จากเวทีที่ให้คุณกิจจากอำเภอเล่าเรื่องความสำเร็จ ความภูมิใจในงานที่ปฏิบัติอยู่ คุณกิจต่างบอกว่าไม่เคยมีความสำเร็จ ไม่ได้เก่ง ทำไปถามไป ผิด ๆ ถูก ๆ ดิฉันบอกลองคิดดูว่าระหว่างทำงานเคยแก้ปัญหาอะไรด้วยตนเอง หรือทำแล้วคนรับบริการพอใจ เราก็พอใจ ดิฉันใช้วิธีเชื่อมประเด็นไปเรื่อย ๆ สุดท้ายคุณกิจก็เล่าออกมาสด ๆ คนที่ร่วมวงต่างสนใจ ตั้งใจฟัง เสร็จแล้วก็ซักถามว่าอะไรทำให้คิดได้อย่างนั้น คิดได้ไง สิ่งที่ดิฉันมองเห็นขณะนั้นก็คือ คุณกิจเองต่างร่วมสร้างบรรยากาศให้ไหลลื่น ความสด ความมีชีวิตชีวาเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากที่ร่องความคิดเดิมเรามักจะมองเห็นว่าความสำเร็จจะต้องเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ จับต้องได้ แต่เรามักมองข้ามการเก็บเกี่ยวความภาคภูมิใจระหว่างทาง ว่าเกิดอะไรดี ๆ ขึ้นบ้าง สิ่งเหล่านี้ทำให้ดิฉันนึกถึงบันทึกของ อ.ประพนธ์ ที่ว่า "เรารู้"แต่เราอาจไม่ได้ทำ(หรือทำไม่ได้) แต่การได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน....อาจมีบางเรื่องที่สามารถสั่นไหวหัวใจเราได้ กระบวนการมีผลอย่างยิ่ง ณ ขณะที่เราแชร์เรื่องเล่า ( tacit) กันอยู่นั้น อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใจของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ หัวใจของ km อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงอยู่ที่การกระทำ มากกว่าการให้ได้ความรู้ออกมาเท่านั้น http://gotoknow.org/blog/beyondkm/93878
ใครคนหนึ่งเคยให้ชื่อ storytelling เป็นไทยว่า "เรื่องเล่าเร้าพลัง" หากพลังนั้นเป็นพลังแห่งสัมพันธภาพ พลังแห่งความรู้ ดิฉันว่า็ก็เหมาะสมแล้วที่จะชื่ออย่างนั้น