วันจันทร์ที่ผ่านมา นี้ได้รับบทวิทยากรอีกครั้งเพื่อบรรยาย เรื่อง Blog กับ KM ในงานที่คณะแพทย์เป็นผู้จัด ในบรรดาวิทยากรซึ่งเป็นบุคลากรของคณะแพทย์ทั้งหมด ตัวเองเป็นคนที่ “อ่อน” ที่สุดในทุกๆด้าน
ส่วนเอกสารที่ส่งให้ผู้ประสานงานเพื่อแจกให้ผู้เข้าร่วมประชุมนั้นไม่ใช่สไลด์จากไฟล์ PowerPoint เพราะรู้สึกว่าสไลด์ที่ทำนั้น เพื่อการนำเสนอแบบเคลื่อนไหว เมื่อพิมพ์ออกมาเป็นแผ่นจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เสียดายกระดาษนะคะ เพราะผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ มีถึงประมาณ 500 ท่าน ก็เลยเลือกบันทึกในบล็อกที่่เสริมกับสิ่งที่พูด เอามาใส่ไฟล์ให้ 5 บันทึกคือ
บทบาทของคนทำงานทุกคน สำหรับการผลักดัน KM ในองค์กร
ทำไมเราต้องสนใจการจัดการความรู้เพื่อบ้านเมืองไทยของเรา
GotoKnow เป็นคลังความรู้ได้จริงหรือ และอย่างไร (1)
GotoKnow เป็นคลังความรู้ได้จริงหรือ และอย่างไร (2)
GotoKnow เป็นคลังความรู้ได้จริงหรือ และอย่างไร (3)
ตัวเองพูดในช่วงบ่าย แต่ก็อยากฟังท่านอื่นๆบรรยายด้วย เพราะตั้งแต่ทำอะไรเกี่ยวกับ KM มายังไม่เคยฟังการบรรยายเป็นเรื่องเป็นราวสักที ส่วนมากได้มาจากการอ่านหนังสือ และอ่านผ่านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น จึงไปนั่งร่วมฟังอยู่ด้วยทุก session ได้รับรู้ว่าเราก็อ่านมาเยอะใช้ได้แล้วค่ะ
สิ่งที่ประทับใจ 2 เรื่องที่อยากเก็บมาเผื่อแผ่ชาว GotoKnow ก็คือ เรื่องแรกเป็นวิธีการนำเสนอของอ.หมอพิเชฐ ประทับใจว่าท่านเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆของนักพูดมืออาชีพ อยากให้ท่านมาเขียนบล็อกเล่าถึงวิธีการที่ท่านใช้ในการเตรียมตัว เตรียมเรื่อง เตรียมสไลด์จังเลย ประทับใจตัวอย่างเรื่องเล่าที่ท่านยกมาแสดงถึง Tacit Knowledge และ Explicit Knowledge มาก ท่านใช้เหตุการณ์คลื่นยักษ์ Tsunami มาเป็นตัวอย่าง โดยใช้ภาพดารานักร้องที่ไปเยี่ยมชาวมอแกนที่ภูเก็ตในวันที่เกิดเหตุ แล้วพบว่าวันนั้นชาวมอแกนไม่ยอมอยู่บนบ้าน นั่งดูน้ำอยู่ด้านล่าง ในขณะที่ดาราทั้งคู่ก็ถ่ายรูปอยู่บนบ้านด้วยความแปลกใจว่า ทำไมชาวมอแกนไม่มีใครอยู่บนบ้านเลย แล้วพอน้ำหายไปจากทะเล ก่อนที่คลื่นยักษ์จะมานั้น ผู้เฒ่าชาวมอแกนผู้ซึ่งมีประสบการณ์ความรู้เรื่องคลื่นยักษ์ โดยรู้จักในรูปของผีทะเล ที่หากกินน้ำเข้าไปหมดทะเล จะพ่นน้ำกลับมาเป็นคลื่นยักษ์ จึงพากันหนีจากตรงนั้นขึ้นสู่ที่สูง ทำให้ผู้คนรวมทั้งดาราทั้งคู่รอดตายไปได้ นี่คือ TK ที่ผู้เฒ่าชาวมอแกนสะสมมา ส่วนอีกเรื่องเป็นเรื่องของหนูน้อย Tilly Smith ที่ได้รับฉายาว่า Angel of the beach เพราะเธอก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เมื่อเห็นน้ำหายไปจากทะเล เธอก็เตือนผู้คนว่าเดี๋ยวจะมีคลื่นยักษ์ Tsunami ทำให้ช่วยชีวิตผู้คนได้มากมาย ซึ่งความรู้นี้เป็น Explicit Knowledgeที่เธอได้มาจากการเรียนวิชาภูมิศาสตร์ที่คุณครูสอนนั่นเอง นอกจากนั้นระหว่างบรรยายท่านจะมีนิทาน มีเพลงเสริมกับเรื่องที่พูด ทำให้เข้าใจง่ายและสนุกสนานตลอดเวลา
อีกเรื่องที่ประทับใจเป็นสมการของความทุกข์ สูตรของหมอพิเชฐ ที่อยู่ในชีต “ทำงานอย่างไรให้เป็นสุข” ที่แจกมาในกองเอกสารมากมายของงาน 2 วันนี้
โดยมีว่า ให้ U = ความทุกข์ (Unhappiness)
R = ความจริงที่ได้ (Reality)
E = ความคาดหวัง (Expectation)
S = ความสำคัญ (Significant)
จะได้สมการความทุกข์ว่า U = (E-R) * Sนั่นคือ หากต้องการให้ทุกข์เป็นศูนย์ (ไม่มีเลย) ต้องให้ E = 0 คือไม่ตั้งความหวังไว้เลย ได้แค่ไหนจริงๆ (R = เท่าไหร่ก็ได้) ก็ยอมรับได้หมด ส่วน S = 0 ก็คือเรื่องนั้นไม่มีความสำคัญใดๆกับตัวเราเลย หรือให้ความสำคัญน้อยๆ (S มีค่าต่ำมากใกล้เคียง 0)
เพราะฉะนั้น หากไม่อยากให้ทุกข์มาก ก็ต้องพยายามทำให้ U ในสมการนี้มีค่าใกล้เคียง 0 ที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขอให้ทุกท่าน มี U ที่เข้าใกล้ 0 ที่สุดนะคะ