ผมเดินทางมาเรียนหลักสูตรการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่สิงคโปร์ ๒ อาทิตย์ ตั้งแต่ ๗ - ๑๘ พฤษภาคม ตามรายเอียดที่นี่ เรื่องราวชีวิตประจำวันผมแยกมาเขียนในบันทึกนี้อีกชุดหนึ่งต่างหาก เผื่อคนที่ชอบอ่านบันทึกแตกต่างกัน
ต้องบอกก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้เป็นคนที่ประทับใจสิงคโปร์ หรือชอบเที่ยวสิงคโปร์เลย ต้องบอกว่า เป็นประเทศที่อยู่ลำดับท้ายๆที่คิดถึง แต่เป็นไงก็ไม่รู้ ยิ่งเกลียดยิ่งต้องมา นี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่ต้องมาเหยียบแผ่นดินนี้
ผมเดินทางกับ Tiger Air ของสิงคโปร์ เพราะเป็นสายการบินเดียวที่บินตรงจากหาดใหญ่มาสิงคโปร์ วันละเที่ยว ไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯก่อน ใช้เวลาเพียง ๑ ชม. ๑๐ นาที ซึ่งน้อยกว่าไปกรุงเทพฯเสียอีก
เดิมเป็นเที่ยวบินกลางดึก ออกจากหาดใหญ่เกือบเที่ยงคืน จะถึงสิงคโปร์ประมาณตี ๓ ตามเวลาของเขาซึ่งเร็วกว่าบ้านเรา ๑ ชั่วโมงทั้งๆที่อยู่ในแนวเดียวกันแท้ๆ ทำให้ผมต้องมาก่อนล่วงหน้าตั้งแต่วันเสาร์ จะได้มีเวลาพักวันอาทิตย์ ๑ วันก่อน
โชคดีที่ตารางเวลาของสายการบินเปลี่ยนเป็นช่วงบ่ายแทน ออกจากหาดใหญ่บ่ายสาม ถึงสิงคโปร์บ่ายห้าโมงกว่า นับว่าลงตัวพอดี สำหรับการเดินทางในวันอาทิตย์ได้เลย
ผมถึงสนามบิน Changi ในส่วนที่เรียกว่าเป็น Budget Terminal สำหรับสายการบินต้นทุนต่ำ พอลงจากเครื่องบินก็ลงบันไดที่มาเทียบแบบไม่มีงวง แล้วเดินตรงเข้าอาคารได้เลย ไม่ต้องมีรถมารับ ในส่วนที่จะต้องเดินจากจุดที่ลงเครื่องบินไปยังที่ตรวจหนังสือเดินทาง ซึ่งมักจะเป็นทางเดินไกลๆ ถ้าคิดไม่ออกก็วาดภาพสนามบินสุวรรณภูมิของเราว่าไกลแค่ไหน จะเป็นส่วนที่ทำเป็นทางเดินยาว ไม่มีทางเดินอัตโนมัติ ทุกคนต้องเดินเอง ที่สำคัญคือไม่มีแอร์ อากาศน่าจะร้อนกว่าของเรา โดยเฉพาะคนที่ชอบแอร์ แต่สำหรับผม กลับชอบที่เขาเปิดโล่งรับลมภายนอกเย็นสบาย และน่าจะเป็นการประหยัดไปได้มากด้วย
ใน terminal นี้มีป้ายภาษาไทยให้เห็นด้วย ผมพยายามมองโลกในแง่ดีไว้ว่า คงเอาใจคนไทยไป shopping กันสุดๆ
จุดตรวจหนังสือเดินทางก่อนรับกระเป๋า มีคนต่อคิวน้อยมาก อาจเป็นเพราะมีสายการบินมาลงไม่มาก ผมเดินไปถึงก็เข้าตรวจได้เลยอย่างงงๆ ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ผมใช้หนังสือเดินทางราชการ ทุกอย่างเรียบร้อยดี
ตอนไปรับกระเป๋าใช้เวลายืนรอไม่เกิน ๕ นาที ทั้งๆที่ผมคิดว่าผมเดินมาและจัดการหนังสือเดินทาง ได้เร็วมากแล้ว อาจจะต้องมารอกระเป๋านานพอสมควรเหมือนสนามบินที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่อยากพูดถึง
ผมใช้เวลาจากลงเครื่องบินจนกระทั่่งมายืนรอเพื่อนด้านหน้าอาคาร budget terminal ไม่ถึง ๑๕ นาทีครับ กับสายการบินต้นทุนต่ำที่ไม่คาดว่าจะได้รัยการบริการที่รวดเร็วเสร็จก่อนเวลาขนาดนี้
ด่านแรกของการเดินทางมาสิงคโปร์ครั้งนี้ ประทับใจผมมากเลย
สวัสดีค่ะคุณหมอ..นาย เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี
แต่ครูอ้อยก็สอนตามประสาครูไปแล้วค่ะ..อิอิ
แล้วเขียนมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
ครูอ้อยชอบไป..ห้างมุสตาฟาค่ะ
มาเยี่ยมบันทึกหมอเต็มด้วยความคิดถึงครับ
มาติดตามการเดินทางครับ สิ่งดีๆที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนเสมอ
สิงค์โปร์น่าจะมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ และเป็นบทเรียนที่ดีให้กับบ้านเมืองเรา อย่างน้อย ก็การรอรับกระเป๋าที่สนามบินที่สะดวกและไม่วุ่นวายใช่มั้ยครับ
- - - - - - -
ประทับใจในครั้งแรกและจะประทับใจต่อๆไปครับ
สวัสดีตอนเช้าครับครูอ้อย
อาจารย์เอก ครับ
คำว่าตามมาอ่าน เป็นคำสุดสุดฮิตของ blog เลยนะครับ
แต่อย่างไรก็ตามผมก็ตามมาอ่านเหมือนกัน
เห็นด้วยกับอาจารย์อย่างยิ่งที่บอกว่า budget terminal ของเขา โอ่งโถง แต่ไม่โอ่อ่า รวดเร็ว แต่ไม่ละเลย (ความปลอดภัย : พี่แกตรวจละเอียดยิบ สงสัยไม่ไว้ใจว่า คนที่เพิ่งลงมาจากเครื่องบินจะเอาของผิดกฎหมายเข้ามาได้อีก เฮ้อ)
คิดถึงอาจารย์เต็มค่ะ อาจารย์เป็นไงบ้างคะ สบายดีหรือเปล่า