The Persuit of Happyness


ก้าวย่างไปสู่ความสุข
 ก้าวย่างไปสู่ความสุข

The Persuit of Happyness

Christopher Paul Gardner

(born February 9, 1954 in Milwaukee, Wisconsin)

 

วันหยุดนี้ผมได้มีโอกาสดูภาพยนตร์( จากDVD เพราะหนังลาโรงไประยะหนึ่งแล้ว

แต่ไม่มีโอกาสได้ดู ทั้งที่ตั้งใจจะดูให้ได้ แต่ก็พลาดโอกาส)

เนื้อเรื่องสร้างจากชีวิตจริงของ คริส การ์ดเนอร์

ที่บ่งบอกถึงความสำเร็จของชายคนหนึ่ง ซึ่งได้มาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ

บนความพยายามสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่รู้ว่าจากโชคชะตาหรือบททดสอบของฟากฟ้า

ผมดูแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่า หากเป็นเราจะไปได้สักแค่ไหนหนอ จะจบที่จุดไหนนะ?!?

     เรื่องย่อครับ

หนังฉายภาพชายผิวดำ(คริส)พร้อมลูกน้อย( เด็กชายอายุราว 4- 5 ขวบ)ชีวิตครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงิน จากอาชีพเซลล์แมน ขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ประสบผลสำเร็จทำให้สุดท้ายภรรยาก็แยกทางไป และคริสเต็มใจที่จะรับภาระเลี้ยงดูลูกชาย ทั้งที่ยังมองไม่เห็นอนาคตของตนเอง ตกต่ำสุดๆ ขนาดไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าที่พัก
ต้องไปอาศัยหลับนอนตามสถานสงเคราะห์ หรือแม้กระทั่ง ต้องเข้าไปนอนในห้องน้ำสาธารณะ
คริสแสวงหาโอกาส ทุกวิถีทาง เท่าที่ความสามารถของตนเองจะมี แม้ในแต่ละวันช่างง่อนแง่นเต็มทีจนได้รับโอกาสให้เข้าอบรมในฐานะ Imternship(ฝึกงาน) ที่บริษัทเงินทุนแห่งหนึ่ง ต่อสู้กับสิ่งต่างๆยาวนาน ต่อมาผ่านการทดสอบจากการแข่งกับคู่แข่งจำนวนมาก จนได้รับบรรจุเข้าทำงาน

ซึ่งผมวิเคราะห์ดูน่าจะเป็นจากพลังภายในที่แสดงออกมาให้เห็นเมื่อคนเรามี Struggle มากๆ

พลังภายในซึ่งผมคิดนี้ น่าจะตรงกับสิ่งที่ การ์ดเนอร์บอกลูกชาย

จงเชื่อมั่นว่าเราจะต้องทำได้

ไม่ต้องลังเลที่จะปฏิเสธคำพูดของผู้อื่น

ที่บอกกับเราว่า เราทำไม่ได้

จงตั้งใจจริงและลงมือทำ

ใช่เลยครับ ไม่ต้องลังเลนะครับ เราคือตัวเรา มุ่งมั่น พากเพียร ลงมือทำ

ผลสำเร็จอาจจะมากหรือน้อยแล้วแต่ใครจะตัดสิน(ช่าง!ใครเขา)

แต่เราก็สุขใจแล้ว จริงมะ!!!                                      

                    อย่าลืมไปหาหนังเรื่องนี้มาดูนะ                                                  

                                         สวัสดีครับ!!!                                      

                       Sirikasem Sirilak

                             May 7, 2007

หมายเลขบันทึก: 94892เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2007 00:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
จงเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำได้  นั่นสิค่ะ ถ้าเราเชื่อมั่นในตัวเราซะอย่าง อะไรคงง่ายและมีแรงใจขึ้นเยอะ
I haven't watched this movie yeat but heard lots of praises from critics. Now it's time to find a good movie to inspire my self.
Thank you!

ผลสำเร็จอาจจะมากหรือน้อยแล้วแต่ใครจะตัดสิน ถ้าเราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เราก็จะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น หากเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และเราสุขใจก็พอแล้ว

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ค่ะ        

อ่านแล้วได้คิด แล้วมีกำลังใจทำงานต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ

งานใดใดนั้น เราถือว่าเป็นโอกาสที่ได้ทำ คิดดีแล้วตั้งใจทำแล้ว ได้แค่ไหนจงภูมิใจว่าเราได้ทำ(ดี)แล้ว คำวิจารณ์ถือว่าเป็นแรงผลักดันให้พัฒนา หรือแก้ไข เป็นกำไรชีวิตเรา ผลงานมากน้อย ก็ยังดีที่ได้ทำ (ดีกว่าไม่ทำ ไม่เกิดผลงาน)

 คนที่ไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท