เสาร์ที่ 2 ธค.2549 ช่วงเช้าปาฐกถาพิเศษ “การจัดการความรู้กับการพัฒนาสังคม...สังคมอุดมปัญญา” ซึ่งท่านได้พูดถึง KMเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ 3 ยุทธศาสตร์(สังคมไม่ทอดทิ้งกัน สังคมเข้มแข็ง และสังคมคุณธรรม) บรรลุเป้าหมาย โดยมีโจทย์สำคัญ คือการสร้างสังคมไทยที่ดีงาม มีความสุข ใน3บริบท ได้แก่บริบทพื้นที่ (ตั้งแต่ หมู่บ้าน ตำบล ขึ้นมา )บริบทของบุคคล (สตรี ครอบครัว เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส)บริบทของประเด็น (ในเชิงบวก เช่นส่งเสริมความสามัคคี เชิงลบเช่นการแก้ปัญหาความรุนแรง)ซึ่งทั้ง 3 บริบทจะมี good practice และ best practiceมากมาย แต่อาจไม่มากพอต้องนำการจัดการความรู้มาช่วย โดยKMซ้อนๆ KM(คุณเดชาบอก 5 ชั้น)
ช่วง9.30-12.00น. ได้ฟังดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เรื่อง “เมื่อคุณธรรม..นำการศึกษา” ท่านได้เล่ารูปแบบการเรียนการสอนของโรงเรียนสัตยาไส โดย ให้พวกเราได้ร้องเพลง และ “ฝึกสมาธิโดยใช้แสงสว่าง” ไปด้วย ท่านได้เล่าว่าการเรียนการสอนทางตะวันตกที่ใช้ Brain Base Learning มุ่งให้ผู้เรียนเก่งในการคิดค้นวิเคราะห์ ปัญหาที่ตามมา คนเก่งมักทำเพื่อตนเอง จึงเห็นคนเก่งที่ขาดคุณธรรมสร้างปัญหาสังคมอย่างมากมาย แต่คนดีจะคิดถึงคนอื่นโดยที่ตนเองก็ไม่เดือดร้อน เมื่อเราผลิตคนดี คนดีนั้นจะเก่งเอง โรงเรียนสัตยาไสใช้การบูรณาการคุณธรรมจริยธรรม รวมทั้งความมั่นใจ กล้าหาญเข้าไปในทุกวิชา และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อยกระดับจิตใจเด็กด้วยสมาธิ เด็กจะได้ปลูกฝังการใช้วิจารณญาณเพื่อตัดสินเรื่องต่างๆว่าดีสำหรับตัวเอง และคนอื่นหรือไม่
ช่วงบ่ายเข้าไปเยี่ยมชุมชนคุณอำนวยเพื่อไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เทคนิค เคล็ดลับคุณอำนวย
“อำนวยชีวิตตนเองให้ได้ ก่อนอำนวยคนอื่นตามหน้าที่”และเหตุปัจจัย(เติมเอง) ........จากคุณ jj
เห็นตัวอย่าง การสร้างบรรยากาศในองค์กรด้วยการเล่าเรื่องที่ดีดี ..... จากหมอฟันเด็ก
“คุณอำนวยต้องประเมินตนเอง ต้องเป็นนักกลยุทธด้วย นิ่งพอไหม km เป็นเรื่องของจิตใจ ทำงาน อย่าทำ KM คุณอำนวยต้องเป็นแมวมองด้วย” ---จากคุณสิงห์ป่าสัก
เทคนิคการเขียนblog“เขียนจากใจ ไม่ใส่ไข่ คนที่เคยอ่านจะรู้เองว่าอะไรจากใจ” ......จากคุณชายขอบ
รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เข้าห้องคุณอำนวยครับ เห็นหลายคนลงเสียงเดียวกันว่าไม่เข้าจะเสียดาย
เวลา 2 วันสั้นเหลือเชื่อครับเวลาเข้าห้อง 2วันผมเข้าได้แค่ 2 ห้อง แต่...เวลานั่งกลับสถาบันนี่ยาวนานจริงๆ (หิวอะ)