กลัวว่าจะผิด


การพูดโดยมีข้อมูลน้อย และ ฟุ้งซ่านด้วยอัตตาของตน
แวบๆ เห็นการตอบกระทู้หลายอัน มักลงท้ายด้วย ใช่ไหมครับ ถูกไหมครับ อย่างนี้หรือเปล่า
ความคิดของผมหวนไปหาวันที่ได้พูดคุยกับผู้คนที่กาฬสินธุ์
เมื่อเปิดวงคุยกันว่า ในการทำงานพัฒนาองค์กรแบบนี้มีปัญหาอะไร
"มีปัญหาว่าไม่รู้ว่าที่เราทำไปเนี่ยมันผิดหรือถูก  ถ้าเป็นอย่างที่เคยทำ HA น่ะ เค้าจะบอกเลยว่าถูกหรือผิด "
ทุกอย่างมีปัญหาของมันนะ ผมว่า
ผมเนี่ยไม่ชอบ ที่ใครจะมาบอกว่าองค์กรไหนทำถูกหรือผิด ยิ่งเป็นเรื่องการพัฒนา
เพราะคนพูดรู้น้อยมากในองค์กรที่ตนเองได้เข้าไปดู แต่รู้มากในสิ่งที่ตัวเองพูด แล้วตัดสิน
โดยที่อาจไม่รู้ว่าที่พูด กับ ที่เป็นจริง มันสอดคล้อง หรือเป็นคนละเรื่องราว
ส่วนเรื่องนี้ เรื่องการประเมินแบบ TQA เมื่อการประเมินขึ้นอยู่กับบริบท ว่าทำได้สอดคล้อง และ เป็นไปร่วมกันหรือไม่
ผู้คนก็มีปัญหาเรื่อง ความกลัวว่าจะผิด
เรื่องนี้เป็น block ใหญ่มาก ในการดำเนินการพัฒนาองค์กร
ถามจริงๆ มีใครบอกเราถูกต้องหรือไม่ ว่าที่เราใช้ชีวิตมาแบบนี้ถูกหรือผิด
คำตอบอาจเป็น ใครจะไปตอบได้ ชีวิตใคร ก็ชีวิตมัน
ผ่านร้อนผ่านหนาวมา ไม่เท่ากัน มีรสนิยม มีกำพืดต่างกัน
ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าของชีวิต ว่าพอใจ หรือ มีข้อจำกัดอะไร ทำให้มีชีวิตเป็นแบบนี้
เช่นนั้นแล้ว ในกระบวนทัศน์ใหม่ องค์กร เปรียบเป็นสิ่งมีชีวิต
ซึ่งสะสมความรู้ ประสบการณ์ ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาด้วยกัน
มีความหมายที่ไม่เหมือนกัน
คนผ่านทางมา เหลียวดูหน้าบ้าน บังเอิญ เห็นแม่บ้านมีปากเสียงกับ พ่อบ้าน
สรุปเลย บ้านนี้ไม่มีความรัก ผัวเมียไม่รักกัน
ถูกหรือเปล่า 
การพูดโดยมีข้อมูลน้อย และ ฟุ้งซ่านด้วยอัตตาของตน
อาจเรียกอีกอย่างว่า พูดพล่อยๆ
การเป็นผู้ประเมิน ควรฟังความรอบข้าง อย่าไปฟันธง ณ ข้อมูลที่มี
ความระหว่างคำพูด บางสิ่งที่หายไป บางสิ่งที่มองไม่เห็น
รับรู้ถึงมันหรือเปล่า
น่าแปลก ที่บางทีคนเรา ก็รับเอาคำพูดพล่อยๆ ของคนอื่น มาตัดสินตัวเอง
ย้อนกลับมาตอบคำถามว่า
"มีปัญหาว่าไม่รู้ว่าที่เราทำไปเนี่ยมันผิดหรือถูก  ถ้าเป็นอย่างที่เคยทำ HA น่ะ เค้าจะบอกเลยว่าถูกหรือผิด "
ผมตอบว่า ถูกทุกข้อที่ถาม
อ้าวทำไมล่ะอาจารย์
ผมไม่รู้ว่าคุณผิดหรือเปล่า ประการที่หนึ่ง เพราะผมรู้น้อยมากเกี่้ยวกับองค์กรนี้ การดำเนินการพัฒนาตามแนวทาง TQA แก่นของมันคือ พัฒนาให้สอดคล้องกับบริบท และ ตัวคุณเอง มากกว่าให้เป็นไปตามการประเมิน 7 บท เรื่องนี้มีคนเข้าใจผิดกันเยอะมาก
ประการที่ สอง ถึงวันนี้แล้วคุณไม่ใช่เด็กอนุบาล ที่ทำการบ้านไป 1 ข้อ แล้วเหลียวมาถามว่าถูกหรือเปล่า ค่อยทำข้อต่อไป
ถึงกระนั้น เด็กอนุบาล เด็กประถม ก็จะทำไปให้เสร็จทุกข้อ แล้วค่อยดูเฉลย
มนุษย์เราเรียนรู้จากความผิดพลาด
แต่ถ้า เราไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวว่าจะผิด
ใช่หรือไม่ว่า เราก็ไม่อาจเรียนรู้อะไรเช่นกัน
เพราะฉะนั้น หนึ่งนั้นมันเป็นเรื่องของคุณ สองนั้นคุณทำถูกอยู่แล้ว ณ ขณะที่คุณทำเพราะคุณมีข้อมูล มีองค์ความรู้เท่าที่มีขณะนั้น แต่เมื่อทำไปแล้วคุณมีความรู้ใหม่ หรือ ผู้ประเมินสะท้อนภาพบางอย่าง(ขอเน้นว่าสะท้อน ไม่ใช่ตัดสิน เพราะการสะท้อน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้ประเมิน เปรียบดังคุณภาพของกระจกเงานั้นแล ว่าจะสะท้อนได้จริงมากน้อยเพียงใด :P)
เพิ่มเป็นข้อมูลใหม่ เราย่อมกลับไปปรับเปลี่ยนได้
เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์
ใครที่จะพยายามคงสภาพอะไรไว้ไม่ให้เปลี่ยน
ขอให้นึกถึงสัตว์ที่ถูกสต๊าฟไว้ และ ไม้ตายซาก
ผู้ใดที่พยายามให้องค์กรใดรักษาสภาพเดิมไว้โดยไม่เปลี่ยนแปลง
ขอแนะนำให้เปลี่ยนอาชีพ
เมื่อคุณไม่กลัวผิด คุณก็จะกล้าทดลองอะไรใหม่ๆ ที่คุณคิดว่าถูก
แต่ความไม่กลัวผิด ก็ต้องประกอบไปด้วย ความไม่กลัวอย่างอื่นด้วย
เช่น กลัวคนอื่นไม่พอใจ กลัวเจ้านายด่า กลัวเขาจะดูถูก
หากคุณทำด้วยความกลัวอย่างนั้น ผมขอบอกว่า คุณทำผิดแน่นอน
บางคนอาจบอกว่า
No pain No gain
สำหรับผม
No fear ,High gain
หมายเลขบันทึก: 93834เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2007 12:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

สวัสดีครับพี่หมอ..

  • ชอบบันทึกนี้มากครับ
  • สิ่งที่เข้าใจเพิ่มคือ  ผู้ประเมิน...กับคนที่ทำงานในองค์กร...   ความสัมพันธ์ของข้อมูล  ความเข้าใจของทั้งสองด้าน  แสดงออกมาด้วยความกล้าทำกล้าเปลี่ยนแปลงของผู้พัฒนาเอง  และการเป็นกระจกที่ดีของผู้ได้ชื่อว่าผู้ประเมิน
  • สำหรับตัวเองที่กำลังเดินบนเส้นทางของ HA อยู่นั้น  ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ดูหนักมากพอสมควรครับ  บางครั้งก็ท้อนิดๆ  แต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยากที่จำทำครับ  แต่ทำแบบเข้าใจ  แบบค่อยๆเป็นไป
  • ชอบประเด็นความมีชีวิตขององค์กรครับ  ในช่วงปีที่ผ่านมา  ตั้งแต่เริ่มได้ยินคำนี้  ก็เริ่มมองและคิดทบทวนใตร่ตรองดูว่าจริงๆแล้ว  องค์กรมันมีชีวิตจริงหรือไม่ เราจะเข้าใจความมีชีวิตของมันได้อย่างไร..  ตอนนี้ก็คิดว่าพอจะเข้าใจบ้างครับ  แต่ก็กำลังเรียนรู้มากขึ้นครับ
  • ตอนนี้อยู่ในองค์กร  ผมก็เป็นส่วนหนึ่งในนี้  เป็นหมอเล็กๆ  แต่สิ่งที่ผมพยามเรียนรู้อย่างหนึ่งคือ  การพัฒนาองค์กร  ทั้งเรื่องคนและงานครับ..
  • มือใหม่หัดเรียนรู้ครับ...

ยินดีที่ต้นกล้าใหม่แทงทะลุดิน ฝันของแผ่นดินต้องอาศัยคนรุ่นใหม่สานต่อ ที่น้องทำถูกแล้วครับ

เผชิญหน้ากับความกลัว แล้วจะเติบโตครับ

No pain No gain
สำหรับผม
No fear ,High gain

โอ้ ! เยี่ยมจริง ๆ

เสียดายที่หน่วยงานนำร่องรอบสอง ที่จะทำ PCA ไม่มีรพ.หมอจิ้นไม่อย่างนั้นได้ไปสุนทรียสนทนากันซะหน่อย

แต่ไม่เป็นไรโฉบไปแถวหน้าจะ post ประกาศล่วงหน้านะครับ 

น่านนะซี่! อยากเจอเหมือนกัน  ว่าแต่ว่า PCA มันอะไรง่ะ  ไม่ค่อยได้ยุ่งกับ HA มานานแว้ว

ความกลัวมันมีอยู่ทุกที่ทุกหน ทั้งที่มืดและที่สว่าง ถ้ามองเป็นเรื่องความดีก็จะบอกว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดีทั้งที่มืดและที่สว่าง แต่สำหรับการงานบอกไม่ถูกนะ คนเราบางครั้งกลัวแม้กระทั่ง "ใจ" ตนเอง ดังนั้นสิ่งแรกที่จะคิดหรือจะทำมักเริ่มต้นด้วย กล้ว..... กลัว..... สรุปแล้วบางครั้งก็ทำไปทั้งๆที่กลัว แต่ส่วนใหญ่จะไม่กล้าเพราะกลัว......... ตัวผมเองก็ไม่อยู่ในข้อยกเว้นนี้
โอว...น่าเห็นใจ...ทั้งผู้ประเมิน...และผู้ที่ถูกประเมิน...

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องบอกว่า...มันเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมครับ...ยอดเยี่ยมที่เราจะมีโอกาสได้เรียนรู้...เป็นบททดสอบชีวิตอีกบทหนึ่งครับ...บททดสอบนี้ผมก็ไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร...แต่ถ้าเราทำแบบทดสอบไม่ผ่าน...บททดสอบนี้ก็จะเวียนมาทดสอบเราไปเรื่อย ๆ...ทีนี้เราก็มีทางเลือกว่า...จะทำแบบทดสอบนี้ให้ผ่าน...หรือว่า...หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย...ก็ทำได้ทั้งนั้นครับ...

...องค์กร...ชีวิต...ไม่ต่างกัน...วงกลมอยู่นอก...สี่เหลี่ยมอยู่ในครับ...คุณหมอ...

...ใจเย็น ๆ...ทุกปัญหามีทางแก้ไข...ถ้าไม่มีทางแก้ไข...แสดงว่าไม่ใช่ปัญหา...

...
ขอบคุณครับ อ่านแล้วได้คิดครับ

ได้มีโอกาสอ่านบันทึกนี้เกิดความรู้สึกที่คล้ายๆจะโดนมาอย่างที่ท่านเจไดวฆ. คือที่ร.พ.ที่ผมอยู่นั้นผมก็รู้สึกว่า เป็นการพัฒนาบนพื้นฐานแห่งการทำลายความเชื่อมั่น คือยิ่งพัฒนาไปพัฒนาก็มีความมั่นใจในตัวเองลดลง  เหมือนกับการที่เพ่งมองหาที่พึ่ง มากกว่า ที่จะหาเอกลักษณ์แห่งตน บางคนก็พูดว่า เอที่ทำนี่จะถูกหรือเปล่า  ...โหยที่โน่นนะเขาทำอย่างนี้...

ที่นั่นเขาทำอย่างนี้....

ไม่ค่อยมีใครถามว่าแล้วที่เราจะเอายังไง มีแต่ก่นด่าตัวเราเอง

เหมือนแบบว่าออกจากร.ร.มาแล้วคราวนี้ร.ร.ก็ตามมารังควานพวกเราอีก

ผมเคยโดนผู้มาประเมินบอกว่าเนี่ยเหรอไอซียู  เคยถูกผู้มาประเมินโยนเอกสารใส่โต๊ะตรงหน้าแล้วก็บอกว่าที่ไหนก็เขียนได้

บางทีก็เกิดความรู้สึกว่าไม่ทำก็ไม่ตายจะเพิ่มเงินอะไรก็ไม่สน...

ผมเขียนตอนแรงบันดาลใจใกล้หมดจริงจริงครับ

 

ขออภัย สังฆะทุกท่านที่เข้ามาตอบช้า เพราะช่วงนี้ต้องรอนแรม นอกบ้านบ่อยมาก

น้องสมคบครับ (น่าจะเป็นรุ่นน้องผมนะ) อย่าหมดกำลังใจเพราะคนไม่สำคัญเลย ผมเข้าใจเองว่าน้องทำเรื่องคุณภาพ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนไข้และตัวน้องเอง นั่นคือเป้าหมายในการทำคุณภาพ ไม่ได้เป็นไปเพื่อทำให้คนหลงอัตตาบางคนพอใจ กับคนที่ผ่านมาช่วงครั้งช่วงคราว ไม่รู้สึกรู้สมกับความเหนื่อยยากของเรา ผมคิดว่า อย่าให้ความสำคัญกับเขามากนักเลย น้องอย่าแคร์เรื่องการได้รับการรับรองมากนัก เพราะคนที่มาเขายังไม่ได้รับการรับรองจากใครเลย เขาติดในสิ่งที่ถูกคนอุปโลกภ์มาอีกที แต่ขอเราอย่าหยุดทำดีเพราะลมปากคนหาความหมายของตัวเองไม่ได้ จึงต้องหาความหมายจากการทำให้ตัวเองสำคัญจากการข่มขู่ และทำให้คนอื่นกลัว หากไม่มีเรื่องเหล่านี้ คิดว่าคำพูดเขาจะมีความหมายหรือเปล่า

เมื่อวานไปดูเรื่อง เชร็ค 3 มีคำพูดประโยคหนึ่งซึ่งเป็นแก่นของเรื่อง ขอเอาเล่าเพื่อให้กำลังใจน้องนะครับ

"แม้ว่าคนอื่นเขาจะว่าเรา แย่ ไม่ดี กระจอก แหย อย่างไร แต่เราไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นอย่างที่เขาว่า เราเลือกได้ว่าจะทำในสิ่งที่เราเชื่อ และฝันถึง และเรารู้ตัวว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่ใครคนอื่นเขาว่า"

หลังจากนี้อีก 5 วัน หากประเทศนี้โชคดี น่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในองค์์การที่ทำหน้าที่พัฒนาคุณภาพ เพราะผมเชื่อในความดีของมนุษย์ 

สำหรับท่านอื่นๆขอบคุณที่เข้ามา comment นะครับถือว่าให้กำลังใจกันครับ 

ท่าน เจได วฆ เล่นมุขให้ติดตามอีก 5 วันก็รอมาจนถึง 8 วัน ยังไม่เอื้อนเอ่ยเป็นเพราะเหตุใดกันเล่า วานท่านบอก

หลังจากอ่านของพี่ ว.ฆ. ผมก็เริ่มมองดูตนเองอีกครั้ง กลับมามีหนทางที่จะดำเนินต่อ หาวิธีใหม่ในเส้นทางเดิม ...มีคนทักว่าเห็นหมอวันนี้แล้วดีใจ ผมถามว่าทำไม เขาตอบว่า ก็รู้สึกหมอกลับมามีชีวิตแล้ว

ผมเริ่มคลี่คลายความขัดแย้งกับผู้คน

ผมแอบเอาวลีของพี่ว.ฆ.เกี่ยวกับหนังเรื่องเชร็ค3ไปลงในจุลสาร ในม่านหมอก ฉบับเดือนที่ผ่านมา ของร.พ.

ต้องขอบคุณมาอีกครั้งครับ

 

นายวรชาติ กาฬสินธุ์

ได้ คิด ตั้ง หลัก ทุก ครั้งที่ เปิด วง เสวนา หรือ อ่าน บทความของ คุณหมอ

ซึ่ง บางครั้ง ได้รับการ กระตุ้น กระตุก ความคิด ดี ครับ

ผมว่า น่า จะเป็น สีสรร ของ การพัฒนา จาก เดิม สู่ สิ่ง ใหม่ ๆ ครับ

ใช่ว่า จะ ดี หรือ เหมาะสม กับ บริบท ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท