ชีวิตที่พอเพียง : 166. ก้าวใหม่ของ KM ประเทศไทย - KM เพื่อการพัฒนาสังคม (1)


ขบวนการ KM ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ "ภพภูมิใหม่" (new order) แล้ว เป็นการผุดบังเกิดที่จะเป็นประวัติศาสตร์เล็กๆ (อาจจะเป็นประวัติศาสตร์ใหญ่ ก็ได้) ของสังคมไทย - - - การผุดบังเกิดของ KM เพื่อการพัฒนาสังคมทั้งสังคม

        เช้าวันเสาร์ที่ ๓ ธค. ๔๙ ถือเป็นวัน "หลังมหกรรม ๓"     ที่ทุกคนใน สคส. ได้ผ่อนคลาย    หลังการจัดงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ ๓    ซึ่งเราคร่ำเคร่งกันมาหลายเดือน    เกือบจะเรียกได้ว่ากำลังทั้งหมดของ สคส. (ยกเว้นผม ซึ่งทำงานหลายหน้ามาก) พุ่งไปที่งานนี้

        การทำงานของ สคส. มีลักษณะที่ก่อนและระหว่างทำ เราไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาดีหรือไม่   ดีแค่ไหน   ดีตรงไหน ไม่ดีตรงไหน     เราจึงทั้งสนุก ตื่นเต้น และเครียด (อยู่ลึกๆ)     หลังการทำงานนี้เราจึงต้องการเวลาสำหรับการผ่อนคลาย

        เวลาสำหรับผ่อนคลายสำหรับผม  คือเวลาที่ได้มีโอกาสทำใจให้เบาสบาย     ถอยออกจากกิจการงานตามปกติ     ชวนตัวเองมองภาพใหญ่     ชวนตัวเองมองหา "การผุดบังเกิด" (emergence) ของสิ่งที่อยู่ในขอบข่าย "ปณิธานความมุ่งมั่น" (purpose) ลึกๆ ของตนเอง      ผมเชื่อว่าเหตุการณ์น้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน  สามารถนำมาตีความหาความหมายได้หลายอย่าง ต่างๆ กัน     แล้วแต่มุมมอง  แล้วแต่เป้าหมาย หรือปณิธานความมุ่งมั่นของแต่ละคน

         ปณิธานความมุ่งมั่นของชีวิตผมในเวลานี้ คือหาทางขับเคลื่อนสังคมไทย สู่สังคมอุดมปัญญา สังคมที่มีความรู้เป็นฐาน ด้วยเครื่องมือ "การจัดการความรู้"      ดังนั้น การที่ท่านรัฐมนตรี ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม  รมต. ว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  มาบอกความต้องการของกระทรวงฯ ในการใช้ KM เป็นเครื่องมือพัฒนาสังคมอย่างบูรณาการ พอดี สมดุล มั่นคง ยั่งยืน    โดยมีเป้าหมายการเป็นสังคม (๑) ที่ไม่ทอดทิ้งกัน  (๒) เข้มแข็ง  (๓) มีคุณธรรม    โดยจะมีการดำเนินการใน ๓ บริบท คือ (๑) เชิงพื้นที่  (๒) เชิงกลุ่มคน  (๓) เชิงประเด็น

       ผมจึงตีความว่า ขบวนการ KM ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ "ภพภูมิใหม่" (new order) แล้ว     เป็นการผุดบังเกิดที่จะเป็นประวัติศาสตร์เล็กๆ (อาจจะเป็นประวัติศาสตร์ใหญ่ ก็ได้) ของสังคมไทย   - - - การผุดบังเกิดของ KM เพื่อการพัฒนาสังคมทั้งสังคม

        หลังการบรรยายพิเศษของท่านรัฐมนตรีไพบูลย์     ท่านนัด ดร. ประพนธ์  คุณแอนน์ และผม ไปนั่งคุยกันว่าจะทำงานนี้อย่างไร     ดูท่านจะอยากให้ สคส. รับ outsource งานนี้จากกระทรวงฯ     ผมเอง มีสไตล์ชอบทำงานเป็นโปรโมเตอร์ มากกว่าต่อยเอง     ก็ต้องคุยระดมความคิดกันพักหนึ่ง     ว่าจะจัดรูปแบบ "KM เพื่อพัฒนาสังคมไทยสู่ สังคมที่ดีงาม และอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน"    มีความพอดี สมดุล มั่นคง และยั่งยืน   อย่างไรดี
         ในที่สุด เราก็ได้ร่างแนวทางครับ     ว่า ดร. ประพนธ์ จะเป็นแม่ทัพจับงานนี้     ในลักษณะของโครงการหรือหน่วยงานพิเศษของ สคส. ที่ทำงานให้แก่กระทรวง พม.   โดยน่าจะมีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง พม., สสส., สกว., และ สคส.     แต่รายละเอียดและข้อตกลง จะต้องมีการพูดคุยกันก่อนการลงนามดังกล่าว     เราพูดกันตลกๆ ว่า สสส. มาทำให้ สกว. คลอดลูกออกมาเป็น สคส.     ตอนนี้ พม. โดย อ. ไพบูลย์ กำลังมาทำให้ สคส. คลอดลูกออกมาเป็นโครงการใหม่นี้ (ยังไม่ได้ตั้งชื่อ - ขอตั้งชื่อเล่นไปก่อนว่า สจส. - สำนักงานจัดการความรู้เพื่อการพัฒนาสังคม)     เท่ากับ สจส. เป็นหลานของ สกว.    เรายังไม่ทราบนะครับว่าความฝันนี้จะเป็นจริงหรือไม่     ในเช้าวันที่อากาศดีเช่นนี้ ผมก็ฝันเรื่อยเปื่อยไป
         ความแตกต่างระหว่าง สคส. กับ สจส. ก็คือ
           - สคส. เน้นการสร้างเครื่องมือ  สร้างวิธีการ     สจส. เน้นการประยุกต์วิธีการสู่การพัฒนาสังคม
          - สคส. ทำงานแบบไม่ลงลึก  ไม่คลุก  ทำงานเชิงเชื่อมโยงเครือข่าย KM     แต่ สจส. จะทำงานแบบเข้าไปคลุก เข้าไปจัดการ ให้มีการนำสิ่งดีๆ ในสังคมออกมา ลปรร. และขยายผลซึ่งกันและกัน
        ทั้งหมดนั้นเป็น "ฝัน" ของคนคนเดียว  ยังไม่รู้ว่าคิดอย่างนี้จะเหมาะสมหรือไม่    ยังไม่ใช่ข้อตกลง หรือข้อยุติ     เอามาลงบันทึกไว้   เพื่อขอความเห็นจากมิตรรักนัก KM ครับ

วิจารณ์ พานิช
๓ ธค. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 64945เขียนเมื่อ 3 ธันวาคม 2006 09:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
เรียน ท่านอ.วิจารณ์ พานิช ค่ะ...ดิฉันเห็นด้วยกับการที่จะมีสจส.เพราะที่ผ่านมามีแต่จะเอาเครื่องมือมาทำ...ให้เห็นว่ามีเครื่องมือ..ใช้ครื่องมือ...แต่ไม่เห็นการลงมาดูภาคสนามว่าเครื่องมือนั้นเหมาะกับสนามนั้นไหม...ดิฉันอยากเห็นเครื่องมือที่มีเป็นชุดค่ะ...เช่นถ้าเป็นมีดก็เป็นมีดชุด..อยากใช้มีดเล่มไหนก็หยิบมาใช้ให้พอเหมาะพอดี...มีทั้งปังตอไว้สับกระดูก..มีดหั่นผัก..มีดหั่นเนื้อ..มีดปอกผลไม้...แม้กระทั่งมีดควั่นผลไม้....ถ้าเป็นTUNA Model...ดิฉันอยากเห็น Tapian Thong Model(ตะเพียนทอง โมเดล)มากกว่า..มีปลาตะเพียนทอง ตัวใหญ่เป็นผู้นำทีม...ตัวเล็กๆตามไปเป็นพวง..ทิศทางเดียวกัน...แต่แต่ละตัวค่อนข้างเป็นอิสระในการเคลื่อนไหว..หมุนได้รอบๆ..ได้ดูคนอื่นด้วย...ดูสิ่งแวดล้อมด้วย..มิใช่ปิดหูปิดตาตามอย่างเดียว เรียนท่านด้วยความเคารพยิ่งในฐานะผู้ปฏิบัติค่ะ
  ขอให้ฝันของท่านอาจารย์เป็นจริงครับ
ศรัทธา เชื่อมั่นในแม่ทัพ ของทั้ง สคส. และ ว่าที่แม่ทัพ สจส. ครับ เชื่อว่าการผันตัวเองจากโลกเก่าในมหาวิทยาลัย มา "ไถ่บาป" ที่ สคส. จนถูกวางตัวให้ไปนำทัพที่เป็นกำลังสำคัญและมีความหมายยิ่งนี้ เป็นการ มาถูกทาง แล้ว สำหรับ อ.ประพนธ์ คงได้ใช้พลังที่มีอยู่เหลือเฟือ สร้างคน  เพื่อไปชวนคน ขี่จักรยาน กันได้มากมายทีเดียวครับ

                   อาจารย์ครับ วันเสาร์ คือ ๒ ธ.ค. ขอมีส่วนร่วมในการเสนอแก้ไขเล็กน้อย  ( ตามที่เขียนข้างบนคลาดเคลื่อนเล็กน้อย )

                   งานวันแรก ๑ ธันวาคม ผมไปฟังอาจารย์กล่าวเปิดเป็นปลื้ม และได้ฟัง อ.ไกรฤทธิ์ฯ พร้อมดูเอกสารประกอบได้ความรู้  ข้อคิดที่อาจารย์บอก มีหลายห้องให้ตั้งสติในการศึกษาเรียนรู้  จริงครับ  จึงรู้สึกเสียดาย แต่เมื่อกลับน่าน  มาดูเอกสารที่คณะทำงานเรียบเรียงให้ครบถ้วน

                    ขอขอบพระคุณอาจารย์ คณะทำงาน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้งานนี้เกิดมีขึ้นเป็นครั้งที่ ๓ ในส่วน ARR วิทยากรประจำบูท เขามีข้อเสนอแนะดี ๆ คุณน้ำ คงจะเสนอให้อาจารย์ทราบต่อไป ไม่ลืมขอบพระคุณ นพ.ชาตรี เจริญศิริ  น่านเรายังได้เครือข่ายน่าน อ.มาลินี โชคสุวัฒนสกุล มาร่วมเป็นวิทยากรประจำบูทให้อีก เสียดายที่ อาจารย์งานมากไม่ได้แวะและพา รมต.ไพบูลย์ฯ มาดู KM น่านวันนี้ที่พวกเราตั้งใจนำไปแสดง @

                  ( ผมเคยได้รับโอกาสจาก นพ.ชาตรีฯ ให้รับรองอาจารย์และลูกสาว (คุณมุฑิตาฯ ) คราวเมื่อเดินทางไป จ.น่าน โดยไปเยือน รร.สบขุ่น อ.ท่าวังผา ครั้งนั้น ได้รับความร่วมมือจาก อ.สมเดช อภิชยกุล นำรถยนต์ตู้วิทยาลัยฯ รับรองพร้อมร่วมเดินทางไปกับน้องกบ (คนลพบุรี) เราหวังว่าอาจารย์และคณะฯ จะไปเยือนน่านในโอกาสหน้าอีกครับ ชาวน่านยินดีต้อนรับเสมอ )

  • ผมจำได้ว่า วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๙ เป็นวันอาทิตย์นะครับ เพราะว่าวันที่ ๔ ธันวาคม เป็นวันจันทร์นะครับ
  • หลังจากอ่านบันทึกนี้แล้ว ผมเห็นด้วยในหลักการครับ...แต่ว่าในรายละเอียด...คงต้องหารือกันอีกพอสมควรครับ

ตอนนั่งฟังท่าน รมต. ไพบูลย์ พูด จิตประหวัดไปถึงคุณหมอประเวศ แล้วอยากจะบอกคุณหมอว่า สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาของอาจารย์กำลังเพิ่มพลังมากขึ้นๆๆ ในสังคมไทย ฟังแล้วเกิดกำลังใจและความมุ่งมั่นที่อยากจะทำสิ่งดีๆ มากขึ้น

"สังคมดีๆ ไม่มีขาย อยากได้ต้องช่วยกันสร้าง" ขอเป็นกำลังใจและยินดีเข้าร่วมทำงานเพื่อช่วยการขับเคลื่อนสังคมกับทีม สคส. และเครือข่ายต่อไปค่ะ

ขอบคุณคุณหมอวิจารณ์มากๆ นะคะที่ให้โอกาสได้ทำงานที่มีคุณค่าซึ่งเป็นพลังในการเติมชีวิตให้มีการเรียนรู้และเติมโตทั้งทางปัญญาและทางจิตค่ะ

ผมอยากให้ ท่านอาจารย์ประพนธ์ไปเป็น รมช. เลยครับ แล้วพยายามผสมกลมกลืนระหว่างแนวตั้ง แนวนอน และระหว่าง ทางการ กับไม่ทางการ ซึ่งปกติจะทำได้ยาก แต่ถ้าทำได้จะไปได้เร็วและมีพลังมาก ผมเชื่อว่าท่านอาจารย์ประพนธ์จะสามารถทำได้และดีด้วย คิดและฝันแบบเด็ก ๆ นะครับ

ขอเพิ่มเติมอีกนิดครับ คือ ถ้าทำได้สำเร็จ ก็จะได้เป็นแบบอย่างให้กับกระทรวงอื่น ๆ ต่อไปด้วยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท