ด้วยรักบันดาล..นิทานสีขาว..


สิ่งใด ๆ ก็ตามในโลกนี้จะมีคุณค่าอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น

วันนี้ก็หานิทานจากหนังสือที่เป็นเรื่องเล่า ซึ่งได้เรียบเรียงโดย  สุพัตรา  แซ่ลิ่ม  มาฝากเพื่อน ๆ ชาว BLOG ไปอ่านกันเลยดีกว่า....

เรื่อง  คุณค่าของกล้วยหอม



          ณ บ้านน้อยในป่าใหญ่หลังหนึ่ง มีพ่อกับลูกชายวัยเก้าขวบที่เป็นใบ้อาศัยอยู่ด้วยกัน พ่อเป็นคนที่เคร่งครัดในศาสนามาก  ผู้เป็นพ่อจึงอยากให้ลูกชายมีการปฏิบัติเช่นเดียวกับตน  แต่เนื่องจากลูกชายของเขาเป็นใบ้ไม่สามารถออกเสียงสวดมนต์ได้  เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลยและรู้สึกไม่สมหวังในตัวลูกชายอยู่ลึก ๆ ...
          วันหนึ่ง หลังสวดมนต์ตอนเช้าเสร็จแล้วผู้เป็นพ่อได้เรียกลูกชายให้เข้ามาในห้องพระ แล้วยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้  พร้อมกัยบอกว่า
          "นี่ลูกเอ๋ย  เจ้าจงนำเงินนี้ไปเลือกซื้อกล้วยหอมที่งามที่สุดมาให้พ่อสักหวีหนึ่งนะ  พ่อจะนำมาทำพีธีบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตเรา.. จำไว้นะลูก  ต้องเลือกหวีที่ดีที่สุดเท่านั้น  และต้องกลับมาให้ทันก่อนเวลาพระอาทิตย์อยู่ตรงหัวด้วยล่ะ"  ผู้เป็นพ่อกำชับ  ซึ่งลูกชายก็พยักหน้ารับคำเป็นอย่างดี  แล้วออกจากบ้านไป
          เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่ายคล้อยแล้วลูกชายก็ยังไม่กลับมา  ผู้เป็นพ่อรู้สึกโมโหลูกชายเป็นอันมาก  หลังจากนั้นไม่นาน ลูกชายก็กลับมาถึงบ้าน  และทันทีที่เห็นหน้าลูกผู้เป็นพ่อตะคอกถามว่า
          "มัวไปเที่ยวเล่นที่ไหนจึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้  รู้ไหม..เพราะเจ้ามาช้าพ่อจึงต้องพลาดพิธีบูชาพระพุทธเจ้าในวันนี้ไป"
          และเมื่อมองไม่เห็นกล้วยหอมในมือลูกผู้เป็นลูก  เขาก็รู้สึกเขารู้สึกโมโหมากขึ้นอีก
          "ที่พ่อให้เงินเจ้าไปซื้อกล้วยหอม  เจ้าไม่ได้ทำอย่างนั้นเรอะ  อย่างนั้นก็จงเอาเงินของพ่อมาคืนเสียเดี๋ยวนี้"
          แต่ลูกชายไม่มีเงินคืนให้แก่พ่อของเขา  เขาส่ายหน้าและทำไม้ทำมือเพื่อจะสื่อสารอะไรบางอย่าง..
          ฝ่ายพ่อนั้น  แค่ได้รู้ว่าลูกไม่ได้ซื้อกล้วยหอมและไม่มีเงินกลับมาคืนก็โกรธจนขาดสติ  ด้วยคิดว่าลูกเอาเงินไปซื้อขนมจนหมดสิ้น  เขาจึงเงื้อไม้เรียวและกระหน่ำฟาดไปที่น่องของลูกอย่างแรง  เด็กชายได้รับความเจ็บปวดมาก  แต่เขาพูดไม่ได้ จึงได้แต่ส่งเสียงร้อง..ขอความเห็นใจจากผู้เป็นพ่อ  ซึ่งขณะนี้ไม่มีแก่ใจรับฟังเสียงเว้าวอนใด ๆ จากลูกชายทั้งสิ้น
          "เพราะเจ้าไม่สวดมนต์  เจ้าจึงกลายเป็นคนเลว  ลูกไม่รักดีเช่นเจ้า  สู้ไม่มีเสียจะดีกว่า"  ผู้เป็นพ่อว่า  พร้อมกับลงไม้เรียวบนน่องของบุตรชายต่อไปอย่างไม่ยั้ง
          ขณะนั้นเอง  มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น  ขายผู้เป็นพ่อจึงหยุดเฆี่ยนตีลูกชาย  แล้วเปิดประตูออกไปดู  พบหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่  แขนข้างหนึ่งของนางอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเอาไว้  ส่วนขนอีกข้างหนึ่งคล้องตะกร้าใบใหญ่ที่มีผ้าคลุมปิดของที่อยู่ข้างใน
          "นางมาเยือนบ้านข้าด้วยเหตุอันใดหรือ" ชายผู้เป็นพ่อถามอย่างแปลกใจ  เพราะเขาไม่เคยรู้จักหญิงคนนี้และลูกสาวของเธอมาก่อน
          "อย่างนั้นคงจะผิดบ้านแล้ว  เพราะข้าไม่เคยรู้จักนางหรือลูกของนางมาก่อน"  ชายผู้เป็นพ่อปฏิเสธ
          "หากท่านเป็นบิดาของบุตรชายใบ้ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา  ก็เห็นจะไม่ผิดหรอก"  นางตอบพร้อมกับแย้มรอยยิ้ม
          ชายผู้เป็นพ่อรู้สึกพิศวงมากที่หญิงนางนี้รู้จักกับลูกชายของเขา  เขาจึงสอบถามเรื่องรววทั้งหมดจากนาง  ซึ่งได้เล่าสิ่งที่เกิดแก่ตนเองในวันนี้ให้ฟังว่า..
          "ข้าเป็นหญิงม่ายต่างเมือง  เมื่อสามีข้าตาย  ข้าจึงต้องอุ้มลูกเดินทางรอนแรมเพื่อมาตามหาญาติทีเหลืออยึ่ในเมืองนี้  แต่กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลานานมาก  เงินที่ติดตัวมาก็ร่อยหรอ  ทำให้ข้าและลูกไม่มีอะไรกินมา 3 วันแล้ว"
          "ขณะที่เรายังตามหาญาติไม่เจอ และไม่มีเงินซื้อข้าวกิน  ก็เผอิญเห็นลูกชายของท่านเดินถือกล้วยหอมหวีงามผ่านมาพอดี  ลูกสาวของข้าทนความหิวไม่ไหววิ่งไปหาลูกชายท่านเพื่อจะขอกล้วยหอมกิน  แต่ยังไม่ทันจะวิ่งไปถึงลูกสาวของข้าก็หมดแรงล้มลงไปเสียก่อน  ข้าจึงรีบวิ่งตามลูกไป  แล้วก็หมดแรงล้มลงเช่นกัน ลูกชายของท่าเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาช่วยพวกเรา  แล้วส่งกล้วยหอมให้เราสองแม่ลูกกินทั้งหวี  นอกจากนั้นยังหาน้ำดื่มมาให้เราด้วย  หากไม่มีลูกของท่าน  เราคงหาชีวิตไม่แล้ว  ต้องขอบคุณลูกชายท่านมากจริง ๆ"
          กล่าวจบหญิงนางนี้ก็ส่งตะกร้าให้แก่ชายผู้เป็นพ่อ  แล้วจากไป..เมื่อเปิดผ้าคลุมออกดูพบว่าในตะกร้านั้นแต็มไปด้วยกล้วยหอมหวีงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต   นอกจากนั้นยังทำให้เขาฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างที่ตนเองไมเคยคิดมาก่อน  ชายผู้เป็นพ่อรีบกลับเข้าไปในบ้านและตรงเข้าสวมกอดลูกชาย  พร้อมทั้งพร่ำรำพรรณคำขอโทษต่าง ๆ นานา  เขากล่าวแก่ลูกชายอย่างสำนึกผิดว่า...
          "ลูกรักของพ่อ  อภัยให้พ่อที่โง่เขลาคนนี้ด้วยเถิด  พ่อนั้นคิดเสมอว่า  การสวดมนต์ด้วยเสียงอันดังจะทำให้พ่อเข้าถึงแก่นพระธรรมได้  นอกจากนั้น  การบูชาพระพุทธเจ้าด้วยกล้วยหอมอยู่เสมอก็จะทำให้พ่อได้รับแต่สิ่งดีดีในชีวิต  แต่พ่อคิดฉวบฉวยเกินไป  กล้วยหอมของลูกและของพ่อนั้นต่างคุณค่ากันมาก  กล้วยหอมของพ่อมีไว้เพื่อบูชาพระพุทธรูป  แต่แท้จริงแล้วพ่อทำไปเพื่อตัวเองทั้งนั้น  แต่กล้วยหอมของลูกนั้นมีคุณค่าถึงขนาดช่วยชีวิตผู้อืนให่รอดพ้นจากความตายได้เลยทีเดียว  และพ่อคิดว่าขณะนี้พระพุทธองค์คงกำลังให้พรในความเมตตากรุณาของลูกอยู่ก็เป็นได้.."


เล่าเรื่องโดย : ดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา


พระจันทร์สีน้ำเงิน..เติ้ล ตะวัน จารุจินดา..


          ฟ้าก็ฟ้าเดียวกัน  แต่จันทร์ดูคล้ายลำเอียง
ส่องแสงลงมาเพียงเสี้ยว  ฉันคนเดียวที่หมอกเมฆบัง
          ไม่เคยเห็นจันทร์ที่เขาชม  ไม่เคยสมใจสักครั้ง
ความรักที่เฝ้าใฝ่ฝัน  คนห่วงใยฉันไม่มี  ไม่มี
          ผิดที่ฉัน  หรือจันทร์ลืมฉันจริง ๆ
ทิ้งหัวใจ  ของคนที่มันอ้างว้าง
ไม่มีทาง  ได้เจอความรักใช่ไหม  ฮืมจันทร์
โปรดตอบฉัน  พระจันทร์สีน้ำเงิน
          ฟ้าก็ฟ้าเดียวกัน  แต่จันทร์ดูคล้ายลำเอียง
ส่งแสงลงมาเพียงเสี้ยว  ฉันคนเดียวที่หมอกเมฆบัง
          ไม่เคยเห็นจันทร์ที่เขาชม  ไม่เคยสมใจสักครั้ง
ความรักที่เฝ้าใฝ่ฝัน  คนห่วงใยฉันไม่มี  ไม่มี
          ผิดที่ฉัน  หรือจันทร์ลืมฉันจริง ๆ
ทิ้งหัวใจ  ของคนที่มันอ้างว้าง
ไม่มีทาง  ได้เจอความรักใช่ไหม  ฮืมจันทร์
โปรดตอบฉัน  พระจันทร์สีน้ำเงิน
          โปรดฟังฉัน  พระจันทร์สีน้ำเงิน
          ได้ยินไหม  พระจันทร์สีน้ำเงิน
          อืม..พระจันทร์สีน้ำเงิน..





 

หมายเลขบันทึก: 94889เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2007 23:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม 2013 08:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอบคุณสำหรับแง่คิดดีๆ ในเรื่องนี้ที่นำมาแบ่งปันนะคะ :)

ละมุนละไม และได้ข้อคิด ขออนุญาตนำไปเล่าต่อให้เด็กนักเรียนฟังตอนเปิดเทอมนะคะ ขอบคุณค่ะ

  • สวัสดีครับ
  • เป็นบันทึกยาวที่อ่านได้อย่างไม่รู้จบ  และไม่รู้เบื่อ
  • วิถีมิตรภาพและการแบ่งปัน  งดงามและยิ่งใหญ่หาใดปาน
  • วิถีชีวิตที่ฉาบฉวยและวิ่งเล่นอยู่แต่เฉพาะเปลือก  โดยไม่สามารถเข้าไปสู่แก่นเนื้อของชีวิตได้  ..ก็คือ การหลงผิด และหลงทาง
  • แต่บันทึกนี้เดินทางมาบอกกล่าวทางออกของชีวิตและแนวคิดของการดำเนินชีวิตได้อย่างน่าชื่นชม
  • ....
  • สิ่งใด ๆ ก็ตามในโลกนี้จะมีคุณค่าอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่น
  • ขอบคุณครับ
อ่านแล้วได้ข้อคิดที่ดีมากๆ เลยค่ะ เปรียบได้กับของบางสิ่งที่เหมือนกันแต่คนเรามองต่างกัน ต่างมุม ต่างความคิด อยู่ที่ว่าสถานการณ์ ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยตัดสินว่า เราจะเลือกทำอย่างไร หรือตัดสินใจอย่างไร
ขอบคุณ สำหรับข้อคิดของทุก ๆ ท่านนะคะ   
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท