โดยให้นั่งเขียนด้วยกันเป็นกลุ่ม ตามรุ่นที่แบ่งจากปีการศึกษาที่เข้ามาร่วมงาน ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีชื่อรุ่นตามประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงปีนั้น ๆ เพื่อที่ว่าทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในการย้อนทวนความทรงจำที่ผ่านมาด้วยกัน
และรุ่นที่ย้อนอดีตกันนานที่สุดก็คือรุ่นแรกที่เข้ามากันตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๕ ซึ่งอยู่ในรุ่นบุกเบิกนั่นเอง
หลังจากที่ข้อมูลที่ได้จากบันทึกแผนที่คนดีมาแล้ว ก็มีคณะทำงานช่วยกันอ่านเพื่อแบ่งกลุ่มความสนใจออกเป็น ๙ กลุ่ม โดยไม่มีการตั้งหัวข้อเอาไว้ก่อน แต่จะมาพิจารณากันว่าใครมีความสนใจ และประสบการณ์ในแง่มุมใดที่มีความโดดเด่น แล้วจึงคัดแยกไว้ ผู้นำของแต่ละกลุ่มมาจากคนที่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องสุนทรียสนทนา และการจัดการความรู้มาแล้ว และมีคุณสมบัติคือ เป็นผู้ที่เห็นคุณค่า และ เคารพในความแตกต่างหลากหลาย มีทักษะในการจัดการความรู้โดยอาศัยเรื่องเล่าเร้าพลัง
แต่ละกลุ่มมีสมาชิกประมาณ ๑๕ คน กลุ่มที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดคือ เรื่องความโดดเด่นในความเป็นครู ซึ่งมีอยู่ถึง ๒ กลุ่มด้วยกัน ที่รองลงมาคือ เรื่องอุคมการณ์ทางสังคม จากนั้นก็เป็นเรื่องของการพัฒนาตน ความสมดุลในชีวิต ความสนใจในดนตรีและเพลง ความมุ่งมั่นในการทำงาน และความสำเร็จในชีวิต ที่แบ่งกลุ่มได้เท่าๆกัน
กลุ่มประด็นที่เก็บได้จากข้อความที่ระบุไว้ในแผนที่คนดีนี้ แสดงลักษณะขององค์กรออกมาได้อย่างเด่นชัด สามารถสะท้อนความเป็นเพลินพัฒนาว่าเป็นที่รวมของคนที่มีอุดมการณ์ความเป็นครู และมีความสนใจในเรื่องของอุดมการณ์ทางสังคม ที่เริ่มจากการพัฒนาคุณภาพชีวิตในแง่มุมต่างๆมากมาย
เช้าวันต่อมามีการนำเสนอวิธีการการจัดการความรู้ผ่านเครื่องมือ “เรื่องเล่าเร้าพลัง” ให้ทุกคนได้รู้จักว่า มีความสอดคล้องกับการทำงาน และชีวิตประจำวันของทุกคนอย่างไร ทุกคนมีอยู่ในคนแล้วอย่างไร เราจะนำเอาความรู้ในคนออกมาพัฒนางานโรงเรียนได้อย่างไร
วันนี้ทุกคนได้เข้าไปมีประสบการณ์ตรงตามกลุ่มที่จัดไว้ และได้เรียนรู้ที่จะเป็นพลังให้กันและกัน เร้าพลังซึ่งกันและกัน วงสนทนานี้พาให้คนได้สัมผัสแง่มุมที่จะก่อให้เกิดความเคารพและศรัทธาในกันได้อย่างปราศจากข้อสงสัย
แม้กระทั่งกับคนที่ไม่เคยเห็นข้อดีของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และไม่เคยมองข้อดีของเพื่อนมาก่อน ก็ยังได้ประจักษ์ในคุณค่านั้นด้วยตนเอง
ผู้อำนวยการโรงเรียนได้กล่าวปิดการสัมมนาว่ากิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยเฉพาะในช่วงสุดท้ายนี้ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้รู้จักกัน เคารพกันได้อย่างลึกซึ้ง และเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ออกมาจากใจจริงอย่างอิสระ เป็นความรู้จริงที่มาจากชีวิตของผู้คน ที่ท่านเองก็ไม่สามารถจะมานำเสนอให้ครบถ้วนอย่างที่เกิดขึ้นไปแล้วนี้ได้
ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ จะเป็นอีกวันหนึ่งที่ชาวเพลินพัฒนาจะได้เห็นสถานการณ์ของโรงเรียนร่วมกัน และจะได้ช่วยกันคิดอ่านว่าแต่ละคนจะมีส่วนสร้างงานอะไรในการสนับสนุนให้อุดมการณ์ ความมุ่งหวังที่ทุกฝ่ายมีร่วมกันเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ด้วยกัน
ไม่มีความเห็น