิยายรักหวานๆ แต่เราสมัยนั้นกลับรู้สึกเมิน อ่านไม่ได้ แต่ไปหลงใหล หนังสือกำลังภายใน เป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นมา.. พอว่างเว้นจากอ่านหนังสือเรียนและทำการบ้าน เราก็เขียนแต่นิยายกำลังภายใน โดยแอบเขียนใส่สมุด ไม่ให้พ่อแม่รู้ (กลัวโดนดุ ทั้งที่ต่อมา..คิดว่าพ่อแม่น่าจะรู้ เพียงแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้) มีคนอ่าน 2 คน คือพี่เลี้ยงน้อง กับน้องสาว เป็นเวลาเกือบ 10 ปี นับตั้งแต่เริ่มเขียนตอนปิดเทอม ม.2 จนกระทั่งเรียนจบมหา'ลัย ก็ได้ของสะสมที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา เป็นสมุดนิยายสูงเป็นตั้งๆหลายสิบเล่ม มีนิยายเรื่องยาวที่เขียนจบ 6 เรื่อง และที่ไม่จบอีกสามสี่เรื่อง
นิยายแฟนตาซี
เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว นิยายแฟนตาซียังไม่ได้เป็นที่นิยมมากมายเหมือนในปัจจุบัน สมัยนั้นแฟนตาซีมักจะเป็นหนังสือแปลเสียมากกว่า เราจำไม่ได้ว่าเคยอ่านนิยายแฟนตาซีรึเปล่า เรารู้แต่เพียงว่า นิยายที่เรากำลังจะเขียนในตอนนั้น น่าจะจัดประเภทเป็นนิยายแฟนตาซีเท่านั้น
ในปี ค.ศ. 1995 ขณะนั้นที่เราได้คอมพิวเตอร์เครื่องแรกมา การที่จะฝึกฝนใช้มัน กลยุทธ์สำคัญคือต้องหางานสักชิ้นที่จะทำขึ้น เราจึงใช้การแต่งนิยายพิมพ์ลงคอม (คิดไปพิมพ์ไปสดๆ ไม่ผ่านการร่างกระดาษ)
เนื่องเพราะที่ผ่านมาแต่งแต่นิยายกำลังภายใน มาถึงตอนนั้นเราคิดว่าน่าจะเปลี่ยนแนวการเขียนดู เผื่อจะได้เอาให้คนอื่นอ่านได้บ้าง ( ความรู้สึกในตอนนั้น นิยายกำลังภายในที่เราแต่งช่างน่าอายเหลือเกิน คงไม่มีใครยอมรับคนไทยเขียนหรอก คงมีแต่คนหัวเราะขำแน่ๆ) จึงอยากจะลองเขียนนิยายที่มันเป็นสากลสมัยดู แต่ก็ยังคงไม่แคล้ว ที่จะดึงกลิ่นอายหนังจีนและนิยายกำลังภายในเข้ามาอยู่ในเรื่องนั้น
และนิยายเรื่องนี้ก็คือ เรื่อง "อาเซนธาเรีย..ตามรักข้ามมิติ" ซึ่งเป็นแนวแฟนตาซีโรแมนติค ผสมผสานกับ แฟนตาซีไซไฟ
หลังจากเขียนนิยายเรื่องนี้ไปได้มากกว่าครึ่งเรื่อง เราก็ได้รู้จักกับอินเตอร์เนต และอินเตอร์เนตก็เข้ามาอิทธิพลต่อชีวิตของเราอย่างคาดไม่ถึง มันทำให้ฝันของเราเป็นจริงได้ในที่สุด
นิยายออนไลน์
การเข้าสู่โลกไซเบอร์ ทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนแปลกหน้ามากหลาย และได้พบสิ่งที่ชวนประหลาดใจก็คือ ยังมีคนจำนวนมาก ที่ชื่นชอบการ แอบแต่งนิยายเหมือนเรา
สิบปีที่แล้ว... สมัยนั้นยังไม่มีเวบไซต์ที่มีนิยายให้อ่านมากมายเหมือนในปัจจุบัน (อาจจะมีแต่เราอาจจะไม่รู้ ) เราเริ่มเล่นเนตโดยการแชทในกระดานแชท คุยกับเพื่อนทาง e-mail สุดท้ายก็ได้รู้จักกับโปรแกรมสุดฮิตสมัยนั้นคือ ICQ
การรู้จักกับเพื่อนมากขึ้น ได้รับรู้ว่าในโลกนี้ยังคงมีคนคอเดียวกัน ทำให้เรารู้สึกมีความสุขมากๆ พวกเราแลกนิยายกันอ่าน โดยแนบไฟล์ส่งให้กันทาง e-mail และนิยายที่เราส่งให้เพื่อนอ่านก็คือเรื่อง อาเซนธาเรีย
แต่นิยายเรื่องนี้ยาวมากๆ ส่งแต่ละครั้งเหน็ดเหนื่อยจริงๆ ช่วงนั้นเอง เราก็ได้รู้จักกับเวบที่เกี่ยวกับนิยายแห่งแรกของเรา คือ ถนนนักเขียนแห่งพันทิป สมัยนั้น มุมถนนนักเขียน เป็นเพียงมุมเล็กๆ ในเวบไซต์ pantip.com มีสมาชิกไม่กี่คน พวกเราอยู่กันอย่างสนุกสนานอบอุ่น เอานิยายมาโพสต์แลกเปลี่ยนกันอ่าน ต่อมาสมาชิกมากขึ้น มากคนก็มากเสียง มากวัยมากความเห็น เพราะอัตตา..นำมาซึ่งความมากเรื่องและความขัดแย้ง
เราถอยออกมาเงียบๆ และเวลานั้นเอง ไอเดียหนึ่งก็ปิ๊งขึ้นมา...
ทำไมไม่ลองทำเวบไซต์ดูบ้าง ?
เวบไซต์นิยาย jj-book
แต่เราไม่มีความรู้เรื่องการทำเวบไซต์เลย เพื่อนเราคนหนึ่งแนะนำเวบ geocities ให้เรารู้จัก ที่นี่มีพื้นที่ฟรีให้ใช้ เราเข้าไปลองใช้ดู ด้วยวิธีลองผิดลองถูกทำไปเรื่อย เวบเพจแรกที่ upload ขึ้นอยู่บนเนต ทำให้เราตื่นเต้นมากๆ
และก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เมื่อมีอะไรใหม่ๆมาให้เราเรียบรู้ เราจะรู้สึกตื่นเต้นกับมัน การเข้าไปรู้จักกับสิ่งใหม่ๆ และเรียนรู้มัน เหมือนกับการเล่นเกมลึกลับที่น่าค้นคว้าค้นหาคำตอบในตอนสุดท้าย มันทำให้ชีวิตและเวลาของเราในช่วงนั้นมีความหมายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เพื่อนคนเดิม (อยู่ที่ กทม) ส่งแผ่นโปรแกรม frontpage98 มาให้เรา เราซื้อหนังสือเกี่ยวกับการทำเวบไซต์มาอ่าน บางทีก็เข้าไปอ่านบทความวิธีการทำในอินเตอร์เนต มาหัดเขียนเวบเองและอัปโหลดขึ้นเนต แทนการใช้เครื่องมือที่มีให้ในเวบของจีโอซิตี้
และแล้วเวบ jj-book ซึ่ง มีอีกชื่อว่า สมุดบันทึกฝัน ก็ถือกำเนิดขึ้นบนโลกไซเบอร์
jj-book ตัว "jj" เป็นชื่อนิคเนมของเราอันแรกในเนต ซึ่งเราเคยใช้ตอนแชทกับเพื่อน ส่วนสมุดบันทึกฝัน มีความหมายว่า สมุดที่ใช้บันทึกความฝัน
เมื่อก่อนนั้นเวบนี้เราคิดจะสร้างทำเป็นเพียงแค่เวบส่วนตัวเท่านั้น พอรู้จักเครื่องมือที่จะใช้เขียนเวบเพจ เราจึงเอานิยายอาเซนธาเรีย มาลงในเวบเพจแทนการส่งทาง e-mail
แล้ววันหนึ่ง.. เราก็มีความคิดขึ้นมาว่า "ถ้าเราสามารถให้ผู้อ่าน เข้ามาคุย แสดงความคิดเห็นในนิยายได้ด้วยก็ดีนะ"
แต่ว่าจะทำอย่างไรล่ะ ?
เราไม่มีความรู้ เกี่ยวกับการทำเวบเพจ ที่มัน active ได้เลย.. ทำไม่เป็นจริงๆ
ในตอนนั้นเอง.. มีเวบบอร์ดฟรี เกิดขึ้นมาหลายเวบ แต่ละเวบก็มีข้อดีข้อเด่นต่างกันไปเมื่อเราตั้งเป้าหมายว่า.. ให้ทำเวบเพจที่สามารถให้ผู้อ่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ เราจึงเลือกเวบบอร์ดของ Dserver มาใช้ โดย Free webboard แห่งนี้ ใช้ง่านง่าย รูปแบบสะอาดไม่รกรุงรังด้วยโฆษณา อีกทั้งยังสามารถตกแต่งได้สวยงานได้ด้วย
ดังนั้นเราจึงประยุกต์เวบบอร์ดมาทำเป็นเพวบเพจนิยาย และตั้งชื่อบอร์ดนี้ว่า "บอร์ดแลกกันอ่าน"
จากนั้นเรานำนิยายของเราลงโพสต์ กับชวนเพื่อนๆมาส่งนิยายลงที่นี่ การโพสต์นิยาย จะโพสต์ลงเป็นตอนๆ กระทู้ละหนึ่งตอน
คิดไม่ถึง..ต่อมามีสมาชิกเข้ามาอ่าน เข้ามาโพสต์มากมาย จนบอร์ดแลกกันอ่านบอร์ดแรกเต็ม (ทาง Dsever เขากำหนดลิมิตจำนวนกระทู้ไว้) ทำให้เราเราต้องสร้างบอร์ดใหม่เพิ่ม จนเกิดบอร์ดแลกกันอ่าน บอร์ดที่ 1 ไปจนถึงบอร์ดที่ 12
เราไม่รู้หรอกนะว่า การเอาฟรีเวบบอร์ด ที่ใช้สำหรับตั้งกระทู้คุยกันสมัยนั้น มาประยุกต์เป็นเวบนิยายเริ่มต้นที่นี่รึเปล่า หรือว่าคนอื่นเขาก็อาจจะคิดขึ้นมาได้เหมือนกับเรา แต่ปรากฏการณ์ การนิยมนิยายออนไลน์บนเวบบอร์ด เริ่มแพร่กระจาย มีหลายเวบผุดขึ้นมา แต่ก็มีหลายเวบที่เขียนโปรแกรมเวบโพสต์นิยายขึ้นมา เวบที่ดังๆดั้งแต่ในตอนนั้น มาจนถึงตอนนี้ นอกจากถนนนักเขียน ก็มีที่เด็กดีดอทคอม
สำหรับ jj-book เพราะมีสมาชิกจำนวนมากขึ้น ทำให้ ฟรีโฮสต์เริ่มมีปัญหา เพราะว่าแบนวิชไม่พอ ประกอบกับช่วงนั้น บอร์ดของ Desever ล่มบ่อย
เนื่องจากบอร์ดนี้เป็นที่นิยมกันมากด้วย มีสมาชิกหลายคนในเวบ เชียรให้ทางเจเจบุ๊ค เช่าโฮสต์เองและจดทะเบียนโดเมนไปเลย เราเองก็กล้าๆกลัวๆ เพราะว่าไม่มีความรู้เรื่องโฮสต์เลย
โชคดีมีน้องคนหนึ่งเขียนเวบบอร์ดเอง เขาอาสาว่า " พี่ไม่ต้องกลัว.. ผมช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ และเดี๋ยวจะเขียนเวบบอร์ดให้ "
ในที่สุด jj-book.com ก็ถือกำเนิดขึ้นมาในวันที่ 2 มิถุนายน 2546 รวมเวลามาถึงปัจจุบัน 3 ปีกว่าแล้ว
นักเขียนออนไลน์
การมารวมตัวกัน รู้จักกันของคนชอบเขียนของเหล่านักเขียนสมัครเล่น ที่เจเจบุ๊ค เรามีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการเขียน ขัดเกลากันและกัน เอาประสบการณ์ที่ตนเองเขียน เทคนิคในการเขียน มาเล่าสู่กัน
ไม่อยากจะเชื่อ ...พวกเรา ทำ KM กัน ทั้งๆที่ยังไม่เคยรู้จักคำนี้ว่า KM คืออะไร !
แต่ละคนมีความสามารถและตัวตนของตนเอง เราไม่กล้าบอกว่ามีนักเขียนหลายคนมาจากตรงนี้ แต่สามารถบอกได้ว่า ที่นี่มีนักเขียนใหม่จำนวนหลายคนมารวมอยู่ด้วยกัน รู้จักกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
นับตั้งแต่ แฮรี่พอตเตอร์ แพร่นิยมเข้ามาในเมืองไทย และต่อมามีนิยายออนไลน์เรื่อง "ไวท์โรด" จากเวบเด็ดดีดอทคอม โด่งดังขึ้นบนแผงหนังสือ
นิยายแฟนตาซีก็เริ่มเป็นที่รู้จัก ขณะเดียวกัน เรื่องสั้นหลายเรื่องจากเวบ ถนนนักเขียนพันทิป ถูกนำมารวบรวมเป็นรูปเล่ม ในชื่อ " ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารัก" โดบ สนพ.ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ในตอนนั้นคือ สนพ.แจ่มใส
เราคิดว่า นั่นคือจุดเริ่มต้นของ นิยายออนไลน์ ที่ถูกนำมาตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม ความนิยมของนักอ่านที่ได้สัมผัสกับรสชาติใหม่ๆสดๆทางวรรณกรรม
ประกอบกับผู้บริโภค ที่ส่วนใหญ่เป็น เด็กวัยรุ่นวัยเรียน และหนุ่มสาววัยทำงาน ซึ่งเป็นวัยที่มีการจับจ่ายสูง (แม้บางคนจะยังไม่มีรายได้) ทำให้นิยายประเภทนี้ขายดีมาก ดูได้จากต่อมา..ก็มี สนพ.ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหลาย สนพ. ที่นำนิยายซึ่งโพสต์ออนไลน์ในเนต มาตีพิมพ์
นั่นเองทำให้บอร์ดนิยาย หรือ เวบนิยาย กลายเป็นแหล่งวัตถุดิบของ สนพ. หรือ ตลาดสำหรับโชว์โปรโมทงานไปในตัว
จุดเริ่มต้นของ นิยายแนวรักโรแมนติค
หลังจากนำนิยายเรื่องอาเซนธาเรีย มาลงบอร์ดออนไลน์ เราต้องหานามปากกาให้กับตนเอง ครั้นจะใช้ jj มันเป็นชื่อเวบไปเสียแล้ว ดังนั้นจึงเอาอักษรตัวแรกชื่อและนามสกุลของเรามาเป็นนามปากกา นั่นคือ kjb รู้สึกมันง่ายดี การมีคนเข้ามาอ่านอาเซนธาเรีย ทำให้เราเริ่มหน้าหนาขึ้น ความมั่นใจ กล้าที่จะเอางานเขียนมาเปิดเผยก็มีมากขึ้น
ตอนนี้เอง.. ที่เราเกิดความคิดอยากจะเอานิยายกำลังภายใน มาชิมลางในเนตดู
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในตอนนั้น ใช่คนแรก ที่นำนิยายกำลังภายใน ซึ่งเขียนโดยคนไทย มาโพสต์ออนไลน์ในเนตรึเปล่า เพียงแต่เท่าที่ลอง search หาดูในเนต ในตอนนั้นยังหาของใครไม่เจอ ยอมรับว่ากล้าๆกลัวๆ เขินๆอายๆอยู่เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ในตอนแรกจึงแอบโพสต์ ในนามปากกา "หลานหลิง" โดยเลือกเรื่องที่จะอามาพิมพ์เพื่อโพสต์ เรื่องแรกคือ "มังกรเจ้าปฐพี"
แล้วเราก็ไม่อยากเชื่อ .. ในอินเตอร์เนต ก็มีคอกำลังภายในมากมายเหมือนกัน มันปลื้มและอบอุ่นใจจริงๆ
ระหว่างที่เราทะยอยลงโพสต์อาเซนธาเรีย และ นิยายกำลังภายในอยู่นั้น มีเพื่อนใน ICG คนหนึ่ง คือ คุณตุลย์ หรือที่เป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันในชื่อ ดังตฤณ (จำไม่ได้แล้วว่าเริ่มรู้จักกับเขาครั้งแรกตอนไหน) เขามาชวนให้เขียนเรื่องสั้นไปประกวดที่เวบของเขา ซึ่งตอนนั้นได้จัดการประกวดเรื่องสั้นขึ้น
เราเป็นคนที่ไม่ชอบเขียนเรื่องสั้น แต่พอดีมีเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งเคยเขียนไว้ คือ "แด่คนที่ยังโชคดี" จึงนำออกมาปรับแก้นิดหน่อย แล้วลองส่งดู ผลปรากฏว่าได้รางวัลที่ 2 คุณตุลย์ได้วิจารณ์เรื่องสั้นเรื่องนี้ให้เราด้วย บอกจุดเด่นจุดที่ต้องพัฒนาให้เรา มันจึงเป็นจุดเริ่มต้น ที่จุดประกายให้เรานึกอยากเปลี่ยนแนวมาลองเขียน "นิยายรักโรแมนติค" ดูบ้าง ขณะเดียวกันก็มีเพื่อนนักเขียนที่ถนนนักเขียนพันทิป กับพี่ชายทางเนตที่เรานับถือท่านหนึ่งซึ่งเป็นบรรณารักษ์อยู่ที่อเมริกา คอยเป็นแรงเสริมให้กำลังใจและชี้แนะ
ในที่สุด นิยายรักโรแมนติคเรื่องแรกในชีวิต ก็ได้คลอดออกมา โดยชื่อในตอนนั้นคือ "ดวงใจในฝัน" เป็นนิยายขนาด 10 ตอนจบ เขียนถึงเรื่องใกล้ตัว เรื่องอินเตอร์เนต เรื่องหมอ-พยาบาล-คนไข้ เป็นนิยายรักเบาๆอ่านสบายๆ มีดราม่านิดๆ ใช้เวลาเขียนหนึ่งเดือนเศษๆ เวลานั้นไฟเขียนแรงมากๆ
การเขียนนิยายรักโรแมนติค ทำให้เราต้องเปลี่ยนสำนวนตัวเองอย่างมาก เหตุผลมาจากการติดสำนวนกำลังภายใน มันเป็นเรื่องยากจริงๆ แต่เราก็สามารถทำได้
พอเราหาแนวทางสำนวนที่เป็นของตัวเองได้ นิยายขนาด 10 ตอนจบอีกเรื่องก็ตามมา นั่นคือเรื่อง "ศศิวีธรา-อาทิตยันต์" เป็นนิยายแนวผจญภัย เจ้าชายหัวดื้อกับเจ้าหญิงจอมซน เป็นแฟนตาซีเมโลดี้ อ่านสนุกๆ พอเขียนเรื่องที่สองจบ ก็สั่งสมพลังเขียนอีกเรื่องซึ่งมีขนาดสั้น 10 ตอนจบเหมือนกัน นั่นก็คือเรื่อง "สัญญารัก"
การเขียนสัญญารัก ต้องกลั่นอารมณ์ในการเขียนมากๆ พอจบเรื่องนี้ เราก็หมดแรงไปหลายเดือน
แต่ไม่อยากจะเชื่อว่า นิยายขนาดสั้น 10 ตอนจบ ที่เราเพิ่งลุยเขียนออกมาในช่วงหลัง กลับได้รับการตีพิมพ์ก่อนนิยายเรื่องยาว ซึ่งเราใช้เวลาเขียนมาเป็นเวลานานปี คิดว่าคงเป็นเพราะ สนพ.ยังไม่กล้าจะรับตีพิมพ์นิยายเรื่องยาวหลายเล่มจบ ของนักเขียนหน้าใหม่ จึงนำเอาเรื่องสั้นมาลองชิมลางดูก่อน
- ดวงใจในฝัน ได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ.2547 โดย สนพ.1198 พับลิชชิ่ง โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "แชทข้างใจ..ยังไงก็เธอ"
- สัญญารัก ได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ.2548 โดย สนพ. 1198 พับลิชชิ่ง เช่นกัน โดยยังคงใช้ชื่อเดิม เพราะหาชื่ออื่นเหมาะสมไม่ได้
- ศศิวีรา-อาทิตยันต์ ได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2548 โดย สนพ.ปริ้นเซส (ในเครือ สนพ.สถาพร) โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "รักแสนวุ่นของ(คุณ)เจ้าหญิง"
นามปากกา.. กานต์จิรา
สารภาพว่า ไม่เคยตั้งความฝันว่านิยายที่แต่งจะได้รับการตีพิมพ์เลย แค่เขียนแล้วมีคนอ่าน เราก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว ฝันของเรามีเพียงแค่ ให้เอานิยายที่เราแต่ง มาพิมพ์แล้วเย็บเป็นเล่มเก็บไว้ที่ตัวสักเล่มสองเล่ม จากนั้นก็ซีร็อกซ์ให้เพื่อนสนิทเก็บเป็นที่ระลึกเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่เคยสนใจหานามมงคล มาเป็นนามปากกาของเรามาก่อน จนพอที่นิยายจะตีพิมพ์ จึงต้องคิดหานามปากกาให้กับตนเอง สุดท้าย จึงตัดสินใจเลือกชื่อ "กานต์จิรา" ซึ่งเป็นนามปากกาตอนเขียนโพสต์นิยายเรื่อง ดวงใจในฝัน มาเป็นนามปากกาหลัก สำหรับหนังสือในที่สุด
กานต์จิรา เป็นชื่อที่คิดขึ้นมาเอง โดยเอาคำมาสมาสกัน กานต์ หมายถึง คนผู้เป็นที่รัก จิรา มาจาก จิระ ที่แปลว่า ยืนยาว ยาวนาน
กานต์จิรา จึงหมายความว่า ผู้เป็นที่รักนิรันดร์ ซึ่งชื่อนี้ จะมีความหมายเดียวกัน กับชื่อจริงของเรา ที่แปลว่าบุคคลผู้เป็นที่รัก
นอกจากนี้ ชื่อภาษาอังกฤษ kan-jira ตัว K กับ J ก็เป็น ชื่อย่อ ของชื่อจริงเราด้วย
แล้วเวลาเข้าเวบ เวลาตั้งชื่อล็อคอิน ต้องใช้ภาษาอังกฤษ คำ kanjira เขียนยาวไป ด้วยเหตุนี้เราจึงชอบเขียนย่อเป็น k-jira
และชื่อ k-jira ก็มีที่มาดังนี้แล
งานเขียนออนไลน์..สู่หนังสือตีพิมพ์
การเปลี่ยนแนวสำนวนของตนเอง โดยชะล้างสำนวนกำลังภายในออกไป เหลือไว้แค่เอกลักษณ์บางอย่าง ที่เรียกว่าแนวผสมผสาน ทำให้เราต้องนำเอานิยายเรื่อง อาเซนธาเรีย..ตามรักข้ามมิติ ซึ่งมีถึง 1500 กว่าหน้าเอสี่ มา Re-write ใหม่หมด มันเป็นงานที่ทรมานเหลือเกิน เพราะก่อนหน้านี้ เราก็เคยเอานิยายเรื่องนี้มารีไรท์ปรับแก้ไขไม่ต่ำ 4-5 รอบ
หลังจากรีไรท์เสร็จ เราก็ตัดสินใจส่งให้กับ สนพ.สถาพร ซึ่งทาง สนพ.ก็ได้ตอบรับทันที อาเซนธาเรีย ภาค 1 จึงได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2548 ทะยอยออกทีละเล่ม จนถึงเมษายน 2549 มีจำนวน 4 เล่มจบ
ระหว่างที่รอเขียน ภาคต่อไป จึงลองส่งนิยายจีนกำลังภายใน ให้ทาง สนพ.ดูบ้าง มันเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจกันพอสมควร เพราะแนวกำลังภายใน ที่เขียนโดยคนไทยมันเป็นแนวใหม่ของวงวรรณกรรม สนพ.อาจจะยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับตลาด
เราจึงให้แนวคิดเป็นความเห็นว่า เมื่อหลายปีก่อน.. นิยายแฟนตาซียังไม่เป็นที่ยอมรับ สนพ.ยังไม่ค่อยกล้ารับพิมพ์แนวนี้ จนกระทั่งนิยายแปลแฟนตาซีแพร่หลาย จึงมีคนไทยแต่งแฟนตาซีออกมามากมาย ...จะว่าไปนิยายกำลังภายใน มันก็คือแฟนตาซีจีน แล้วมันแตกต่างอะไรกับแฟนตาซีฝรั่ง แนวพ่อมด..มังกร การตามผจญหาของวิเศษ ที่วางขายมากมายในขณะนี้
อย่าว่าแต่ นิยายกำลังภายใน เมื่อคิดออกมาในรูปแบบของแฟนตาซีจีนแล้ว มันยังมีความลุ่มลึก ของความรู้สึกและปรัชญา ของชาวตะวันออก มันน่าจะเป็นการเปิดแนวทางใหม่ ให้กับวงการวรรณกรรมในปัจจุบัน ให้กว้างออกไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม.. เรื่องนี้เงียบหายไปหลายเดือน เราก็เริ่มทำใจว่านิยายกำลังภายใน คงเป็นได้แค่นิยายออนไลน์เท่านั้น
คิดไม่ถึง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บก. ของ สนพ.สถาพรก็แจ้งมาว่า มังกรเจ้าปฐพี ผ่านพิจารณา ทาง สนพ.ยินดีตีพิมพ์เรื่องนี้ มันช่างเป็นอะไรที่น่ายินดีจริงๆ เราไม่ได้ดีใจที่หนังสือเราได้ดีพิมพ์ แต่ที่เราดีใจก็คือมันคือโอกาส ที่ให้โลกแห่งวรรณกรรม มันจะได้เปิดกว้างออกไปกว่าเดิม
ในที่สุด มังกรเจ้าปฐพี เล่ม 1 ก็ได้ออกมาเป็นรูปเล่ม เล่ม 2 คงออกประมาณเดือนหน้า (กพ.) นิยายเรื่องนี้มี 6 เล่มจบ ก็ยาวสมกับเป็นนิยายกำลังภายในแหล่ะท่าน
ตัวตนของเรา k-jira
เราเป็นพยาบาลคนหนึ่ง ทำงานพยาบาลเป็นอาชีพหลัก ส่วนงานเขียนเป็นเพียงงานอดิเรกยามว่างที่เรารักเท่านั้น แม้ว่าปีสองปีมานี้ งานที่ทำจะหนักขึ้น จนแทบไม่ค่อยมีเวลาและสมาธิไปเขียนงานที่เรารัก
แต่เราก็ยังรักที่จะเขียน และไขว่คว้าหาเวลาที่จะเขียน เพราะความฝันและสิ่งที่เรารัก... ไม่ใช่ชื่อเสียง ไม่ใช่เงินทอง แต่เป็น.. การได้เขียนในสิ่งที่เราอยากจะเขียน ได้สร้างงานเขียนในแนวที่เราอยากจะทำออกมาให้สำเร็จ
ดูไปแล้ว.... ฝันของเรายังมีอีกยาวไกลจริงๆ
...................
@ คนเราเมื่อมีความฝัน
ของเพียงมุ่งมั่น
สักวันฝันต้องเป็นจริง@ ทำในสิ่งที่ตนรัก
รักในสิ่งที่ตนทำ
ก็จะทำสิ่งนั้นอย่างสบายใจ
แม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหน
ยังคงสบายใจที่จะทำ@ ผิดครั้งแรกถือเป็นครู
ผิดครั้งที่สองถือเป็นความโง่เขลา
ความผิดพลาด มีไว้ให้เรียนรู้
ไม่ได้มีไว้ให้กลัว
ถ้าเรากลัว..เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
..........................................................
อ่านตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ สุดท้าย ก็ยังงงอยู่ดีค่ะ
แต่ไม่ว่า คุณ k-jira จะเป็นใคร ตอนนี้ เราก้เป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหมค่ะ
เดี๋ยวกลับไปบ้าน จะแวะเข้าไปเยี่ยมชม website ของคุณ K-jira นะคะ
ขอบคุณค่ะ เขียนมาซะยาว ใครอ่านจบ แสดงว่ารักกันจริง ต้องขอบคุณมากๆอีกครั้ง
ความจริงอยากเขียนสั้นๆ เอาไปไว้ที่มุมแนะนำตัว แต่เขียนไปเขียนไป มันออกทะเล ก็เลยเอามาดพสต์เก็บไว้ในนี้ เพราะนานๆที จะมีอารมณ์เขียนเรื่องราวของตนเอง เก็บไว้เผื่อเอาไว้ใช้ในวันหลัง ^^
น้อง รัตติยา (คิดว่าคงเป็นน้อง) อย่าคิดมากเลยนะคะ บางทีเราคงไม่ได้รู้จักกันก็ได้ เพราะรูปที่ลงมันก็ไม่ค่อยชัด อาจจะคล้ายใครบางคนที่พี่เคยเห็น หรือไม่ก็ น้องอาจจะเคยมาเยี่ยมใคร ที่วอร์ดของพี่ก็ได้
ส่วนนามสกุลน่ะ พี่คุ้นๆว่าเป็นนามสกุลของคนไข้ของพี่น่ะค่ะ ที่นี่มีคนมาคลอดกันเยอะ อาจจะเป็นนามสกุลของใครสักคนก็ได้
หรือไม่ก็ อาจจะเป็นนามสกุลของน้องพยาบาล ใครสักคน มันจึงทำให้พี่คุ้นน่ะจ้า
โถๆ นี่ทำให้คิดจนนอนไม่หลับไปหลายวันล่ะซี
ผิดไปแล้วค่ะ.. ไว้วันหลังค่อยขอไถ่โทษด้วยกาแฟเย็นๆสักแก้วนะคะ
^____^
ไม่ต้องรักกันจริงก็คงอ่านได้จนจบค่ะ (แซว...แซว...) เพราะเขียนได้ชวนอ่าน คราวหน้าต้องไม่เริ่มค่ะ เก็บไว้ตอนมีเวลาเยอะๆ เพราะเผลอตัวเริ่มอ่านบันทึกคุณ k-jira ทีไร ต้องอ่านจนหมดทุกตัวอักษรทุกทีเลย น่าจะเป็น"เสน่ห์" หรือ tacit ส่วนตัวแน่นอนค่ะ
เป็นประวัติที่น่าประทับใจมากค่ะ เป็นตัวอย่างอะไรดีๆได้หลายเรื่องเลย ขอบคุณที่นำมาเล่านะคะ
โอ้โห คุณ K-jira คะ
ไม่ได้กังวลกลัวว่าคุณ K-jira จะเป็นใครหรอกคะ แต่แหม ถ้าเรารู้จักกัน จะได้เรียกพี่ เรียกน้อง กันได้อย่างสนิทใจยังไงหละคะ
อ้อ ถ้าคุณ K-jira ทำงานอยู่วอร์ดพิเศษสูติฯ จริง ๆ หละก็ ขอบอกว่า พยาบาลวอร์ดนี้ ไม่ว่าจะชั้น 5 หรือ ชั้น 6 น่ารักทุกคนเลยค่ะ เอาใจใส่คนไข้ดีมาก ๆ เลยค่ะ
สวัสดีค่ะน้อง บีเวอร์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ^^
สวัสดีค่ะพี่ โอ๋-อโณ
สวัสดีอีกครั้งค่ะ น้อง รัตติยา
สวัสดีจ้า..วันนี้เพิ่งไปทำงานเป็นวันแรก หลังจากลาป่วยหยุดงานมาเกือบสิบวัน พอทานข้าวเย็นเสร็จก็เลยสลบเหมือดหลับไป เพิ่งตื่นเอาตอนนี้ ขอโทษที่เพิ่งมาตอบ comment จ้า
หนูจูน
ปล. ยังติดหนี้หนังสือว่าจะไปซื้ออ่านอยู่เลย แหะ ๆ ช่วงนี้รับแขกพืชสวนโลกเยอะอ่ะนะ
สวัสดีครับ คุณ K-Jira
สวัสดีค่ะ คุณ สุธรา
สวัสดีค่ะพี่ somporn poungpratoom จ๋า
สวัสดีค่ะคุณหมอ นพ. สมบูรณ์ เทียนทอง
อยากรู้ตัวตน k-jira มานานแล้ว ขอบคุณสำหรับการบอกเล่าความฝันและสิ่งที่ตนรัก และ เส้นทางสู่ความฝันนั้นให้ชาว gotoknow ได้ร่วมเรียนรู้ด้วย
ทำ....เพราะความฝันและสิ่งที่เรารัก... ไม่ใช่ชื่อเสียง ไม่ใช่เงินทอง แต่เป็น.. การได้เขียนในสิ่งที่เราอยากจะเขียน....... จึงมีวันนี้ของ k-jira ขอชื่นชมและยินดีกับวันนี้ของ k-jira ค่ะ
ขอบคุณสำหรับ CD มากๆ ค่ะ
เพิ่งได้แวะเข้ามาตอบ comment ขอโทษที่ช้านะคะ ^^
สวัสดีค่ะ อจ.หมอ ปารมี
สวัสดีค่ะ อจ.หมอ สมบูรณ์
มาแวะเยี่ยมทำความรู้จักครับ
เหมือนประมาณมาขอบะหมี่กินยังงั้น
มาแล้วเลยไม่ได้ไปไหนเพราะติดหนึบอยู่ยาว
(เอ! เราจะเป็นประเภทใด จะอ่านจบแล้วรักจริง หรือรักจริงแล้วอ่านจบหนอ สรุปเป็นทั้งสองก็ได้)
อยากจะบอกว่าคุณเป็นคนที่มีความเพียรและมุ่งมั่นอย่างหาตัวจับยาก
สวัสดีค่ะคุณ DSS@MSU ( หนิง )
สวัสดีค่ะ อาจารย์ พิชัย
ขอบคุณสำหรับ comment อีกครั้งค่ะ ^____^
สวัสดีค่ะ พี่ K-jira แป้นขอเรียกพี่นะคะ
แป้นก็เป็นแฟนคลับนิยายใน pantip คนนึงเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยชอบอ่านนิยายแฟนตาซี เพราะกลัวฝัน
แป้นจึงชอบอ่านนิยายรักหวานแหววมากกว่า ตอนนี้ที่บ้านมี นิยาย ของสำนักพิมพ์แจ่มใสเต็มบ้านเลยค่ะ เพิ่งเริ่มติดมาเมื่อ 2 ปีที่แล้วเองค่ะ เมื่อก่อนติดกิ่งฉัตรค่ะ นิยายของกิ่งฉัตรแป้นมีทุกเรื่องเลย ประมาณแฟนพันธ์แท้ค่ะ
งานนี้สงสัยต้องหานิยายของพี่มาอ่านบ้างเพราะชื่นชมผู้เขียนอยู่
เดี๋ยวจะลองตามไปอ่านที่เวปดูก่อนนะคะ
เพิ่งได้เข้ามาอีกแล้ว แหะๆ ตอบช้าไป 1 วัน ^^'
สวัสดีค่ะน้อง PAN
สวัสดีค่ะ น้อง ขจิต
นั่นสิ..ใกล้เที่ยงแล้ว ท้องร้องแล้วค่ะ..จ๊อกแจ๊กๆๆ โครกครากๆ
อ่านบันทึกนี้...ตั้งแต่ยังไม่มีคนให้ความเห็น แรกๆ ที่อ่าน แอบบ่นในใจว่าบันทึกอะไรยาวจัง เลย...เก้บไว้ก่อน กลับมาอ่านอีก อ่านไปอ่านมาชักสนุกแฮะ ชอบอันนี้...
@ คนเราเมื่อมีความฝัน
ของเพียงมุ่งมั่น
สักวันฝันต้องเป็นจริง
@ ทำในสิ่งที่ตนรัก
รักในสิ่งที่ตนทำ
ก็จะทำสิ่งนั้นอย่างสบายใจ
แม้ว่ามันจะยากเย็นแค่ไหน
ยังคงสบายใจที่จะทำ
@ ผิดครั้งแรกถือเป็นครู
ผิดครั้งที่สองถือเป็นความโง่เขลา
ความผิดพลาด มีไว้ให้เรียนรู้
ไม่ได้มีไว้ให้กลัว
ถ้าเรากลัว..เราก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย
คุณ k-jira เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นดีจังเลย แถมยังรักเดียวใจเดียว (เหมือนคนใน "สัญญารัก" เลยค่ะ) มีคุณสมบัติของ "คุณครูผู้ใจดี" อีกด้วย .....อืม...อะไรอีกล่ะ อ้อ..ชอบเป็นพี่ (ไม่กลัวแก่) เรียกคนอื่นๆ เป็นน้องไปโม๊ด...อันนี้หลายๆ คนใน gotoknow ชอบค่ะ
อย่าหายไปไหนอีกนะ...รู้มั๊ยว่ากำลังเป็น "ขวัญใจ" ของใครๆ หลายคน
สวัสดีค่ะน้อง ขจิต
สวัสดีค่ะ คุณ nidnoi
^___________^ ยิ้มให้กว้างๆเลยค่ะ
แวะมาอ่านครับ แล้วถึงบางอ้อ ที่แท้ท่านคือ ท่านหลานหลิงที่ข้าน้อยเคยตามอ่านนิยายอยู่นี่เอง
ข้าน้อยคารวะท่านแล้ว (นึกไม่ถึงจริงๆ)
ปล. มังกรเจ้าปฐพีจะพิมพ์ต่อจบไม๊ขอรับ กำลังรออ่านตอนจบอยู่ หุๆ
ท่าน จันทร์เมามาย ข้าพเจ้าปลื้มใจมากเลยนะเนี่ย ^O^
ที่แท้..ท่านก็คือ ท่านจันทร์เมามาย สหายที่ข้าพเจ้ารู้จัก ท่านนั้นนั่นเอง
จุดไต้ตำตอ...โลกนี้ช่างกลมนัก รึว่า.. เพราะวาสนาจึงได้พบพาน
ดีใจ ดีใจ มากมายค่ะ ^___^
มังกรเจ้าปฐพี พิมพ์ต่อจนจบแน่ๆค่ะ มีทั้งหมด 6 เล่มจบ ตอนนี้ออกเล่ม 1 เป็นหนังสือแล้ว เล่ม 2 เล่ม 3 คงทะยอยออกเดือน กพ. มีค. นี้ค่ะ
^______^
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ดร. จันทวรรณ น้อยวัน
"ซึ่งชื่อนี้ จะมีความหมายเดียวกัน กับชื่อ.จริงของเรา ที่แปลว่าบุคคลผู้เป็นที่รัก"
โอ้โฮ ความหมายเดียวกันกับชื่อผมเลยครับ
คุณ k-jira เขียนอะไรก็อ่านสนุกไปหมดเลยนะครับ ผมเองก็เป็นคอนิยายกำลังภายในเหมือนกัน สมัยเด็กไปเช่าที่ร้านเล่มละ 1 บาทอ่านได้ 2 วัน เรื่องที่ชอบที่สุดคือผู้กล้าหาญคะนอง ชอบเหล็งฮู้ชงน่ะ รู้สึกว่าเขาเป็นคนเป็นๆ ดี ไว้จะหามังกรเจ้าปฐพีมาอ่านครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ มาโนช
โอ้.. น้อง หญิง
หญิงไหนเนี่ย... บอกมาด่วนเลยนะคะ
คนใกล้ตัวแน่ๆเลยใช่ไหม
พี่ก็อยากรู้จักน้องเหมือนกัน ว่าเป็นหญิงไหนหนอ ^__^
ขอบคุณนะคะ ที่แวะเข้ามาอ่านบันทึกถึงที่นี่
วันหลัง login เข้ามาโพสต์นะคะ พี่จะได้คลิกลิ้งค์ แวะไปอ่านบันทึกของน้องบ้าง
^___^
หญิง น้องรหัสพี่ก้อย (275507) ที่เคยทำงานที่ห้องผ่าตัดไงค่ะ
เราอยู่ใกล้กันค่ะ แล้วถ้ามีโอกาสเจอตัวพี่จูน หญิงจะไม่รีรอ เดินไปทักทายแน่นอนค่ะ สัญญา
หญิง.. หญิง... อา คนไหนหนอ
น้องจ๋า.. คนเริ่มแก่ตัวลงแล้ว อาจจะลืมไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วย
ว่าแต่ใช่น้องหญิง ที่ไปเป็น อจ.พยบ. รึเปล่าคะ ?
รึว่า.. ???
อ้อๆ.ๆ.. เจอตัวต้องตามทวง
ไปลงทะเบียนสมาชิกศิษย์เก่า ที่ http://www.nursepsu.net ด้วยนะจ๊ะน้อง
^__________^
สวัสดีค่ะ คุณ Kawao
สวัสดีแม่นางหลานหลิง
โอว....วว ! ได้ติดตามมาถึงที่นี่โดยบังเอิญ เรียกว่า วาสนาชักนำ....จริง ๆ
ไม่อยากจะเชื่อว่า ท่านได้มาพลิ้วตัว มาปรากฏกายอยู่ที่นี้ นี่เอง
แต่ขอแสดงความยินดีต่อท่านยิ่งนัก ที่ยังฝากผลงานไว้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า จะงานหนักเพียงใด สุขภาพจะน่าห่วงเพียงไหน..
การได้ทำสิ่งที่รัก และใฝ่ฝัน ก็เป็นการเสพสุขประการหนึ่ง
ซึ่งแม่นางก็ทำได้ดีทีเดียว
ไว้จะกลับมาติดตาม blog นี้เรื่อย ๆ
ตอนนี้ขอลาแม่นางไปก่อน โปรดถนอมตัว....
หวัดดีคับ กำลังค้นหานิยายออนไลน์อยู่พอดี ก็เลยแวะเข้ามาดู อ่านแล้วรู้สึกชอบมากคับ ทำให้ไฟที่กำลังอ่อนแรง กลับมาลุกโชนอีกครั้ง วันหน้าจะแวะมาใหม่คับ
สวัสดีค่ะ ท่าน เล่าฮิว
สวัสดีค่ะ Ukikun
แฮ่ะๆๆ .. หวัดดีคับพี่จูน ว้า.. ปลอมตัวแล้วนะเนี่ย จำได้อีกอ่ะ ..ขอบคุณที่ทักทายจ๊ะ นอนดึกเพราะว่า ช่วงนี้ไม่อยู่เวร ว่างจ้า..... (จิ้มลิ้มเอง)
หวัดดีครับ ดีจังได้รู้ทั้งแนวเขียน รู้ทั้งประเภทนิยาย แถม รู้ถึงประวัติคอมพิวเตอร์ ด้วย งืมๆๆ ดีจิงๆ ครับผม เขียนเยอะๆ นะครับ สู้ๆ แล้วผม จะตาม อ่านนะ
สวัสดีครับ คุณ k-jira
ปกติพักหลังไม่ค่อยอ่านบันทึกยาวๆจบ แต่พอลงมืออ่านบันทึกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของคุณ kjb แล้วสนใจอ่านจนจบ เพราะเรื่องราวชวนติดตาม โดยเฉพาะความมุ่งมั่นที่จะเขียนนิยาย ชื่นชมมากครับ
ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียน ได้รับการตีพิมพ์เรื่องราว เป็นนิยาย และ เรื่องสั้นนั้น ความสามารถต้องเป็นที่ประจักษ์อย่างที่รู้ๆกัน
วันนี้ขอทักทายแค่นี้ก่อนละกัน ครับผม
ได้ใจความมากเลยค่ะ
อยากรู้จักพี่ไคร๊าบบบบบ
เก่งจริงๆเลยครับ ผมรับราชการในตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข แต่ไม่มีความสามารถ...... ย่อมรับในมืออาชีพที่เป็นนักเขียน สัมผัสได้ในจิตนาการที่ไม่สิ้นสุด.....
แวะมาเยี่ยมชมผลงานค่ะ