ความคุ้นเคยมักมาพร้อมกับความไว้ใจ


“การที่เราเป็นผู้ให้นั้น เราก็จะได้รับสิ่งนั้นมามากกว่าที่เราให้ไป โดยที่ไม่รู้ตัว ”

ลงพื้นที่ รพ.เด็ก วันนี้ เดินทางไปพร้อม อาสาสมัครสองคนคือน้องเปิ้ลและน้องเหมย อาทิตย์นี้เจ้าหน้าที่ประสานงานให้เรา ของ รพ.เด็กติดภารกิจประชุมทั้งอาทิตย์ เราต้องขึ้นไปที่ตึกเพื่อทำกิจกรรมเอง

                การไปทำกิจกรรมวันนี้ ใช้เวลาของช่วงบ่าย 13.00-15.00 น. เข้าไปในตึกได้ทักทายเจ้าหน้าที่ตามทำเนียมแล้วขออนุญาตทำกิจกรรม วันนี้ที่ตึก มีเด็กป่วยนอนรักษาตัวอยู่ในตึกค่อนข้างเยอะกว่าทุกวัน วันนี้เราก็ได้เจอกับน้องต้า เด็กป่วยที่นอน รพ.มาเป็นเดือนแล้ว  ไม่สามารถมาทำกิจกรรมกับเราได้ เนื่องจากเพิ่งไปทำแผลมาใหม่ พยาบาลจึงไม่อยากให้ลงจากเตียง และมีน้องเด็กป่วยอีกหลายคนที่นอนพักผ่อนเพราะเป็นช่วงกลางวัน บางคนก็เล่นของเล่นที่ผู้ปกครองซื้อมาให้ บางคนก็อ้อนพ่อแม่ มีงอแงนิดหน่อยค่ะ จากการสังเกตไปรอบๆบริเวณห้อง

                การที่จะไปเชื้อเชิญให้น้องเด็กป่วยมาร่วมกิจกรรมนั้นวันนี้ทำให้หนักใจเล็กน้อยค่ะ เนื่องจากน้องเด็กป่วยเพิ่งมาใหม่ ผู้ปกครองยังไม่ไว้ใจให้ไปเล่นกับเราและอาสาสมัครคนอื่น ๆ อาจจะกลัวความเจ็บปวดของแผลน้อง ๆ กลัวไปชนนั้น ชนนี้ค่ะ ซึ่งเรามองสีหน้าผู้ปกครองเป็นกังวลอยู่ตลอด แล้วมองเราไม่ค่อยไว้ใจเนื่องจากเพิ่งเจอกันครั้งแรก

                วันนี้ดีได้รับการสนใจมากขึ้นจากพี่ ๆ ผู้ช่วยพยาบาลค่ะ มีการซักถามว่าเราเป็นใคร มาจากไหน เรียนอะไรมา สิ่งที่เราขาดไปนั้นคือการแนะนำตัวที่ชัดเจนค่ะ เบื้องแรกเราบอกแค่เรามาจากไหน จากวันนี้จึงทำให้รู้ว่าควรจะมีโบว์ชัวร์ เกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมเราคร่าว ๆ ซึ่งการทำโบว์ชัวร์นี้ก็ได้รับคำแนะนำจากพี่ใหญ่ของเราเอง ก็คือพี่หนูหริ่งนั้นเอง กับการที่เรามีเอกสารสักฉบับเพื่ออธิบายความเป็นไปเป็นมานั้น จะช่วยลดช่องว่างของความกังขาขึ้นได้ ดีกว่ามานั่งอธิบายคำพูดเดิม ๆ ซ้ำ

                การทำกิจกรรมวันนี้ช่วงแรก ไม่มีเด็กคนไหนสนใจที่จะลงจากเตียงมาทำกิจกรรมกับทางเราเลย ดังนั้นเราก็ได้คุยกันกับอาสาสมัคร เดินไปตามเตียงต่างๆ เพื่อทำความรู้จักกับเด็กและเสนอนำกิจกรรมที่สามารถทำที่เตียงไปให้น้องทำ เด็กบางคนก็สนใจ เด็กบางคนก็ไม่สนใจที่จะทำ อันนี้ขอใช้ความรู้สึกส่วนตัวจับความรู้สึกน้อง ๆ ค่ะ ส่วนหนึ่งอาจจะกลัวที่เราเป็นคนแปลกหน้า ส่วนหนึ่งติดผู้ปกครอง ส่วนหนึ่งไม่ชอบ อยากเล่นเกมส์ ที่มันเห็นภาพเคลื่อนไหวได้ อาสาสมัครบางส่วนก็ทำกิจกรรมกับน้องที่เตียง บางส่วนก็มานั่งสังเกตการณ์ที่โต๊ะกิจกรรมแทน เพราะไม่มีเด็กมาร่วมกิจกรรม

                นั่งสังเกตการณ์สักพักก็มีผู้ปกครองเด็ก มาคุยด้วยกับการทำกิจกรรมของเรา ผู้ปกครองเห็นด้วยกับการทำกิจกรรมเพราะว่า เด็กจะได้มีเพื่อนเล่น ไม่เหงา และได้ฝึกการจินตนาการของเด็กด้วย ผู้ปกครองของน้องเด็กป่วยคนที่คุยกับเรา คุ้นเคยกับ รพ.เด็กอย่างดีค่ะ เพราะน้องเข้ารับการรักษาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนถึงตอนนี้ ก็ 14 ขวบ ไปแล้ว ได้ฟังเรื่องเล่าในการรักษาของน้อง ความเครียด ความกังวล กับอาการเจ็บป่วยของเด็ก ตลอดจนการเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม เพราะผู้ปกครองได้เห็นการเปลี่ยนแปลงว่ามันเกิดขึ้นได้จริงหากเด็กป่วยมีกิจกรรมทำยามที่ต้องนอน รพ.นาน ๆ เพื่อคลายความเหงา ความคิดถึงบ้าน

                หลังจากนั่งสังเกตการณ์แล้วได้พูดคุยกับผู้ปกครองสักพัก น้อง ๆ ยังเห็นเรา นั่งระบายสีกันอยู่ จึงลงจากเตียงมาร่วมกิจกรรมด้วย จากนั้นพวกเราคึกคักมาทันตาค่ะ วันนี้ที่จริงเราตั้งใจจะไปสร้างรอยยิ้ม และความสนุก ความสุข ให้กับน้องเด็กป่วย มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในวันนี้ แต่กลับกัน เด็กป่วยกลับทำให้เราได้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสุข เพราะน้องแต่ละคนมีมุขตลกพูดให้เราฟัง ร้องเพลงให้เราฟัง หยอกล้อเรา มันรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก นี่สินะคงจะเป็นคำพูดของใครหลาย ๆ  ที่เคยพูดว่า การที่เราเป็นผู้ให้นั้น เราก็จะได้รับสิ่งนั้นมามากกว่าที่เราให้ไป โดยที่ไม่รู้ตัว ก็คือพลัดกันให้ และ รับ

                การลงพื้นที่ทำกิจกรรมวันนี้ ได้เรียนรู้บทเรียนอีกบทหนึ่งของการเป็นผู้ให้และผู้รับ การเข้าไปสม่ำเสมอในการทำกิจกรรม สร้างความคุ้ยเคยเพื่อความไว้วางใจ ก็ผ่านไประดับหนึ่ง การรับสิ่ง ๆ ใหม่จะให้รับได้ในทันทีนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้น มันควรจะค่อย ๆ ซึมไปจนกลายเป็นอันนึ่งอันเดียวกัน
หมายเลขบันทึก: 87134เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2007 17:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท