เรื่องเล่าจากดงหลวง 106 คอยส่งคนเดินทางไกล


เพราะผมมีภารกิจต้อง “คอยส่งคุณแม่เดินทางไกล”......

ผู้บันทึกไม่อยากเขียนสิ่งต่อไปนี้เท่าใดนัก แต่คิดว่าเออ เป็นการแสดงความรู้สึกต่อสถานการณ์หนึ่งในชีวิตก็แล้วกัน ซึ่งหลายๆท่านคงเผชิญสิ่งนี้มาบ้างแล้ว  แต่หลายท่านอาจจะยังไม่ได้เผชิญสิ่งนี้ บันทึกนี้อาจจะบอกบรรยากาศส่วนหนึ่งให้ท่านทราบ 

ความจริงผู้บันทึกยังเหลือเรื่องขึ้นดอยอีกสัก 2-3 ตอน แต่ขอแวะมาเขียนเรื่องนี้ก่อน เพราะกำลังเผชิญอยู่ ความรู้สึกยังสดอยู่ครับ  

ที่ผู้บันทึกหายหน้าไป 2-3 วันเพราะต้อง คอยส่งคนเดินทางไกล ครับจึงไม่มีเวลามากพอที่จะมาเขียนบันทึก  

เมื่อวันที่ 22-24 ที่ผ่านมา ผู้บันทึกเป็นหัวเรือทำการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่โครงการในเรื่องการจัดทำการเก็บข้อมูลชุมชนแบบมีส่วนร่วม หรือ Participatory Rapid Appraisal หรือที่เรารู้จักกันดีทั่วโลกว่า PRA เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมการฝึกเคยผ่านมาบ้างแล้วจึงเน้นการทบทวนมากกว่า แล้วก็ลงพื้นที่ฝึกทำจริงๆ  ก็พบประเด็นน่าสนใจหลายประการทีเดียว ทั้งในสาระของข้อมูลที่ได้ และกระบวนการจัดเก็บข้อมูล และคุณลักษณะทีมงานที่ไปจัดเก็บ ทำให้ผู้บันทึกเพิ่มการเรียนรู้มากขึ้น แล้วจะเล่าให้ฟังครับ 

เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรมในวันเสาร์ผู้บันทึกและครอบครัวต้องพาคุณแม่ซึ่งมีอายุ 97 ปีไปให้หมอดูแผลอันเนื่องมาจากการกดทับเพราะท่านนอนมานานนับเกือย 10 ปี  แล้วหมอขอพบญาติเจ้าของคนไข้ หมอเสนอให้ตัดขาออกเพราะแผลเน่าและเสียหายมาก อาจเกิดการติดเชื้อลามเข้าไปถึงระบบภายในทั้งหมดได้ ครอบครัวปรึกษากันนานกว่าจะลงมติว่าไม่ตัด เพราะหากตัดก็จะต้องดมยาสลบ คนอายุสูงขนาดนี้ดมยาก็ไม่ฟื้น หมอจึงตัดเนื้อร้ายที่เน่าออกจำนวนมาก แล้วทำแผลและแนะนำวิธีการดูแลแผล 4 เวลาต่อวัน ขณะตัดเนื้อร้ายออกนั้นคุณแม่ก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว  

คุณหมอท่านที่สองซึ่งเป็นหมอประจำมามากกว่า 10 ปีมาถึงก็ดูอาการ ตรวจสอบข้อมูลที่พยาบาลเช็คเตรียมไว้ให้ก่อนล่วงหน้าแล้วก็สั่งตรวจวัดการเต้นของหัวใจอีก ตรวจความดัน แล้วหมอก็บอกว่า คุณยายไม่น่าจะเกินคืนนี้ท่านก็คงจากไปอย่างสงบ ???  ทุกระบบ Down ลงหมดแล้ว  แม้ว่าหมอจะให้ยาก็จะไม่สามารถดึงชีพกลับมาดีได้  ปล่อยให้คุณยายไปอย่างสงบดีกว่า ???? หากท่านได้ยินคำเหล่านี้ท่านจะรู้สึกอย่างไรครับ...  

ผู้บันทึกน่ะเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องได้ยินคุณหมดกล่าวอย่างนี้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง  แล้ววันนี้ก็มาได้ยินคำนี้แล้ว....คุณหมอเป็นรุ่นน้องที่ มช. และรู้จักกันดีตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือที่นั่น จนมาเป็นคนไข้คุณหมอสามีภรรยาคู่นี้อีก 20 กว่าปี คุณหมอทำดีที่สุด และช่วยเหลือครอบครัวเรามาในทางการแพทย์ดีตลอดมา การเข้าโรงพยาบาลทุกครั้งคุณหมอจะมาดูเองและสั่งยาที่ดีแต่ประหยัดที่สุด คุณแม่ต้องนอนห้อง ICU หลายต่อหลายครั้งชีวิตท่านกลับคืนมาเพราะคุณหมอท่านนี้ สิ่งที่หมอกล่าวเรารู้ดีว่าท่านกล่าวมาด้วยความจริงใจ ตรงไปตรงมา และเป็นที่สุดของคำวินิจฉัยแล้ว 

เราเอาคุณแม่กลับมาบ้าน คอนส่งท่านเดินทางไกลที่บ้าน เสียโทรศัพท์ดังขึ้นไม่ขาดสายที่เราต้องส่งข่าวให้ลูกๆของท่านทุกคนทราบไม่ว่าจะอยู่ที่ส่วนไหนของประเทศ ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม เพียงไม่กี่ชั่วโมงทุกคนทราบเรื่องและบางคนก็รีบขับรถตรงมาที่บ้านเราทันที เพื่อร่วมกันส่งท่านเดินทางไกลครั้งสำคัญนี้  

เรานอนไม่หลับคอยส่งท่าน วนเวียนเดินเข้าเดินออกระหว่างห้องของท่าน เราเตรียมสิ่งที่ควรเตรียมให้ท่านเดินทางไกล  แต่ก็ขลุกขลัก เพราะไม่มีประสบการณ์ตรง หยิบโน้นหยิบนี่ สาละวนในสิ่งที่ควรทำ ผิดบ้างถูกบ้าง แต่สิ่งที่ทำแรกสุดคือ การนำพระพุทธรูปที่เรากราบไหว้ประจำไปวางไว้หัวเตียงท่านพร้อมกระถางธูป จัดห้องให้เหมาะสมกับการเดินทางไกล ..... เสียงร้องให้สะอึกสะอื้นเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวจากลูกสาวคนสุดท้องท่านซึ่งเป็นคนข้างเคียงผู้บันทึก ผมพยายามจะไม่แสดงอาการอะไรมากกว่าการเก็บไว้ข้างใน เพราะตอนนี้มีเพียงเรา 5 คนเท่านั้น คือ ท่านแม่ ลูกสาวท่าน ผู้บันทึก และคนดูแลท่านอีกสองคนที่เราจ้างมาดูแลตลอด 24 ชั่วโมงมานานเป็นสิบปีแล้ว 

ท่านหายใจติดขัดเป็นครั้งคราว หลับตาและไม่รู้สึกตัวตลอด หลังเที่ยงคืนนิดเดียวบุตรชายคนหนึ่งจากกรุงเทพฯก็มาถึง  พอสว่างมัวๆบุตรชายอีกคนก็มาถึง สายนิดหนึ่งบุตรชายอีก 2 คนก็มาถึงและอีกหลายคนกำลังเดินทางมา ท่านยังคงสภาพเดิมคือหายใจติดขัด  

ตกกลางวันอาการธาตุแตกเริ่มแสดงคืออุจาระเอง 2-3 ครั้งทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย  ขณะบันทึกนี้ท่านยังคงสภาพ โคม่า  พวกลูกๆท่านมากันเกือบหมดแล้วต่างก็พร้อมใจกันมาร่วมส่งท่าน เดินทางไกลแบบไม่กลับมาอีก ครั้งนี้ 

แต่ก็แปลก ตอนค่ำเมื่อวานที่เรานำคุณแม่ท่านกลับมาบ้านนั้น มีลูกหมาตัวหนึ่งเข้ามาในบริเวณบ้านโดยไม่มีใครรู้ว่ามาได้อย่างไร ซึ่งปกติบ้านจะปิดประตูรั้วบ้านตลอดกันหมาเพื่อนบ้านเข้ามาถ่าย แต่ลูกหมาตัวนี้เราไม่เคยเห็น เขานอนซึมๆเหมือนป่วย เอาอาหารให้กินก็ไม่กิน เจ้าคุกกี้ หมาเลี้ยงของผมไปเล่นด้วยเขาก็ไม่เล่นแถมขู่จะกัดเอา เจ้าคุกกี้ต้องถอยกลับและไม่เล่นกับเขาอีก เขาป่วยแน่นอนเพราะถ่ายเหลวออกมา และนอนซมตลอด..  

ผมคิดในใจว่าหากมีเวลาจะเอาเขาไปหาหมอ แต่ไม่ใช่ตอนนี้.... เพราะผมมีภารกิจต้อง คอยส่งคุณแม่เดินทางไกล......

หมายเลขบันทึก: 99027เขียนเมื่อ 28 พฤษภาคม 2007 00:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

ละวางและไม่ยึดติดครับพี่บางทราย...

คุณยายผมไปเมื่อปีที่แล้ว...อยู่ห้อง ICU ที่ศิริราช มีคุณแม่และลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหมอเฝ้าตลอดเวลาครับ...แต่ตอนไปคุณยายเลือกไปตอนไม่มีใครอยู่นะครับ...ไปสบาย...สงบมากครับ

ขอให้คุณแม่พี่เดินทางปลอดภัย...สู่ภพที่ดีครับ

โอชกร

สวัสดีครับน้องโอชกร

ขอบคุณมากครับ ผมฝึกฝนใจเพื่อเรื่องนี้มานานพอสมควร ส่วนคนข้างเคียงประเภทบ่อน้ำตาตื้น.. ก็เข้าใจได้ครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ

เสียใจด้วยอย่างยิ่งนะคะ

ท่านไปสู่แดนสุขาวดี แล้ว

เหลือแต่พวกเราที่ยังอยู่ในแดน สุกๆดิบๆ

ขอแสดงความอาลัยร่วมในครั้งนี้กับเจ้าพ่อดงหลวง

อ่านแล้ว นึกภาพต่างๆ ตาม มันย้อนมาที่เรื่องราวของผมเอง และผมว่าต้องเกิดแน่ๆ กับอีกหลายๆคน

มันคือ ธรรมชาติ ครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ

สวัสดีค่ะพี่ไพศาล ความจริงแห่งชีวิตนี้ต้องอาศัยสติอย่างมาก

เกิด แก่ เจ็บตาย  เป็นสิ่งที่ระลึกถึงทุกวัน สอนตัวเอง เตรียมตัวเองให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการจากไปของตนเอง หรือสมาชิกในครอบครัว การได้เคยมีทุกข์มากๆจากการไม่รู้วิธีคิด ทำให้เห็นคุณค่าของการคิดเป็นและการเตรียมพร้อม ซึ่งจะเป็นที่พึ่งให้กับผู้ที่ยังคิดไม่ได้

พี่บางทรายคะ

คลิกเข้ามาสองรอบ...ไม่รู้จะกล่าวคำใด

ในความรู้สึกคือ ...ขอนิ่งสงบน้อมส่งคุณยาย และจะขอสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เพื่อคุ้มครองคุณยายในการเดินทางไกลด้วยค่ะ

พี่บางทรายค่ะ

ขอน้อมส่งคุณยายเดินทางไกลด้วยค่ะ ขอให้คุณยายเดินทางด้วยความสงบ สักวันเราก็ต้องเดินทางเช่นกันค่ะ ... ธรรมชาติ ที่หนีไม่พ้น.....

สวัสดีค่ะคุณบางทราย

ดิฉันไม่ได้แวะเข้ามาดูเลยวันนี้ทั้งวัน จนกระทั่งช่วงเย็นก็ไม่ได้เข้ามาแวะดู แต่ไปตอบที่บันทึกตัวเอง เห็นที่คุณบางทรายไปให้ข้อคิดเห็นไว้เมื่อวาน.. ขอบคุณมากค่ะที่สละเวลาไปเขียนที่บันทึกในช่วงเวลานี้..

อย่างไรก็ดี ถ้าคุณยายไปแล้วก็คงไปสบายแล้วล่ะค่ะ คนที่ยังอยู่ก็ต้องสู้กันต่อไป เหมือนกับเป็นการเตรียมตัวเดินทางเช่นกัน..เป็นวัฏสงสาร..เป็นธรรมชาติ

ดูธรรมชาติแล้วน้อมดูตัวค่ะ

สวัสดีคะ อ่านแล้วไม่รู้ว่าจะกล่าวเช่นใด ขอร่วมส่งคุณยายไปสู่สุขคติ อยากให้ท่านทำจิตให้ว่างนึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ น้อมจิตระลึกถึงคุณงามความดีที่เคยกระทำมา มีจิตและสติกับตัวเสมอ...ขอบคุณคะ

สวัสดีครับน้องกมลนารี

ขอบคุณมากครับน้องครับ

สวัสดีค่ะพี่บางทราย

มาร่วมน้อมส่งคุณยายเดินทางไกลค่ะ...

ขอส่งความนิ่ง สงบ  ในใจเป็นเพื่อนร่วมทางให้คุณยายเดินทางไกลอย่างสว่าง สะอาด ใส และส่งกำลังใจให้พี่บางทรายและครอบครัวร่วมส่งการออกเดินทางของคุณยายได้อย่างสงบ งามนะคะ

สวัสดีครับน้องสาวเบิร์ด

ขอบคุณมากครับที่มาร่วมส่งคุณยายเดินทางไกล ท่านไปอย่างสงบครับ แล้วจะเล่าเรื่องแปลกด้วย

ขอบคุณครับน้องเบิร์ดครับ

สวัสดีครับคุณบางทราย

เข้ามาร่วมส่งคุณแม่ไปสู่แดนสันติสุขครับ

มันคงเป็นเพียงละครฉากยาวๆฉากหนึ่งของผู้มาแสดงบทเป็นคุณแม่น่ะครับ  ซึ่งก็ได้แสดงจบอย่างสมบูรณ์แล้วในบทนี้

เหลือแต่พวกเรานี่แหละครับที่ยังต้องแสดงต่อไป ไม่ว่าแสดงดีไม่ดีแค่ไหน?  ก็มีวันแสดงจบเช่นเดียวกันครับ

สวัสดีครับอาจารย์อ.ศิริศักดิ์

ขอบพระคุณครับอาจารย์

อาจารย์แสดงธรรมได้ตรงใจครับ ก็เหลือแต่พวกเราที่รอวันแสดงจบเช่นกัน และไม่รู้วันนั้นเสียด้วย คนฝักไฝ่ธรรมก็จะไม่ยอมให่วันเวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เร่งทำสิ่งดีๆแก่ตน แก่คนรอบข้างและแก่โลกนี้

ขอบพระคุณมากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท