เป็นบุญเหลือล้นเกล้าที่องค์ในหลวงของเราทรงประกาศ ความพอเพียงแห่งชีวิตมาให้ปวงผสกนิกรได้ใตร่ตรองกันครั้งใหญ่ ถกเถียงกันยังไม่จบ และจะยังไม่จบหรอกครับ...
หากชีวิตเอาปัจจัย 4 มาเป็นองค์ประกอบขั้นพื้นฐาน ก็ต้องเอาสถานภาพของแต่ละคนแต่ละครอบครัวมาเป็นตัวตั้งในการกำหนดว่าอะไรที่ครอบครัวเราพอเพียงแล้ว เพราะการตั้งอยู่ของแต่ละคนแต่ละครอบครัวแตกต่างกันมาก มากกว่า ถึงมากที่สุดด้วย
ชาวบ้านไทบรู หรือไทโซ่
“ไทโซ่” หรือ “บรู” จะอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีป่าไม้ มีลำธาร มีสรรพธรรมชาติอยู่รอบตัวสามารถ “มีชีวิตอยู่ได้” โดยไม่ต้องไปฉ้อราษฎร์ บังหลวง หรือโกงกินชาติบ้านเมือง ถ้าหากจะเอาไม้ในป่ามาขายกันละก้อ ไม่กี่ปีหรอกครับพวกเราจะเอาให้เกลี้ยงเลย ไม้ทุกต้น หินทุกก้อนเราสัมผัสมาหมดกับมือแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ที่พวกเราไปท่องป่ากับ พคท.โน้น เราเพียงเอาเครื่องมือเท่าที่เรามีคือ มีด ขวาน เลื่อยเล็กๆตัดต้นไม้พอเอามาทำบ้านเล็กๆ อยู่กันได้ตามประสาเรา
ชาวบ้านกับสมุนไพรที่เก็บมาจากป่า
เราอาศัยภูมิรู้พื้นบ้านที่สั่งสมกันมานับร้อยๆปีถึงสมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ทุกฤดูกาล พ่อเฒ่าอายุ 70 กว่ายังเดินขึ้นดอยเพื่อเก็บสมุนไพรเฉยเลย หมอนวด หมอเป่า หมอเหยาเราก็มี เราพึ่งพาอาศัยกัน เสีย “ค่าคาย” “ค่าครู” ไม่กี่สตางค์ก็อยู่กันได้ตามอัตภาพ แต่ลูกพ่อนั่นพ่อนี่เข้าเมืองทีหมดเป็นร้อยเป็นพัน แล้ว “บ้านป่าเมืองปิด” อย่างดงหลวงจะไปขุดเอาเงินเอาทองมาจากที่ไหลเล่า ไอ้มันสำปะหลังปลูกทิ้งๆไว้พอเก็บเอาเงินได้บ้างเหมือนออมสิน ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บ “เงินสลึง” หล่นไปใต้ถุนบ้าน 3 วันมาแล้วยังค้นหากันอยู่เลย เงินมันหายาก พ่อเอ้ย
ผ้านุ่งลายผ้าพิม์ที่ซื้อมาใช้
สมัยก่อนเราปลูกฝ้าย ทอผ้าเอง ย้อมครามเอง แม้ว่าเราจะหยุดมากันหลายปี แต่ก็มีบางบ้านยังทำกันอยู่บ้าน เราซื้อเสื้อผ้ามาใช้แต่ก็เป็นราคาถูกๆที่เทียบไม่ได้กับเดินห้างครั้งเดียวของท่านคนในเมืองหรอกครับ เราเองก็อยากได้เสื้อผ้าสวยๆอย่างที่ท่านซื้อมาใส่กัน แต่เราคิดว่าแค่ที่มีใส่ก็พอแล้ว ราคาถูกๆ มันจะขาดบ้างเปื้อนดินเปื้อนสารพัดเปื้อนบ้าง มันก็เป็นแค่หุ้มกายภายนอกหรอก “ลองมาคบกันซิครับ ใจเราไม่เปื้อนหรอกครับ” พวกผมสานกระติ๊บข้าวจำนวนมากมายกว่าจะขายหมด กว่าจะได้เงินมาใช้จ่าย “เวลาน่ะเป็นเพื่อนรักของเรามานานแล้ว” ครับ
เราใช้ศักยภาพของเราผลิตสิ่งเหล่านี้ขาย
เราคิดว่าในกระบวนการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษาท่านนั้นคง “ไม่มีคำว่าไทโซ่ หรือไทบรู บรรจุอยู่ในหลักสูตร” ไม่มีคำว่าก๊วบ ไม่มีคำว่า เฉลี่ยสมบูรณ์ ไก่ป่า ไก่บ้าน และอีกมากมาย แต่ทั้งหมดนั้นคือวิถีของเรา ชีวิตเรา ความรู้ ความเชื่อของเรา ฯลฯ
โปรดวางปริญญาของท่านไว้ที่บ้าน สลัดกรอบความรู้ความคิดเดิมของท่านออกไปก่อน แล้วมาแต่ตัวกับหัวใจและศิลปะการฟัง ฟังเราบ้าง
มาคลุกคลีกับเราซิครับ แล้วจะเข้าใจเรา
มาคุยกับเราซิครับ แล้วจะเข้าใจเรา
มากินอยู่หลับนอนที่บ้านของเราซิครับ จะเข้าใจเรา
ให้เวลากับเราซิครับ แล้วท่านจะเข้าใจเรา
“สถาบันการศึกษาเป็นเพียงแหล่งเพาะกล้าอ่อนของความคิดเท่านั้น ท่านต้องไปเติบโตโดยการเรียนรู้จากของจริงในสังคม ชุมชน”
ธรรมะสวัสดีครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
“สถาบันการศึกษาเป็นเพียงแหล่งเพาะกล้าอ่อนของความคิดเท่านั้นท่านต้องไปเติบโตโดยการเรียนรู้จากของจริง คือสังคม ชุมชน”
พี่คะ ชอบดูรูปบ้างค่ะ ปกติถ้ามีแต่ตัวหนังสือหว้าจะตาลาย ยิ่งบันทึกนี้ออกยามดึกด้วยค่ะ
สำหรับเรื่อง"ความพอเพียง" หว้าเริ่มเบื่อหลายๆคนแล้วค่ะ เถียงมากจนเบื่อ และพวกที่เถียงกันบางคนก็ไม่ได้รู้ซึ้งถึงคำว่าพอเพียงหรอก
อุ๊ย ขออภัยค่ะพี่ อิอิ... ราตรีสวัสดิ์ดีกว่า
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
สวัสดีค่ะท่านบางทราย บางทราย
ขอบคุณค่ะ
ครูอ้อยรีบมากเกินไปพิมพ์ผิดนะคะ มีคุณค่า
เป็นเพื่อนร่วมกระบวนการค่ะ
เฮ้อ ! ใจร้อนค่ะแย่จริง...แต่ใจรัก... นี่น่าคบค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ บางทราย
เห็นด้วยเหมือนหลายๆท่านกับประโยค “สถาบันการศึกษาเป็นเพียงแหล่งเพาะกล้าอ่อนของความคิดเท่านั้น ท่านต้องไปเติบโตโดยการเรียนรู้จากของจริงในสังคม ชุมชน”ในฐานะคนทำงานในสถานศึกษา ดิฉันก็พยายามเพาะกล้าอ่อนให้ดีที่สุดค่ะ พยายามค่ะ เพราะกล้าอ่อนเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ การบำรุงกล้าด้วยปุ๋ยความรู้จึงค่อนข้างท้าทาย เพราะสอนอย่างไร ก็คงได้ไม่เหมือนกันทุกคน
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆ ที่นำมาฝากเสมอนะคะ ตามอ่านอยู่เรื่อยๆ ค่ะ
สวัสดีคุณ บางทราย อีกครั้งค่ะ
ดิฉันว่าปัจจุบันหลายๆ สถาบันมีการจัดปัจฉิมนิเทศแล้วนะคะ ที่คณะวิศวฯ สจพ. ก็มีการจัดค่ะ แต่แทบต้องบังคับนักศึกษาเข้าร่วมเหมือนกันค่ะ เวลามีน้อยกระมังคะ สำหรับนักศึกษาบางคน การให้ความสนใจกับปัจฉิมนิเทศของนักศึกษาค่อนข้างต่ำ หรือไม่ก็การสื่อสารประชาสัมพันธ์ไม่ค่อยดี ก็คงต้องปรับปรุงกันต่อไปค่ะ
จากประสบการณ์ที่เคยสอนนักศึกษาทุกชั้นปี ยกเว้นปี ๑ นะคะ จะพบว่านักศึกษามีทัศนคติเปลี่ยนไป โดยมีการเติบโตขึ้นทุกปี จากปี ๒ ไปปี ๔ นี้เปลี่ยนไปมากค่ะ โตขึ้นมาก แต่แน่นอนว่าเขายังไม่เคยทำงาน ทัศนคติและความรู้เกี่ยวกับค่าของเงิน และการ earn โดยหยาดเหงื่อแรงงานยังค่อนข้างน้อยค่ะ
ดิฉันพยายามปลูกฝังให้นักศึกษาเข้าใจเรื่องความไม่ยุติธรรมในสังคม การไม่ได้ตามความคาดหวัง และการมีจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพ รวมถึงไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ฟรี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พยายามสอนนอกหลักสูตรนะคะ
เขียนไปเขียนมาจะกลายเป็นบันทึกเรื่องอื่นอยู่แล้ว ; ) ขอบคุณที่ให้โอกาส ลปรร ค่ะ
แหะๆ อยู่ในสถาบันการศึกษาค่ะพี่บู๊ท แต่ไม่เก่งเรื่องการเพาะกล้าอ่อนเลยค่ะ มือหนักเพาะอะไรปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น อิอิ
สวัสดีค่ะคุณ บางทราย
สำหรับข้อแนะนำเรื่องการทำเวทีให้นักศึกษาเพื่อเตรียมตัวสู่การทำงานนั้น ลักษณะการจัดเวทีเหล่านี้ในปัจจุบัน ถ้ามีการจัด ค่อนข้างจะเป็นคณะใครคณะมัน คือไม่ค่อยประสานกันค่ะ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ของแต่ละหน่วยงานในสถาบันยังน้อยค่ะ ดิฉันได้มา ลปรร ที่นี่ ยังคิดเลยว่าอยากจะชักชวนอาจารย์หลายๆ ท่านที่สถาบันมา ลปรร ร่วมกัน เพื่อพัฒนาไปด้วยกัน ไม่ต้องทำอะไรผิดพลาดซ้ำๆ
ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำดีๆ นะคะ ต้องลองไปเสนอดูค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้สักขนาดไหน ยังไงถ้ามีความก้าวหน้าหรือประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับอุดมศึกษาก็จะมาเขียนรายงานความก้าวหน้าในบันทึกให้ทราบกันค่ะ
พี่บู๊ทขา ชมกันซึ่งหน้าแบบนี้ น้องหน้าบานเลยนะคะเนี่ย... (ปกติก็บานอยู่แล้ว)
ขอบพระคุณค่ะพี่บู๊ทขา ทำไงได้หละค่ะ หนิงมีห่วงเยอะ ทั้งห่วงงาน ห่วงเด็ก ห่วงที่บ้าน ที่สำคัญห่วงยางค่ะ
ตอนนี้ทั้งคุณหมอสุธี คุณหมอนนท์ ก็เหล่ๆหนิงแล้วค่ะพี่ แต่ อื้มม...คุณหมอเจเจ ก็เอาเมนูโปรดมายั่วอีกแล้วสิคะ
ทำไงดี ทำไงดี หิวจัง
เรื่องเล่ามีสาระและสีสันดีจริงๆ สมกับที่ได้รางวัลนะคะ ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งค่ะ
น่าติดตามไปเยี่ยมชมพื้นทีทำงานของพี่บางทราย คงจะมีโอกาส ไปเมื่อไหร่จะหอบกล้วยตาก(ที่กินได้ ไม่ใช่น้องหมานะคะ)ไปฝาก พี่บางทรายอย่าบริโภคฟักทองมากไปนะคะ ตัวจะเหลืองได้
การศึกษาในบ้านเราขาดพื้นฐานที่เป็นของเราเองนะครับ... ไปเอาของที่อื่นมา แปลหนังสือฝรั่งมาโดยไม่มาปรับใช้ ทำให้ความรู้ขาดตอน...ขาดหนังสือดีๆ และคนไม่อ่านหนังสือครับ
เรียนรู้จากชีวิตจริงและประสพการณ์เป็นสิ่งที่ดีที่สุด...
โอชกร