เดินสายอบรม


ยิ่งพบผู้คนมากหน้าหลายตา ยิ่งได้พูดคุย ยิ่งได้ทดลองใช้งานสิ่งที่ได้พัฒนา ยิ่งทำให้ได้รับความรู้และประสบการณ์ต่างๆ มากขึ้น

ช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพื่อไปอบรมให้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งที่อุบล และจังหวัดลำปาง ได้พบกับผู้เข้ารับการอบรมมากมาย ได้ใช้กระบวนการต่างๆ ที่คิดว่าดี เหมาะสมในการพัฒนาความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ แก่ผู้ที่เข้ารับการอบรม และที่สำคัญที่สุดคือได้พูดคุย ได้เห็น และได้ปฏิบัติในเรื่องต่างๆหลายเรื่องสิ่งที่พอจะประมวลประสบการณ์ได้มีดังนี้

     1 ธรรมชาติของการอบรมคอมพิวเตอร์ เป็นกระบวนการที่ผู้เข้าอบรมฝังใจแล้วว่า การอบรมคือการเข้ามานั่งในห้อง ฟังวิทยากร เรียนรู้จากวิทยากร แล้วฝึกทำ การนำเอากระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปใช้ จะติดขัด เพราะยังไม่เคยชิน ต้องคอยบอกให้อ่าน บอกให้ทำ การแลกเปลี่ยนความรู้กันระหว่างผู้เรียนไม่ค่อยมี และที่สำคัญคือ เวลามีน้อย แต่เรื่องราวที่ต้องการให้รู้มีมาก ดังนั้น วิธีที่ทำได้คือเรียนจากวิทยากรทั้งหมด 
    2 กระบวนการพัฒนาต่อเนื่อง ไม่ค่อยได้ผล วันสุดท้ายของการอบรม คือวันสุดท้ายที่จะเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆ กระบวนการที่จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ศึกษาหาความรู้ต่อไป มีค่อนข้างน้อยและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้เวทีของ ICT เช่น เวทีแห่งนี้ จะไม่ค่อยได้ผล
   3 ความคิดพื้นฐาน ยังมองว่า การพัฒนาความรู้ จะต้องใช้วิธีการอบรม (แบบชั้นเรียน) โดยยังไม่พยายามใช้วิธีการอื่นๆ ที่มีมากและอาจจะดีกว่าวิธีการที่ต้องเดินทางไปอบรม 

คำสำคัญ (Tags): #อบรม
หมายเลขบันทึก: 88767เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2007 18:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

พี่ศรีเชาว์ ครับ

          จากข้อสรุปบทเรียนของพี่ แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อไปครับ ผู้บริหารสถานศึกษาที่ผมไปมาที่สถาบันฯสิรินธร เท่าที่ทราบก็ทำนองเดียวกันครับ

พี่ศรีเชาว์ ครับ

          โปรดพิจารณาบล็อกพัฒนาบุคคล ของ อ.ประทุมทิพย์ ศรีเมือง เจ๊แอ๊ว ชื่อhttp://gotoknow.org/blog/toomtip1 เข้าไว้ในแพลนเน็ตด้วยนะครับ....ขอบคุณครับ

เอาลิ้งค์ ชื่อ http://gotoknow.org/blog/toomtip1 ของเจ๊แอ๊ว มาฝากครับ
บุคคลต้องมีแนวโน้มเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ก่อนจึงจะสามารถนำตนเองเข้าหาความรู้เองได้โดยไม่ต้องพึ่งการเข้าชั้นเรียนมากนัก คงต้องพยายามต่อไปครับ
พี่ศรีเชาวน์ครับ มีเรื่องขอความอนุเคราะห์ในคำถาม สอบถามพี่ศรีเชาวน์ครับ

ขอบคุณ ครูนง และ ผอ.ดิสกุล ผม นำ blog ของเจ๊แอ๋ว มาเข้า แพลนเน็ตแล้วครับ ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ ถึงแม้ตอนนี้ชักจะท้อ แต่ไม่ถอยครับ ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะทำต่อไป

ท่าน ผอ ดิสกุลครับ ผมไปอ่านตัวชี้วัดแล้วครับ มีมากจริงๆ ขอเวลาหน่อยครับ เพราะตอนนี้กำลังเดินสาย พรุ่งนี้ก็จะต้องเดินทางอีกแล้ว เมื่อพิจารณาเสร็จ จะรีบตอบครับ

สวัสดีค่ะท่านศรีเชาวน์

  • อย่าเพิ่งท้อนะคะ คงต้องใช้เวลาสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้กันใหม่ ช่วยกันหน่อยถึงแม้จะเห็นผลช้า หรืออาจจะไม่ได้เห็นผล
  • ท่านศรีเชาวน์เป็นตัวอย่างของผู้ที่คิดและสร้างสรรค์ผลงานหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อกศน.มากมาย
  • เจ๊เองก็ชื่นชมอยู่ในใจ เข้ามาให้กำลังใจ และจะนำข้อคิดเห็นข้างต้นไปใช้ในการพัฒนาด้วยค่ะ

 

  • ต่ออีกนิดค่ะเกือบลืม
  • ขอบคุณค่ะที่ดึงบล็อกของเจ๊เข้ามาในแพลนเน็ต (ครูนงบังคับน่ะเอง) ฮิ ฮิ

 

สวัสดีครับ อ. แอ๊ว ความจริงครูนงไม่ได้บังครับนะครับ เพราะตามปกติแล้ว ถ้าผมเห็นบล็อคของ กศน. ผมจึงนำมาเข้าแพลนเน็ตทันที

  ต้องขอขอบคุณมากครับ ที่ให้กำลังใจในความพยายามในการทำงาน ไม่ทัอถอยแน่ครับ แต่ถึงท้อ ก็ไม่ถอย ยิ่งมีความพยายามมากขึ้น และยิ่งได้รับกำลังใจอย่างนี้ ยิ่งไม่ถอย

เป็นกำลังใจให้ครับ..... เท่าที่พี่พูดมา มันจริง ๆ 100 % เลยครับ  แต่อีกส่วนหนึ่งคือ กระบวนการเดิม ๆ ที่ว่านี้ มันเริ่มมาจากตัววิทยากรด้วย..... ดังนั้น ผมเห็นว่า การคิดหลักสูตรเพื่อจัดการอบรมให้มีรูปแบบของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เข้ารับการอบรม... คงเป็นสิ่งที่น่าจะต้องพัฒนาขึ้นครับ....

ขอบคุณท่านรองรัฐเขต ที่ให้ข้อเสนอแนะครับ ตอนนี้พยายามนำแนวทางแลกเปลี่ยนเรียนรู้มาใช้มากเลยครับ ทุกหลักสูตร จะค่อยๆ นำมาใช้ตามสภาพของกลุ่มเป้าหมาย จนกระทั่งแอบได้ยินเสียงบ่นจากผู้อบรมว่า มาอบรมเที่ยวนี้ไม่ค่อยได้อะไรจากวิทยากรเลย  แสดงให้เห็นว่า ประบวนการที่นำมาใช้ยังไม่ดีพอ 
    จะพัฒนาต่อไปครับ เพราะปีนี้จะมีการพัฒนาบุคลากรเต็มเพียบเลย คงได้พบแนวทางที่ดีๆ แน่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท