เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2550 ดิฉันได้มีโอกาสไปร่วมเรียนรู้และร่วมจัดกระบวนการถ่ายทอดความรู้เรื่อง “การตรวจวิเคราะห์ดิน-ปุ๋ย” ให้กับเกษตรกร จำนวน 38 กลุ่ม และเจ้าหน้าที่ จำนวน 6 จังหวัด ที่ทำนาข้าวในเขตชลประทานภาคกลาง ณ ศูนย์บริหารศัตรูพืช จังหวัดสุพรรณบุรี
การเรียนการสอนดังกล่าวได้มีผู้เชี่ยวชาญคือ ศ.ดร. ทัศนีย์ ซึ่งเป็นเจ้าของและต้นตำหรับของชุดตรวจสอบดิน-ปุ๋ย เพื่อหาค่า PH และธาตุอาหารในดินมาเป็นวิทยากรสาธิตและลงมือสอนเกษตรกรด้วยตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ในส่วนกลางและเจ้าหน้าที่จังหวัดและอำเภอมาเป็นนักเรียนด้วย
เนื้อหาสาระที่เกิดขึ้นนั้น ดิฉันได้ค้นหาและสืบเสาะมาเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อพัฒนาตนเองและอยากเจออยากเรียนและอยากพบกับ “ผู้รู้จริง” จนมาถึงวันนี้ได้มีสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ๆ และเกษตรกรสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพราะถ้าการทำอาชีพการเกษตร ไม่ว่าจะปลูกส้ม ทำนาข้าว ปลูกผัก หรือปลูกพืชชนิดใดก็ตามถ้าเกษตรกรเข้าใจว่า “ทำไมต้องตรวจวิเคราะห์ดิน...ทำไมต้องรู้ค่า N P K ในดิน...และทำไมต้องใส่ปุ๋ยเท่านั้นเท่านี้ให้กับพืช” ก็ย่อมทำให้ได้คำตอบต่าง ๆ ของการส่งเสริมอาชีพการเกษตรของเจ้าหน้าที่กับเกษตรกร และสามารถลดต้นทุนการทำนาข้าวได้ร้อยละ 20 ได้ ถ้าเกษตรกรใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำและใส่อย่างถูกต้อง ฉะนั้น จึงเป็นที่มาของความสำคัญของการเรียนรู้เรื่อง การตรวจวิเคราะห์ดิน-ปุ๋ย
การจัดการเรียนการสอนที่เกิดขึ้น ได้จัดชั้นเรียนเป็นกลุ่ม ๆ ละ 7-10 คน (แบ่งเป็น 13 กลุ่ม) มีวิทยากรหลัก (อธิบายประกอบการสาธิต) มีวิทยากรผู้ช่วย (แปลและสื่อสารหรือเน้นย้ำ) และมีวิทยากรประจำกลุ่ม (ควบคุมกำกับและตรวจสอบการปฏิบัติ และเป็นพี่เลี้ยง)
ส่วน การจัดกระบวนการเรียนรู้มี 3 องค์ประกอบหลัก คือ
1) นำเข้าสู่เรื่อง โดยเชื่อมโยงความสำคัญของการตรวจวิเคราะห์ดิน-ปุ๋ย กับการทำนาข้าวของเกษตรกรสู่การลดต้นทุนการผลิตได้อย่างไร?
2) การถ่ายทอดเนื้อหาสาระ โดยอธิบายประกอบการสาธิตทีละขั้นตอน ๆ กับเนื้อหาสาระของการทดสอบเพื่อหาค่า N P K กับ “ตัวอย่างดิน” ที่เกษตรกรเก็บมา แล้วนำผลที่ได้มาเทียบกับเกณฑ์เพื่อสรุปเป็นสูตรปุ๋ยและอัตราที่แนะนำให้ใช้กับชุดดินต่าง ๆ ในแปลงนาข้าวของเกษตรกร
3) การประเมินและสรุปผล โดยให้เกษตรกรแต่ละกลุ่มตรวจวิเคราะห์ดิน-ปุ๋ย ด้วยตนเอง (ทำซ้ำ) แล้วนำผล N P K ที่ค้นพบมานำเสนอเพื่อตรวจสอบคำตอบที่ถูกต้อง (ถูก/ไม่ถูก , ใช่/ไม่ใช่) นอกจากนี้เกษตรกรยังทำแบบทดสอบเป็นรายบุคคลเพื่อค้นหาคำตอบตามโจทย์ที่กำหนดให้คือ ปุ๋ยที่แนะนำให้ใช้ควรเป็นสูตรอะไร?/อัตราเท่าไหร่? ผลปรากฎว่า เกษตรกรชอบมาก ตั้งใจค้นหาคำตอบโดยเทียบกับเกณฑ์ตามคู่มือแนะนำปุ๋ย และไม่ยอมพักรับประทานอาหาว่างและเครื่องดื่มกันจนกว่าจะหาคำตอบได้ หลังจากนั้นเมื่อทำเสร็จแล้วก็มีการตรวจคำตอบโดยให้เกษตรกรเป็นผู้ตรวจคำตอบเองตามที่วิทยากรผู้ช่วยเฉลย (ถาม-ตอบ) จึงสร้างความสนุกสนานได้มาก
ฉะนั้น การจัดชั้นเรียนในเนื้อหาสาระที่ตรงความต้องการ เป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ไม่รู้ เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นกับอาชีพการเกษตรแต่นึกไม่ถึง และเป็นเรื่องที่ได้ลงมือทำจริง “ผู้ใหญ่” ก็อยากเรียนรู้ สนใจ และเกิดความเชื่อและยอมรับเทคโนโลยีได้
ส่วนการสรุปผลการทดลองลดต้นทุนการผลิตข้าว ร้อยละ 20 ที่มาจากการใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำนั้นจะเป็นอย่างไร... เราจะมาสรุปบทเรียนและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันระหว่าง 38 กลุ่ม ที่ทำนาข้าวใน 6 จังหวัดที่อยู่ในเขตชลประทานภาคกลาง ในเดือนสิงหาคม 2550.
ใครชอบธุรกิจการเกษตร...ชมนี้ครับ......http://www.youdo111.blogspot.com