ทางเดินชีวิตของคนแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกัน แต่ต่างก็มีจุดหมายปลายทางที่คล้ายๆกัน คือ “การได้ก้าวไปยังฝั่งฝันของตนเอง” <h3> <h3 style="margin: 12pt 0cm 3pt"> </h3> <h2 style="margin: 12pt 0cm 3pt"> เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 เม.ย. 50) ผู้เขียน ได้ไปพบแพทย์หลังจากที่ไม่ได้ไปตามนัด 3 เดือนมาแล้ว การพบแพทย์ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะคำตอบที่เราได้ยินนั้นมันทำให้ ณ วินาทีนั้นเหมือนใจมันจะสลาย ความฝัน ความหวังที่มันมีอยู่ เหมือนมันกำลังจะมึดลง แต่เราต้องฝืนยิ้ม พยายามบอกตัวเองว่าถ้าเราอดทน เราไม่ยอมแพ้ ถ้าเราดูแลตัวเองดีๆ สิ่งที่หมอบอกมันคงยังไม่เกิดขึ้น </h2> <h2 style="margin: 12pt 0cm 3pt; text-align: justify"> ยอมรับว่าหลังจากออกจากห้องตรวจ ใจมันท้อ เพราะหมอบอกว่า “หลังจากวันนี้อีกปีเศษๆยังไงคุณก็ต้องฟอกเลือด” เสียงนี้มันดังก้องอยู่ในหูเราตลอดเวลา คืนนั้นทั้งคืนใจมันคิดว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปดีกับชีวิต กับเวลาที่เหลืออยู่ เพราะการฟอกเลือดนั้นค่าใช้จ่ายสูงมาก </h2> <h2 style="margin: 12pt 0cm 3pt; text-align: justify"> ยิ่งคิดยิ่งสับสน ยิ่งคิดยิ่งท้อ พยายามบอกตัวเองว่าอย่ากลัว ในสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น พรุ่งนี้อาจจะดีกว่าวันนี้ก็ได้พยายามดึงสติกลับมาและนึกถึงแต่สิ่งที่ดี รวบรวมพลังใจให้กลับคืนมา และในวันรุ่งขึ้นผลสอบเรียนต่อที่ม.รามคำแหงก็ออกพอดี ผลปรากฎว่าเราได้เรียนต่อปริญญาโท สาขาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ ม.รามคำแหง สมดังที่เราฝันไว้ </h2> <h2 style="margin: 12pt 0cm 3pt; text-align: justify"> แต่ความดีใจนั้นยังไม่ทันจางหาย ความสับสนเริ่มเข้ามาอีกครั้ง เราเหลือเวลา อีกปีเศษๆ แล้วเราจะเรียนจบไหม? คำถามนี้วันวนเวียนอยู่ในความคิดของเราอยู่หลายวัน ในแต่ที่สุด เราก็หาคำตอบให้กับด้วยเองได้ ด้วยการใช้สติ เราตัดสินใจไปปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่เพื่อเรียนต่อที่ม.รามคำแหงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา </h2> <h2 style="margin: 12pt 0cm 3pt; text-align: justify"> เราไม่สามารถกำหนดชีวิตในวันพรุ่งนี้ได้ แต่เราสามารถกำหนดการดำเนินชีวิตของเราในวันนี้ได้ ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นเราจะยอมรับมัน ขอแค่วันนี้เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับความฝัน และความหวัง ก้าวเดินไปด้วยหัวใจที่คงมั่นและใช้สติในการดำเนินชีวิต </h2> <h2 style="margin: 12pt 0cm 3pt; text-align: justify"> แม้วันพรุ่งนี้เราจะก้าวไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่เราก็ดีใจที่วันนี้เราได้ตัดสินใจก้าวไปสู่ฝั่งฝัน แม้ระหว่างทางเดินเราจะต้องใช้ความมานะพยายาม และความอดทนมากกว่าคนอื่นก็ตาม เราสัญญากับตัวเองว่า จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยหัวใจและสติที่คงมั่น </h2> <h2 style="margin: 12pt 0cm 3pt; text-align: justify"> วันพรุ่งนี้ของเราจะอาจมีน้อยกว่าคนอื่น แต่เราก็ดีใจที่เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุด กับเวลาและชีวิตที่เหลืออยู่ </h2> <h2 style="margin: 12pt 0cm 3pt; text-align: center" align="center"> “ขอบคุณชะตาที่ชีวิตที่สอนให้เรารู้จักการใช้ชีวิต” </h2> <h1 style="margin: auto 0cm; text-align: justify"><div style="text-align: center"></div> <div style="text-align: center"></div></h1> </h3><p></p>
Fright!!!!!! FriGHt !!!!
I still with you every time
so good
พี่เข้มแข็งดีจังเลยค่ะ...เพราะสุดท้ายแล้วการมีสติจะช่วยคลี่คลายความเจ็บปวดทุกอย่างให้จางลงไปเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นล่องรอยความเจ็บปวด..
หนูเข้าใความรู้สึกของนาทีที่แสนทรมานนั้นดี การนั่งรอหมออยู่หน้าห้องเพื่อฟังคำตัดสินชี้ชะตาชีวิตมันชั่งเหมือนความทุกข์ของคนทั้งโลกมาสุ่มอยู่ที่เราคนเดี่ยว วินาทีนั้นต่อให้ใครเอาเงินมาให้กองเท่าภูเขาก็ไม่อยากได้ ขออย่างเดียวอย่าให้ฉันเป็นอะไรร้ายแรงเลย
แต่ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องยอมรับมันให้ได้ ควบคุมสติไว้ให้มั่นแล้วเดินหน้าสู้ต่อไป ด้วยกำลังใจที่เราสร้างเองและจากคนรอบข้าง
ความร้ายแรงของโรคของพี่กับหนูคงไม่แตกต่างกันมาก ตอนนี้เหมือนเด็กเพิ่มเกิดใหม่ได้ 2 ขวบ ทั้งที่อยู่มานานตั้ง 31 ปี ไม่มีแต่พี่คนเดี่ยวหรอกนะคะที่เป็นในสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเป็น คิดในแง่ดีสิ่งที่เราเป็นคือกำไรชีวิตเป็นแบบฝึกชีวิตให้เราต่อสู่....สู่อย่างมีสติ
เป็นกำลังใจให้นะคะพยายามเดินทางไปให้ถึงฝันของตนเอง แม้ว่าเราจะล้มกลางทางก็ดีกว่าไม่ได้เริ่มแม้แต่ก้าวแรกของฝัน ...สู้ไปพร้อม ๆ กันนะคะ :)
ขอเป็นกำลังใจให้สู่ต่อไป จิตใจที่เข้มแข็งจะให้เราสามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้ เอาใจช่วยนะ
เพื่อน สู้ สู้ นะ เป็นกำลังใจให้กันและกัน
โลกนี้ไม่เคยโหดร้ายกับคนดี
สู้ สู้ สู้ตาย สู้ตาย สู้ สู้
เป็นกำลังใจให้พี่นะ .. เรื่องของพี่เป็นกำลังใจให้น้องได้มากมายเลย.. ขอบคุณพี่มากมาย ที่สอนให้น้องรู้จักคุณค่าของชีวิต
เฮ้อย รักเพื่อนเสมอ เป็นกำลังใจให้เพื่อนต่อสู้......กับอุปสรรคทั้งปวง
สู้ต่อไปนะคะ ชีวิต ต้องสู้
เพราะเราต้องสู้กับตัวเราเอง
อย่ายอมแพ้นะ
เอาใจช่วยคะ
หมูน้อย
ขอแนะนำให้แมวรักษาสุขภาพ นะ
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังนาน ๆ จะเกิดอาการเครียด ทำให้เกิดภาวะขาดอาหารได้ เพราะผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหาร กินอาหารได้น้อยลงมีอาการบวม เนื่องจากอาการคั่งของของเสียในร่างกายมากขึ้น
ฉะนั้น น้ำหนักตัวของผู้ป่วยในระยะนี้จะมากขึ้น ทำให้ร่างกายมีน้ำหนักไม่คงที่
ดังนั้นการคำนวณหาน้ำหนักตัวที่แท้จริงของผู้ป่วย โดยวิธีง่าย ๆ คือ ชาย – ความสูงเป็นเซนติเมตร – 100 x 0.9 หญิง – ความสูงเป็นเซนติเมตร – 100 x 0.8 ผู้ป่วยหญิง 155 เซนติเมตร น้ำหนักตัวมาตรฐาน ควรเป็น 155-100 X 0.8 = 44 กิโลกรัม |
รายละเอียดเข้าเว็บ
http://www.elib-online.com/doctors/med_kidney.html
เป็นห่วงจาก...หมูน้อย
มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกนี้ ถูกตั้งโปรแกรมชีวิตไว้ว่า "เมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการแล้วจึงเป็นสุข" ตั้งกะเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ สันนิษฐานว่าตั้งแต่มนุษย์เริ่มมองจักรวาลนี้เป็นนาฬิกาไขลาน...เราก็เลยเชื่อตาม ๆ กันมา
ผมก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนมนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกนี้...ยังจำได้ว่า...ห้วงเวลาที่ได้สวมครุยขีดเดียวนี่...มันช่างสุขดีแท้...แต่ก็สุขแป๊บเดียว...ความอยากสวมครุยสองขีดก็วิ่งเข้ามาในหัว...นี่ถ้าเราได้สวมครุยสองขีด คงจะสุขกว่านี้อีกเยอะเลย...ต้องตะเกียกตะกายไปไขว่คว้ามาเป็นเจ้าของ..พร้อมกับความสุขเล็ก ๆ ในวันได้สวมครุยสองขีด...แต่แล้วความสุขก็อยู่กับเราชั่วคราว...ความต้องการใหม่ผุดขึ้นอีกแล้ว...ถ้าได้ครุยสามขีดมันคงเจ๋งไม่เบา...อ้าว...วิ่งไล่ล่าอีกแล้ว.....เหนือยยยย.....มากกกกก....
มนุษย์เราถูกโปรแกรมไว้อย่างนี้...แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่ามนุษย์เรามีทางเลือกอยู่อีกทางหนึ่ง....คือ...เป็นสุขเดี๋ยวนี้เลย...ไม่ต้องรอให้ได้สิ่งที่ต้องการ...ครั้งแรกที่ผมได้รู้จักทางเลือกนี้...ความคิดที่ผุดขึ้นในบัดนั้น (นี่ก็เป็นผลผลิตหนึ่งของการถูกโปรแกรมคือ อาศัยความคิดเป็นที่พักพิงของชีวิต) คนพูดนี่คงพูดเล่นแน่ ๆ เลย...
ผมทำแบบฝึกหัดหลายอย่าง...กว่าจะพิสูจน์ให้ประจักษ์แก่ใจตนเองว่า..."มนุษย์เราเป็นสุขได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้โดยไม่ต้องรอให้ได้สิ่งที่อยากได้" ยิ่งไปกว่านั้น...เมื่อเราเป็นสุขแล้ว...สิ่งที่ต้องการจะหลั่งไหลมาโดยไม่ต้องเรียกร้อง...มันอัศจรรย์เหมือนกับว่า..."อัศจรรย์ใจหม้อนกินแต่มอน ยังรู้เยี่ยว...อัศจรรย์ไก่บักโจ้นกินน้ำเยี่ยวบ่เป็น" (ออกสำเนียงอิสานบ้านผมจะได้ความรู้สึกจริง ๆ ครับ)
บทสนทนานี้...ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อให้ลืมความทุกข์ครับ...แต่เพื่อให้เห็นทุกข์...เพราะธรรมชาติจริง ๆ ของชีวิตคือ "ทุกข์" นี่ไม่ใช่ให้มองโลกในแง่ร้ายนะครับ...แต่ความทุกข์มันเป็นเรื่องธรรมดา...เหมือนกับพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกแล้วก็ตกทางทิศตะวันตกฉะนั้น...นี่เพราะเราไม่รู้...ก็เลยทุรนทุรายกับพระอาทิตย์ขึ้นและตก...สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่มนุษย์วิ่งไล่ล่า...ก็เพื่อให้หลงลืมทุกข์ครับ...ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง...เขาต้องการให้ได้มาเพื่อให้ลืมทุกข์ครับ...ไม่ใช่ทางดับทุกข์...ปริญญานั่นก็ด้วย
เราถูกสอนโดยการศึกษาแบบตะวันตกว่า...ทำอย่างไรจึงจะไม่ตาย...เพื่อจะได้ไม่ต้องทุกข์...แต่คำถามที่สอดคล้องกับธรรมชาติคือ...ทำอย่างไรจะไม่เกิดต่างหาก...จึงจะเป็นการดับทุกข์ที่ต้นเหตุจริง ๆ...
...เราวิ่งไลล่าสิ่งต่าง ๆ มาบริโภคเพื่อให้หลงลืมทุกข์...เราต้องลงทุนไปมากมาย...ทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพทางจิตวิญญาณ...มนุษย์จะยอมเสียทุกข์อย่างเพื่อให้ได้สิ่งบรรเทาทุกข์...แม้กระทั่งยอมขายจิตวิญญาณให้ปีศาจ...หรือว่าจะลงทุนเพียงน้อยนิดกับ "สติ" เพื่อการดับทุกข์ที่แท้จริง...เพราะความสุขเป็นสิ่งที่อยู่กับเราตลอด...เหมือนเทียนที่เปล่งแสงอยู่ตลอด...เพียงแต่เราเอาผ้าคลุมแห่งความไม่รู้ออกไป...แสงสว่างแห่งความสุขก็จะเจิดจ้าขึ้นในบัดดล..
...ยินดีด้วย...คุณมาถูกทางแล้ว...ที่ใช้ "สติ" เป็นเครื่องนำทาง...หากยังไม่กล้าแข็ง...ก็หาราวเกาะที่มั่นคง...ราวเกาะที่ตรงกับจริต...เมื่อกล้าแข็งแล้ว...จะเดินโดยปราศจากราวเกาะไปท่ามกลางพายุก็ไม่หวั่นไหว...เส้นทางสายนี้ไม่มีทางลัด...โกงก็ไม่ได้...ปัญหาอุปสรรค...คือแบบฝึกหัดที่ต้องทำจนกว่าจะผ่าน...จะโอดครวญเพื่อให้ผ่าน...หรือจ้างคนอื่นทำแทนเหมือน "วิทยานิพนธ์" นั้นทำไม่ได้...กัลญาณมิตร...ทำได้มากที่สุดแค่บอก...การลงมือทำเป็นของผู้เดินทางเอง...
...เมื่อเรากล้าแข็งดุจอูฐผู้มีความอดทนที่เดินฝ่าทะเลทรายโดยไม่หวาดหวั่น...ความกล้าหาญแห่งสิงห์โตจะขจัดความกลัวออกไปหัวใจเรา...เมื่อไร้ซึ่งความกล้าหาญ...เราจะกลับไปเป็นเด็กที่มีแต่ความสุขอีกครั้ง...นั่นแล...เส้นทานเดินสายนี้...สายแห่งสติ...
โปรดเชื่อในความรักของเรา...มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งมีให้...แล้วส่งมอบความรักนั้นออกไปแก่ผู้อื่น...เป็นแบบฝึกหัดแรกที่จะทำให้ผู้อ่อนแอทั้งหลาย...หลายเป็นอูฐผู้หนักแน่น...
....
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ เวลาที่เหลืออยู่เราสามารถใช้มันให้คุ้มค่า และมีความสุขกับมันได้ค่ะ
ยุจัง_ม.รามรุ่น14
ขอเป็นอีกกำลังใจ ให้พี่แมวสู้ๆ คะ
จริงอย่างที่คุณแมวบอกะ การมีสติและความอดทน จะทำให้เราฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปได้
เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปนะคะ แล้วพบกันที่ม.รามคะ
ก้อย รุ่น13
ถึง น้องแมว เมื่อชีวิตเกิดมาต้องสู้......
พี่อยากบอกเล่าถึงตัวอย่างของการต่อสู้ให้น้องแมวทราบ เมื่อ ปลายปี 48 มีอาจารย์ท่านหนึ่งเกิดอุบัติเหตุแขนหัก การรักษาตัวครั้งนั้นทำให้ท่านทราบว่าท่านป่วยเป็น มะเร็งในกระดูก แพทย์ เรี่ยก mm เป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านทราบว่า นี่คือตัวทำให้กระดูกสันหลังท่านทรุดไป 2 ข้อ คือหายไป 8 เซ็นต์ และท่านต้องทำ คีโม เพื่อรักษามะเร็งนั้น ต่อมาหมอบอกว่าท่านปลูกถ่ายไขสันหลัง เดือน พ.ย. 49 ท่านต้องเข้า ร.พ. เพื่อเจาะคอเก็บสเต็มเซลล์ และเวลานั้นร่างการของท่านไม่มีภูมิต้านทานเลยคือ 0 เป็นช่วงอันตรายมาก วันที่ 5-10 ธ.ค. 49 ท่านพานักศึกษาไปดูงานที่ประเทศ อียิปต์ ภูมิต้านทานของร่างกายยังเป็น 0 การเดินทาง ต้องนั่งเครื่องนาน นั่งรถตะลุยทะเลทรายอีก ต้องเจอกับอูฐที่มีเชื้อโรคมาก นับว่าเสี่ยมากหมอและหลายคนบอกไม่ให้ท่านไป ท่านบอกว่าไม่ได้ ท่านมีพันธสัญญา ไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไรกับความเจ็บป่วยที่ท่านพบเจออยู่แต่สิ่งที่พี่เห็นคือ ความเข้มแข็งของจิตใจความเด็จเดี่ยวที่ท่านต้องต่อสู้กับโรคภัยของท่าน ม.ค. 50 ท่านต้องเข้า ร.พ.เพื่อปลูกถ่ายไขกระดูก ท่านไม่มีลูกที่คอยดูแล สามีท่านสุขภาพไม่แข็งแรงยังต้องมีคนดูแลอยู่ที่บ้าน อะไรคือกำลังใจในการต่อสู้ในชีวิตของท่าน พี่ไม่ทราบ ระหว่างการปลูกถ่ายนั้น ต้องอยู่ รพ. 3 อาทิตย์ วันที่ทำการปลูกถ่ายพี่เฝ้าถามพยาบาลว่า จะเกิดปฎิกริยาอย่างไร ใช้เวลานานมั้ย คำตอบคือไม่รู้ ขึ้นอยู่กับ ร่างกายท่านจะรับเจ้าสเต็มเซลล์นั้นได้หรือไม่ ถ้ารับก็ฝผ่าน ถ้ารับไม่ได้ก็.... ระหว่างที่เจ้าสเต็มเซลล์แต่ละหยดใหลเข้าสู่ร่างกายท่านพี่ภาวนาว่าขอให้ผ่านขอให้ร่างกายท่านรับได้ ในขณะที่ผลข้างเคียงที่กำลังเกิดขึ้นก็ตามมาเรื่อยๆ ปากท่านบอกว่าไม่เป็นไรทุกอย่างต้องผ่านได้ แต่ภายในของความรู้สึกของท่านพี่ไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไร 2-3 อาทิตย์ที่อยู่ รพ. ช่างยาวนานเหลือเกินและผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับท่านพี่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่หมอบอกว่าบางคนทนไม่ได้ถึงเข้า ICU หรือ... นั้นคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ชายคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าท่าน แข็งแรงกว่าท่านมาก และโชคดีทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี พี่อยากให้น้องแมว เข้มแข็งและต่อสู้ให้ได้เหมือนท่าน ทุกวันนี้ ท่านต้องทานยาเม็ดละ 680 บาท 2 เม็ดต่อวัน หกเดือน ฉีดยาเข็มละ 2-3 หมื่นบาท และอาจารย์ท่านนี้คือ อาจารย์สุนีย์ กาจศ์จำรูญ น้องแมวจะมีโอกาสได้เรียนกับท่าน ในเทอม 2 แล้วลองคุยกับท่านดูนะคะ ในวันรับน้องวันนั้นท่านก็ไปด้วยนะ น้องแมวคงเห็นว่าท่านมีอาการของคนป่วยหรือไม่ พี่ฝน ขอเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจนะคะ ขอให้เข้มแข็งและอดทน