หนังสือเล่มนี้เขียนโดย พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร จัดพิมพ์ครั้งที่สอง โดยสำนักพิมพ์มติชนในเดือนเมษายน 2549 ..........................
เรียกว่าใหม่หมาดๆ ของปีนี้ เป็นหนังสือที่เพื่อนที่ดีจากเมืองใต้ส่งมาให้ยืม ...................................................................
เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นฝึก หรือสนใจการฝึกสมาธิเหมือนเช่นตัวเองในขณะนี้ เพราะท่านผู้เขียนได้เรียงร้อยด้วยภาษาที่อ่านง่าย ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของการมีสมาธิ วิธีการทำสมาธิที่สามารถปฏิบัติได้เองทันที รวมถึงพระจริยาวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการที่พระองค์ทรงใช้สมาธิในการทรงงาน และทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในการฝึกพระองค์เองในเรื่องสมาธิ ดังเช่นตอนหนึ่งของหนังสือ กล่าวว่า
“พระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงศึกษาและปฏิบัติสมาธิแต่อย่างเดียว หากยังทรงนำสมาธิไปใช้ในพระราชกรณียกิจทุกองค์ด้วย จะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นพระราชกิจใดก็ตาม ทรงสามารถทำสิ่งที่ตามปกติเราท่านทำไมได้ หรือทำได้ยาก เช่น การประทับอยู่ในพระอิริยาบทเดียวติดต่อกันไปเป็นเวลานานเป็นชั่วโมงๆ ไม่น่าเชื่อว่าทรงปฏิบัติได้โดยไม่มีพระอาการเหนื่อยหรือง่วงเลยแม้แต่น้อย” (หน้า 53)
.........................................ท่านผู้เขียนได้บอกว่า “เมื่อใจอยู่กับที่แล้ว ใจได้พักแล้ว ใจก็จะสงบ เจ้าของใจจะรู้เองว่าใจที่สงบเป็นใจที่ได้รับการบริหารและพัฒนา กลายเป็นใจที่มีพลัง จะทำอะไรใจก็จดจ่อกำกับสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด ไม่ขาดตอน คนมีสมาธิจึงเป็นคนที่ทำงานทุกอย่างเสร็จเร็วและเรียบร้อยไม่บกพร่อง สามารถรับงานปริมาณมากๆ และงานหนักได้โดยไม่มีปัญหาเหมือนคนขาดสมาธิ” ......................................
หนังสือเล่มนี้ จึงเป็นอีกเล่มที่มีคุณค่า และเขียนขึ้นจากการได้ “ทำจริงๆ” ของผู้เขียน ซึ่งท่านกล่าวไว้ในคำนำว่า “ผมเขียนขึ้นเพื่อแนะนำเป็นเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจ โดยอาศัยคำสอนของครูบาอาจารย์หลายท่าน และที่กล้าเขียนก็เพราะได้ทดลองปฏิบัติด้วยตนเองและได้เห็นผล” จึงคิดว่าตัวเองสามารถนำไปประยุกต์ใช้ ทดลองใช้ให้เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณ “เพื่อนที่ดี” ผู้ส่งหนังสือมาให้ยืม และขอบคุณท่านผู้เขียนที่รวบรวมเรียบเรียงเรื่องที่ยากๆ ให้ปฏิบัติได้ง่ายๆ อธิบายจากประสบการณ์ตรงที่ทำให้เข้าใจได้เร็วขึ้น และที่สำคัญเป็นหนังสือ “How to” ที่มีวิธีเขียนที่น่าศึกษายิ่งอีกด้วย
ยินดีค่ะอาจารย์ปภังกร
ตอนแรกที่นึกถึงสมาธิเพราะอาจารย์ที่ปรึกษาพูดมาหนึ่งประโยคว่า "ลองฝึกสมาธิดูซิ" ตอนนั้นนึกไม่ออกว่าทำไมท่านแนะนำ ..แต่ตอนนี้คิดว่าพอเดาได้ว่า เพราะอะไร
รอฟังประสบการณ์ของอาจารย์ค่ะ