คำว่า "ขาดทุนคือกำไร"ในมุมมองของทุกคน: เศรษฐศาสตร์...ริมรั้ว


            ขณะนี้กำลังนั่งตรวจข้อสอบของนักศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ทั่วไป    มีข้อสอบอยู่หนึ่งข้อซึ่งได้สอดแทรกปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับนักศึกษา  

                                                 Studying


            ข้อสอบนี้ถามว่า "ให้ท่านแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำว่า "ขาดทุนคือกำไร"  พร้อมยกตัวอย่างประกอบ"   สำหรับคำตอบของข้อสอบนี้ไม่มีตายตัว   นักศึกษาสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่

                        =   ขาดทุน

             ดิฉันจึงอยากทราบแนวคิดของเพื่อนๆใน g2k ดูบ้างว่ามีมุมมองอย่างไรกับคำว่า "ขาดทุนคือกำไร"  ทุกคำตอบล้วนเป็นประโยชน์ทั้งสิ้นค่ะ  เนื่องจากครั้งหนึ่งดิฉันได้ไปอบรมเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง   ท่านวิทยากรแนะนำว่าพวกเราทุกคนควรมีส่วนช่วยในการตีความปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

 

                        คือ  กำไร

 

               ขอเชิญทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยียนช่วยแสดงความคิดเห็นไว้บ้างนะคะ  ขอบพระคุณค่ะ

                                                    



ความเห็น (44)

สวัสดีครับอาจารย์ลูกหว้า

ช่วงนี้ยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้เข้ามาครับ ต้องขอโทษอาจารย์ด้วยครับ

ถ้าให้ผมตอบ ขอตอบว่า การศึกษากับการอ่านหนังสือครับ

การศึกษานอกจากเสียทั้งเงินแล้ว ยังอาจจะเสียค่าเสียโอกาสด้วย แต่กับความรู้ที่ได้มาจากการลงทุนนั้น อาจจะขาดทุนเบื้องต้น (ก็เรียนก็เสียตังค์เสียเวลา หักกลบลบแล้วมีแต่หนี้ ไม่มีบวก)

แต่หลังจากช่วงเรียนเข้าช่วงทำงาน ก็ต้องมาดูแล้วหล่ะครับว่าแต่ละคนเก่งขนาดไหนตอนเรียน แล้วสามารถประยุกต์ใช้ได้ดีขนาดไหนตอนทำงาน เพราะว่าสองส่วนนี้เป็นสองส่วนหลักๆที่หาจุดคุ้มทุนได้ครับ

แล้วหลังจากเลยจุดนี้ไปแล้ว ก็กำไรแล้วครับ

ตอบแบบนี้ไม่ทราบว่าจะได้กี่คะแนนครับ :D

ต้น 

ขาดทุนในหุ้นของพอร์ทผมเองครับ ได้กำไรตรงที่ว่า คราวหน้าผมจะดูลึกในรายละเอียดให้มากขึ้น ระวังมากขึ้น และคราวหน้ามันจะกลายเป็นกำไรครับ (มั้ง?)
  • รัฐบาลต้องยอมขาดทุนในหลาย ๆ อย่างที่จะเป็นกำไรของสังคมและประชาชนในระยะยาวอย่างยั่งยืน
  • รัฐบาลไทยคงไม่ค่อยคิดข้อนี้กระมัง คิดแต่ GDP ปีนี้ ปีหน้าท่าเดียว :>

 ตามความเห็นและประสบการณ์จริงของดิฉัน

ไม่ทราบจะตรงประเด็นของอ.จ.ไหม  น่าจะเป็นเรื่องการทำธุรกิจ

 ในตอนที่ทำอุตสาหกรรมอาหาร ส่งออก99%ในช่วงแรก เราหนักใจกับข้อกำหนดISO ของทางยุโรปเช่น การขายให้ Mark&Spencer/Tesco และการขายให้บริษัท  Hunt and Wesson โดยมี  US-FDAของอมริกา มาตั้งกฏเกณฑ์มาตรฐานกับเรามาก    สินค้าทุกตัวทุกกล่องต้องมีรายงานการQC.จากเราเอง และรับรองจากการสุ่มตรวจของสถาบันอาหาร ม.เกษตรและจากกรมวิทย์ในบางครั้ง ยิ่งขายให้บริษัทใหญ่ๆ ยิ่งยุ่ง แม้ลูกค้าญี่ปุ่น ก็ไม่ยุ่งเท่า

เราเสียค่าใช้จ่ายไปมากในช่วงแรก กำไรน้อยมากๆในบางlot 

 แต่เราก็คุยกันว่า ถ้าเราทำให้เขาเชื่อใจได้ในคุณภาพ  เราไม่เหนื่อยแล้ว เขาจะเป็นลูกค้าเราตลอด และจะแนะนำลูกค้ารายอื่นๆมาอีก

เราลงทุนทางด้านการทำLab เพิ่ม เป็น 3 ห้องใหญ่เลย จ้างนักวิทยาศาสตร์อาหารมาเพิ่มอีก สำคัญคือ  เพิ่มแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์  และบริษัทลูกผลิตเมล็ดพันธ์เอง  นำไปทำcontract farming  ด้วย

ดิฉันว่าเศรษฐกิจพอเพียง  ไม่เป็นสูตรสำเร็จ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอกนัก    แต่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันมากกว่า นั่นคือ มีภูมิคุ้มกันจากประสิทธิภาพภายใน  การพัฒนาคุณภาพ ให้สินค้า และกิจการเราเป็นที่น่าเชื่อถือ บำรุงขัวญ /ให้กำลังใจและไม่เอาเปรียบ พนักงานๆจะรักและภูมิใจในองค์กร อยู่กับเรานานๆจนมีฝีมือชำนาญ   และตั้งใจผลิตสินค้าให้ตรงตามคุณภาพที่วางไว้ด้วยความเต็มใจ  การสูญเสียใน line การผลิตก็น้อยค่ะ

อีกไม่นาน เราก็เห็นผล จากการยอมขาดทุนในช่วงแรกเป็นกำไร มีลูกค้ามากมาย และดิฉันก็นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในปีที่ 4 เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ค่ะ

  • สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
  • ขอบคุณมากๆ เลยครับสำหรับประเด็นนี้ครับ
  • เผลอไปอ่านของน้องต้น คำตอบก็ใช่เลยครับครับ และโดนใจพี่เช่นกันครับ
  • นอกจากนั้นแล้ว ขอมองในอีกประเด็น ในรายละเอียดดังนี้ครับ
  • ขาดทุนคือกำไร

  • ตอบคือ การดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง นะครับ
  • คำว่าขาดทุน ของผมมองเป็น การเสียโอกาสที่จะไปร่ำรวยหรือกอยโกย หรือแก่งแย่งกับคนอื่นครับ หรือเสียโอกาสที่จะไปหาสิ่งต่างๆ มาสนองกิเลสของตัวเองตามใจที่ตัวเองต้องการ ว่าอยากจะให้ได้นั่นนี่มาตามที่ใจนึกคิด
  • คำว่า กำไร ของผมคือ กำไรชีวิตที่จะยังชีพให้ดำเนินต่อไปอย่างโดยยอมขาดทุน (ขาดทุนในความหมายของผมนะครับ)
  • ต่อมา ตัวความพอเพียง จะเป็นการพิจารณาตัวตนตัวเองว่าเป็นอยู่อย่างไรในสถานะนั้น ตอนนั้น แล้วปรับตัวเองให้อยู่ในทางสายกลางของตัวเอง การปรับตัวเองนั้น ก็คือการปรับตัวเองเพื่อนำไปสู่การขาดทุน จากเป้าที่วางไว้ เมื่อปรับได้แล้ว จะทำให้ชีวิตไม่ดิ้นรนมาก โดยคิดถึงสิ่งที่เข้ามา และออกไป อยู่ในภาษาที่สมดุล หรือสิ่งที่เข้ามามีมากมายที่เสียไป ก็จะเกิดกำไรชีวิตขึ้น โดยกำไรนี้ เป็นกำลังเพิ่มพูนโดยงอกเงยแล้วเป็นดอกเบี้ยนำไปสู่การขยายผลให้คนอื่นเห็นด้วย จนกลายเป็นการควบคุมตนให้อยู่ในภาวะที่พอเพียงได้แบบไม่ดิ้นรนที่จะไปหาความขาดทุนเหล่านั้น
  • ดังนั้นเมื่อชีวิตเข้าสู่สภาวะที่สมดุล ก็จะทำให้การขาดทุนที่ว่า เป็นกำไร ให้ครองตัวตนดำเนินต่อไป กลายเป็นกำไรชีวิตที่ได้เดินตามเศรษฐกิจพอเพียงครับ
  • ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมไม่มอง กำไรและขาดทุน ในความหมายของเงินทอง ซึ่งไม่แน่ใจว่าขัดกับแนวทางเศรษฐศาสตร์หรือเปล่าครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับผม รออ่านคำตอบคนอื่นเหมือนกันครับ เผื่อจะได้แนวทางที่กว้างขึ้นด้วยครับ
  • น้องต้น...
  • น้องมองด้านการลงทุนทางการศึกษานะคะ
  • โดยมองแบบนักคณิตศาสตร์กับเศรษฐศาสตร์
  • ยังไม่ให้คะแนนค่ะ  ขอดูความคิดเห็นท่านอื่นก่อนค่ะ ขอบคุณนะคะ ขนาดยุ่งยังแวะเวียนมา
  • หายใจเข้าออกเป็นหุ้นในพอร์ตไปหมด
  • ในมุมมองของน้องมองจากการลงทุนในหุ้น
  • ขาดทุนคือ ช่วงแรกน้องอาจจะยังเป็นนักลงทุนมือใหม่  ทำให้การเล่นหุ้นช่วงแรกๆมีการขาดทุน
  • กำไรคือ  บทเรียนจากในการเล่นหุ้นในช่วงแรกๆ ทำให้เรารอบคอบขึ้น เล่นอย่างระมัดระวังขึ้น สุดท้ายก็จะเริ่มมีกำไรในที่สุด นะคะ
  • ขอบคุณมากค่ะ
  • สวัสดีอีกรอบครับ
  • เมื่อกี้ตอบในระดับบุคคล วงเล็กๆ นะครับ
  • ต่อไปในคือ จะตอบอีกแบบ แบบประเทศครับผม
  • ขาดทุนคือกำไร หมายถึง การให้ การให้อย่างจริงใจ จริงจัง
  • อย่าเพิ่งสงสัยนะครับ ว่าผมตีการให้เป็นการขาดทุนอย่างไร
  • หากมองแบบภาพรวม หรือระดับผู้บริหารประเทศ เราต้องให้ทุกสิ่งทุกอย่างต่อองค์รวม การลงแรงลงใจในการเข้าไปเป็นผู้บริหารประเทศ เป็นการทำงานแบบจิตสาธารณะ ผมเลยคิดว่าคนเหล่านี้คือการทำงานที่ขาดทุนในส่วนตัวของเค้าเพราะว่า(พี่นี้มีแต่ให้) เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศในองค์รวม และภาพรวมของประเทศจะอยู่ได้ ทำงานร่วมกันได้
  • ประชาชนมีกินมีใช้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีขโมย เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ไม่มีภัยพิบัติมากมาย เพราะคนมีแต่ให้ ให้ธรรมชาติกลับคืนมา ให้การศึกษากับประเทศแบบไม่ต้องเป็นธุรกิจการศึกษา ให้การศึกษากับคนทุกระดับชั้น ให้สิ่งบริโภคอุปโภคพื้นฐานกับสังคม และตัวเองก็ได้ผลตอบแทนในดับที่อยู่ได้เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างการให้ต่อไป
  • สิ่งเหล่านี้หล่ะครับ นับเป็นการให้ที่ผมเชื่อว่า มีส่วน ให้  การขาดทุนจากการให้ เป็นผลกำไรจากความสงบสุขของทุกชีวิตในประเทศ
  • หากมองย้อนกลับ หากจะพิสูจน์ ว่าการให้จริงหรือ หากเปลี่ยนเป็น ความเห็นแก่ตัวหล่ะครับ
  • ความเห็นแก่ตัว อาจจะได้คำตอบใหม่คือ กำไรคือหายนะ
  • ขอบคุณมากครับ (เพ้ออีกแล้วครับ ผมมองในมิติอุดมคติที่มีโอกาสเป็นไปได้ หากทำจริง)
  • P  น้องต้น...
  • ขอสรุปที่น้องตอบนะคะ
  • น้องมองการลงทุนทางการศึกษา
  • ขาดทุน คือ  การลงทุนทางการศึกษาทั้งหมด   เวลา   แรงกาย   ค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าเสียโอกาส ฯลฯ
  • กำไร คือ ความรู้ ความสามารถที่นำมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน นั่นเอง
  • ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
  • P อาจารย์เก๋...
  • ขอบคุณนะคะ  ยุ่งๆอยู่ใช่มั้ยหล่ะ
  • แต่หลวมตัวเป็นผู้ช่วยแล้ว  ต้องมาให้ตลอดค่ะ
  • แต่นานๆมาก็ได้ค่ะ
  • อาจารย์มองค่าใช้จ่ายของภาครัฐบาล
  • ขาดทุน คือ งบประมาณแบบขาดดุล  กล่าวคือภาครัฐยอมลงทุนในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม
  • กำไรคือ สังคมและประชาชนได้รับประโยชน์โดยถ้วนหน้าอย่างยั่งยืนนะคะ
  • อ้อ...ที่เหลือขออนุญาตทะยอยตอบนะคะ  เพราะขอไปตรวจข้อสอบต่อก่อนค่ะ

P

สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า

  • ผมขอมองในระดับศึลธรรมครับ
  • เช่น สมมติเราเป็นนักธุรกิจ(ที่ไม่เดือดร้อนทางการเงิน)
  • มีสินค้าที่ต้องการขาย ซึ่งสินค้านั้นมีจำนวนจำกัด เช่น โถส้วม แล้วกันครับ
  • มีลูกค้าที่ต้องประมูลแข่งกันซื้อสินค้าที่เรามี อันประกอบด้วย
  1. บริษัทที่ต้องการซื้อไปทำราคาขายต่อ  (ประมาณพ่อค้าคนกลาง)
  2. โรงงานที่ต้องการสร้างห้องน้ำเพิ่มให้คนงาน
  3. สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า(แน่นอน ย่อมมีงบจำกัด) ซึ่งเดือดร้อน ห้องส้วมไม่มีพอให้เด็กใช้
  • ทีนี่เราจะเลือกขายใครดีครับ ถ้าขายรายแรกและรายที่สอง ก็กำไรเห็นๆ ครับ
  • แต่ถ้าเลือกรายสุดท้าย  กำไรอาจน้อย หรือเสมอตัว หรืออาจขาดทุนเล็กน้อย
  • เพื่อตอบคำถามที่ อ.ลูกหว้า ให้ไว้
  • ผมจะเลือกขายให้รายสุดท้ายครับ
  • เราไม่ได้เดือดร้อนอะไร(ไม่ได้เบียดเบียนตนเอง) 
  • ได้ช่วยเหลืออนาคตของชาติ ซึ่งแทบไม่มีทางเลือก
  • ซึ่งสองรายแรก เขามีทางเลือก หรือมีโอกาสมากกว่า
  • ทีนี้ถ้าเราขายไป เราอาจขาดทุน(เรื่องเงิน) จริงๆ หรืออาจขาดทุนกำไร เมื่อเทียบกับการขายให้สองรายแรก
  • งั้นมาดูกำไรกันครับ
  • เราได้ลดตัณหา ความอยากได้ อยากมี
  • เราได้เพิ่มบุญ ที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เขาเดือดร้อน
  • เรามีความสุข สุขแท้ๆ ที่ไม่ต้องขึ้นกับเงินทอง
  • แล้วกำไรที่ได้ข้างต้นนี้ เผอิญเราลาโลกไปแล้ว มีโอกาสตามไปเกื้อกูลเราได้ด้วยครับ
  • ผิดกับเงินทองที่เอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียวที่เขาหย่อนใส่ปากให้ตอนเรานอนแข็งอยู่ในโลงครับ

แค่นี้ก็กำไรเหลือหลายแล้วคับคุณคู

ธรรมะสวัสดีครับ

  • ขอบคุณนะคะสำหรับทุกความคิดเห็น..
  • แล้วจะเข้ามาตอบในวันพรุ่งนี้นะคะ
  • P พี่ sasinanda คะ...
  • ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ตอบในทันที   หว้าไม่อยากรีบตอบใครค่ะ   ขอค่อยๆตอบทีละท่านดีกว่า  เพราะมัวตรวจข้อสอบอยู่ค่ะ
  • ต้องกราบขอบพระคุณอย่างมากนะคะที่พี่สละเวลามาช่วยตอบในเศรษฐศาสตร์...ริมรั้ว
  • จุดเริ่มต้นของบล็อกนี้ก็คือ ตอนแรกอยากจะเขียนให้เด็กๆและอาจารย์โรงเรียนบ้านเม็กดำ  ได้รับรู้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์  แต่เขียนๆไปแล้วรู้สึกว่าเราน่าจะขยายกลุ่มได้มากกว่านั้น  เลยเปิดกว้างขึ้นค่ะ  สำหรับทุกคนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์และแลกเปลี่ยนมุมมองกับศาสตร์อื่นๆดูบ้างค่ะ
  • สำหรับสิ่งที่พี่อธิบายมา โดยมองจากประสบการณ์ส่วนตัว  น่าสนใจมากเลยค่ะ  หว้าคิดว่าพี่เข้าถึงเศรษฐกิจพอเพียงแล้วนะคะ
  • เห็นด้วยค่ะ  ที่มองว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นศาสตร์ที่ไม่ตายตัว    หลายคนยังเข้าใจผิดว่าจะต้องเกี่ยวกับการทำตัวแบบพอเพียง  ทำการเกษตรเท่านั้น   ความจริงแล้วทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หมด
  • สรุปคือ  ขาดทุน  ในมุมมองของพี่คือ  พี่มุ่งสร้างภูมิคุ้มกันสร้างประสิทธิภาพภายในให้กับธุรกิจของพี่    เน้นการพัฒนาคุณภาพด้านต่างๆ   สร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงาน ฯลฯ   ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าเป็นการขาดทุนเพราะหมดค่าใช้จ่ายไปจำนวนมาก  ทำไมไม่เร่งกอบโกยทำกำไรตั้งแต่ในช่วงแรก
  • กำไร  ในความคิดของพี่ก็คือ  นอกจากผลกำไรในทางบัญชีแล้ว  ยังมีความน่าเชื่อถือของกลุ่มลูกค้า   ขวัญกำลังใจที่ดีของพนักงาน ฯลฯ ใช่มั้ยคะพี่  ถ้าหว้าเข้าใจอะไรผิดพลาดพี่สามารถเสริมได้ทันทีนะคะ
  • พี่เม้งคะ...
  • ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำถึงสองครั้ง  ซึ่งแบ่งเป็นสองระดับจริงๆ
  • ในมุมมองของพี่คือ พี่ไม่ได้มองกำไรขาดทุนในรูปตัวเงินนะคะ
  • ถ้ามองในระดับบุคคล
  • คำว่าขาดทุน   พี่มองเป็น การเสียโอกาสที่จะไปร่ำรวยหรือกอยโกย หรือแก่งแย่งกับคนอื่น หรือเสียโอกาสที่จะไปหาสิ่งต่างๆ มาสนองกิเลสของตัวเองตามใจที่ตัวเองต้องการ ว่าอยากจะให้ได้นั่นนี่มาตามที่ใจนึกคิด

  • คำว่า กำไร ของพี่คือ กำไรชีวิตที่จะยังชีพให้ดำเนินต่อไปอย่างโดยยอมขาดทุน  เป็นกำลังใจที่จะทำงานเพื่อสังคมต่อไปใช่มั้ยคะ
  • ต่อมา ตัวความพอเพียง จะเป็นการพิจารณาตัวตนตัวเองว่าเป็นอยู่อย่างไรในสถานะนั้น ตอนนั้น แล้วปรับตัวเองให้อยู่ในทางสายกลางของตัวเอง
  • การปรับตัวเองนั้น ก็คือการปรับตัวเองเพื่อนำไปสู่การขาดทุน จากเป้าที่วางไว้ เมื่อปรับได้แล้ว จะทำให้ชีวิตไม่ดิ้นรนมาก โดยคิดถึงสิ่งที่เข้ามา และออกไป อยู่ในภาษาที่สมดุล หรือสิ่งที่เข้ามามีมากมายที่เสียไป ก็จะเกิดกำไรชีวิตขึ้น
  • โดยกำไรนี้ เป็นกำลังเพิ่มพูนโดยงอกเงยแล้วเป็นดอกเบี้ยนำไปสู่การขยายผลให้คนอื่นเห็นด้วย จนกลายเป็นการควบคุมตนให้อยู่ในภาวะที่พอเพียงได้แบบไม่ดิ้นรนที่จะไปหาความขาดทุนเหล่านั้น
  • ดังนั้นเมื่อชีวิตเข้าสู่สภาวะที่สมดุล ก็จะทำให้การขาดทุนที่ว่า เป็นกำไร ให้ครองตัวตนดำเนินต่อไป กลายเป็นกำไรชีวิตที่ได้เดินตามเศรษฐกิจพอเพียง....ในที่สุด

 

  • ทีนี้ที่พี่เม้งมอง ในระดับประเทศ
  • ขาดทุนคือกำไร หมายถึง การให้ การให้อย่างจริงใจ จริงจัง
  • ขาดทุนในระดับผู้บริหารประเทศ   คือเราต้องให้ทุกสิ่งทุกอย่างต่อองค์รวม การลงแรงลงใจในการเข้าไปเป็นผู้บริหารประเทศ เป็นการทำงานแบบจิตสาธารณะ   การทำงานที่ขาดทุนในส่วนตัวของเค้าเพราะว่า(พี่นี้มีแต่ให้) เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศในองค์รวม และภาพรวมของประเทศจะอยู่ได้ ทำงานร่วมกันได้
  • กำไรก็คือ    ประชาชนมีกินมีใช้ ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีขโมย เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ไม่มีภัยพิบัติมากมาย เพราะคนมีแต่ให้ ให้ธรรมชาติกลับคืนมา ให้การศึกษากับประเทศแบบไม่ต้องเป็นธุรกิจการศึกษา ให้การศึกษากับคนทุกระดับชั้น ให้สิ่งบริโภคอุปโภคพื้นฐานกับสังคม และตัวเองก็ได้ผลตอบแทนในระดับที่อยู่ได้เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างการให้ต่อไป
  • พี่เม้งมองว่า     การขาดทุนจากการให้ เป็นผลกำไรจากความสงบสุขของทุกชีวิตในประเทศ
  • สำหรับข้อคิดที่พี่เม้งฝากไว้ก็คือ   หากว่าเปลี่ยนจากการการให้เป็น ความเห็นแก่ตัว
  • ก็จะได้คำตอบใหม่คือ   กำไร คือ  ความหายนะในที่สุดนั่นเอง...
    •  
      P น้อง ธรรมาวุธ  ...
    • รู้ตัวหรือเปล่าว่าใครก็ตามที่หลวมตัวเข้ามาตอบเศรษฐศาสตร์ริมรั้วต้องเข้ามาให้ตลอด...ห้ามหนีไปไหน  เพราะพี่ยึดเป็นผู้ช่วยพี่หมดแย้ว..
    • น้องมองในระดับศีลธรรม
    • เช่น สมมติเราเป็นนักธุรกิจ(ที่ไม่เดือดร้อนทางการเงิน)
    • มีสินค้าที่ต้องการขาย ซึ่งสินค้านั้นมีจำนวนจำกัด เช่น โถส้วม
    • มีลูกค้าที่ต้องประมูลแข่งกันซื้อสินค้าที่เรามี อันประกอบด้วย
    1. บริษัทที่ต้องการซื้อไปทำราคาขายต่อ  (ประมาณพ่อค้าคนกลาง)
    2. โรงงานที่ต้องการสร้างห้องน้ำเพิ่มให้คนงาน
    3. สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า(แน่นอน ย่อมมีงบจำกัด) ซึ่งเดือดร้อน ห้องส้วมไม่มีพอให้เด็กใช้

                 ทีนี่เราจะเลือกขายใครดีถ้าขายรายแรกและรายที่สอง ก็กำไรเห็นๆ

    • แต่ถ้าเลือกรายสุดท้าย  กำไรอาจน้อย หรือเสมอตัว หรืออาจขาดทุนเล็กน้อย
    • ทีนี้น้องจะเลือกขายให้รายสุดท้าย
    • เพราะน้องมองว่าไม่ได้เดือดร้อนอะไร(ไม่ได้เบียดเบียนตนเอง) 
    • ได้ช่วยเหลืออนาคตของชาติ ซึ่งแทบไม่มีทางเลือก
    • ซึ่งสองรายแรก เขามีทางเลือก หรือมีโอกาสมากกว่า
    • ทีนี้ถ้าเราขายไป เราอาจขาดทุน(เรื่องเงิน) จริงๆ หรืออาจขาดทุนกำไร เมื่อเทียบกับการขายให้สองรายแรก
    • ส่วนกำไร ก็คือ.... 
    • เราได้ลดตัณหา ความอยากได้ อยากมี
    • เราได้เพิ่มบุญ ที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เขาเดือดร้อน
    • เรามีความสุข สุขแท้ๆ ที่ไม่ต้องขึ้นกับเงินทอง
    • โดยน้องธรรมาวุธได้ให้ข้อคิดดังนี้ว่า
    • กำไรที่ได้ข้างต้นนี้ เผอิญเราลาโลกไปแล้ว มีโอกาสตามไปเกื้อกูลเราได้ด้วยครับ
    • ผิดกับเงินทองที่เอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียวที่เขาหย่อนใส่ปากให้ตอนเรานอนแข็งอยู่ในโลง......
  • อะอ้าว มาที่นี่ต้องโดนจับเป็นตัวประกันหรือครับ?
  • พี่เม้งไม่เห็นบอก 
  • แต่ก็...ยินดีครับไม่ขอเป็นที่ปรึกษาแต่ขอเป็นศิษย์ได้เปล่าครับ คุณคู?

อ.จ.คะ ขอบคุณที่commentค่ะ

ถูกต้องที่อธิบายค่ะ   พี่จบอักษรศาสตร์และโททางบริหาร ไม่นึกว่าตัวเองต้องมาทำอุตสาหกรรม มีคนงานเป็นพัน ทำ3กะในฤดูกาลของวัตถุดิบ ความรู้ทั้งหลายเป็นเพียงพื้นฐาน เรียนรู้เองส่วนใหญ่ จาก common sense นี่ละ  ร.ง.มีช่างเยอะ โดนลองของก็มีแรกๆ    ทำเป็นลากลับบ้าน ปล่อยเครื่องเสียไว้ ขณะที่วัตถุดิบเต็มโรงงาน ผู้จัดการQ.C.ไม่พอใจ บอกเครียด  ทิ้งงานให้เราลุยต่อ ขณะที่เราส่งผู้จัดการโรงงานไปดูงานต่างประเทศ แสบมาก แต่ก็ฝ่าฟันมาได้ คนเราไม่มีวันจนมุม ต้องหาทางออกจนได้

ขอโทษ นอกเรื่องไปนิด แต่คิดย้อนแล้ว หนักมากค่ะ เหมือนเบียดเบียนตัวเอง เหมือนตัวเองขาดทุน ไม่จำเป็นต้องขาดทุนอย่างนี้ แต่eventually -ขายหุ้นในตลาด --ไม่บอกว่ากำไรเท่าไร แต่คุ้มเหนื่อยค่ะขาดทุนคือกำไร แต่ต้องรอ

โจทย์ของอ.จ.กว้างมาก มันมีหลายแง่มุมนะคะ แต่คนเราลงทุนวันนี้ จะได้กำไรพรุ่งนี้ ไม่ได้หรอก มันต้องเหนื่อยต่อ บางทีเห็นแล้วว่ากำไร ยังต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน กำไรยังน้อยไปเทียบกับการลงทุน

กรณีการทำกิจการ ส่วนใหญ่มีข้อจำกัดเรื่องเงินทุนและresourcesต่างๆ ค่อยทำค่อยไป ให้มั่นคง ไม่ขยายงานเร็วเกินไป ก็จะไม่เจ็บตัวหรอกค่ะ นี่คือเศรษฐกิจพอเพียง

  • P น้อง ธรรมาวุธ...
  • ไม่ถึงกับจับเป็นตัวประกันหรอกค่ะ      แต่เป็นเหมือนสัญญาใจกันหน่ะ  แบบว่าไหนๆเข้ามาแล้วก็ช่วยกันให้ตลอดหน่อยค่ะ  เพราะบล็อกเนี้ยส่วนใหญ่มีแต่คนเข้ามาอ่านแล้วก็ผ่านไป..
  • หาคนที่จะเข้ามาช่วยแลกเปลี่ยนค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่กลัวคำว่า "เศรษฐศาสตร์" กัน ไม่รู้ว่าอาจารย์เศรษฐศาสตร์ทั้งหลายไปทำอะไรกันไว้บ้างน๊า.... แต่ละคนถึงเข็ดขยาดไปตามๆกัน
  • มาช่วยกันหน่อยนะคะ...ไหนๆก็เข้าบล็อกธรรมะแล้ว  เพิ่มอีกซักบล็อกจะเป็นไรไป....
  • P  พี่ sasinanda คะ
  • เรียกลูกหว้าก็ได้ค่ะ...
  • ขอบพระคุณนะคะที่เข้ามาอีกครั้ง
  • สาเหตุที่ต้องตั้งโจทย์กว้างๆแบบนี้เพราะอยากให้ได้มุมมองที่หลากหลายค่ะ
  • ถ้าต้องให้คะแนนทุกคนที่เข้ามาช่วยตอบ ไม่มีใครผิดเลยค่ะ    เพราะทุกคนตอบจากมุมมองของตัวเอง....
  • อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเลือกนำไปปฏิบัติอย่างไรค่ะ
  • ชื่นชมในการทำงานของพี่นะคะ  หวังว่าคงจะได้อ่านผลงานดีๆของพี่ต่อไปค่ะ
  • เรียกผมน้อง เขินๆ ไงไม่รู้
  • หน้าตาน่าจะอ่อนกว่าผมนะ
  • ผมอ่อนกว่าพี่เม้งประมาณสามปีครับ
  • รบกวนถามแกเองนะว่าแกอายุเท่าไหร่ (แต่ไม่น่าเกิน 18 ปี อิอิ)
  • ยินดีร่วมเสวนาแบบมั่วๆ ครับ เพราะไม่ถนัดด้านนี้เลย
  • อิอิอิ...สืบมาก่อนแล้วค่ะว่าเรียกน้องได้
  • ถ้าไม่ให้เรียกน้องจะให้เรียกว่าคุณธรรมวุธหรือคะ 
  • ขอบคุณหน้าตาที่ทำให้หลอกคนอื่นได้  อาจเป็นเพราะว่าพี่ชอบทำตัวกลมกลืนกับเด็กๆค่ะ
  • แต่เป็นผลเสียเพราะนักศึกษาผู้ใหญ่ที่เรียนภาคพิเศษคิดว่าเพิ่งจบปริญญาตรี...เลยไม่รู้ว่าจะดีใจดีหรือเปล่านะคะ
  • อย่างนีเค้าไม่เรียกว่าเสวนามั่วๆแล้วค่ะ มีดีอยู่ในตัวก็ดึงออกมาใช้บ้างนะคะ  เดี๋ยวเค้าจะเหงา
  • พี่เม้งแน่ๆ เลย
  • งั้นยินดีน้อมรับครับทั่นพี่
  • แล้วจะมาเป็นเพื่อน เอ๊ย น้องคลายเหงา ในบล็อกครับ

ในความคิดของผมนะครับ....

ถ้าเรามองกำไรเป็นตัวเงิน ปิดยอดแล้วเราติดลบ...

มองย้อนกลับไปสิ่งที่เราได้ อาจจะเป็น...

ในรูปของการจ้างงานเราจะช่วยให้คนมีงานทำ...

เราอาจะได้ช่วยเหลือสังคมในรูปอื่น ๆ เช่นบริการดี ๆ หรือผลิตสินค้าดี ๆ ออกมา...

เราได้ช่วยประเทศชาติในการเสียภาษีครับ...

และเราได้นำสิ่งที่ผิดพลาดมาเป็นบทเรียน จะได้แก้ไขพัฒนาตัวเองต่อไปครับ...

ทั้งหมดนี้ถือเป็นกำไรได้มั้ยครับ...

ขอบคุณครับ...

อ.ลูกหว้าครับ

  • มีอะไรจะบอกครับ ขยับมาใกล้ๆ หน่อยครับ
  • คือว่า....เอ่อ...คือว่า บันทึกนี้ของพี่น่ะทำให้ IE7 ผมปิดตัวเองไปหลายรอบแล้วครับ
  • แล้วทำให้หน้าอื่นๆ ที่เกิดพร้อมกัน(IE7 เปิดเป็นแท็บได้) มลายหายไปกับตาครับ
  • ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนผมหรือเปล่า แต่ผมเป็นชัวร์ครับ เพราะโดนมาเป็นสิบครั้งแล้วครับ

ฝากตรวจสอบด้วยนะครับ

อ.จ.ขอเข้ามาอีกที จริงๆนะ คำถามอ.จ.กว้างมากๆ

มันคิดได้หลายแบบทั้งแบบ capitalism และแบบHolistic ทุกสิ่งมีต้นทุน อยู่แต่ว่าจะมองกำไร ขาดทุนทางบัญชี หรือไม่ หรือมองในรูปแบบอื่น แต่ทุกอย่างมี risk ต้องเอาตัวนี้ไปชั่งน.น.ด้วย

ถ้าเรามีเงินเก็บอยู่1ก้อน ฝากได้ดอก 8-9% ไปลงทุน ได้กำไร5%ก็ไม่คุ้ม แต่ถ้าฝากได้2% เอาไปลงทุน ได้6-7%ยังคุ้ม อยู่ที่มีriskเท่าใด ถ้ามีriskมากก็ไม่คุ้มอีก

  ในมุมHolistic   ถ้าเรามีความสุขกับการทำงานมาก หรือได้อยู่กับครอบครัวมากตามต้องการ     แต่ได้เงินน้อยหน่อย เราไม่ว่า เพราะเราได้ความสุขเป็นการตอบแทนถือว่าคุ้มและได้กำไร เราไม่ได้มุ่งทำเงินมากๆเพื่อเอาเงินไปซื้อความสุข

แต่กรณีการทำธุรกิจ เราต้องดูตัวเลขทางบัญชี เป็นเครื่องยืนยันความสามารถของผลการดำเนินงาน   แต่ก็ต้องมีเรื่องคุณภาพ ธรรมาภิบาล ประสิทธิภาพ ขวัญกำลังใจ ความมั่นคง ความจงรักภักดี เป็นต้น  มาเกี่ยวข้องด้วย

Small is beautiful  ของ E.F.Schumacher บทที่ 5  ดีมากเลย  พี่เคยอ่าน แต่ไม่ซาบซึ้งมากเหมือนนักเศรษฐศาสตร์หรอก เอาแค่พอรู้

คงได้เข้ามาเยี่ยมอีกค่ะ ถ้าไม่เห็นด้วยอย่าโกรธนะคะ

  • P คุณดิเรก...
  • ขอบคุณนะคะที่เข้ามาแชร์กัน
  • ขาดทุนคือกำไร ในมุมมองของคุณก็คือ
  • เวลาที่เรามีข้อผิดพลาดอะไร (ขาดทุน) แล้วนำมาเป็นบทเรียนมาใช้ในการพัฒนาตัวเองต่อไป(กำไร)  นะคะ
  • P น้องธรรมาวุธ...
  • ที่น้องกระซิบมาทำพี่เครียดทีเดียวจ้ะ
  • พี่ไม่ค่อยเก่งคอมหน่ะ
  • ว่าแต่บันทึกพี่สามารถทำให้เป็นแบบนี้ได้หรือคะ
  • ไม่ใช่เป็นที่ g2k  หรอกหรือคะ
  • เดี๋ยวคงต้องสอบถามจากท่านอื่นอีกครั้งหนึ่งค่ะ
  • เพราะช่วงสองสามวันนี้พี่ไปเข้าบล็อกคนอื่นก็มีอาการแบบเดียวกับน้องซึ่งพี่ก็บ่นๆไปบ้างแต่ไม่คิดว่าสาเหตุจะมาจากบันทึกของพี่ค่ะ
  • น้องลองดูกับบันทึกอื่นดูบ้างนะคะ
  • ขอบคุณมากค่ะ อิอิ ที่จะเป็นน้องคลายเหงาในบล็อก....

สวัสดีเพื่อนคนสวย...เอ๊ยน้องลูกหว้า ฮ่าๆๆๆ

  • ตามมาให้กำลังใจในการตรวจข้อสอบค่ะ    สู้ ๆๆๆ
  • ถ้าไม่ขาดทุนจะรู้ได้อย่างไรกำไรนั้นมีค่า แต่อย่างน้องเราก็ได้กำไรชีวิต  
  • ราณีก็ได้แต่ตอบพื้น ๆ ใครจะเหมือนนินจาเม้งมีทุกระดับประทับใจเลย ไหนจะคุณดิเรกอีก  ส่วนน้องธรรมาวุธมียกตัวอย่างอีกสุดยอด 
  • ตามมาเขียนเพิ่มเรตติ้งให้เพื่อนค่ะ ฮ่าๆๆๆ
  • P   พี่  sasinanda
  • ขอบพระคุณพี่มากค่ะที่ช่วยเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลายครั้ง ดีใจมากเลยค่ะ
  • หว้าเองยังด้อยประสบการณ์นักในการเป็นอาจารย์  จึงต้องขอคำชี้แนะจากทุกท่าน
  • คำตอบนี้ไม่มีผิดหรอกค่ะ  แล้วแต่มุมมองของทุกท่าน  ไม่มีการโกรธอยู่แล้วค่ะ  ดีซะอีกหว้าจะได้มุมมองที่แตกต่างบ้าง
  • Small is beautiful  ของ E.F.Schumacher นั้นสุดยอดอยู่แล้วค่ะพี่    แต่หว้าเองก็มาเป็นอาจารย์เศรษฐศาสตร์ไม่เท่าไหร่  ยังต้องเรียนรู้อีกมากค่ะ
  • P  ราณี..
  • อยู่กรุงเทพฯหรือเปล่าเนี่ย
  • วันนี้เราเหงามากเลยนะ   ที่ทำงานคนแว่บกันหมด 
  • แต่เรานั่งทำงานอยู่จนเย็น
  • พรุ่งนี้ยังนัดเด็กสอบอยู่ ไม่รู้ว่าจะโดนแช่งชักแค่ไหน..ก็แหม...เรามันตารางเวลาเต็มตลอดเดือนพ.ค.แล้วนี่นา
  • อยากจะเรียนกับเรานักก็ต้องทนเน๊าะเพื่อน
  • ตกลงตอบแล้วใช่มั้ย...
  • ถ้าไม่ขาดทุนจะรู้ได้อย่างไรว่ากำไรนั้นมีค่า
  • เยส เพื่อน แต่มีหลายความหมายเขียนไม่หมดขี้เกียจพิมพ์
  • ราณีอยู่กรุงเทพจ้ะ มาถึงตอนบ่าย สาม ติดรถกับน้องที่ไปออกบูธที่ร้านมา แต่ออกสายหน่อยเพราะฝนตกหนัก
  • สู้นะค่ะ ให้กำลังใจ ถ้าเหงาโทรมาได้จ้ะ
  • กลับมาวันไหนนะเพื่อน..
  • อ้อ..เข้าบันทึกเราแล้วมีปัญหาเหมือน       น้องธรรมาวุธหรือเปล่าจ๊ะ
  • กำลังกังวลหน่ะ
ไม่มีจ้า รูปสวยจังใครถ่ายเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ อ้อลืมไปกลับวันที่ 18-19 เม.ย.
P

สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า

  • จริงๆ แล้วผมก็ไม่กล้าฟันธงหรอกครับ ว่าที่มีอาการเช่นนั้น เป็นเพราะบันทึกของ อ.ลูกหว้า
  • แต่ที่ตั้งข้อสังเกตก็เพราะว่าของคนอื่นที่ผมเปิดร่วมด้วย เขาไม่ได้ใส่ลูกเล่นมากครับ (คือไม่มีเพลงเปิดอัตโนมัติน่ะครับ)
  • ถามว่าปัญหาเกิดจากใคร ก็เป็นไปได้ทั้งสองฝ่ายครับ คือจากเว็บ G2K เอง และ จากพวกเราที่ปรับแต่งบล็อกครับ  ทีนี้ถ้าเกิดจากระบบก็ควรจะเป็นกันทุกคนครับ
  • ถ้าเกิดจากเราแล้วเกิดด้วยสาเหตุอะไรล่ะ?  ก็พอตอบได้ว่าอาจเกิดจากการตกแต่ง หรือเพิ่มคำสั่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องครับ
  • ซึ่งปัญหานี้ก็อาจเกิดกับ web browser บางตัวครับ เช่น ตอนนี้ผมใช้ Internet Explorer 7 ซึ่งมีปัญหา แต่ถ้า ใช้ IE เวอร์ชั่นอื่นอาจไม่มีปัญหา หรือใช้ Firefox อาจไม่มีปัญหาก็ได้ครับ
  • ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ถ้าคุณพี่ใช้ IE7 เหมือนผม ลองเข้าไปดูประวัติคุณเบิร์ด ซีครับ ผมเข้าไม่เคยสำเร็จ มันจะช้ามาก  แต่ถ้าผมใช้ Firefox กลับไม่มีปัญหาครับ
  • เว็บนี้ใช้ภาษา Ruby On Rails ในการพัฒนา ผมพอทราบมาว่าเหมาะกับ Firefox มากกว่าครับ
  • แต่จะขอสังเกตอีกสักพักครับ ว่าปัญหาจริงๆ คืออะไรกันแน่ ถ้าใครมีปัญหาเช่นเดียวกันนี้ช่วยบอกด้วยครับ จะได้ถามผู้ดูแลระบบครับ
  • นอกเรื่องหน่อยนะครับ แต่อาจมีประโยชน์นะครับ

ธรรมะสวัสดีครับคุณพี่

  • พี่ลองลบเพลงออกแล้วค่ะ
  • น้องลองเช็คให้หน่อยนะคะ
  • พวกลูกเล่นต่างๆพี่ก็เอาออกจนหมดแล้วค่ะ
  • พี่ใช้ IE 7 เหมือนกันจ้ะ
  • พี่เกิดปัญหาเหมือนน้องมาสองสามวันแล้ว
  • หงุดหงิดมาก
  • เสียเวลามาเข้า g2k ใหม่ทุกครั้ง
  • หลายคนเคยบ่นอีกบล็อกนึงของพี่ว่าเข้ายาก
  • พี่ก็ลบลูกเล่นทุกอย่างออกจนหมด เขาก็โอเคกันขึ้นค่ะ
  • ยังไงก็ช่วยพี่หน่อยนะคะ  เดี๋ยวไม่มีคนเข้าบล็อกแย่เลย....
  • ขอบคุณล่วงหน้าค่ะน้องๆๆๆๆๆๆ
P

คุณพี่คร้าบบบบ

  • ผมมีอะไรจะสารภาพครับ
  • เห็นพี่เม้งบอกว่า พี่เป็นสวยประหาร กลัวครับ อิอิ
  • ตอนนี้แม้ไม่เปิดบันทึกของพี่ปัญหามันก็ยังมีอยู่ครับ
  • ขอโทษเป็นอย่างสูงครับที่คิดว่าพี่เป็นผู้ต้องหาครับ
  • พี่เม้งก็บ่นว่าเป็นอย่างนี้มาสองสามวันแล้วเช่นกัน
  • งั้นก็เป็นไปได้สูงมากว่าเป็นที่ระบบแล้วครับ
  • รบกวนผู้ดูแลระบบหรือใครที่ใกล้ชิดกับผู้ดูแลระบบช่วยแก้ปัญหาให้ด้วยครับ มันทำให้หงุดหงิดพอสมควรครับ

ขอโทษอีกครั้งนะครับ ถ้าเจอกันผมจะเลี้ยงน้ำแข็งบอก(อิอิ รู้จักไหมล่ะ) เป็นการไถ่โทษครับ

  • งั้นพี่เอาเพลงเข้าได้เหมือนเดิมแล้วนะน้อง....
  • คือ พี่สอนวิชาพวกคำนวณด้วยค่ะ เด็กๆเลยตั้งฉายาให้ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ  แต่พรุ่งนี้นัดเด็กสอบวิชาคำนวณ  คงโดนฉายานี้อีกแน่นอน...
  • ว่าแต่ยกโทษให้จ้ะ  
  • แต่เอ...จะว่าไปวันนี้เอาเพลงออกก็ไม่ยักกะมีปัญหาเลย...
  • งั้นเดี๋ยวพี่ลองเอาเพลงออกไว้ก่อนดีกว่า
ตามมาตอบต่อค่ะ คราวที่แล้วเกริ่นถึงกำไรชีวิต  วันนี้ดูทีวี เขาพูดถึงคนที่สามีเสียชีวิตกระทันหัน แค่เสียใจไม่พอยังมีหนี้ตามมาอีกเป็นร้อยล้าน  เราฟังแล้วก็สะอึก  มองอย่างนี้ชีวิตเขาเริ่มจะตกต่ำ  แต่สิ่งที่เราเห็นคือเมื่อเขาลำบากรู้สึกว่าตนเองล้มละลาย หรือขาดทุนในเรื่องธุรกิจ  แต่สิ่งหนึ่งคือทำให้เขาแกร่ง พูดง่าย ๆ กำไรชีวิตได้มาจากการขาดทุนของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง ฟังแล้วก็ได้กำลังใจเยอะเลย
P
  • ผมไม่ทราบว่าที่คุณดูทีวีนั้นเป็นเรื่องของใคร
  • แต่ถ้าผู้หญิงที่ชื่อ ฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้แต่งหนังสือ เข็มทิศชีวิต นั้นน่าสนใจมากครับ
  • ผมและเพื่อนๆ ก็ได้แรงบันดาลใจจากเธอนี่แหละครับ ที่ได้ไปปฏิบัติธรรมกัน และทำให้อ่านหนังสือธรรมะรู้เรื่องขึ้นครับ

ธรรมะสวัสดีครับ

  • P ราณี..
  • P น้องรัก..
  • ขอบคุณนะคะที่มาช่วยแชร์ความคิด...
  • กำไรชีวิตได้มาจากการขาดทุนของชีวิต

เพิ่งมาพบ  Blog ของอ.ลูกหว้า  เลยตามอ่านงานเขียนของ อ. ทั้งหมด น่าสนใจมากครับ สำหรับประเด็น ขาดทุนคือกำไรนี้

มองจากความเข้าใจของผม กับ อาชีพที่ทำอยู่นี่น่ะครับ  ผมทำงานเป็นที่ปรึกษาธุรกิจแฟรนไชส์และเอสเอ็มอี ซึ่งการทำงานในวงการนี้ แน่นอนว่าต้องพูดถึง ขาดทุน - คุ้มทุน - กำไร กันแบบทุกเมื่อเชื่อวัน 

หยิบแผนธุรกิจของลูกค้าที่เขาส่งมาให้วิเคราะห์แต่ละราย ก็จะต้องคุยกันถึงตัวเลขตรงนี้ แต่เชื่อหรือไม่ครับอ.ลูกหว้า   ผมสร้างแนวคิดใหม่เรื่องขาดทุนกำไรนี้  มาในแนวเดียวกับคุณพี่  P  เลยทีเดียว

คือผมจะวิเคราะห์ที่ มูลค่าทางโอกาสธุรกิจด้วย   โอกาสทางธุรกิจ เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะพยากรณ์ได้ว่า เราจะขาดทุน หรือ กำไร ในระยะยาวจากนี้ไปได้นานสักแค่ไหน   อย่างคุณพี่ sasinanda  ยอมลงทุนพัฒนาอย่างมากมาย เพื่อยกระดับธุรกิจให้มีมาตรฐานพอเพียงที่จะแข่งขันได้ หรือ ได้รับความยอมรับจากสากล  ช่วงแรกๆ  ผมเชื่อว่าเงินลงทุนทั้งหมดที่ใช้พัฒนาไปของพี่ sasinanda คงมากกว่ากำไรที่ได้จากการซื้อขายสินค้างวดแรกๆ เป็นแน่

ลูกค้าเจ้าของกิจการส่วนใหญ่  หันความสนใจไปที่ตัวเลขเม็ดเงินที่จับต้องได้เท่านั้น  ธุรกิจจึงไม่ได้รับความใส่ใจในการปู้พื้นฐานด้านโอกาสธุรกิจที่แข็งแรงให้กับตัวเอง   การที่ "กำไรในวันนี้" จึงกลายเป็น "ขากทุนในวันหน้า" อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ   เพราะวันเวลา ล้วนหมุนเดินไปอย่างไม่ย่อท้อทั้งสิ้น  เข็มนาฬิกาพาเราสู่สถานการณ์ใหม่ๆ เสมอ  ถ้าไม่พร้อมก็พ่ายแพ้

ผมสรุปเลยอย่างนี้นะครับ 
"การขาดทุนอย่างรู้ตัวเองและเป็นระบบ คือ การสร้างระบบกำไรที่ยั่งยืนในวันหน้า"

มีเวลาแวะมาแสดงความเห็น ระบบมาตรฐานแฟรนไชส์ใหม่ล่าสุดของเมืองไทยทีนี่นะครับ
http://gotoknow.org/franchiseclinic

  • P  สวัสดีค่ะคุณมงกุฎ
  • ดีใจจังค่ะที่แวะมาช่วยแชร์ที่นี่ ด้วยภาระหน้าที่ทำให้ไม่มีเวลาเข้ามาเขียนบันทึกที่นี่เลยค่ะ
  • ที่สำคัญแฟนบันทึกนี้ส่วนใหญ่เรียนป.เอกอยู่ต่างประเทศ  ไม่ค่อยมีเวลาเช่นกัน   หว้าก็เลยรวมไปเขียนที่อีกบล็อกหนึ่งค่ะ
  • แต่ไว้วันนึงอาจจะกลับมาเขียนอีกค่ะ
  • คำว่า "ขาดทุนคือกำไร"อยู่ที่เราตีความจริงๆค่ะ
  • อย่างเช่น หว้าทำงานค่อนข้างหนัก แล้วเวลาพักผ่อนก็ไม่ค่อยมี   ถ้าเทียบกับเงินเดือนแล้วถือว่าเรา "ขาดทุน"  แต่ถ้าเทียบเรื่องความสุขใจจากประโยชน์ที่จะเกิดกับคนรอบข้าง   สิ่งนี้ถือเป็น "กำไร"จริงๆค่ะ
  • แล้วจะแวะไปเยี่ยมนะคะ  แต่ตอนนี้ไม่ทราบเป็นอะไร หว้าไม่สามารถไป comment งานของบล็อกอื่นได้เลยค่ะ   ไม่ใช่ไม่เข้าไปนะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท