ที่ม.อ.ปีนี้ เราทำโครงการชวนคิดชวนดูเรียนรู้ KM 3 รุ่นให้แก่ผู้บริหารทุกระดับ คณบดี รองคณบดี หัวหน้าภาควิชาเพื่อชวนดูว่า KM อะไรอย่างไรกันแน่ตั้งใจให้เป็นเวทีเรียนรู้ซักถามกันแบบไม่มีขีดจำกัดของคำถาม"จะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย เห็นเป็นอย่างไรคุยกันดูที" เริ่มแรกออกแบบไว้ว่าไม่ต้องมีขอบเขตหลักสูตรอะไรเลยเปิดเป็นเวทีซักถามคุยกันอย่างเดียวทุกแง่มุมของการจัดการความรู้..แต่ทว่าวิทยากรไม่ตกลงด้วยเนื่องจากการกำหนดแบบที่ว่าข้างต้นนั้นเท่ากับเรา"เอาวิทยากรเป็นศูนย์กลาง"ขัดกับกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันตั้งแต่เริ่มต้น"ยิ่งมีโอกาสเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่มผู้บริหารด้วยแล้วการออกแบบเช่นนั้นถือว่าผิดพลาด...เนื่องจากผู้เข้าร่วมโครงการล้วนเป็นตัวแบบของทักษะประสบการณ์อันหอมหวานที่ผู้จัดสมควรที่จะฉวยโอกาสจัดกระบวนการ ถ่ายทอด แลกเปลี่ยน เรียนรู้ระหว่างกันวิทยากรจึงตอบตกลงการเป็นเพียงวิทยากรกระบวนการคอยดึงประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมออกมาให้เรียนรู้กัน..เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมโครงการในช่วงการทำ AAR ของทั้ง 3 รุ่นสะท้อนตรงกันว่า "ตอนแรกคิดว่าจะต้องมานั่งฟังบรรยายพอมาแล้วพบว่าได้เรียนรู้ประที่เพลิดเพลินมาก กิจกรรมต่างๆล้วนออกแบบให้คิดและมีส่วนร่วมแถมได้ตัวอย่างการจัดการให้มีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ติดไม้ติดมือไปใช้ด้วย"เรียนรู้ประสบการณ์หลากหลายมาก ย่นระยะเวลาของตัวเองในการเริ่มต้นใช้ในหน่วยงาน
โครงการนี้หลังจากคุยกับวิทยากรและได้กระบวนการที่คิดว่าเหมาะแล้ว จึงจำลองหลักสูตรเช่นเดียวกัน 3 รุ่น(มีปรับเล็กน้อยตามลักษณะกลุ่มผู้เข้า)โดยใช้คำหลัก ชวนคิด ชวนดู เรียนรู้ KMเป็นตัวเดินเริ่มที่ "ชวนดู KM" โดยฉายวีซีดี KM ขับเคลื่อนประเทศไทย (29 นาที) เป็นตัวรชวนดูการจัดการความรู้ของหน่วยงานอื่นๆทำ หน่วยงานที่เป็นตัวอย่างการจัดการความรู้ในวีซีดี ได้แก่ "มูลนิธิข้าวขวัญ" "ปูนซิเมนต์ไทยแก่งคอย" "กรมส่งเสริมการเกษตร " ทำให้เห็นความหลากหลายในการเลือกหยิบใช้ ทั้งนี้ theme คือให้คนเปิดใจเปิดตัวเองมองเห็นคุณค่าภายในส่งผ่านเป็นพลังร่วมขององค์กรก้าวข้ามผ่านอาณาเขตขององค์กรร่วมเรียนรู้เป็นเครือข่ายของกันและกัน...ความรู้มีทุกที่..เลือกหยิบมาประยุกต์ใช้ในงานของตน ..
และต่อด้วยชวนคิด...(หาทุนเดิม)ให้โจทย์หลังจากดูวีซีดีแล้วให้คิดว่า ที่ตัวเองทำงานอยู่นั้นได้มีการใช้ KM เป็นเครื่องมือช่วยในการทำงานบ้างหรือยัง(ส่วนใหญ่ใช้อยู่แล้ว)ให้แต่ละคนเล่าให้กลุ่มฟัง...ช่วงนี้ฝึกให้กลุ่มใช้เครื่องมือ dialogไปด้วย โดยให้กลุ่ม"เล่าเลือกเรื่องที่ประทับใจของกลุ่ม เป็นภาพ"..ช่วงนี้เองที่ทำให้กลุ่มมีส่วนร่วมมาก นื่องจากวัฒนธรรมเดิม ชินพูด ชินเขียนเป็นตัวหนังสือ พอให้เรียบเรียงเล่าเป็นภาพ...ขัดกับสิ่งที่เคยทำ..ดูขัดเขินในระยะแรก พอเครื่องติดแล้วสนุกสนานกันทุกรุ่น..เป็นการฝึกใช้สมองซีกขวา....ผู้เข้าอบรมสามารถเห็นพรสวรรค์ที่ต่าง มีทักษะการวางแผนของสมาชิกกลุ่มโผล่มาให้เห็นอย่างเป็นธรรมชาติ...จะเริ่มเล่าเป็นภาพที่ตรงไหน..ความท้าทายคืบคลานเข้ามา ต้องให้งานที่ท้าทายกันหน่อย..ท้าทายที่หนึ่งคือ แต่ละคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ มีหมวกสวมกัน วาดภาพไม่ค่อยเป็น..ถึงเวลาที่ต้อง
มีเด็กคอยช่วยจินตนาการออกมาเป็นภาพ..เห็นถึง..ความสามารถที่ต่างของช่วงวัย ...ยอมรับกันได้ในที่สุด ช่วงนี้แล้วแต่เวลาว่ามีเวลาพอที่จะใช้ เทคนิค "เวิล์ลคาฟ่"หรือเลือกนำเสนอที่กลุ่มใหญ่
ช่วงที่สาม"สร้างภาพฝัน"ร่วมกันหลังจากได้ดูตัวอย่างหน่วยงานอื่น แลกเปลี่ยนร่วมกันหาทุนเดิมเมื่อจินตนาการติดเครื่องได้ชวนกันฝันต่อว่ากลุ่มอยากเห็นประเด็นการจัดการความรู้ในองค์กรเป็นอย่างไร นำเสนอภาพฝันให้กลุ่มใหญ่ฟัง..ในช่วงนี้เองที่จะวัดได้ว่าที่เรียนรู้กันมาทั้งวัน กลุ่มเข้าใจ concept ที่เราพยายามใส่ให้หรือเปล่า เป็นที่น่าแปลกใจแก่ผู้จัดคือ...ภาพส่วนใหญ่มีสัญลักษณ์ที่อยู่ในภาพหลักๆสะท้อนโดยรวมว่าต้องเริ่มต้นที่หัวใจของคนในองค์กร..มีการเดินทางไปสู่(ใช้เวลา)มีการแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นธรรมชาติกลายเป็นวัฒนธรรมส่งผลถึงองค์กรที่มีความสุขภาพหัวใจ..มือเรา..ดอกไม้ นกน้อย รอยยิ้ม..ความสุข..องค์กรเติบโต..ปรากฏในทุกๆภาพ
<p align="justify"> ช่วงท้ายสุดปิดเติมเต็มด้วย"AAR"ช่วงนี้แต่ละคนจะแปลงความฝันในภาพออกมาเป็นสิ่งที่ตัวเองเป็นแรงหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดภาพนั้นได้ โดยคิดจากบริบท สถานะของตนว่าจะใช้ km ช่วยอะไรในงานของตนบ้างหลังจากที่ได้เรียนรู้ในวันนี้แล้วเป็นช่วงของการถ่ายทอดจินตนาการสู่การปฏิบัติจริง เป็นคำมั่นต่อกันได้เป็นอย่างดี..
จากนั้นผู้ดูแลงานการจัดการความรู้ในองค์กรเพียงคอยกระตุ้น…ถาม..ทำอะไรบ้างแล้วคะ..เริ่มใช้หรือยังมีอะไรให้รับใช้บ้างคะ…ขยันถามขยันคุยขยันตาม(ให้คำมั่นกันไว้แล้วนี่คะ)..เป็นการแสดงถึงความใส่ใจ สนใจ คณะ หน่วยงานที่เป็นสมาชิกของของเราอีกด้วย เพราะการจัดการความรู้ ต่อให้ส่วนกลางจัดอบรม ประชุม สัมมนากันจนตายจากกันไปข้างหนึ่ง...หากคณะและหน่วยงานไม่นำไปใช้ตามบริบทของตนสภาพองค์กรที่ใช้การจัดการความรู้เพื่อพัฒนางานทั่วทั้งองค์กร ก็ไม่สามารถเกิดได้...</p><p align="justify"> </p><p> </p>
สวัสดีค่ะน้องจิ๊บ เมตตา
คุณจิ๊บขยัน เป็นการเป็นงานดีจังเลยค่ะ
คุณจิ๊บก็นอนดึกจังค่ะ...หลานๆนอนแล้วเนอะ
อยู่เป็นเพื่อนครูอ้อยกะคุณจิ๊บละกัน
นอนเมื่อไรบอกด้วยอ่ะ
ครูอ้อยหลับไปแล้ว ตื่นขึ้นมาอีกค่ะ เชิญหลับให้สบายค่ะ....น้องจิ๊บ....ฝันดีนะคะ