สร้างความรัก...มิใช่ความเกลียด


การสื่อสารที่ดี ควรสร้างความรัก มิใช่ความเกลียด ควรสร้างความรับผิดชอบในส่วนรวม ...มิใช่สร้างการเอาแต่ตัวรอด

(36)

 

 การรู้เท่าทันการสื่อสาร : การสื่อสารที่พึงประสงค์

ดิฉันคิดว่า การสื่อสารที่ดี ควรสร้างความรัก มิใช่ความเกลียด ควรสร้างความรับผิดชอบในส่วนรวม มิใช่สร้างการเอาตัวรอดแต่เพียงคนเดียว

 และควรสร้างอะไรบางอย่าง ที่เป็นความอ่อนโยนในจิตใจมนุษย์ เมื่อไปอยู่ที่ไหน ก็จะได้สร้างความรักให้เกิดขึ้นที่นั่น

เพื่อนติงว่าดิฉันคิดแบบโรแมนติกเกินไป ชีวิตจริงไม่ได้อบอุ่นสวยงามอย่างนั้น จะสอนอะไรเด็กก็ควรสอนแบบที่เขาจะไปเจอในชีวิตจริงๆ เด็กถึงจะฟัง ดิฉันเถียงข้างๆคูๆไปได้สักพัก ก็กลับลำมาเห็นด้วยกับเพื่อน เพราะประสบการณ์ชีวิตก็สอนดิฉันว่า หลายเรื่องที่ครูสอน ไม่ตรงกับชีวิตจริงๆของเรา ทั้งที่เป็นความตั้งใจดีของครู แต่มันไม่เชื่อมกับชีวิตจริงๆที่เราเจอมา

ดิฉันจึงต้องลดระดับ(ความเพ้อฝัน) กลับมาหาความจริงใกล้ตัว แล้วกำหนดโจทย์ว่าเด็กๆต้องมาเรียนเพื่อไม่ให้ตกงานแหงๆ เพื่อให้เข้ากับความนิยม จึงคิดแผนกลยุทธ์การสื่อสารทางวิธีคิดไว้ (คือที่จริงก็แค่พูดสั้นๆประโยคเดียว) โดยบอกเด็กๆทุกรุ่นว่า ที่เราช่วยกันฝึกแล้วฝึกอีกอย่างเข้มข้นในวันนี้ ก็เพื่อให้เขาอยากเอาไว้ ไม่ใช่อยากเอาทิ้ง

แต่ลึกๆแล้ว ดิฉันยังเชื่อจนออกนอกหน้าอยู่เสมอว่า การสื่อสารที่ดี คือการสื่อสารที่สร้างความรัก ผู้สื่อสารที่ดี คือผู้สื่อสารที่สร้างความรัก ความเอื้ออาทร ให้เกิดขึ้นในจิตใจมนุษย์ได้

ไม่ว่าเด็กๆจะถูกผลิตให้เป็นนักนิเทศศาสตร์ที่เก่งกล้าสามารถสักเพียงไหน แต่หากขาดซึ่งความรักในหัวใจเมื่อสื่อสารแล้วไซร้ ดิฉันก็ยังรู้สึกว่าเป็นการสื่อสารที่ไม่พึงประสงค์อยู่ดี

เพื่อนที่โผล่หน้ามาดู...บอกว่าน้อยๆหน่อย จะกลายเป็นลิเกอยู่แล้ว ดิฉันก็ทำไขหูเสีย แล้วตั้งหน้าตั้งตาโพสติ้งอะไรหวานแหววของดิฉันต่อไป

 

 .......................................................................

 ปรับเพิ่มเติมจาก เว็บไซต์วิชาการด็อตคอม กระทู้ การรู้เท่าทันการสื่อสาร (Communication Literacy)  ความเห็นที่ 70 (11 ก.พ. 2550)

 

หมายเลขบันทึก: 82293เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2007 20:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

การสื่อสารที่ดี คือการสื่อสารที่สร้างความรัก ผู้สื่อสารที่ดี คือผู้สื่อสารที่สร้างความรัก ความเอื้ออาทร ให้เกิดขึ้นในจิตใจมนุษย์ได้

ขอเป็นกำลังใจเพื่อให้มนุษย์มีความรักต่อกันไม่ทำร้ายจิตใจซึ่งกันคะ

ขอแวะมาทักมาทายคะ

สวัสดีค่ะคุณ nuch

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  ....ดิฉันอยากเรียนว่าดีใจจนออกนอกหน้าเสมอเมื่อมีผู้แวะเข้ามาอ่าน 

เพราะเพื่อนๆดิฉันพากันให้กำลังใจว่า "เรื่องการรู้เท่าทันการสื่อสาร"  นี้    ......ก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่  ....แต่เห็นทีว่าจะหาผู้สนใจอ่านได้ยาก  เนื่องจากทั้งหมดที่เขียนมานี้ "เป็นเรื่องพื้นๆ แต่เขียนให้อ่านยากและยาวไป"

ดิฉันก็ทำไขหูเสียอย่างที่ว่าข้างต้น.... แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาโพสต์ต่อไปอีกยืดยาว 

เพื่อนๆเคยถามว่าจะเขียนไปทำไม  ดิฉันก็ตอบว่าดิฉันเขียนด้วยความรัก  ทุกคำที่เขียน ดิฉันเขียนส่งตรงออกมาจากใจ  และหากจะดูเชยๆไปบ้าง ก็ต้องขออภัย  เพราะดิฉันก็เล่าเรื่องที่ทำไปตามประสาครูบ้านนอก  ไม่ได้มีทฤษฎีขั้นสูงแต่อย่างใด

แล้วดิฉันก็เชื่อแบบบ้านๆด้วยว่า คนที่มีหัวใจเดียวกันก็จะเข้าใจสิ่งที่เล่าสู่กันฟังทั้งหมดนี้ได้โดยง่าย

ดิฉันแวะไปอ่าน profile ของคุณ nuch แล้วก็ยิ่งเห็นว่าคุณ nuch เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างลึกซึ้งกว่าดิฉันด้วยซ้ำไปค่ะ

 

 

การสื่อสารที่ดี คือการสื่อสารที่สร้างความรัก ผู้สื่อสารที่ดี คือผู้สื่อสารที่สร้างความรัก ความเอื้ออาทร ให้เกิดขึ้นในจิตใจมนุษย์ได้

นี่คือวิชาสุดยอดกระบวนท่า ที่ ญาติ ๆ คนไข้จะเห็นใจเรา(และคนอาชีพแบบเรา) อย่างจริงแท้ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก

พี่แอมป์ดีใจจริงๆนะคะที่คุณหมอเล็กให้โอกาสพี่แอมป์คุยด้วย  และเข้าใจเรื่องที่พี่แอมป์เขียน (มากกว่าตัวผู้เขียนด้วยซ้ำ) 
อาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่มนุษย์ศรัทธาเพราะเป็นอาชีพที่อยู่กับสิ่งที่มนุษย์หวงแหนอย่างที่สุด  นั่นคือ "ชีวิตมนุษย์"      และนี่คงทำให้แพทย์เป็นมนุษย์ที่มี"ความเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างลึกซึ้ง" กว่ามนุษย์โดยทั่วๆไป

ผู้ที่สามารถเข้าใจ "เพื่อนมนุษย์" อย่างลึกซึ้งได้นี้  โชคดีเหลือเกิน
และผู้ที่สามารถสื่อสาร สร้างความรัก ความเอื้ออาทร ให้เกิดขึ้นในจิตใจมนุษย์ด้วยกันได้นี้  เป็นผู้มีคุณค่านักนะคะ

และพี่แอมป์ชอบใจมาก..ก..ก..ที่คุณหมอเล็กใช้คำว่า "วิชาสุดยอดกระบวนท่า"   ทำให้พี่นึกถึงท่านจอมยุทธ์ทั้งหลายในหนังจีนทีวีสมัยนู้น..น.. ขึ้นมาทันที  : ) 

ต้องไปหาเพลงกระบี่ไร้เทียมทานมาฟังให้หายคิดถึงในบัดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ  : )   : ) 

        ความรัก กับ  การศึกษา (ในมุมมองของผม)

    ให้มีความรัก        ในความรู้

    ให้ความรัก           ก่อนให้ความรู้

สวัสดีด้วยความเคารพยิ่งค่ะอาจารย์ small man~natadee

ขอบพระคุณอย่างสูงที่อาจารย์แวะมาต่อยอดและเติมเต็มด้วยประโยคสั้นๆแต่ความหมายลึกซึ้งนักค่ะ 

                        ให้ความรัก           ก่อนให้ความรู้

                        ให้มีความรัก        ในความรู้

 ครูทุกท่านที่"ให้"  และลงมือทำสิ่งนี้ด้วยใจ  คงรักใน"งาน"ที่เป็นยิ่งกว่างาน นี้   และคงมีความสุขนัก  แม้จะ"งาน" จะหนักหนาเอาการ

เพราะงานที่ต้องใช้ตัวตนทั้งหมดเข้าแลกเช่นนี้   ครูต้องคิด และรู้สึกจริงๆอย่างที่พูดและลงมือทำ  ต้องจริงใจในทุกสิ่งที่ทำ และต้องออกแบบการสื่อสารอย่างลึกซึ้ง  "ความรัก" ที่แท้จริงจึงจะเกิดขึ้นได้ 

ว่าแล้วก็ออกแนวโรแมนติกไปหน่อยๆเช่นเคย   อ่า .. แต่คงไม่กระไรนัก  เพราะกำลังพูดถึงเรื่อง"ความรัก" อยู่นะคะอาจารย์  : )   : ) 

นี่คือ วิชาสุดยอดกระบวนท่า ที่ ญาติ ๆ คนไข้จะเห็นใจและเข้าใจเรา(และคนอาชีพแบบเรา) อย่างจริงแท้ค่ะ

****   ****   ****   ****  ****  **** 

มายืนยัน(นั่งและนอน..ยัน วันนี้ปวดศีรษะเล็กน้อยค่ะ)อีกครั้งค่ะ

เพราะบ่อยครั้ง เขา..คนไข้, ญาติคนไข้ จะเห็นอกเห็นใจเรา เข้าใจเรา ไม่ใช่แค่คำพูดที่เราสื่อสาร

(คำพูดซึ่งต้องเรียบเรียงเป็น ถูกต้อง เป็นที่เข้าใจ สื่อความเห็นอกเห็นใจ เมตตา และรักษาจิตใจผู้อยู่ขางหลัง ข้างนอกห้องคนไข้..ฯลฯ)

คนไข้หรือญาติมิตรเหล่านั้น เขาดูที่การกระทำ การดูแลของอาชีพเรา ๆ ด้วย

นี่เป็นสุดยอดกระบวนวิชา

ที่ครูของเราทำให้ดูเป็น คนต้นแบบของเรา

ที่ครูของเราสอนแบบเหมือน ๆ ไม่ได้สอน

ที่ครูของเราบางท่านก็พูดออกมาอย่างจริงใจและเป็นรูปธรรมเลยว่า

"จะอย่างไรก็ตาม หมอ(-ลูกศิษย์น่ะค่ะ)ต้องอยู่เคียงข้างเขา(คนไข้)ในเวลาที่ควรอยู่หรือต้องอยู่"

เมนท์บันทึกพี่แอมป์ยาวได้แฮะ แต่เวลาเขียนของตัวเอง เขียนได้คำเดียว ค่ะ

ฝากนี่  เพราะอยาก "ให้" พี่แอมป์เห็นภาพสวยค่ะ 

ถ้านักเขียนยาว ๆ ฝีมือระดับเทพ จะกรุณาเขียนเมนท์ยาว..จักขอบคุณยิ่ง อิ อิ (อ้อนเป็นนิเรา)

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก

                                                             อาจารย์หมอของคุณหมอเล็กกล่าวไว้ได้อย่างจับใจนักค่ะ 
                                                 "จะอย่างไรก็ตาม หมอต้องอยู่เคียงข้างเขา  (คนไข้)ในเวลาที่ควรอยู่หรือต้องอยู่" 

                                      และคุณหมอเล็กก็กล่าวถึงเรื่องการสื่อสาร ระหว่างแพทย์กับคนไข้อย่างตรงๆแบบโดนใจเช่นเคย

                                                  "..คนไข้, ญาติคนไข้ จะเห็นอกเห็นใจเรา เข้าใจเรา ไม่ใช่แค่คำพูดที่เราสื่อสาร..."
                              "...คำพูดซึ่งต้องเรียบเรียงเป็น ถูกต้อง เป็นที่เข้าใจ สื่อความเห็นอกเห็นใจ เมตตา และรักษาจิตใจผู้อยู่ข้างหลัง..."
                                       เพราะ    "...คนไข้หรือญาติมิตรเหล่านั้น เขาดูที่การกระทำ การดูแลของอาชีพเรา ๆ ด้วย.."


ขอบพระคุณที่คุณหมอเล็กมายืนยัน นั่งยัน และนอนยันครบทั้งสามกระบวนท่า ทั้งแนวดิ่งและแนวราบนะคะ  อิอิ
เอ่อ..  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณหมอเล็กคงหายปวดศีรษะแล้ว  และหวังเป็นอย่างสูงว่าที่ปวดศีรษะคงไม่ได้เป็นเพราะปวดตาอันเนื่องมาจากอ่านเม้นต์ยาวๆของพี่แอมป์นะคะ  : )  : ) 

พี่แอมป์ได้ข้อคิดตามไปด้วยว่าอาจารย์แพทย์ของคุณหมอเล็กท่านเข้าใจเรื่องพรหมวิหารสี่เป็นอย่างดี  และสามารถปฏิบัติตนให้ลูกศิษย์เห็นเป็นตัวอย่างด้วย  ซึ่งนั่นเป็นการเรียนรู้ที่กระทบใจมากที่สุด  เพราะเป็นการเรียนรู้ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์  จากตัวตนของคนที่พูดและทำเป็นเนื้อเดียวกัน  คนที่เห็นหลักฐานตรงหน้าก็จะศรัทธาในตัวตนของคนที่เขาเห็น และจะอยาก"เป็น"ให้ได้ตามคำสอน เพราะรู้ว่าคำสอนนั้น"เป็นจริง" 


                                           ครูต้องชัดปฏิบัติอย่างที่สอน                        สิ่งที่สอน  สิ่งที่ทำ จำให้มั่น
                                           ทฤษฎี  ปฏิบัติ   อย่าขัดกัน                         ตัวครูนั้นเป็นตัวแบบอันแยบยล 
                                           สอนอย่างไรทำอย่างนั้นเป็นมั่นเหมาะ            จักบ่มเพาะใจศิษย์กิจเกิดผล 
                                           แลก่อเกิดศรัทธาในตัวตน                           ครูสอนคน เป็น"ผู้รู้" เป็น"ครูแท้"

                              ขอกราบคารวะคุณครูและอาจารย์ทุกท่านด้วยกลอนสุภาพบทนี้นะคะ      คำอาจไม่หรูแต่เขียนจากใจเช่นเคยค่ะ (เอ่อ..  ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆด้วยค่ะ)  : )  


ปล.ขอบคุณสำหรับภาพสวยที่ให้ความหมายดีเหลือเกินค่ะคุณหมอเล็ก  พี่แอมป์ชอบชื่อบันทึกและแวะไปหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่ได้โอกาสเม้นต์  ไปคราวนี้จะเม้นต์ยาวๆไปห้ากิโลเช่นเคย  เพราะคุณหมอเล็กพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่ารักนัก   และพี่แอมป์ก็ไม่ได้ถล่มตัวแต่ประการใด  คือพี่เขียนๆๆๆไปแบบน้ำท่วมทุ่งทุกที  แต่เพราะมีคนอ่านใจดีเข้าใจปลอบนี่แหละค่ะ  ทำให้พี่แอมป์กล้าเขียนอย่างที่ใจคิด  คือถึงจะยาวไปหน่อย(ห้ากิโล)และวกวนไปนิด(แบบหาใจความสำคัญไม่เจอ)    พี่ๆน้องๆกัลยาณมิตรซึ่งเป็นผู้สื่อสารที่ดีก็จะให้กำลังใจกันอย่างน่ารักอยู่เสมอ 

                                                          "..ผู้สื่อสารที่ดี คือผู้สื่อสารที่สร้างความรัก ความเอื้ออาทร ให้เกิดขึ้นในจิตใจมนุษย์ได้.."


                                                                       พี่แอมป์เชื่อเช่นนี้อยู่เสมอมานะคะคุณหมอเล็ก  : )    : )    : )

  อาจารย์หมอของคุณหมอเล็กกล่าวไว้ได้อย่างจับใจนักค่ะ 
                                                 "จะอย่างไรก็ตาม หมอต้องอยู่เคียงข้างเขา  (คนไข้)ในเวลาที่ควรอยู่หรือต้องอยู่" 

**   **   **  **  **  **

จริง ๆ มีครูหลายคนที่สอนแบบที่น้องโค้ดมานะคะ

แต่ท่านหนึ่งที่จำได้ขึ้นใจเพราะเป็นบิ๊กนายของเรา..ในปัจจุบัน ขออนุญาตเอ่ยชื่อท่านไว้ให้เพื่อน ๆ แพทย์ น้องหมอ หลานหมอ..ทราบเอาไว้(น้องมีหลานแท้ที่จวนจะเป็นหลานหมอแล้วนะคะเนี่ย !)

ท่านเป็นแพทย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ที่รณรงค์ ทั้งหล่อหลอม ขู่ ปลอบ ให้หมอ ๆ ควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ควรเรียนรู้กฎหมาย และ ควรอยู่เคียงข้างคนไข้เกือบทุกขณะที่เป็นช่วงวิกฤติ

ท่านคือ นายแพทย์พินิจ หิรัญโชติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่น้องประจำอยู่ในปัจจุบันค่ะ

จึงอยากประกาศความเป็นครูของท่าน ณ ที่นี่ ด้วยค่ะ

วันนี้เริ่มง่วง งานวันจันทร์มากกว่าวันอื่น ๆ เลยเซย์ good night..โอยาสุมินาไซ ค่ะพี่แอมป์ แฮ่ม

สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก

ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่คุณหมอเล็กทำงานอยู่  ท่านมีความเป็นครูสูงนักค่ะ  ขอกราบคารวะและขอชื่นชมท่านด้วยด้วยใจจริง

ผู้ใหญ่ที่เป็นที่เคารพนับถือของผู้น้อยนั้น ท่านมักห่วงผู้น้อยมากกว่าห่วงตน ท่านจึงบอกและสอนเราในสิ่งที่พึงทำควรทำอย่างจริงใจ โดยมิพักกังวลว่าเราจะชอบใจหรือไม่ในเบื้องต้น  ต่อเมื่อเราได้พบประสบการณ์ที่ทำให้เราได้ตระหนักว่าสิ่งที่ท่านสอนนั้น เตือนใจให้เรากระทำการอันควรแล้ว เหมาะแล้ว เราจะยิ่งเคารพนับถือท่านอีกนับเท่าทวีคูณ

ขอบคุณสำหรับมุมมองดีๆที่คุณหมอเล็กถอดบทเรียนมาเล่าสู่กันฟังเสมอๆนะคะ

โม โอะโซะอิเดะซึ   ..ตอนนี้ดึกแล้ว..
โอยะซุมินะไซ       เช่นกันค่ะ คุณหมอเล็ก : ) 

สวัสดีค่ะอาจารย์

สวัสดีค่ะพี่คิม

ขออนุญาตเรียกพี่คิมและแทนตัวว่าแอมแปร์เลยนะคะ  แบบว่าลัดขั้นตอนพิธีการกันเห็นๆเลย  ไม่งั้นเดี๋ยวไม่ทันน้องพอลล่า เธอมาจองเม้นต์แรกทุกที  อิอิ   : ) 

อ่านบันทึกของน้องมะเดี่ยว หนุ่มแบ็งค์ผู้อ่อนโยน  และอ่านบันทึกของพี่ๆน้องๆทุกคนในนี้เขียนถึงพี่คิมและอ่านงานที่พี่คิมทำแล้ว  แอมแปร์ก็นั่งนึกถึงพี่นะคะ  ...ถ้าพี่คิมมีความสุขกับการเป็นครู... แอมแปร์ก็อยากเห็นภาพเด็กๆวิ่งมากอดครูคิมที่พวกเขารักตลอดไป  

คือแอมแปร์ก็พูดไม่ค่อยเป็นนะคะพี่คิม  แต่แอมแปร์รู้สึกว่าความเป็นครู"โดยจิตใจเนื้อแท้"ของพี่คิมมีค่าเหลือเกิน  และจะดีใจจังถ้าพี่คิมยังคงเลือกงานครู  ทั้งที่ศักยภาพของพี่คิมนั้นสามารถทำงานอื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่านี้ได้มากมาย  ว่าแล้วแอมแปร์ก็ต้องขอโทษพี่คิมด้วยหากพูดอะไรที่ผิดพลาดไปหรือเป็นการไม่สมควร  แต่โรงเรียนใดก็ตามที่มีพี่คิมเป็นครูอยู่ที่นั่น  เด็กๆที่อยู่โรงเรียนนั้นโชคดีที่สุดเลย

แอมแปร์ดีใจจังที่พี่คิมแวะมาบันทึกนี้และขออนุญาตสื่อสารอย่างที่ใจคิดนะคะ  ขอให้พี่คิมทำทุกสิ่งที่พี่คิมรักอย่างมีความสุขตลอดไปค่ะ  : )   

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท