พอลูกอายุถึงวัยที่จะไปโรงเรียนได้แล้ว เราก็เริ่มหาข้อมูลว่าโรงเรียนแบบไหนที่ตรงใจเรา อยากได้โรงเรียนที่ไม่ยัดเยียดกฏ กติกา มารยาทมากนัก ไม่เน้นตำราเรียน แต่เป็นโรงเรียนที่ให้อิสระเด็กทางความคิด ให้กล้าแสดงออก ให้เล่นมากกว่าเรียน แล้วก็สอนวินัยเด็กบ้างนิดหน่อย คุณครูสนใจเด็ก แล้วสำคัญใกล้บ้านลูกจะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าแล้วไปง่วงนอนที่โรงเรียน ก็ได้มาหนึ่งแห่ง ก็เลยไปสมัคร แล้วก็ไปสอบสัมภาษณ์ วันที่ไปก็พยายามพูดเรื่องดีๆของโรงเรียนให้ลูกฟัง ไปเจอคุณครูวันที่สัมภาษณ์ก็น่ารัก พูดดี ลูกไม่กลัวแล้วชอบโรงเรียน เราก็พาไปเล่นสนามเด็กเล่น พาชมโรงเรียนให้คุ้นเคย ก็ไปกันเรื่อยๆหลายวันนิดนึงก่อนโรงเรียนจะเปิด ดูท่าเหตุการณ์จะผ่านไปด้วยดี ถึงวันซื้อชุดก็พาไปลองชุด คุณลูกสาวก็ยังตื่นเต้นดีใจอยากไปโรงเรียน
พอวันเปิดเทอมวันแรก เราก็ไปส่งแล้วก็นั่งเล่นในห้องเรียน ป้อนข้าว ให้เวลาอีกพักในระยะพลัดพลาก เพราะลูกไม่เคยไปอยู่กับใครนอกจากญาติพี่น้อง แล้วก็คุยให้ฟังว่าจะไปทำงานนะ แล้วตอนเย็นจะมารับนะแล้วคุณครูก็ช่วยดูจนเหมือนจะคุ้นเคยกับคุณครูแล้วล่ะ เราก็แอบออกมาเมื่อลูกเผลอ ปรากฏว่าคุณครูบอกว่าพอหันมาไม่เจอแม่เธอร้องลั่น ดิ้นซะไม่มี ขนาดตัวผอมๆ ยังแทบจับไม่อยู่ แต่พักเดียวก็เงียบ วันนั้นเราก็ให้อยู่โรงเรียนประมาณครึ่งวันก็รับกลับ ค่อยๆให้ปรับตัวนิดนึง พยายามทำตามตำราที่อ่านมาทุกอย่างเลย
ก็ทำอย่างนี้มาเรื่อยๆ เช้าแม่ไปนั่งป้อนข้าวที่ห้องเรียน(เช้าก่อนเริ่มเรียนนะ) แล้วก็ให้เล่นกับเพื่อน ส่งกับคุณครู แล้วก็กลับเลยไม่หันหน้าหันหลังให้ลูกคอยเห็นตามช่องรูต่างๆ ให้อาลัยอาวรณ์..แบบที่ยายบอกไว้ว่าเบื่อมากผู้ปกครองแบบเนี่ยเพราะพอเด็กจะเงียบ หันไปเห็นแม่ก็ร้องอีกแล้ว (ยายเป็นครูชั้นอนุบาลคะ) ลูกสาวเราก็ยังร้องอย่างเนี่ยทุกวันเลย..ชักดิ้น ชักงอ ต้องให้คุณครูเดินอุ้ม กล่อมทุกเช้า จนตอนเย็นไปรับคุณครูจะคอยรายงานว่าวันนี้ร้องนิดเดียว วันนี้ดิ้นมาก หรือวันนี้ไม่ร้องแล้วค่ะ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุธร้องตลอด จะเริ่มดีวันพฤหัส ศุกร์ อ้าว! ปิดอีกแล้ววันจันทร์เริ่มเข้าวัฏจักรเดิมอีก เป็นอย่างนี้เกือบเดือน
สรุปพ่อแม่กลับมานั่งปลง ...เราพาลูกเข้าเรียนเร็วไปหรือเปล่า ลูกจะเครียดมั้ย จะฝังใจอะไรหรือเปล่า ..คิดกันไปเรื่อย จนได้ข้อสรุปว่า เด็กคนอื่นเขาก็อายุเท่าๆลูกเรา เด็กก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ต้องปรับตัวยอมรับพัฒนาการตามช่วงวัยนี้ให้ได้เหมือนคนอื่นนั่นล่ะ เดี๋ยวก็ปรับตัวได้ กลับมาเราก็คุยถามเรื่องราวที่โรงเรียน ปลอบไป คุยไป ให้กำลังใจกันว่าตอนพ่อแม่เป็นเด็กก็ไปโรงเรียนแบบนี้ล่ะ แล้วพอเวลาผ่านไป ตอนเย็นไปรับก็ไม่ยอมกลับบ้านซะแล้ว... ยังทำงานไม่เสร็จ แม่ต้องนั่งรอไปก่อน เช้าก็วิ่งหาเพื่อนไปเล่นกันสบายใจ
ครั้งนี้เลยทฤษฎีอย่างเดียวช่วยไม่ได้ซะแล้ว ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์มาประกอบกับการทำใจเลย ว่าลูกต้องทำได้น่า แต่ฝากไว้ให้แม่ๆที่กำลังจะพาลูกไปโรงเรียน เพราะเท่าที่คุยๆกันมาพบว่าส่วนขาดที่เราไม่ได้ทำเพราะไม่คิดว่าจะยากขนาดนั้น แค่ที่เราทำก็น่าจะ ok แล้ว เลยนำสิ่งที่ขาดมาเติมให้ผู้ที่จะเริ่มมีประสบการณ์แบบเดียวกันจ้ะ
เด็กๆที่เคยเห็นรุ่นพี่ไปโรงเรียนเป็นประจำเด็กจะไม่ร้องเมื่อไปโรงเรียน
พาไปเที่ยวโรงเรียนให้เห็นเวลาพี่ๆเขาเรียนกันเด็กก็จะอยากไปโรงเรียน ไม่ร้อง
ให้ลูกรู้จักไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่คนใกล้ตัวบ้าง ให้เกิดความไว้วางใจผู้อื่น ไม่กลัว ก็จะไม่ร้อง
ขอให้กำลังใจคุณลูกทั้งหลาย และคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังทำใจจะพาลูกไปโรงเรียนวันแรก อย่างไรไม่ให้ร้องไห้ เสียน้ำตา
สวัสดีค่ะคุณโรงเรียนพ่อแม่
สวัสดีค่ะ
ดิฉันมีประสบการณ์ค่ะ
ใช่แบบนี้เปี๊ยบเลย
แตไปได้อาทิตย์เดียว ละเมอร้องกลางดึก จะไม่ไปโรงเรียน เบื่อแล้ว อยู่บ้าน สนุกกว่า ไม่มีคนบังคับ และยังมีพี่เลี้ยงป้อนข้าว ไปโรงเรียน ทานเอง และอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่ชอบ ก็ไม่ชอบระเบียบนั่นแหละ
แต่อีกไม่นานก็คุ้นค่ะ ยังไงก็ล่อให้ไปจนได้ค่ะ
- เพื่อนร่วมทาง คิดถึงอาจารย์จัง คอมฯที่บ้านเสียอีกแล้วคะเพิ่งจะฟื้นวันนี้เอง ..แม่ขี้เห่อคะ..เว่อร์จริงๆเลย ยอมรับอย่างหนักหน่วงคะ
- น่านฟ้าทะเลลม ขอบคุณมากคะ สำหรับข้อคิดดีๆคะ เด็กมีความคิดดีๆมากกว่าที่ผู้ใหญ่คิดไว้มากคะ เพียงแค่ผู้ใหญ่ตะล่อมให้อยู่ในกรอบเท่านั้นเองนะคะ แต่พ่อแม่ชอบลืมตัวคะว่าลูกเป็นสมบัติของตัวเองกำหนดชีวิตตลอด ..พยายามนำไปสอดแทรกในงานโรงเรียนพ่อแม่อยู่คะ
วันนี้พาลูกไปโรงเรียนวันแรกคุณแม่ทำงานให้คุณยายไปเฝ้า งอแงมากไม่รู้จะทำยังไง เครียดมาก
ลูก ไปโรง เรียน วัน แรก คร่ะ ลูก ไม่ ร้อง ไห้ เลยคร่ะ แต่ ที่ร้อง ไห้ คือ ดิฉัน เอง อ่ะ คร่ะ
แบบ ว่าคิด ถึง ลูก มากกกกกกกกกก
วันนี้พาลูกไปโรงเรียนวันแรกค่ะ
พอลูกเผลอก็แอบกลับ
แล้วไปแอบดูตามช่องประตูค่ะ
พอหันหลังเท่านั้นละ ร้องลั้นเลยค่ะ
สงสารลูกจัง
กลับบ้านมาคิดถึงลูกมากค่ะร้องไห้ตามลูกเลย
... ^^" ...
สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นวันที่สามแล้วค่ะ ที่ลูกไปโรงเรียนอนุบาลรู้สึกว่าอยากจะร้องไห้ตามลูก เพราะลูกไม่ยอมหยุดร้องเลยตั้งใจว่าจะไม่อยู่จนคุณครูเรียกผู้ปกครองออกไปทั้งหมด แต่ก็ทำได้และเดินออกไปเมื่อลูกเผลอสายตาของลูกที่จ้องมองแม่
แต่มีแม่หลายคนก็ยังยืนดูลูกในโรงเรียนและรอจนกว่าประตูจะปิด ดิฉันควรจะทำยังไงดีค่ะยืนดูลูกจนประตูจะปิดดีไหมค่ะ
ค่ะ ขอบคุณที่ให้ คำแนะนำนะค่ะ สักวันหนึ่งลูกต้องทำได้ค่ะ
เฮ้อแต่ว่าไปโรงเรียนได้ แค่ อาทิตย์กว่าโรงเรียนหยุดยาวอีกแล้วค่ะ
เดือนหน้าคงต้องเริ่มใหม่อีกแล้วค่ะ
^^"
- ทุกเช้าปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน ถึงงอแงย่างไรก็พยายามปะเลาะให้ไป อย่าให้มีข้อ้างใดๆ เพราะไม่งั้นจะเป็นเงื่อนไขให้ลูก หาทางไม่ไปโรงเรียน เช่น ปวดหัว ปวดท้อง มีไข้บ้าง
- เมื่อไปโรงเรียนวันแรกๆ ต้องตกลงเวลาไปรับกลับเริ่มจากรับเร็วนิดนึง จากนั้นค่อยๆ เพิ่มระยะห่าง และพาลูกไปทักทายเพื่อนหรือคุณครูก่อนให้ไม่โดดเดี่ยว
- แม่กลับก็คือกลับเลย ไม่ไปแอบดูให้ลูกเห็นนะค่ะ ตัดใจ ไม่งั้นลูกกำลังน้ำตาจะแห้ง พอเห็นแม่ก็ร้องอีกแล้ว คุณครูก็ลำบากด้วย
- ก่อนกลับอาจนั่งอยู่กับลูกก่อนจนกว่าลูกจะมีเพื่อนหรือคุณครูมารับช่วงค่ะ
- เมื่อมารับลูก ก็ถามความก้าวหน้าจากคุณครูว่าเป็นอย่างไรบ้าง
- ระหว่างที่อยู่บ้านพูดคุยกับลูกว่ารู้สึกอย่างไรกับโรงเรียน มีเพื่อนมั้ย คุณครูใจดีมั้ย คุณครูให้ทำอะไรบ้าง พูดในเชิงสนุกสนาน เลือกพูดแต่ข้อดีของโรงเรียนนะค่ะ เพราะลูกจะจำไว้ว่าจากอารมณ์พ่อแม่ว่าโรงเรียนดี ไม่ดีก็ตรงนี่ล่ะ สำคัญมาก
ชมลูกว่าเก่งมาก ที่ไปโรงเรียนได้ แล้วชมผลงานลูกแต่ละวันแค่นี่ก็สู้ได้แล้วค่ะ สบายใจได้ว่า "ลูกเราต้องทำได้" แต่ แม่ต้องเก็บอารมณ์กังวลไว้ไม่ให้ลูกเห็นนะ ไม่งั้นลูกจะรู้สึกว่าโรงเรียนเนี่ยต้องน่ากลัวแน่เลย เพราะทุกครั้งที่จะไปโรงเรียนแม่ทำหน้ากังวลตลอด สรุป"แม่ก็ต้องทำได้" เหมือนกันค่ะ
ขอบคุณค่ะ ที่ให้คำแนะนำ
เดี่ยวนี้เริ่มไม่ร้องแล้วค่ะ
แต่วันจันทร์ทีไรร้องทุกทีเลยค่ะ
สงสัยหยุดเสาร์-อาทิตย์
แต่สู้ๆ ค่ะ