- โลกปัจจุบันยุคแห่งการเปลี่ยนแปล
- ปัจจัยแห่งความสำเร็จขององค์กร
- ความหมาย ผู้นำ ภาวะผู้นำ คุณลักษณะของผู้นำ
- กรอบแนวความคิด แนวคิดทฤษฎีฯ
- สมรรถนะของผู้นำยุคใหม่
- แนวทางการพัฒนาตนเองสู่ภาวะผู้นำที่เป็นเลิศ
- กิจกรรมกลุ่ม
สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกท่าน
เมื่อวันศุกร์ที่ 23 และเสาร์ที่ 24 ก.พ. ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.จีระ ให้ไปดำเนินการปฐมนิเทศแนะนำวิธีการเรียน การสอน และการส่ง Blog ให้กับ น.ศ. MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด หัวหิน วิชา ภว. 524 ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรู้จักนักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด ที่เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน สองวันที่ผ่านมา นักศึกษาส่วนใหญ่ สนใจการเรียนรู้และตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี
กิจกรรมในวันแรก ได้ปฐมนิเทศให้นักศึกษา ได้ทราบถึงกำหนดการ แนวทางการเรียนการสอน การส่ง Blog ดังรายละเอียดตอนท้ายนี้
ชื่อหลักสูตร บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต รหัสวิชา / ชื่อวิชา ภว. 524 ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กรอาจารย์ผู้สอน ศ. ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และทีม Chira Academy
วัน / เวลา ทุกวันศุกร์ เวลา 18.00 – 21.00 น.
ครั้งที่ |
วันที่ |
หัวเรื่อง |
1 | วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ (18.00 – 21.00 น.) | ปฐมนิเทศแนะนำวิธีการเรียนการสอน และการส่ง Blog ผู้นำกับการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดย คุณยม นาคสุข |
2 | วันเสาร์ที่ 24กุมภาพันธ์(09.00-17.00 น.) | ต่อ ผู้นำกับการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (ช่วงเช้า) (ช่วงบ่าย) ศิลปะการเป็นผู้นำ ยุคใหม่ / การบริหารเชิงกลยุทธ์ |
3 | วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม (18.00 – 21.00 น.) | อ.ยม (ต่อ) กลยุทธ์พัฒนาภาวะผู้นำ |
4 | วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม (09.00-17.00 น.) | Leadership in the changed world. (Focus on Public Sector)By Mr. Peter Bjorkร่วมแปลสรุปความโดย คุณยม นาคสุข |
5 6 |
วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม (18.00 – 21.00 น.) และ วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม (9.00-17.00 น.) |
แนะนำ concept 4L’s มอง Macro ไปสู่ Microภาวะผู้นำของหญิง – ชาย ภาวะผู้นำระหว่างตะวันตก – ตะวันออกA Model of Effective Leadershipคุณลักษณะของผู้นำยุคโลกาภิวัตน์ บทบาทของผู้นำยุคโลกาภิวัตน์ 3 แนวทาง โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ |
7 | วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม (18.00 – 21.00 น.) | ผู้นำกับการบริหารความขัดแย้ง และการเจรจาต่อรองโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ |
8 | วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม(09.00-17.00 น.) | ผู้นำกับความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมโดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ |
9 | วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม (18.00 – 21.00 น.) | วิธีการคิดแบบผู้นำo เรียนรู้จากบทสัมภาษณ์จีระ – ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์o เรียนรู้จากบทสัมภาษณ์จีระ – อำนวย วีรวรรณโดย คุณยม นาคสุข |
10 | วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม | สอบปลายภาค |
การวัดผลการเรียน
1. 15% 1st Participation ต้อง ส่งการบ้านทาง Blog สัปดาห์ละครั้ง ภายในวันพุธ ซึ่งจะมี Blog ชื่อ MBA Stamford/Leadership การบ้านคือ
1.1 เรียนในแต่ละสัปดาห์ได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากการเรียนวิชานี้ ทั้งในชั้นเรียนและ จากการศึกษาค้นคว้าอ่านตำราและ Internet เพิ่มเติม
1.2. หรือและทำรายงานตามที่อาจารย์ผู้สอนจะมอบหมายเพิ่มเติมในระหว่างชั้นเรียน
2. 15% 2nd Participation ต้อง การเข้าชั้นเรียน และการมีส่วนร่วมในห้องเรียน
3. 20% 3rd Participation ต้อง ไปทัศนศึกษานอกสถานที่ และสรุปที่ได้ดูและศึกษามา ซึ่งมีการวัดผล
4. 30% 4th Participation ต้อง ทำรายงาน case study โดยการศึกษาโจทย์เกี่ยวกับเรื่อง Leadership
5. 20% 5th Participation ต้อง สอบปลายภาค
ทีมงานผู้ช่วยสอน
Reading List
การเปิด Blog เพื่อส่งรายงาน/การบ้าน
การนำข้อมูล/รายงาน/การบ้าน มาวางลงใน Blog
ผมได้แนะนำนักศึกษาเพิ่มเติม ว่า การเรียน ป.โท ขอให้ตรงต่อเวลา หลีกเลี่ยงการขาดเรียน ส่งรายงาน สิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ตรงเวลา สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ภายใต้หลักการพูด ภาวะผู้นำและ ศีลธรรม อันดีงาม และควรศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
สิ่งดังกล่าวข้างต้น คือสิ่งที่ผมได้ปฐมนิเทศไปในช่วงต้นของการเรียนการสอน
ขอชื่นชมนักศึกษาหลายคนมีส่วนร่วมในการเรียนได้ดี ขอบใจเจ้าหน้าที่ของ มหาวิทยาลัยที่ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก เป็นอย่างดี
ใน blog ถัดไปผมจะเขียนถึงสิ่งที่ได้มีการเรียนการสอน มีประเด็นอะไรให้นักศึกษาได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในชั้นเรียน และมีสิ่งประทับใจอะไรบ้างที่ ม.นานาชาติแสตมป์ฟอร์ด หัวหิน
สวัสดี
Blog นี้ ผมทำการสรุปประเด็นที่ได้มีการเรียนการสอนร่วมกับนักศึกษา MBA ม.นานาชาติ สแตมฟอร์ด ที่หัวหิน เมื่อวันศุกร์ตอนเย็นและวันเสาร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับ ภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลง
สรุปสาระที่มีการเรียนการสอน และแนะนำให้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ดังนี้
โลกปัจจุบันยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
กรอบแนวความคิด
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สัตว์ในโลกที่ไม่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของโลก ได้สูญพันธ์ไปแล้ว เช่น ไดโนเสาร์
ความต้องการของลูกค้า เปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและคุณภาพ ถ้าเราไม่ปรับเปลี่ยน ลูกค้าจะเปลี่ยนไปซื้อรายอื่น
Bill Gates “Business is going to change more in the next ten years than it has in the last fifty.”
II. ปัจจัยแห่งความสำเร็จขององค์กร
กรอบแนวความคิด
ภาวะผู้นำ : เป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ The Energy that Drives Your Organization towards Excellence
ภาวะผู้นำ : สมรรถนะหลักของผู้บริหาร คือปัจจัยหนึ่งที่จะนำความสำเร็จมาสู่องค์กร
(ปัจจัยความสำเร็จอื่น ๆ แนะนำให้ค้นคว้าเพิ่มเติมจาก Internet เช่น ปัจจัยแห่งความสำเร็จของโครงการปัจจัยภายนอก (PEST framwork)ได้แก่ด้านสถานการณ์การเมืองด้านเศรษฐกิจด้านสังคม ด้านเทคโนโลยีฯปัจจัยภายใน (7's framwork)ได้แก่วิสัยทัศน์ยุทธ์ศาสตร์การจัดการ โครงสร้างการจัดการที่เหมาะสม. ระบบที่เอื้อต่อการทำงาน.คน/ทีมงาน/ผู้บริหาร/ผู้นำทักษะ ประสบการณ์ของทีม
รูปแบบการทำงาน/รูปแบบการจัดการ ที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์)
III. ความหมาย ผู้นำ ภาวะผู้นำ คุณลักษณะของผู้นำ
กรอบแนวความคิด
ความหมายผู้นำ (Leader) คือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม และสามารถนำกลุ่มปฏิบัติงานต่างๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ ภาวะผู้นำ Leadership เป็นความสามารถที่จะสร้างความเชื่อมั่นและให้การสนับสนุนผลักดันบุคคลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร ลักษณะผู้นำที่ดีผู้นำที่ฉลาดควรมี 3 ลักษณะอยู่ในตน
1. ทุนความรู้
2. ทุนปัญญา
3. ทุนทางสังคม
4. ทุนทาง IT
· สามารถสร้างความสุขให้กับตนเองได้
5. ทุนความเป็นมนุษย์
6. ทุนทางความสุข
· สามารถสร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้
7. ทุนจริยธรรม คุณธรรม
8. ทุนแห่งความยั่งยืน
Best Leaders(Susan Annunzio .2006 eLEADERSHIP: 27-32)
คุณค่าของผู้นำ/ผู้บริหาร
ลักษณะของผู้นำที่ไม่ดี
IV. ภาวะผู้นำ แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะผู้นำ
ทฤษฎีภาวะการเป็นผู้นำ
1. ทฤษฎีเกี่ยวกับลักษณะ
มีความเชื่อว่า ผู้นำที่มีคุณลักษณะดี จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จตามศาสตร์ของจีน มีการเก็บข้อมูลลักษณะของผู้นำว่า มีลักษณะสูงใหญ่ คิ้วดก ขนดกดำ สังเกตจากรูปภาพแม่ทัพจีนโบราณ ซุนวู เป็นต้น สัตว์ป่าจ่าฝูง เพศผู้จะมีลักษณะโครงสร้างใหญ่ มีขนสวยสง่างาม เป็นต้น ต่อมาภายหลังมีการพัฒนาการศึกษาลักษณะผู้นำ ว่าเป็นผู้ที่มีลักษณะ ดังนี้(แนะนำให้นักศึกษาอ่านเพิ่มเติมใน Sheet)
2. ทฤษฎีทางด้านพฤติกรรม(แนะนำให้นักศึกษาอ่านเพิ่มเติมใน Sheet)ตารางพฤติกรรมการบริหาร
Robert R. Blake & Jane S. Mouton
3. ทฤษฎีทางด้านสถานการณ์ (แนะนำให้นักศึกษาอ่านเพิ่มเติมใน Sheet)
Leadership concept that hypothesizes that leadership styles should reflect primarily the maturity level of the followers. (Certo, 2003)
V. สมรรถนะของผู้นำยุคใหม่
Leadership Competency Definitions
สมรรถนะหลัก 5 ด้าน นำสู่ภาวะผู้นำ
1. LEADING CHANGE ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง
2. LEADING PEOPLE DRIVING ศักยภาพในการเป็นผู้นำ
3. RESULTS DRIVING การมุ่งผลสัมฤทธิ์
4. BUSINESS ACUMENT ความเฉียบคมทางการบริหาร
5. BUILDING COLITIONS การสร้างความเข้าใจ
VI. แนวทางการพัฒนาตนเองสู่ภาวะผู้นำที่เป็นเลิศJeffrey A. Krames. JACK WELCH AND THE 4E’s OF LEADERSHIP; How to Put GE’s Leadership Formula to Work in Your Organization: 2005: 5.
พัฒนาตนเองสู่ภาวะผู้นำ
เซอร์วิลสตัน เซอร์ซิล รัฐบุรุษอังกฤษ (Dr. Boonton Dockthaisong)
ใน Blog ต่อไป จะเป็นการแชร์ความรู้เกี่ยวกับ ภาวะผู้นำ ที่ได้จากแนวพระราชดำริฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของเรา เช่น เศรษฐกิจพอเพียงกับภาวะผู้นำ เป็นต้น
VI. แนวทางการพัฒนาตนเองสู่ภาวะผู้นำที่เป็นเลิศ(ต่อจาก Blog ที่แล้ว)
ฝึกตนเองให้มีภาวะผู้นำ จากจริยธรรมของผู้นำในแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ฝึกตนเองให้มีภาวะผู้นำ จากแนวคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียง กับภาวะผู้นำ
(แนะนำให้นักศึกษาอ่านเพิ่มเติมใน Blog ตอนท้ายนี้ เพราะไม่ได้ใส่ไว้ใน Sheet)
เศรษฐกิจพอเพียง 3 หลักการ2 เงื่อนไข |
สมรรถนะที่พึงประสงค์ของผู้นำวิเคราะห์จากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง |
ความพอประมาณModerationความพอดี พอประมาณ ที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ |
|
ความมีเหตุมีผลReasonablenessการตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ |
|
ความมีภูมิคุ้มกัน Self-Immureการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล |
|
เงื่อนไข ความรู้ Knowledge ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ |
|
เงื่อนไข คุณธรรมEthic Virtueความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต |
|
สำหรับ ช่วงที่ VII ใน Blog ถัดไป ผมจะเขียนถึงกิจกรรมกลุ่ม ว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง
สุดท้ายก่อนปิด Blog นี้ ขอขอบใจเจ้าหน้าที่ ทาง ม.นานาชาตมสแตมฟอร์ด คุณเจน คุณ Nitinan ขอบใจเจ้าหน้าที่ดูแลด้านคอมพิวเตอร์ และอีกหลายคนที่ให้การต้อนรับ เป็นอย่างดี ขอบใจอาจารย์โลตัส ที่ติดตามไปร่วมสังเกตการณ์ และช่วยอำนวยความสะดวกหลายประการ
ขอบใจคุณเอ วราพร ที่คอยอำนวยการ ติดต่อประสานงานให้เรียบร้อยดี
ขอบใจนักศึกษาที่มีน้ำใจ นำขนมท้องถิ่นมาให้
ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านโชคดี
จาก จำเนียร อำภารักษ์ เมื่อ จ. 26 ก.พ. 2550 @ 18:42 (175946)
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ในวันที่ 23 และ 24 ก.พ. 2550 เรียนเรื่องภาวะผู้นำ ซึ่งประกอบไปด้วยภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติร่วมกันยกตัวอย่าง โดยใช้ความรู้ใหม่ และจากประสบการณ์เดิม ดังรายละเอียดดังต่อไปนี้
คำถาม เรียนเรื่องภาวะผู้นำได้ความรู้อะไรบ้าง จงอธิบาย
ถ้าเปรียบดังเช่นสงครามนั้น สิ่งทีเป็นของล้ำค่าของกองทัพ คือ “ แม่ทัพ” ดังเช่น ซุนวูได้ยกให้เป็น 1 ของการทำสงคราม เพราะแม่ทัพหรือผู้นำเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายของสงคราม เช่นเดียวกับการดำเนินงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีผู้นำที่ดี และมีความเป็นเลิศในภาวะผู้นำ ย่อมได้รับการยอมรับ ทำให้องค์กรมีความมั่นคงและประสบความสำเร็จ
ผู้นำ (Leader) คือบุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม และสามารถนำกลุ่มปฏิบัติงานต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
อ.ยม ยกตัวอย่างผู้นำที่ประสบความสำเร็จ เช่น บิลล์ เกตส์ เจ้าพ่อวงการซอฟต์แวร์ของโลกที่ผันการใช้คอมพิวเตอร์ที่ยุ่งยากพัฒนาสู่ระบบการจัดการเพื่อง่ายต่อการใช้งาน
จากการเป็นผู้นำการใช้เทคโนโลยีแล้วยังเป็นคู่แข่งทุกอุตสาหกรรมในการพัฒนาสื่อ Internet และมัลติมิเดีย
ความหมายของภาวะผู้นำ Dubrin ให้ความหมายของภาวะผู้นำว่าเป็นความสามารถที่จะสร้างความเชื่อมั่นและให้การสนับสนุนผลักดันบุคคลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
สรุปสั้น ๆ ภาวะผู้นำเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถึงการเป็นผู้นำ
ลักษณะของผู้นำที่ดีโดยทั่ว ๆ ไป
ผู้นำที่ฉลาดควรมี 3 ลักษณะอยู่ในตน1. สามารถนำเสนอความคิดใหม่ ๆ
2. สามารถสร้างความสุขให้กับตนเองได้
3. สามารถสร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้
ภาวะผู้นำกับการสร้างอำนาจ
คุณค่าของผู้นำ
อุปสรรคที่ทำลายล้างผู้นำ
ทฤษฎีภาวะการเป็นผู้นำ
สมรรถนะหลัก 5 ด้าน นำสู่ภาวะผู้นำ
อ.ยม พูดถึงประเทศญี่ปุ่นใช้ PDCA ในเรื่องภาวะผู้นำ
สมรรถนะหลักของผู้นำ (ภาครัฐ) มี 4 กลุ่ม
ทฤษฎี 8 K’s ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ. ยม แนะนำว่า ผู้นำสมัยใหม่ ต้องมีทุน และทุนที่มีต้องมากพอที่จะนำไปพัฒนาทีมงาน พัฒนาองค์กร ทุนดังกล่าว มี 8 อย่างดังนี้
นอกจากนี้ อ.ยม เน้น ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมี 3 ห่วง 2 เงื่อนไขเป็นโมเดลของความเป็นผู้นำ ภาวะผู้นำตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่
ในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 24 กพ. 50 ได้แบ่งกลุ่ม และส่งตัวแทนกลุ่มออกไปพูดในหัวข้อ
จากนั้น อ.ยม สรุปว่า ถ้านำเอาส่วนที่นักศึกษานำเสนอและวิเคราะห์แล้วเอามาหลอมรวมกัน พฤติกรรมเหล่านั้น ก็จะสามารถสร้างผู้นำที่เข้มแข็งได้
ข้อเสนอแนะและเพิ่มเติมเมื่อได้ศึกษาวิชาภาวะผู้นำ ทำให้มีความรู้ทางทฤษฎีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในองค์กรที่ทำงานอยู่ คิดว่าน่าจะเพิ่มคุณสมบัติของผู้นำที่ดี ดังนี้
ผู้นำที่ข้าพเจ้าชื่นชอบ คือ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพราะ
เหตุผลดังกล่าวข้างต้น เป็นแบบอย่างที่ดีของผู้นำในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน
ชาญชัย พานิชนันทนกุล เมื่อ จ. 26 ก.พ. 2550 @ 19:30 (175980)
สวัสดีครับท่านอาจารย์และเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน!
คุณค่าของผู้นำ
ผู้นำที่ดีต้องหลีกเลี่ยงเชื้อไวรัสร้าย เช่น
ทฤษฎีภาวการณ์เป็นผู้นำ
สมรรถนะหลัก 5 ด้านนำไปสู่ภาวะผู้นำ
1. Leading Change
2. Leading People
3. Business Acumen ความเฉียบคมในการบริหาร
4. Building Coalitions การสร้างความเข้าใจ การติดต่อสื่อสาร
ผู้นำที่ฉลาดควรมี 3 ลักษณะอยู่ในตนเองคือ
สรุป ผู้นำที่ดีนอกจากต้องเก่งคน เก่งงาน เก่งคิด เก่งเรียน แล้วยังต้องมีคุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบซื่อสัตย์ มีความคิดกว้างไกล มีเทคนิคในการสร้างทีมงานที่ดี จึงนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
จาก
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ผู้นำ กับเทคนิดการแก้ไขปัญหา เมื่อมีปัญหาต้องแก้ไข
ทุกอย่างในโลกล้วนมีการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นผู้นำจะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ
การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้วย "คน"
ผู้นำกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ
ความหมายของความสำเร็จในการบริหารจัดการในศตวรรษที่ 21
ผู้นำต้องรู้จักการสร้างอำนาจ ที่ถูกต้อง
เจ้านายและผู้นำ มีความแตกต่างกัน ผู้นำมีความยั่งยืนกว่า เพราะ
ผู้นำที่ฉลาดควรมี 3 ลักษณะอยู่ในตน
1. สามารถนำเสนอความคิดใหม่
คุณค่าของผู้นำ/ผู้บริหาร
คุณค่าของผู้นำ/ผู้บริหารข้างต้นนำไปใช้วิเคราะห์Best Leaders
อ.ยมเน้น เชื้อไวรัสร้าย ทำลายล้างผู้นำและองค์การ ทังภาครัฐและเอกชน
ความหมายของความสำเร็จในการบริหารจัดการ
1. สามารถต่อกรกับความไม่แน่นอนในธุรกิจของตน ที่นับวันก็ยากต่อการคาดคะเน เล็งถึงผลได้ การวางแผนระยะยาวต้องทอนให้สั้นลง
2. แสวงหา รักษาพัฒนากำลังคนให้มีความสามารถอยู่เป็นนิจ
3. สร้างแนวคิดใหม่ๆ ของการงานของตนอยู่เสมอ นวตกรรมในหน่วยงานของคนในแต่ละไตรมาส
4. ดำเนินการด้วยความมีประสิทธิภาพ ต้นทุนที่ต่ำ ได้ผลดี
5. แสวงหา รักษาลูกค้าได้ดี
6. สร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียกับกิจการขององค์การ
ทฤษฎีภาวะการเป็นผู้นำ
1. เกี่ยวกับลักษณะ
2. ทางด้านพฤติกรรม
3. ทางด้านสถานการณ์
สมรรถนะหลัก 5 ด้าน นำสู่ภาวะผู้นำ
1. ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง
2. ศักยภาพในการเป็นผู้นำ
3. การมุ่งผลสัมฤทธิ์
4. ความเฉียบคมทางการบริหาร เช่นความรู้สึกมองการณ์ไกล บริหารเชิงรุก อย่ารอให้ปัญหาเกิด
5. การสร้างความเข้าใจ
สมรรถนะหลักของผู้นำแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม
1. สมรรถนะในการบริหารคน
2. สมรรถนะในความรอบรู้ทางการบริหาร
3. สมรรถนะในการบริหารอย่างมืออาชีพ
4. สมรรถนะการบริหารแบบม่งผลสัมฤทธิ์
5. สมรรถนะในการเรียนรู้ ความรู้ใหม่ ๆ (ความรู้สด)
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มี 3 ห่วง 2 เงื่อนไข คนที่เป็นผู้นำที่ดีจึงต้องมี
1. ความพอประมาณ
2. มีเหตุผล
3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
เงื่อนไขที่ 1 เงื่อนไขความรู้
เงื่อนไขที่ 2 เงื่อนไขคุณธรรม
บรรษัทภิบาลที่ดี
1. ประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
2. ความโปร่งใส
3. ความซื่อสัตย์
4. ความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติตามหน้าที่
5. ความสามารถในการแข่งขัน
แนวทางสู่การเป็นผ้นำที่ดีแห่งยุค
1. มีความรอบรู้
2. มีคุณธรรม
3. มีเหตุมีผล
4. รู้จักประมาณ
5. มีภูมิคุ้มกัน
ข้อสรุปลักษณะการเป็นผู้นำโดยภาพรวมและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
1. ความเข้าใจในบทบาทในหน้าที่ ความรับผิดชอบ เป้าหมาย และลำดับความสำคัญของงานตนเองให้ชัดเจน
2. การมอบหมายงานอย่างมีประสิทธิผล
3. จะต้องสามารถหักห้ามใจตนเองไว้ให้ได้ที่จะไม่เข้าไปทำงานแทนลูกน้อง โดยตัวผู้นำเองจะต้องเป็นกระจกเงาในการสะท้อนภาพและชี้นำการทำงานของลูกน้อง
4. อย่าหลงคิดว่างานทุกอย่างเป็นงานที่สำคัญและจะต้องทำ เพราะงานบางอย่างไม่จำเป็นสำหรับผู้นำที่จะต้องทำ
5. ผู้นำต้องสามารถพูดคำว่า "ไม่" ในงานที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล
ผู้นำที่ชื่นชอบ คือพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของประเทศไทยเพราะ
1. ชอบสันโดษสมถะ
2. มีความซื่อสัตย์
3. เวลาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนสามารถโน้มน้าวให้คล้อยตามได้
4. สุขุมใจเย็น
5. ตำแหน่งหน้าที่การงานข้าราชการประจำเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
6. หลังจากเกษียณได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี
เพราะคุณความดี ความซื่อสัตย์สุจริตและผลงานราชการจึงได้รับการสนับสนุนและผลักดันเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของประเทศไทยซึ่งเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวจังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากท่านเป็นชาวเพชรบุรี จังหวัดเดียวกับกระผม
ทฤษฎีภาวะการเป็นผู้นำ
1. ทฤษฎีเกี่ยวกับลักษณะ (Trait Approach)เป็นการวิจัยที่มุ่งเน้นไปยังคุณสมบัติส่วนตัวของผู้นำ เช่น
2. ทฤษฎีทางด้านพฤติกรรม (Behavioral Approach)จะมุ่งเน้นในเรื่องเกี่ยวกับผู้นำ และผู้จัดการที่ใช้พฤติกรรมในการทำงาน เช่น
3. ทฤษฎีทางด้านสถานการณ์ (Situational Approach)เป็นการวิจัยที่ให้ความสำคัญในเรื่องของปัจจัยที่ทำให้เกิดสถานการณ์ เช่น
ผู้นำที่ดีควรมีทุนอยู่ในตนดังนี้
ผู้นำที่ดีที่สุดควรมีพฤติกรรม ดังต่อไปนี้
คุณค่าของผู้นำ / ผู้บริหาร อยู่ตรงไหน
ผู้นำต้องรู้จักสร้าง รักษาและใช้อำนาจ ในทางที่ถูกต้อง แนวทางการสร้างอำนาจ ได้แก่
ผู้นำนั้นจะต้องมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เพราะโลกในยุคปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำที่ดีจะต้องเป็นคนที่คิดดี หรือมี Positive Thinking คือการคิดในด้านบวก การเป็นผู้นำจะต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องกล้าตัดสินใจ ต้องตัดสันใจได้ทันการณ์ และเมื่อได้ตัดสินใจไปแล้วต้องไม่มีปัญหาตามมา และที่สำคัญผู้นำต้องมีอำนาจ ต้องสร้างอำนาจและต้องใช้อำนาจให้ถูกต้องอีกด้วย
นางสาวสุพรรษา อาลี
รหัสประจำตัว 106242002
น.ศ. ปริญญาโท MBA รุ่นที่ 7
มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด
สวัสดีค่ะศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม นาคสุข และผู้อ่านทุกท่าน
ตามที่อาจารย์ยม นาคสุขได้ให้เกียรติมาสอนวิชาภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงในวันที่ 23 -24 กุทภาพันธ์ 2550 ทำให้ดิฉันรู้สึกประทับใจและได้ความรู้เพิ่มมากค่ะ โดยอาจารย์ได้เริ่มสอนในหัวข้อเรื่องดังนี้
1. โลกปัจจุบันยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
-คนงานส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา มีความฉลาดขึ้น ดังนั้นกฎระเบียบการทำงานแบบเก่าๆ ไม่สามารถใช้ได้แล้ว
-PEST {politic economic social technology} เป็นปัจจัยภายนอกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีผลกระทบต่อภาวะผู้นำ
-ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงปริมาณและคุณภาพ ถ้าไม่ปรับเปลี่ยน ลูกค้าจะเปลี่ยนแปลงไปซื้อรายอื่น
2. ปัจจัยแห่งความสำเร็จขององค์กร
-สามารถต่อกรกับความไม่แน่นอนในธุรกิจของตนที่นับวันยากแก่การคาดคะเน
-แสวงหา รักษา พัฒนากำลังคนให้มีความสามารถอยู่เป็นนิจ
-สร้างแนวคิดใหม่ๆของการงานของตนอยู่เสมอ
-ดำเนินการด้วยความมีประสิทธิภาพ ต้นทุนที่ต่ำได้ผลดี
-แสวงหา รักษาลูกค้าได้ดี
-สร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกิจกรรมขององค์กร
-โดยการสร้างความได้เปรียบขององค์กรในการแข่งขันเรื่องคน ถ้าคนในองค์กรนั้นเก่ง และดี องค์กรนั้นจะได้เปรียบ
3.ผู้นำ หมายถึงบุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มและความสามารถนำกลุ่มปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ
ภาวะผู้นำ หมายถึง เป็นความสามารถที่จะสร้างความเชื่อมั่นและให้การสนับสนุนผลักดันบุคคลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
3.1ผู้นำที่ฉลาดควรมีลักษณะดังนี้
-สามารถเสนอแนวความคิดใหม่ คือมีทุนความรู้ ทุนปัญญา ทุนทางสังคม ทุนทางIT
-สามารถสร้างความสุขให้กับตนเองได้ คือมีทุนความเป็นมนุษย์ ทุนทางความสุข
-สามารถสร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้ คือ มีทุนทางจริยธรรมคุณธรรม ทุนแหเงความยั่งยืน
3.2คุณค่าของผู้นำ
-การมุ่งประโยชน์ส่วนรวม
-ปกครองด้วยหลักธรรมาธิปไตย/ธรรมาภิบาล
-มีความสามารถ
-มีความสำนึกรับผิดชอบ
-มีความเป็นกลาง
-การมุ่งสัมฤทธิ์ผล
-ความเป็นมืออาชีพ
*****ผู้นำที่ดีต้องมีภาวะผู้นำ ซึ่งเป็นพลังขับเคลื่อนพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ******
เช่น BILL GATES มีภาวะผู้นำคือใฝ่รู้ คิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบข้ามศาสตร์ มีอัฉริยะทางปัญญา กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ
3.3ผู้นำต้องมีการสร้างและรักษาอำนาจ ซึ่งจะเกิดได้จาก
-การให้(ให้โอกาส ให้ความรู้ ให้อภัย)
-การติด้วยความเมตตา
-การแสดงเป็นผู้รู้มากกว่าลูกน้อง
-อำนาจสร้างได้ด้วยการอ้างอิง
-อำนาจทางนิติกรรม
4.กรอบแนวความคิด ทฤษฎี
4.1ทฤษฎีเกี่ยวกับลักษณะ : ลักษณะและทักษะของผู้นำที่ดีจะทำงานสำเร็จด้วยดีและเป็นที่พอใจของผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำให้เกิดประสิทธิภาพ
4.2ทฤษฎีทางด้านพฤติกรรม
4.3ทฤษฎีทางด้านสถานการณ์
5.สมรรถนะของผู้นำยุคใหม่
5.1ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง
-การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ตระหนักถึงผลกระทบจากภายนอก ความยืดหยุ่น จูงใจใฝ่บริหาร การคิดเชิงกลยุทธ์ มองการณ์ไกลได้ดี
5.2ศักยภาพในการเป็นผู้นำ
-การบริหารความขัดแย้ง ตระหนักในคุณค่าทางนวัตกรรม ความจงรักภักดี สร้างทีมงาน
5.3มุ่งไปสู่ผลลัพธ์
-ความรับผิดชอบ การให้บริการลูกค้า การตัดสินใจ ความเป็นผู้ประกอบการ การแก้ไขปัญหา มีเทคนิคที่เชื่อถือได้
5.4ความเฉียบคมทางการบริหาร
-มีความรู้ลึก มีวิสัยทัศน์ บริหารเชิงรุกเช่น CEO concept ผู้นำต้องสนใจ customer satisfaction,employee satisfaction,organization result
5.5การสร้างความเข้าใจ/การติดต่อสื่อสาร
-การเจรจาต่อรอง การโน้มน้าวใจ ความสามารถในการสื่อสารด้วยวาจา ความสามารถในการมีส่วนร่วม ความรอบรู้ด้านการเมือง ความสามารถในการสื่อสารด้วยการเขียน
6.แนวทางการพัฒนาตนเองสู่ภาวะผู้นำที่เป็นเลิศ
-ภาวะผู้นำตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง (3ห่วง2เงื่อนไข)คือ
3 ห่วงคือผู้นำต้องมีเหตุมีผล มีความพอดีพอประมาณ มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
2 เงื่อนไขคือ เงื่อนไขความรู้(รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง) เงื่อนไขคุณธรรม(ซื่อสัตย์สุจริต สติปัญญาขยันอดทน แบ่งปัน)
สรุปและข้อเสนอแนะ
คนเมื่อมีทุนมนุษย์ที่ (ได้รับการเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนมาอย่างดี) จะทำให้สามารถเป็นผู้นำที่ดี และต้องมีภาวะผู้นำคือ มีความคิดดี {positive ting} มีอัตตาต่ำมีทุนทั้ง 8 ประการดังที่ได้กล่าวมาแล้ว มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้นำที่ความเฉียบคมทางการบริหาร มุ่งสัมฤทธิ์ผล สร้างความเข้าใจ ภาวะผู้นำในอนาคตควรจะต้องมีทุนแห่งความพอเพียงเพิ่มขึ้นมารวมทั้งในการปกครองภาครัฐและภาคเอกชน คือมีความรอบรู้ มีคุณธรรม มีเหตุมีผล รู้จักประมาณ มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรไปสู่ความสำเร็จ และมีภาวะผู้นำที่ยั่งยืน
**ข้อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีในอนาคตของประเทศไทย ควรจะมีภาวะผู้นำแบบไหน
-ต้องมาจากการเมือง รอบรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ ต้องมีความสนใจ ใส่ใจ เอาใจใส่เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ต้องศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลาเป็นความรู้ที่สด มีความเป็นนักวิชาการ รู้แล้วถ่ายทอดได้ มีความเป็น GLOBALIZATION
7.ภาพรวมของการจัดการทรัพยากรมนุษย์
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นศิลปะการจัดการเกี่ยวกับบุคคล ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงาน เพื่อให้งานบรรลุผลตามเป้าหมายขององค์การอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน
หน้าที่ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์คือ 1.สรรหา 2. พัฒนา 3.รักษาไว้ 4.ใช้ประโยชน์
**จักรยานนานไปก็เสื่อม แต่คนถ้าทะนุบำรุง พัฒนา ยิ่งนานยิ่งเก่งกล้า แต่ในทำนองเดียวกัน คนถ้าไม่ดูแลพัฒนาก็เสื่อมหรือเสื่อมเร็วกว่าวัตถุด้วย**
การบริหารจัดการองค์กรยุคใหม่ คือ ใช้คนน้อย มืออาชีพ มีมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรม โปร่งใส พร้อมรับผิด มีการทำข้อตกลงหรือผิดสัญญา
จริยา ลิ้มธรรมรักษ์
106242001 MBA7
มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ดนานาชาติ จังหวัดเพชรบุรี
จากการเรียนภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรเมื่อวัน ศุกร์ที่ 24 และ เสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ผ่านมานั้น กับอาจารย์ ยม นาคสุข และอาจารย์ได้ถามว่าเรียนแล้วได้รู้อะไร ?
ก่อนอื่นต้องขอตอบว่าได้รู้จักอาจารย์ผู้สอน และคณะทีมการสอนของ ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ จากอาจารย์ ยม นาคสุข พร้อมทั้งประวัติการศึกษา และประสบการณ์ของอาจารย์ทีมการสอนทุกท่าน จึงทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการฟังและเรียนรู้ การยอมรับจากอาจารย์ผู้สอนในทางบวกจึงทำให้เกิดการเข้าใจในการเรียนรู้
และได้ทราบว่าผู้นำกับภาวะผู้นำแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งก่อนที่จะได้เรียนตามความคิดที่ตัวเองเข้าใจคือผู้นำกับภาวะผู้นำมีความหมายเหมือนกัน และขณะนี้เข้าใจแล้วว่าผู้นำคือ ตัวคน
ส่วนภาวะผุ้นำคือพฤติกรรมที่แสดงออกมาไม่ว่าจะเป็นการคิดหรือตัดสินในกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ต้องคิดและทำให้ประสบความสำเร็จ และภาวะผู้นำที่ดีต้องมีความเสียสละ มีคุณธรรม และจริยธรรม ควบคู่กันไป
นางสาวกนกลักษณ์ เร้าเลิศฤทธิ์ MBA ม.นานาชาติแสตมฟอร์ดหัวหิน เมื่อ อ. 27 ก.พ. 50 @ 10:30
ก่อนได้เรียนเรื่องภาวะผู้นำ (Leadership)ตามความเข้าใจผู้นำคือ เจ้าของกิจการและจะต้องมีทั้งพระเดชพระคุณ และจำต้องมีความรู้ความสามารถในกิจการนั้นอย่างดี หลังจากเรียนเรื่องภาวะผู้นำ ได้รับความรู้มากมายว่า ผู้นำจะต้องมีการตื่นตัวอยู่เสมอและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอด ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องกิจการงานที่เราทำ แต่รวมไปถึงความรู้ใหม่ๆ และการใช้หลักธรรมะเข้ามาช่วยในการเป็นผู้นำ อย่างเช่น ผู้นำที่ฉลาดควรมี 3 ลักษณะอยู่ในตนกนกลักษณ์ เร้าเลิศฤทธิ์
MBA ม.นานาชาติแสตมฟอร์ดหัวหิน
วิวัฒน์ นาวียง เมื่อ อ. 27 ก.พ. 2550 @ 12:18 (176762)
สวัสดีครับ ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ เพื่อน ๆ นักศึกษา MBA STAMFORD UNIVERSITY HUAHIN และผู้อ่านทุก ๆ ท่าน
ในวันที่ 23 - 24 กุมภาพันธ์ 2550 ได้เรียนเรื่องภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลง จากท่าน อ.ยม นาคสุข และท่านได้แนะนำให้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม และให้ถามตนเองว่า เรียนเรื่องภาวะผู้นำในครั้งนี้เรียนแล้วได้ความรู้อะไรบ้าง
จากการเรียนวิชาภาวะผู้นำได้ความรู้ดังนี้ ปัจจุบันเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง จากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และถ้าใครไม่มีการปรับเปลี่ยนก็จะเปรียบเสมือนไดโนเสาร์ที่ไม่สามารถปรับตัวและดำรงชีวิตมาถึงยุคปัจจุบัน
ปัจจัยแห่งความสำเร็จขององค์กร ภาวะผู้นำ : เป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ The Energy that Drives Your Organization towards Excellence
ผู้นำ (Leader) คือบุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม และสามารถนำกลุ่มปฏิบัติงานต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
ภาวะผู้นำ (Leadership) เป็นความสามารถที่จะสร้างความเชื่อมั่นและให้การสนับสนุนผลักดันบุคคลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร ผู้นำที่ดีต้อง
ผู้นำที่ดีที่ฉลาดควรมี 3 ลักษณะอยู่ในตน(ทฤษฎี 8 K’s ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์)ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหานี้ก็ได้ตรงกับ อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) นิโรธ (ความดับทุกข์) และมรรค (คือทางที่จะพ้นทุกข์)
ท้ายนี้ผมขอกราบขอบพระคุณท่าน ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม นาคสุข ที่ได้เสียสละเวลาของท่านเพื่อมาให้ความรู้ให้กับพวกเรา ชาว MBA STAMFORD
ผมนายวิวัฒน์ นาเวียง นักศึกษา MBA ID 106342001
นายณัฐพงศ์ ชุมนุมพันธ์ เมื่อ อ. 27 ก.พ. 2550 @ 14:00 (176874)
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ /นักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด หัวหินและผู้อ่านทุกท่าน
จาการที่ได้เข้ารับการศึกษาเมื่อวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่านมาพอที่จะสรุปใจความสำคัญต่างๆที่ได้เรียนรู้จากท่าน อ.ยม ดังนี้ลักษณะแรก สามารถนำเสนอแนวความคิดใหม่
ลักษณะที่สอง สามารถสร้างความสุขให้กับตัวเราเองได้
ลักษณะสุดท้าย สามารถสร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้
ทฤษฏีภาวการณ์เป็นผู้นำ
ความหมายของความสำเร็จในการบริหารจัดการ ใน ศตวรรษที่ 21
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 หลักการ 2 เงื่อนไข ได้แก่
ฝึกตนเองให้มีภาวะผู้นำ จากแนวคิดหลักเศรษฐกิจพอเพียง กับภาวะผู้นำ
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วท่าน อ.ยมได้สอนให้ สังเกตภาวะผู้นำของผู้อื่นโดยการให้สังเกตว่าผู้ที่ออกมาพรีเซ้นต์หน้าชั้นมีพฤติกรรมอย่างไรบ้างและพฤติกรรมข้อใดควรเอาเยี่ยงอย่าง
และมีความรู้และคำพูดคมๆให้ขบคิด เช่น บุญ คือ สนใจ ใส่ใจ และเอาใจใส่ และที่สำคัญและลืมไม่ได้คือ ซึ่งเป็นปัญหาในการเขียนข้อสอบของผม ท่าน อ.ยมได้เสนอแนะวิธี การพูด การเขียน Blog หรือข้อสอบ คือ 1.เปิดประเด็น 2.ดำเนินเรื่อง 3.สรุปพร้อมเสนอแนะ ซึ่งกระผมจะพยายามทำให้ได้และขอให้ท่าน อ.ยม และท่าน ศ.ดร.จีระ ช่วยวิจารณ์ผมในเรื่องนี้ด้วย จักเป็นประคุณอย่างสูงครับ
ณัฐพงศ์ ชุมนุมพันธ์
น.ส.ปภาวี นาคสุข ID 106142008 MBA 6 เมื่อ อ. 27 ก.พ. 2550 @ 16:17 (177035)
ขอสวัสดี อาจารย์จีระ และ อาจารย์ยม ที่เคารพค่ะ
จากที่ดิฉันได้เรียนวิชา ภาวะผู้นำ สอนโดย อ.ยม นาคสุข เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2550 ทำให้ทราบถึงความหมายของคำว่า ผู้นำ และ ภาวะผู้นำ นั่นก็คือ
ผู้นำ หมายถึง ตัวบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการบริหารจัดการองค์กร เพื่อนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่วน ภาวะผู้นำ คือ พฤติกรรม และความคิดของผู้นำที่นำมาใช้ในการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งผู้นำที่ดีนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้
และการเป็นผู้นำที่ดีต้องเป็นบุคคลที่มีลักษณะ และความประพฤติตรงกับทฤษฎีที่ว่าด้วยคุณค่าของผู้นำ, ทฤษฎี 8 K’s และทฤษฎีภาวการณ์เป็นผู้นำที่ดี เป็นต้น
ดังที่อาจารย์ได้อธิบายอย่างละเอียดไปแล้วนั้น และสิ่งหนึ่งที่ อาจารย์ได้เน้นย้ำ และดิฉันก็จำได้ขึ้นใจว่า การจะเป็นผู้นำที่ดี มีความสามารถ อีกทั้งสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้นั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องเป็นผู้นำที่มี Positive Thinking และให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่าทรัพยากรมนุษย์ Human Resource
สุดท้ายนี้ดิฉันขอขอบพระคุณท่าน อ.ยม เป็นอย่างสูงที่ช่วยให้ความกระจ่างในความหมายของคำว่า ผู้นำ และภาวะผู้นำได้เป็นอย่างดี ซึ่งแต่ก่อนเข้าใจเพียงแค่ว่า การเป็นคนเก่ง และเป็นคนดี ก็เป็นผู้นำที่ดีได้ แต่จากการที่ได้มาเรียน ทำให้รู้เลยว่า ยังมีกลยุทธ์ต่างๆ อีกมากมายที่จะสร้างเสริมภาวะผู้นำ ให้เป็นผู้นำที่ดีได้มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด (หัวหิน)
หลักสูตร บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
รหัสวิชา / ชื่อวิชา ภว.524 ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
อาจารย์ผู้สอน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และทีม Chira Academy
ในการสอนของอาจารย์ยม นาคสุข ในวันศุกร์ ที่ 23 และ เสาร์ ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2550 มีคำถามให้กับนักศึกษาในชั้นเรียนว่า ทั้ง 2 วันที่ผ่านมานั้น “เรียนกับอาจารย์แล้วได้อะไร?” ผมเป็นหนึ่งในนักศึกษาในชั้นเรียนที่อาจารย์ยมสอน เนื้อหาที่อาจารย์สอนจะครอบคลุมเน้นในเรื่อง “ความหมายของผู้นำและภาวะผู้นำ” ทำให้สิ่งที่ผมได้รับคือ
จากความรู้ดังกล่าวข้างต้น ผมสามารถนำกลับมาใช้พิจารณาปรับปรุงตนเองในส่วนที่ขาดหรือยังไม่เคยปฏิบัติหรือปฏิบัติยังไม่ถูกต้องในฐานะส่วนที่จะต้องแสดงบทบาทเป็นผู้นำ ตลอดจนสามารถนำความรู้ดังกล่าวข้างต้นมาประยุกต์เป็นแผนงานใช้กับองค์กรที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน พร้อมกับนึกถึงสังคมไทย ในแง่มุมของผู้นำประเทศไทยในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคตที่อาจจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลที่มาจากประชามติของประชาชนชาวไทย ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปี 2550 นี้ ว่าผู้นำของประเทศไทยควรจะมีคุณสมบัติและมีภาวะผู้นำอย่างไร ซึ่งในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนไทยที่มีสิทธิออกเสียงคงจะต้องพิจารณาและชี้ชวนให้บุคคลรอบข้างเลือกผู้นำในแนวทางที่อาจารย์ได้สอน หรือมีภาวะผู้นำใกล้เคียงกับทฤษฎี เนื่องจากผู้นำจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมไทยจากสังคมที่เล็กที่สุด คือ ครอบครัว และครอบครัวใหญ่ ก็คือประเทศชาติว่าจะมีทิศทางหรือแนวโน้มดีหรือไม่ดีได้อย่างไร
ราเชนทร์ แดงโรจน์
รหัส 106242005
Jaruwan Yunprayong MBA 6 ID:106142009 เมื่อ อ. 27 ก.พ. 2550 @ 13:53 (176864)
สวัสดีค่ะ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เรียนเรื่องภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลง จากท่าน อ.ยม นาคสุข ในวันที่ 23 - 24 กุมภาพันธ์ 2550
ฝิ่นส่งการบ้านเข้าไปใน e mail ของ อ. ยม ไปแล้วค่ะ เพราะตอนแรก หา blog ไม่เจอ....
ฝิ่นโทรแจ้ง อ.ยม แล้วขอความกรุณาท่าน อ.ยม ช่วย copy การบ้านส่งมาใส่ที่ blog นี้ค่ะด้วยความเคารพอย่างสูง
จารุวรรณ ยุ่นประยงค์ MBA 6 : 106142009 Stamford International University Hua Hinชื่อ: Jaruwan Yunprayong ( Finn) MBA 6 106142009
อีเมล: [email protected]
ชื่อเรื่อง: ได้อะไรจากการเรียน ภาวะการเป็นผู้นำ (Feb 23-24,2007)
เนื้อความ:
ขอบคุณ
Jaruwan
อัสมา แวโน๊ะ เมื่อ พฤ. 01 มี.ค. 2550 @ 19:32 (179668)
สวัสดีค่ะ ศ.ดร. จิระ หงส์ลดารมภ์ ,อ.ยม นาคสุข และผู้อ่านทุกท่าน สำหรับการบ้านครั้งนี้ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่มีการส่งการบ้านช้าเนื่องด้วยติดภาระกิจสอน ในพื้นที่ ที่ไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ สำหรับการบ้านครั้งนี้ให้บรรยายว่า “คุณได้อะไรบ้างจากการเรียนในครั้งนี้” สำหรับดิฉันสิ่งที่ได้รับเพิ่มเติมในการเรียนครั้งนี้คือ1. ได้เรียนรู้เกี่ยวกับทัศนคติ ของผู้นำ หมายถึง ผู้นำที่ดีควรที่จะมีทัศนคติที่กว้างไกล พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นั้นหมายถึง ทรัพยากรที่มีค่าที่สุด และไม่มีวันเสื่อมค่านั้นก็คือ “ทรัพยากรมนุษย์ หรือ ทุนมนุษย์”
ถ้าผู้นำ มีทัศนคติการบริหารงานพร้อมไปกับบริหารคน จะทำให้งานที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด
2. ได้เรียนรู้ทฤษฎีความเป็นผู้นำ ในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นความหมายของผู้นำ และภาวะผู้นำ ตลอดจนศักยภาพของผู้นำในรูปแบบต่างถ้าให้บรรยาย เนื้อหาคงจะคล้ายคลึงกับพี่ ๆ และเพื่อนที่ได้กล่าวมาข้างต้น
3. ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน หลังจากที่ท่านอาจารย์ได้มีการแจกงานให้ทำเป็นกลุ่มนั้นส่งผลให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน ถือเป็นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของผู้อื่นไปในตัว
นอกเหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ได้ในการเรียนวิชาภาวะผู้นำในครั้งแรกนี้ถือว่าเป็นความประทับใจในทีมงานสอนของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ยม นาคสุขและที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจ มากไปกว่านั้นก็คือ ได้มีโอกาสเรียนรู้ผ่านประสบการณ์กับชาวต่างชาติในครั้งหน้า ซึ่งถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในมุมมองที่กว้างขึ้นและแตกต่างออกไป หวังว่าจะได้รับการอภัยที่ส่งการบ้านล่าช้า
ขอบคุณคะ
อัสมา แวโน๊ะ
MBA 7
ศิรดา มากมี เมื่อ พฤ. 01 มี.ค. 2550 @ 19:44 (179682) |
สวัสดีค่ะ ศ.ดร. จิระ หงส์ลดารมภ์ ,อ.ยม นาคสุข และผู้อ่านทุกท่าน
เนื่องด้วยดิฉันไม่ได้เข้าเรียนในครั้งแรก ทั้งวันศุกร์และวันเสาร์ เนื่องจากมีความจำด้านงาน จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ ดิฉันได้ทราบข่าวจากเพื่อนเรื่องการบ้านของอาจารย์
แม้ว่าดิฉันจะไม่ได้เข้าเรียนแต่จากที่ได้อ่านหนังสือของอาจารย์จิระ แล้วรู้สึกน่าสนใจในรายละเอียดวิชา ซึ่งเป็นวิชาที่นอกเหนือจากการสอนให้เป็นผู้นำที่ดีแล้ว ยังสอนให้เล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ไปพร้อมกัน
ต้องขออภัยกับการขาดเรียนในครั้งแรก แต่สำหรับครั้งต่อไปจะเข้าเรียนตามปกติ ขอบคุณค่ะศิรดา มากมี
MBA 7สวัสดีค่ะ ศ.ดร.จีระ/นักศึกษา MBA ม.นานาชาติแสตมฟอร์ดและท่านผู้อ่านทุกท่าน
สัปดาห์แรกของการศึกษาวิชาภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กรกับอาจารย์ยม ซึ่งท่านได้มอบหมายการบ้านให้ทำในสัปดาห์แรกจากหัวข้อ “จากการศึกษาเรื่องภาวะผู้นำของสัปดาห์แรก ได้อะไรกับตัวเราบ้าง
ความหมาย
ผู้นำ และภาวะผู้นำมีความแตกต่างกันตรงที่ “ผู้นำ”คือบุคคลที่มีอิทธิพลในการชักจูง โน้มน้าวบุคคลอื่นๆให้ปฏิบัติตามเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กรสำหรับ “ภาวะผู้นำ”คือพฤติกรรมที่ถ่ายทอดออกมา ซึ่งสามารถทำให้บุคคลอื่นยอมรับและได้รับการสนับสนุนจากบุคคลอื่นๆในการดำเนินการใดๆเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร
ลักษณะที่ดีของผู้นำโดยทั่ว ๆ ไป
2. สามารถสร้างความสุขให้กับตนเองได้
3. สามารถสร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้
ทฤษฏีภาวะผู้นำซึ่งมี 3 แบบดังนี้1. ทฤษฎีเกี่ยวกับมีความทะเยอทะยาน (Ambition)
2. ทฤษฎีทางด้านพฤติกรรม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ มุ่งที่พนักงาน และมุ่งที่ผลผลิต/งาน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มตามตารางพฤติกรรมการบริหาร ของ Robert R. Blake & Jane S. Mouton ดังนี้·
3. ทฤษฎีทางด้านสถานการณ์ สามารถแบ่งยอยออกได้เป็น 3 ลักษะคือ
3.1. ตัวแบความไม่แน่นอนของเฟรด ฟิดเลอร์
3.2. ทฤษฏีวิถีทางสู่เป้าหมาย
3.3. ทฤษฏีภาวการณ์เป็นผู้นำตามสถานการณ์ของเฮอร์ซี และเบลนชาร์ด สมรรถนะหลัก 5 ด้าน ในการนำไปสู่ภาวะผู้นำยุคใหม่ 1. ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านต่างๆดังนี้
2 เงื่อนไข คือ เงื่อนไขความรู้ (จะต้องมีความรอบรู้ รอบคอบ และรู้จักระมัดระวัง) และเงื่อนไขคุณธรรม (จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต, มีสติ ปัญญา ขยัน และอดทน และรู้จักการแบ่งปัน)
การฝึกตนเองให้มีภาวะผู้นำ จากหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีดังนี้สวัสดีค่ะ ศ.ดร.จีระ/อ.ยม นาคสุข และนักศึกษา MBA ม.นานาชาติแสตมฟอร์ดและท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขออนุญาตแชร์ไอเดียเพิ่มเติมในส่วนเนื้อหาที่อาจารย์ยมได้สอนเรื่อง ภาวะผู้นำ ซึ่งมีเนื้อหาที่ดีและทันสมัย เป็นเรื่องใหม่และสมารถนำไปสู่การบูรณาการได้เป็นอย่างดี คะ ดิฉันมีความคิดเห็นเพิ่มเติม ดังนี้
ในโลกปัจจุบันเป็นสังคมฐานความรู้ (Knowledge - Base Society) ความรู้ ถือ เป็นทรัพยากรหลักในการพัฒนาระดับความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม
และเจ้าของความรู้ก็คือ คน(Human) ดังนั้น ภาวะผู้นำควรต้องเป็นบุคคลที่ เป็น Knowledge Worker จะต้องใช้ ความรู้ เป็นหลักในการทำงาน
ปีเตอร์ เอฟ ดรักเกอร์ ปรมาจารย์นักจัดการของโลก กล่าวไว้ในคศ.ที่19 ซึ่งน้าจะยังคงเป็นจริงในคศ.ที่21 และในอนาคตต่อไป
ได้เสนอปัจจัยหลักที่กำหนด Knowledge Worker productivity 6 ปัจจัย ดังนี้
7 ปัจจัยดังกล่าวน่าจะเป็นพฤติกรรมหนึ่งของ ภาวะผู้นำต้องมีและสำคัญที่สุดในตัวผู้นำต้องมี คือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Continuing Learning)หรือที่เราเรียกว่า การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life - Long Learning) หาความรู้ให้อาหารสมองและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
สวัสดีคะ
อาจารย์สุดาภรณ์ A' Lotus
ภาวะผู้นำ จากการฟังการบรรยายในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เข้าใจถึงบทบาทที่ผู้นำควรปฏิบัติในระดับหนึ่ง คือการเป็นผู้นำนั้นต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความรู้ความสามารถ ที่สามารถถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่นได้
การที่ลูกน้องทำผิดพลาดก็ต้องมีการตำหนิติเตียนตามเหตุผลพร้อมทั้งอธิบายวิธีการแก้ไขให้ทราบด้วย มีการวางแผนงานที่ชัดเจน รอบคอบ เพื่อที่จะทำให้องค์กรไปสู่เป้าหมายได้ ซึ่งต้องใช้ความรู้ ความสามารถ เป็นอย่างมาก เมื่อผู้นำแสดงให้เห็นถึงความสามารถก็จะเป็นที่ยอมรับของคนในหน่วยงานนั้น
บางครั้งผู้นำก็ควรจะเป็นผู้ให้ เช่น ความรู้ บางครั้งก็ต้องเป็นผู้รับ เช่น รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมสวัสดี ดร.จีระ และผู้อ่านทุกท่าน
จากที่ดิฉันได้เรียนในห้องทำให้ทราบถึงคำว่าผู้นำหมายถึง บุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มและสามารถนำกลุ่มปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร ภาวะผู้นำหมายถึงความสามารถที่จะสร้างความเชื่อมันและให้การสนับสนุน ผลักดันบุคคล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร ทฤษฎีภาวะการณ์เป็นผู้นำแบ่งออกเป็นดังนี้สรุป ผู้นำคือตัวบุคคล ภาวะผู้นำคือพฤติกรรม การเป็นผู้นำที่ดีนั้นต้องมีภาวะผู้นำรวมอยู่ด้วย และสิ่งที่สำคัญคือคุณค่าของผู้นำเอง จึงจะทำให้องค์กรประสบผลสำเร็จถึงเป้าหมายอย่างดีเยี่ยม
นางสาวนภาพร พิพัฒน์
รหัส 106142007
3. ทฤษฎีทางด้านสถานการณ์
1. ทฤษฎีเกี่ยวกับลักษณะ มีความเชื่อว่า ผู้นำที่มีคุณลักษณะดี จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จตามศาสตร์ของจีน มีการเก็บข้อมูลลักษณะของผู้นำว่า มีลักษณะสูงใหญ่ คิ้วดก ขนดกดำ สังเกตจากรูปภาพแม่ทัพจีนโบราณ ซุนวู เป็นต้น สัตว์ป่าจ่าฝูง เพศผู้จะมีลักษณะโครงสร้างใหญ่ มีขนสวยสง่างาม เป็นต้น ต่อมาภายหลังมีการพัฒนาการศึกษาลักษณะผู้นำ ว่าเป็นผู้ที่มีลักษณะ ดังนี้นายนันทพล เถาลิโป้ เมื่อ พ. 28 ก.พ. 2550 @ 14:10 (178164)
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MBA ม.นานาชาติ สแตมฟอร์ด (หัวหิน) และท่านผู้อ่านทุกท่าน
การที่เราได้เข้ามาเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยนั้นผมคิดว่าการเรียนในสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อนจะทำให้เราได้รับรู้มากขึ้นเพราะเราจะได้มุมมองที่กว้างไกลจากเดิมมากขึ้น "ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร" ทำให้ผู้บริหารต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ในแนวทางที่ถูกต้องเพื่อการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นและสามารถแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่นในหัวข้อต่อไปนี้
ความแตกต่างระหว่างผู้นำและภาวะผู้นำผู้นำ คือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม และสามารถนำกลุ่มปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
ภาวะผู้นำ คือ พลังชนิดหนึ่งที่สามารถส่งแรงกระทำอันก่อให้เกิดการขับเคลื่อนกลุ่มคน และนำองค์กรไปสู่การบรรลุเป้าหมายและจุดประสงค์
ยกตัวอย่าง บิลล์ เกตส์ ผู้นำซอฟแวร์ของโลก มีภาวะผู้นำดังนี้หัวข้อที่ผมยกขึ้นมานี้ แสดงให้เห็นและเข้าใจถึง การที่จะเป็นผู้นำและแรงขับดันความรู้สึกของผู้นำหรือสิ่งที่ผู้นำควรมี และรูปแบบการแก้ไขปัญหาแบบผู้นำ อีกหัวข้อหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจและเห็นภาพคือความแตกต่างระหว่างการเป็นเจ้านายกับการเป็นผู้นำ 1. ผู้นำสร้างปณิธานให้แก่ผู้ตาม 2. ผู้นำอาศัยเจตจำนงที่เสรี 3. ผู้นำแผ่ความรัก ปรารถนาดี 4. ผู้นำ พูดว่า "เรา" 5. ผู้นำแสดงให้รู้ว่าอะไรที่ผิด และควรทำอย่างไร 6. ผู้นำรู้ว่าจะทำงานอย่างไร 7. ผู้นำบริหารความเคารพ
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ผมยกมาเป็นตัวอย่างจากการเรียนเรื่อง"ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร" บทเรียนนี้ได้เปิดมุมมองใหม่ในการเป็นผู้นำและพัฒนาองค์กรซึ่งเราสามารถนำไปใช้ในการบริหารงานได้เป็นอย่างดี
การนำเอากระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่อง"เศรษฐกิจพอเพียง" นำมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานและได้กำหนดการพึ่งตนเองที่เป็นรูปธรรม เป็นกรอบการดำเนินงานอันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งภาคราชการ ภาคธุรกิจเอกชน และองคืกรซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน จึงเห็นสมควรจำเป็นต่อการพัฒนาและกำหนดอนาคตของตัวเราเป็นอย่างยิ่ง
สรุป อย่างไรก็ตาม จำเป็นที่จะต้องมีผู้นำและผู้มีความสามารถในการบริหารจัดการ ตอบสนองความต้องการ ทั้งทางราชการและองค์กร ตลอดจนมีการบูรณาการ การแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังต้องมีความสามารถในการพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้การบริการและการจัดการขององค์กร นั้นได้ประสบความสำเร็จของความต้องการ ดังจุดประสงค์ของการเรียนที่เราเรียนอยู่
พูดถึงในสังคมยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้หลายองค์กรต้องพบกับความหายนะในปัจจุบันที่เป็นอยู่แต่ในทางตรงกันข้ามการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันก็ยังสร้างโอกาสให้กับองค์กรให้ประสบความสำเร็จมาแล้วในปัจจุบันด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่มีผู้นำที่มีภาวะผู้นำที่ดีที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของปัจจุบันได้และสามารถนำพาองค์กรไปสู่การแข่งขันที่เป็นเลิศทางธุรกิจได้
ผู้นำ คือ บุคคลที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม และสามารถนำกลุ่มปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร
ภาวะผู้นำ คือ พลังชนิดหนึ่งที่สามารถส่งแรงกระทำอันก่อให้เกิดการขับเคลื่อนกลุ่มคน และนำองค์กรไปสู่การบรรลุเป้าหมายและจุดประสงค์
ยกตัวอย่าง บิลล์ เกตส์ ผู้นำซอฟแวร์ของโลก มีภาวะผู้นำดังนี้1. ใฝ่รู้ 2. คิดสร้างสรรค์ 3. คิดนอกกรอบข้ามศาสตร์ 4. ทุนทางปัญญา 5. กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ ลักษณะผู้นำที่ดีผู้นำที่ฉลาดควรมี 3 ลักษณะอยู่ในตน1. สามารถนำเสนอความคิดใหม่หัวข้อที่ผมยกขึ้นมานี้ แสดงให้เห็นและเข้าใจถึง การที่จะเป็นผู้นำและแรงขับดันความรู้สึกของผู้นำหรือสิ่งที่ผู้นำควรมี และรูปแบบการแก้ไขปัญหาแบบผู้นำ อีกหัวข้อหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจและเห็นภาพคือความแตกต่างระหว่างการเป็นเจ้านายกับการเป็นผู้นำ 1. ผู้นำสร้างปณิธานให้แก่ผู้ตาม 2. ผู้นำอาศัยเจตจำนงที่เสรี 3. ผู้นำแผ่ความรัก ปรารถนาดี 4. ผู้นำ พูดว่า "เรา" 5. ผู้นำแสดงให้รู้ว่าอะไรที่ผิด และควรทำอย่างไร 6. ผู้นำรู้ว่าจะทำงานอย่างไร 7. ผู้นำบริหารความเคารพ
การที่องค์กรมีผู้นำที่ดีและสามารถอยู่รอดได้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุดแต่เป็นผู้ที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างศรัทธาให้กับบุคคลอื่นได้ให้เกิดความเชื่อถือศรัทธาในต้วของผู้นำเองด้วย
นายเอกราช ดลยสกุลมหาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด MBA 6จาก น.ส. พนาวัลย์ คุ้มสุด นักศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ ID 106142010 เมื่อ พ. 28 ก.พ. 2550 @ 15:45 (178284)
สรุปองค์ความรู้ในภาพรวมของ น.ส.พนาวัลย์ คุ้มสุด จากการศึกษาระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจ ณ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมป์ฟอร์ด
ดิฉัน น.ส. พนาวัลย์ คุ้มสุด นักศึกษาปริญญาโท บริหารธุรกิจ ID 106142010 ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจ ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบัน รายวิชาต่าง ๆ ที่ได้ศึกษาผ่านไปแล้วรวม 8 วิชา ได้แก่จากความรู้ทั้งด้านวิชาการและทักษะต่าง ๆ ที่ได้รับมีความหลากหลายมากถือว่าเป็นการเติมเต็ม ให้แก่ตัวดิฉันเอง ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการนำองค์ความรู้ต่าง ๆ มาพัฒนาอาชีพที่ดิฉันรับผิดชอบอยู่ ได้แก่ ร้านค้าโทรศัพท์มือถือ , ทำหน้าที่รองนายกเทศมนตรีเมืองลพบุรี ฝ่ายการศึกษา สรุปเนื้อหาสาระที่ได้รับจากคณาจารย์ , การสัมมนา , ค้นคว้าเพิ่มเติม , มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ความรู้ด้านวิชาการรายละเอียดด้านวิชาการมีความหลากหลายมาก โดยเนื้อหาในภาพรวมแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.1 เนื้อหาสาระที่เป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการองค์กร ได้แก่ ความรู้ด้านการเงิน , บัญชี ,เศรษฐศาสตร์ จากการเรียนรู้ทำให้เข้าใจระบบบริหารต่าง ๆ , การบริหารด้านการเงินที่เหมาะสม ตลอดจนแนวทางเศรษฐกิจในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ดิฉันสามารถนำมาเป็นพื้นฐานปรับใช้ประโยชน์ได้1.2 เนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการจัดการองค์กร ในรูปแบบต่างๆ , กลยุทธ์ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ประกอบการดำเนินการ , การวิเคราะห์สถานการณ์ขององค์กรในประเด็นต่าง ๆ , การบริหารงานบุคคลที่มีคุณภาพ , ตลอดจนแนวทางการแก้ปัญหาและการบริหารงานในช่วงวิกฤติจากรายละเอียดของเนื้อหาทั้ง 8 วิชา ที่ดิฉันได้ศึกษาแล้วมีผลอย่างมาก ต่อตัวดิฉันและผู้เรียนทุกอื่น ๆ โดยเฉพาะแนวความคิด , การดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ถูกปรับเปลี่ยนอย่างมาก เช่น
- แนวทางการบริหารองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำเป็นระบบมากขึ้นตั้งแต่การวางแผนจัดโครงสร้างองค์กร , การจัดตั้งองค์กร , การมอบหมายงาน , การตรวจสอบ
- แนวทางการจัดการทางการเงิน โดยเฉพาะองค์กรธุรกิจเกี่ยวกับการระดมทุน , การลงทุนที่เหมาะสม , กระแสเงินสด , การรักษาสภาพคล่อง , รวมทั้งการบริหารหนี้สินอย่างฉลาด
- แนวทางการบริหารงานบุคคลในองค์กร ซึ่งรูปแบบการบริหารงานบุคคลในลักษณะต่าง ๆ เช่น การได้มา , การรักษาไว้ , การจากไปของบุคลากร เป็นไปอย่างมีระบบตลอดจน ทำให้มีจริยธรรมคุณธรรม , เมตตาธรรม มากขึ้น
- แนวทางการวิเคราะห์สถานะขององค์กรในช่วงเวลาต่าง ๆ ทำได้อย่างเหมาะสมด้วยการทำ SWOT และการวิเคราะห์จาก Matrix ต่าง ๆ ทำให้สามารถทราบความเป็นไปขององค์กร ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการแก้ไขและพัฒนาต่อไป
- แนวทางการแก้ไขปัญหายามวิกฤติต่าง ๆ ตามปกติผู้ที่ทำการค้า , พนักงาน , ข้าราชการ เมื่อพบกับวิกฤติรูปแบบต่าง ๆ ก็มักจะใช้ประสบการณ์ , การปรึกษา , เข้ามาแก้ปัญหา แต่การใช้หลักวิทยาการมาร่วมด้วย จะทำให้สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ไปได้อย่างดีและรวดเร็ว
- แนวทางการสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรต่าง ๆ ซึ่งอาจจะมีทั้งคู่แข่งขัน , เพื่อนร่วมอาชีพ , องค์กรที่เกี่ยวข้อง , สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้อย่างมีคุณภาพ ทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดี (Win Win) ทั้ง 2 ฝ่าย- ทำให้เกิดความเข้าใจถึงความเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมของระบบการเมือง , เศรษฐกิจ , สังคม โดยรวมมากขึ้น อันจะเป็นพื้นฐานในการนำไปวิเคราะห์และวางแผนต่อไป
- แนวทางการปรับองค์กรให้เหมาะสม ได้แก่ การสร้างความเจริญเติบโต , การยกเลิก , การชะลอ ให้เป็นไปตามสถานะ การณ์ที่เหมาะสมและเป็นจริงที่สุด
2. ด้านประสบการณ์ , ทักษะต่าง ๆ ที่ได้จากการศึกษา ในการเรียนรู้จาก เนื้อหา 8 รายวิชาที่ผ่านมา ดิฉันได้มีโอกาสได้รับรู้รายละเอียด ทางวิชาการจากคณาจารย์ , การแลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจกับคณาจารย์ , เพื่อนนักศึกษา , การสัมมนา , การนำเสนอในห้องทำให้พฤติกรรมโดยส่วนตัวของดิฉันพัฒนามากขึ้น ในหลาย ๆ ด้าน เช่น
2.1 ทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้น
2.2 ทำให้การตัดสินใจในงานต่าง ๆ ทั้งงานในอาชีพ และชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างรวดเร็ว , มั่นใจ มากขึ้น
2.3 ทำให้ดิฉันมีจริยธรรม , คุณธรรม , เมตตาธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะกับบุคลากรในความดูแลโดยตรงและผู้เกี่ยวข้อง
2.4 ทำให้เกิดความกล้าที่จะบริหารธุรกิจของตนเอง ให้ก้าวไกลในทุก ๆ ด้าน
2.5 ทำให้ตนเองยอมรับ การดำเนินการต่าง ๆ โดยใช้การวางแผนเป็นแม่บทในการจัดการ และสามารถนำเสนอแผนงานที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและสังคมได้อย่างมาก
3. ด้านสังคม ในโอกาสนี้ดิฉันได้เข้ามาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้มีโอกาสพบปะกับคณาจารย์ , เพื่อนนักศึกษา , สถานประกอบการณ์ , ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้ดิฉันมีสังคมที่กว้างไกลมากขั้น , มีเพื่อนรู้ใจมากขึ้น , ตลอดจนทำให้เข้าใจความเป็นมาของสังคมในด้านต่าง ๆ มากขึ้น
4. แนวทางในอนาคต แม้ว่าดิฉันจะเริ่มเข้าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้และได้ศึกษาตามรายวิชาบางส่วนของหลักสูตรที่ผ่านมา ดิฉันเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างมากที่มีโอกาสได้เข้ามารับการเติมเต็ม ให้แก่ตนเองอันจะเป็นผลโดยตรงต่อการพัฒนาทั้งอาชีพและงานที่รับผิดชอบอื่น ๆ สำหรับแนวทางในอนาคต ดิฉันคาดว่า
4.1 พื้นฐานจาก 8 ราชวิชา ที่ได้ศึกษาแล้วจะเป็นพื้นฐานในการเรียน ตามรายวิชาสภาวะผู้นำได้ระดับหนึ่ง
4.2 จะนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในอาชีพที่ดำเนินการอยู่
4.3 ต้องการทำหน้าที่ผู้นำสถาบันการศึกษา , องค์การต่าง ๆ หรือการพัฒนาสังคมให้ความรู้ที่ยั่งยืนตลอดไปถึงแม้ว่าดิฉันจะผ่านการศึกษาตามหลักสูตร เพียงบางส่วนของหลักสูตรก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างมาก สำหรับการศึกษาต่อไป ตามหลักสูตรจะมีผลอย่างไรก็ตามดิฉันคิดว่า ทั้งสาระ , ประสบการณ์ที่ได้รับทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอย่างมากตลอดไป
พนาวัลย์ คุ้มสุด
ID 106142010สวัสดีท่านอาจารย์ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และนักศึกษาปริญญาโททุกท่าน
(ทฤษฎี 8 K’s ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์)สามารถนำเสนอความคิดใหม่
4. ทุนทาง IT สามารถสร้างความสุขให้กับตนเองได้
5. BUILDING COLITIONS การสร้างความเข้าใจ
คุณค่าของผู้นำ/ผู้บริหาร
ลักษณะของผู้นำที่ไม่ดี
ฝึกตนเองให้มีภาวะผู้นำ จากหลักการทรงงาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การที่จะเป็นผู้นำที่ดีจะต้องเป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะความรู้นั้นเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้นตราบที่เรายังมีชีวิต อีกทั่งโลกก็การเปลีี่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลาต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของการแข่งขันได้ เพื่อนำพาองค์ให้ไปสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจได้
ซึ่งผู้นำที่ดีก็จะต้องมีลูกน้องที่ดีร่วมกันทำงานเป็นทีม มีเป้าหมายร่วมกันไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจนและสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรทีมีอยู่ด้วย และควรเน้นด้าน CEO คือ
ต้องคิดนอกกรอบกล้าคิดกล้าทำ กล้าตัดสินใจ มี Positive Thinking มีความสามารถในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์เป็น เพราะว่าภาวะผู้นำไม่มีสูตรสำเร็จเฉพาะ และที่สำคัญต้องรู้จักการบริหารเวลาให้เป็น เป็นคนที่ตรงต่อเวลาในเรื่องของการทำงานภายในและภายนอกขององค์กร สามารถวัดผลได้ เพื่อให้องค์กรมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จ มากยิ่งขึ้น
นายชูศักดิ์ ลาภส่งผล
น.ศ.ปริญญาโท MBA 6 ม.นานาชาติแสตมฟอร์ด
นายชาญชัย พานิชนันทนกุล ID:105342002 เมื่อ จ. 05 มี.ค. 2550 @ 00:56 (182777)
สวัสดีครับท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม นาคสุขและเพื่อนๆนักศึกษาม.นานาชาติสแตมฟอร์ดทุกท่าน
จากการศึกษาวิชาภาวะผู้นำในวันที่2และ3มีนาคมที่ผ่านมาท่านอ.ยมได้ให้ความรู้ในเรื่อง Change-Leadership และ จริยธรรม ยุทธศาสตร์พัฒนาภาวะผู้นำ
ประเด็นที่มีการเสวนากัน สรุปได้ดังนี้ครับ
1. ภาวะผู้นำมีประโยชน์อย่างไร?
จากความเห็นของข้าพเจ้าภาวะผู้นำมีประโยชน์ในด้านต่างๆดังนี้
-ต่อตนเอง
-ต่อครอบครัว
-ต่อสังคม
-ต่อองค์กร
แนวทางพัฒนาภาวะผู้นำ เทคนิค 10 ประการฝึกตนให้เป็นผู้นำ
แบบญี่ปุ่น
หลักธรรมที่ใช้ยึดถือในการควบคุม การใช้อำนาจของผู้นำ
พัฒนาภาวะผู้นำ ตามทศพิศราชธรรม
ฝึกตนเป็นคนมีภาวะผู้นำ
กำจัด รักษา พัฒนา ป้องกัน
Yom, 2005, 6 ท. สำหรับฝึกภาวะผู้นำ
4 E’s Leadership
6 C’s Leadership
เรื่องจริยธรรม ที่ได้รับการเรียนการสอน จาก อ.ยม สรุปได้ดังนี้
จริยธรรม =จริยะ + ธรรมะ = (คำกริยา) ความประพฤติ กริยาที่ควรปฏิบัติ
ธรรมะ หรือ ธรรม แปลได้หลายอย่างธรรมะ แปลว่า หน้าที่ กฎ หลักเกณฑ์ธรรมะ แปลว่า ธรรมชาติ ธรรมดา สิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ ความแตกต่างระหว่าง ศีลธรรม จริยธรรม จรรณยาบรรณ
ตารางเปรียบความแตกต่างระหว่างศีลธรรม จริยธรรม และจรรณยาบรรณ
ลักษณะความแตกต่าง | ศีลธรรม | จริยธรรม | จรรยาบรรณ |
รากฐานที่มา | ศาสนา | ประเพณีวัฒนธรรม | กลุ่มวิชาชีพกำหนดขึ้น |
การบังคับใช้ | ใช้เฉพาะคนในศาสนา | ไม่บังคับใช้ขึ้นกับจิตสำนึก | คุมความประพฤติเฉพาะกลุ่มในวิชาชีพเดียวกันเท่านั้น |
ลักษณะการประพฤติปฎิบัติ | หลักคำสอนทางศาสนา | เป็นเรื่องของจิตใจที่ดีงามกระทำออกมาถูกต้อง | เป็นกติกาที่กลุ่มบุคคลยึดเป็นแนวทางปฎิบัติ |
ประโยชน์ | ผู้ประพฤติธรรมย่อมเป็นสุข | สังคมสงบสุข | ต่อผู้ประกอบอาชีพผู้ใช้บริการสังคมและประเทศ |
ภาพรวม ประโยชน์ของ “จริยธรรม”
ประโยชน์ต่อมนุษยชาติ
จริยธรรม มีประโยชน์อย่างไรต่อองค์กร?
ประเด็นต่อมาที่ได้จาก อ.ยม คือเรื่อง ผู้นำกับการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงในที่นี้คือการพัฒนา ผู้นำต้องพร้อมรับปัญหา และความเจ็บปวดที่อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลง
ผู้นำกับการเปลี่ยนแปลง เทคนิคขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงมีดังนี้
ประเด็นต่อมา ที่เสวนากัน คือกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง มี 2 กลยุทธ์ คือ
(2 Strategies for Changes)
ผู้นำที่มีภาวะผู้นำที่ดีต้องมีความสามารถในการบริหารความขัดแย้งได้
ผู้นำคือ Brand ขององค์กร จึงควรพัฒนาตนเองให้ดีและมีคุณธรรม
กิจกรรมบางส่วนในห้องเรียน อาจารย์ให้แต่ละคนออกมาพูด เพื่อฝึกภาวะผู้นำ ดังนี้
ถาม…..ในชีวิตของท่านมีอะไรที่ประสบความสำเร็จด้านใดบ้าง มีภาวะผู้นำอะไรบ้าง มีจริยธรรมประจำใจอะไรบ้าง
-จบการศึกษาระดับม.ปลายที่ ร.ร.เทพศิรินทร์
-จบปริญญาตรีที่ ม.หอการค้าไทยด้านธุรกิจ
–ประสบความสำเร็จในด้านยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ สูงสุดในจ.ประจวบคีรีขันธ์-ได้รับรางวัลโชว์รูมยามาฮ่าสแควร์ยอดเยี่ยม คะแนนเต็ม 100% 8 เดือนติดต่อกัน
-ได้รับเกียรติให้เป็นศูนย์บริการยามาฮ่าระดับ 5ดาว โดยเป็นศูนย์บริการดีเด่น 3 ปี ด้านสังคม
-ทำโครงการ Matching Grant สโมสรโรตารีปราณบุรีโครงการเครื่องมือแพทย์เพื่อชุมชนให้แก่ร.พ.ปราณบุรี และสถานีอนามัย 7แห่งในเขตอ.ปราณบุรี
-ส่งน.ร.แลกเปลี่ยนไป U.S.A. ภาวะผู้นำ
-มีวิสัยทัศน์และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วทันเวลา
จริยธรรมประจำใจ: คือ เป็นผู้นำ ต้องมีคุณธรรม "คุณธรรมค้ำจุนโลก"
นายบุญยอด มาคล้าย เมื่อ อ. 04 มี.ค. 2550 @ 11:36 (182028)
สวัสดีครับท่าน ศ.ดร.จีระ ท่าน อ.ยมและเพื่อนนักศึกษาทุกท่านครับ
เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่ผมได้เรียนภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้รู้คือได้รู้ถึงแนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำว่าในฐานะที่เราเป็นผู้นำเราควรพัฒนาตัวเราหรือตัวผู้นำเพื่อนำพาองค์กรที่เราบริหารอยู่ให้ไปในทิศทางใดถึงจะนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศและพร้อมที่จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงผันแปรต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อไปภายหน้า
โดยท่าน อ.ยมได้ให้แนวทางในการเป็นผู้นำที่ดีจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้คือผู้นำจะต้องเป็นผู้รอบรู้มีความรู้ที่ใหม่และสดเสมอผู้นำจะต้องเป็นคนที่มีเหตุมีผลผู้นำจะต้องรู้จักประมาณตนเองหรือเป็นอยู่อย่างพอประมาณผู้นำจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและองค์กรและสุดท้ายผู้นำจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม ในสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นลักษณะหรือเป็นภาพกว้างๆของผู้นำที่ดีท่าน
อ.ยมได้สอนลงลึกไปถึงการป้องกันองค์กรล่มสลาย สอนถึงว่าถ้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงจะมีเทคนิคในการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อคนเหล่านี้คือ
-ลูกค้า
-พนักงาน
-เจ้าของกิจการหรือหุ้นส่วน
โดยถ้าจะต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆนั้นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงสิ่งเป็นสำคัญ 3 อย่างต่อไปนี้คือ
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงแล้วไม่กระทบสามอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้นนับว่าประสบผลสำเร็จไปขั้นหนึ่งที่บอกว่าขั้นหนึ่งนั้นเพราะการเป็นผู้นำนั้นจะต้องตื่นตัวตลอดเวลาไหนจะต้องมาเจอกับปัญหาความขัดแย้งในองค์กร
ผู้นำจะต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้ความขัดแย้งนั้นหมดไปและเป็นไปตามความพึงพอใจของทุกฝ่ายและยังมีปัญหาอีกหลาย ๆ อย่างให้ต้องแก้ไขตลอดเวลาจะอย่างไรก็แล้วแต่ ใครในฐานะที่สวมบทบาทผู้นำ การบริหารใดๆไม่มีสูตรสำเร็จที่จะวางหลักการบริหารครั้งเดียวแล้วใช้ได้ไปตลอดจะต้องวางแผน ปรับปรุง แก้ไขตลอดเวลาเพื่อให้เกิดการพัฒนาองค์กรและต้องแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจเพื่อความเติบโตขององค์กร
ในส่วนของยุทธศาสตร์กับการเปลี่ยนแปลง 2 แนวทางคือ แนวทางแรกTOP DOWN กับ BOTTOM UP จะไม่ขอพูดถึง
และอีกเรื่องหนึ่งคือการบริหารโดยนำหลักทศพิศราชธรรม มีอะไรบ้างผมได้คัดลอกทางอินเตอร์เน็ทมาฝากเพื่อนๆก็อ่านกันเอาเองน๊ะครับเพราะมีประโยชน์มาก
ท้ายนี้ก็ขอฝากขอบพระคุณท่านอาจารย์ยมที่ตั้งใจถ่ายทอดวิชาทั้งในและนอกเวลาและขอบคุณในความตั้งใจดีมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณครับ
ทศพิศราชธรรม
ขอเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ภูมิพลอดุลยเดชเนื่องในปีมหามงคลฉลองครบรอบ 60 ปี แห่งการครองราชย์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 นับเนื่องมาจนปัจจุบัน พระองค์ได้ทรงดำรงมั่นใน “ทศพิธราชธรรม” หลักธรรมแห่งพระมหากษัตริย์ โดยมีพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ทศพิธราชธรรม เป็นคุณธรรมหลักของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งได้ปฏิบัติสืบทอดต่อเนื่องยาวนานมาแต่โบราณกาล ในการปกครองบ้านเมืองให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งประกอบด้วย
ทาน คือการให้ เป็นการช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออันเนื่องมาจากความขัดข้องแร้นแค้น ด้วยการสละทรัพย์ สิ่งของ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ด้อยและอ่อนแอกว่าบนผืนดินแผ่นฟ้าเดียวกัน
ศีล คือการรักษาความสุจริต มีความประพฤติดีงาม ละเว้นจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย สำรวมกาย และวจีกรรม และประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดี ให้เกิดความสงบงามอยู่เสมอ
บริจาคะ คือการสละสิ่งที่มีประโยชน์น้อย เพื่อสิ่งที่มีประโยชน์มาก ดั่งการแบ่งปันทรัพย์สินนอกกาย ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ อันเป็นการเสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม
อาชชวะ คือความประพฤติซื่อตรง มีความจริงใจด้วยการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่การงานตลอดจนสังคมชนหมู่มาก
มัททวะ คือความอ่อนโยน สุภาพ ทั้งกาย วาจา ใจ ในทุกสภาวการณ์ มีสัมมาคารวะอ่อนน้อม ไม่แสดงความแข็งกระด้าง และไม่แสดงการยกตนเหนือคนอื่น
ตบะ คือความเพียร กล้าทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่เกียจคร้าน ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างสม่ำเสมอ ไม่บกพร่อง มีจิตใจหนักแน่น ไม่อ่อนแอและไม่ย่อท้อโดยง่าย
อักโกธะ คือความไม่โกรธ มีจิตที่ประกอบด้วยเมตตา และปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง รู้จักให้อภัย ข่มใจให้เย็นอยู่เป็นนิจ
อวิหิงสา คือการไม่ทำอะไรที่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อนทั้งทางตรงและทางอ้อม มีจิตประกอบด้วยกรุณาและช่วยเหลืออยู่เสมอ พร้อมให้เกียรติผู้อยู่แวดล้อม
ขันติ คือการมีความอดทนอดกลั้น รู้จักอดทนต่อความตรากตรำต่าง ๆ สามารถเผชิญต่อความยากลำบากได้อย่างเข้มแข็ง ไม่หวาดหวั่นและท้อแท้ต่อสิ่งใด ๆ
อวิโรธนะ คือการวางตนให้หนักแน่น ตั้งมั่นในธรรม ไม่มีความเอนเอียงหวั่นไหว รอบคอบ ยึดถือความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมเป็นหลัก
ของฝากจากบุญยอด มาคล้าย ครับ
4 มีนาคม 2550 02.50 น.106242011
MBA 7
นายบุญยอด มาคล้าย เมื่อ อ. 04 มี.ค. 2550 @ 11:36 (182028)
สวัสดีครับท่าน ศ.ดร.จีระ ท่าน อ.ยมและเพื่อนนักศึกษาทุกท่านครับ
เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่ผมได้เรียนภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้รู้คือได้รู้ถึงแนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นำว่าในฐานะที่เราเป็นผู้นำเราควรพัฒนาตัวเราหรือตัวผู้นำเพื่อนำพาองค์กรที่เราบริหารอยู่ให้ไปในทิศทางใดถึงจะนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศและพร้อมที่จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงผันแปรต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อไปภายหน้า
โดยท่าน อ.ยมได้ให้แนวทางในการเป็นผู้นำที่ดีจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้คือผู้นำจะต้องเป็นผู้รอบรู้มีความรู้ที่ใหม่และสดเสมอผู้นำจะต้องเป็นคนที่มีเหตุมีผลผู้นำจะต้องรู้จักประมาณตนเองหรือเป็นอยู่อย่างพอประมาณผู้นำจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและองค์กรและสุดท้ายผู้นำจะต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม ในสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นลักษณะหรือเป็นภาพกว้างๆของผู้นำที่ดีท่าน
อ.ยมได้สอนลงลึกไปถึงการป้องกันองค์กรล่มสลาย สอนถึงว่าถ้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงจะมีเทคนิคในการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อคนเหล่านี้คือ
-ลูกค้า
-พนักงาน
-เจ้าของกิจการหรือหุ้นส่วน
โดยถ้าจะต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆนั้นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงสิ่งเป็นสำคัญ 3 อย่างต่อไปนี้คือ
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงแล้วไม่กระทบสามอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้นนับว่าประสบผลสำเร็จไปขั้นหนึ่งที่บอกว่าขั้นหนึ่งนั้นเพราะการเป็นผู้นำนั้นจะต้องตื่นตัวตลอดเวลาไหนจะต้องมาเจอกับปัญหาความขัดแย้งในองค์กร
ผู้นำจะต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้ความขัดแย้งนั้นหมดไปและเป็นไปตามความพึงพอใจของทุกฝ่ายและยังมีปัญหาอีกหลาย ๆ อย่างให้ต้องแก้ไขตลอดเวลาจะอย่างไรก็แล้วแต่ ใครในฐานะที่สวมบทบาทผู้นำ การบริหารใดๆไม่มีสูตรสำเร็จที่จะวางหลักการบริหารครั้งเดียวแล้วใช้ได้ไปตลอดจะต้องวางแผน ปรับปรุง แก้ไขตลอดเวลาเพื่อให้เกิดการพัฒนาองค์กรและต้องแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจเพื่อความเติบโตขององค์กร
ในส่วนของยุทธศาสตร์กับการเปลี่ยนแปลง 2 แนวทางคือ แนวทางแรกTOP DOWN กับ BOTTOM UP จะไม่ขอพูดถึง
และอีกเรื่องหนึ่งคือการบริหารโดยนำหลักทศพิศราชธรรม มีอะไรบ้างผมได้คัดลอกทางอินเตอร์เน็ทมาฝากเพื่อนๆก็อ่านกันเอาเองน๊ะครับเพราะมีประโยชน์มาก
ท้ายนี้ก็ขอฝากขอบพระคุณท่านอาจารย์ยมที่ตั้งใจถ่ายทอดวิชาทั้งในและนอกเวลาและขอบคุณในความตั้งใจดีมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณครับ
ทศพิศราชธรรม
ขอเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ภูมิพลอดุลยเดชเนื่องในปีมหามงคลฉลองครบรอบ 60 ปี แห่งการครองราชย์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 นับเนื่องมาจนปัจจุบัน พระองค์ได้ทรงดำรงมั่นใน “ทศพิธราชธรรม” หลักธรรมแห่งพระมหากษัตริย์ โดยมีพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
ทศพิธราชธรรม เป็นคุณธรรมหลักของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งได้ปฏิบัติสืบทอดต่อเนื่องยาวนานมาแต่โบราณกาล ในการปกครองบ้านเมืองให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งประกอบด้วย
ของฝากจากบุญยอด มาคล้าย ครับ
4 มีนาคม 2550 02.50 น.106242011
MBA 7
มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด (หัวหิน)
หลักสูตร บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
รหัสวิชา/ชื่อวิชา ภว.524 ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
อาจารย์ผู้สอน ศ.ดร.จีระ หงศ์ลดารมภ์ และทีม Chira Academy
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ/อาจารย์ยม/นักศึกษา MBA มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด หัวหิน เพื่อน ๆ ร่วมวิชาเรียนในหัวข้อดังกล่าวทุกท่าน
สัปดาห์ที่ผ่านมาในวันศุกร์ที่ 2 และเสาร์ ที่ 3 มีนาคม 2550 ผมและนักศึกษาร่วมชั้นในการเรียนวิชา "ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร" ได้รับฟังการสอนและบรรยายจากอาจารย์ยม นาคสุข เป็นสัปดาห์ที่ 2 ของพวกเรา และท่านอาจารย์ได้มอบหมายให้นักศึกษาส่งรายงานลง Blog ในเรื่อง "เรียนกับอาจารย์แล้วได้อะไร" ทั้งนี้ผมคาดว่าวิธีการสอนและให้นำเสนอทบทวนการเรียนผ่าน Blog เพื่อให้ท่านอาจารย์ประเมินนักศึกษาว่า มีความเข้าใจในเนื้อหา และจะนำไปประยุกต์ปรับปรุงกับตนเองและองค์กรได้อย่างไร วิธีการที่คิดหรือการวางแผนถูกต้องหรือไม่ ในส่วนของผมคงจับประเด็นในการเรียนครั้งนี้ ได้ 2 ประเด็น กล่าวคือ
ในส่วนของกิจกรรม แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. ให้นักศึกษาแต่ละท่านในชั้นเรียน ได้กรอกและเรียงลำดับแบบสอบถามความสำคัญของคุณลักษณะผู้นำ หรือ ภาวะผู้นำซึ่งมีให้เรียงถึง 50 ข้อ และให้ประเมินตนเองว่า ในแต่ละหัวข้อ นักศึกษามีจุดดี และจุดที่จะต้องแก้ไขอย่างไร และให้หัวข้อใดมีความสำคัญกว่ากัน เรียงลำดับจาก 1-50 ตามแบบสอบถามที่อาจารย์ได้จัดทำขึ้น
- สิ่งที่ผมได้รับจากการประเมินตนเอง คือ ในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานในองค์กร บางครั้งผมจะมองสิ่งรอบ ๆ ตัว มากกกว่ามองตนเอง เมื่อได้รับแบบสอบถามครั้งนี้ทำให้กลับมานึกถึงจุดบกพร่องของตนเองที่จะต้องแก้ไขในฐานะผู้นำ พร้อม ๆ ไปกับสิ่งหรือบุคคลรอบ ๆ ตัวเอง และบางหัวข้อใน 50 ข้อ ทำให้ผมมีข้อคิดว่า บางข้อผมยังไม่ได้ทำ และบางอย่างยังทำไม่ได้ดี ดังนั้นถ้ามผมพยายามจะเป็นผู้นำที่ดี ผมควรจะต้องรีบปรับปรุงตนเองมากขึ้นนั่นเอง
2. ให้นักศึกษาแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ โดยให้แสดงความคิดเห็นร่วมกันในกลุ่มของตน และให้ตัวแทนของกลุ่มมานำเสนอข้อสรุปให้กับนักศึกษาทั้งชั้นเรียนได้รับทราบความคิดเห็นของกลุ่ม โดยกิจกรรมนี้มีคำถามจากอาจารย์ยมให้กับนักศึกษา 2 ข้อ
ก. จริยธรรมของนักศึกษา MBA ของมหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด หัวหิน ในชั้นเรียนของผม ควรจะเป็นอย่างไร
ข. จริยธรรมของผู้นำต่อองค์กร ควรจะเป็นอย่างไร
- สิ่งที่ผมได้รับจากการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มตนเอง และได้ฟังเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนแต่ละกลุ่มอธิบายและตอบคำถามของโจทย์ที่อาจารย์ให้มา เป็นประโยชน์ต่อตัวผมเอง เพราะการทำงานเป็นกลุ่ม ย่อมจะต้องมีความคิดหลากหลาย ดังนั้น การเป็นผู้นำที่ดี ควรจะต้องผู้ฟังที่ดีด้วย และการทำงานเป็นทีมจะต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับเพื่อน ๆ ร่วมกลุ่มตลอดจนเพื่อนักศึกษาร่วมชั้นทุกท่านด้วย จึงจะสรุปเป็นจริยธรรมโดยรวมได้ นอกจากนี้ความคิดเห็นตลอดจนการนำเสนอของนักศึกษาผู้แทนแต่ละกลุ่มเป็นไปอย่างมีคุณภาพ โดยมีอาจารย์คอยแนะนำและเสริมให้สมบูรณ์ในทุก ๆ หัวข้อที่ยังขาดหรือไม่สมบูรณ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมจดจำหรือนำมาเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตัวของผมเอง และในส่วนองค์กรที่ผมปฏิบัติงานได้
3. ให้นักศึกษาแต่ละท่านทุกคนได้ฝึกแสดงภาวะผู้นำในชั้นเรียน โดยมีหัวข้อจากอาจารย์ให้กล่าวถึง ความภูมิใจหรือความสำเร็จของตนเองที่ได้กระทำมาให้เพื่อนนักศึกษาในชั้นเรียนได้รับทราบ
- สิ่งที่ผมได้รับคือ
Know Who คือ ได้รู้จักเพื่อน ๆ ในชั้นมากขึ้นในแง่ของประสบการณ์และความสำเร็จที่แต่ละท่านได้กระทำ ซึ่งทุกท่านมีประวัติที่น่าสนใจ และเป็นความภูมิใจที่ได้เห็นเพื่อน ๆ เล่าถึงประวัติตนเองอย่างเปิดเผย และการเป็นเพื่อนกัน ก็จะเอื้อประโยชน์ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในอนาคต ให้กับตนเองหรือร่วมกันตลอดจนทำประโยชน์ร่วมกันให้กับสังคมได้เป็นอย่างดี
Know How คือ ได้เห็นหรือรู้ว่าการที่จะทำอะไรให้เกิดความสำเร็จนั้น จะต้องมีวิธีการที่หลากหลาย แต่ในแง่ที่เพื่อน ๆ มาเล่าให้ฟัง ผมสามารถจดจำไปประยุกต์กับตนเองได้ดีขึ้น เช่น บางท่านมีความพยายามและความอดทนมุ่งมั่นต่อเป้าหมายของตนเอง จนประสบความสำเร็จท่ามกลางอุปสรรคและความยากลำบาก เป็นบทเรียนที่เกิดขึ้นจริงโดยบางครั้งไม่มีอยู่ในตำราให้ผมได้เรียนรู้ และผมคิดว่าในโลกปัจจุบัน สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กรจะเกิดขึ้นได้ ก็คือ ตัวเผมเอง ต้องรู้ทั้ง Know Who และ Know How
ในส่วนของลำดับการบรรยายของอาจารย์ยม ประกอบไปด้วยหัวข้อใหญ่ดังนี้
- สิ่งที่ผมได้รับ คือ หัวข้อที่กล่าวถึงข้างต้น แม้จะเป็นหัวข้อสั้น ๆ แต่อาจารย์ได้นำมาขยายความให้ผมได้มีความรู้หลากหลายทฤษฎี ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎี 6n - 6c’s – 5D’s – 4E’s – 4k’s – 6L’s – 5M’s -2R’s – 4S’s – 5T’s Leadership ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการมาประยุกต์ใช้กับตนเองและองค์กร นอกจากนั้นอาจารย์ยังได้ขยายความถึงเทคนิคในการเป็นผู้นำที่ดี โดยยึดถึงหัวข้อธรรมะบางส่วนของพุทธศาสนา ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ ตลอดจนความหมายของทศพิธราชธรรม ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นที่เคารพของชาวไทยทุกคน ที่มีพระจริยวัตรสูงส่งเป็นที่ยอมรับของสากลโลก ผมในฐานะนักศึกษาในชั้นเรียน คงจะต้องกราบขอบคุณท่านอาจารย์ยมอีกครั้ง ที่ทำให้ผมได้มีวิสัยทัศน์ ตลอดจนได้นำความรู้ที่ท่านต้องการเผยแพร่และสั่งสอน มาเป็นประโยชน์กับตนเองและพัฒนาตนเองได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณครับราเชนทร์ แดงโรจน์
รหัส 106242005
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม และสวัสดีเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน
เมื่อวันที่ 2 - 3 มีนาคม 2550 ศึกษาภาวะผู้นำจาก อ.ยม ได้รับความรู้และการปฏิบัติฝึกให้นักศึกษาได้ปฏิบัติจริง พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพูดบุคลิกภาพ และอื่น ๆวันที่ 2 มีนาคม 2550 อ.ยม สอนเรื่องแนวทางการฝึกตนให้มีภาวะผู้นำ สูงขึ้น ด้วยการปฏิบัติตามหลักทศพิธราชธรรม
ทศพิธ แปลว่า 10 อย่าง
ราชธรรม แปลว่า ธรรมสำหรับพระราชา ทศพิธราชธรรม เป็นธรรมของนักปกครอง 10 ประการ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับใดก็ตาม ควรยึดมั่นในทศพิธราชธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขด้วยทศพิธราชธรรม ดังพระปฐมบรมราชโองการ เมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 ความว่า "เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ทศพิธราชธรรม 10 ประการ ได้แก่ในช่วงบ่ายของวันที่ 3 มีนาคม 2550 อ.ยม ให้ทำงานกลุ่ม ในหัวข้อ
1. ในความเห็นของกลุ่ม จริยธรรมของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนานาชาติ แสตมฟอร์ดมีอะไรบ้าง
2. ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำ จริยธรรมของผู้นำที่พึ่งมีต่อองค์กร ต่อทีมงาม ต่อสังคม และต่อประเทศชาติ เป็นอย่างไรใช้กลุ่มเดิมที่แบ่งในช่วงเช้า ระดมความคิดประมาณ 30 นาที ส่งตัวแทนพูด
หลังจากนั้น อ.ยม ฝึกความเป็นผู้นำให้นักศึกษาทุกคนได้แสดงออก โดยให้นักศึกษาพูดถึงหัวข้อ" ในชีวิตท่าน ณ วันนี้ มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ท่านประสบผลความสำเร็จและมีจริยธรรมประจำใจอะไร" เมื่อทุกคนนำเสนอความคิดเห็น อ.ยมกล่าวสรุปและข้อเสนอแนะที่ต้องปรับปรุง
อ.ยม แนะนำให้จำและทำความเข้าใจโมเดลที่เป็นรูปต้นไม้
เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในหลวงทรงมีพระราชดำริ ให้คนไทยมีความสุขอย่างยั่งยืนแนวทางการดำเนินชีวิต เป็นกรอบแนวความคิด เพื่อความยั่งยืนตั้งอย่บนหลักการและเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันรองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งจะต้องมีความรู้คู่คุณธรรมสุดท้ายนี้ ดิฉันได้ยกเอาคำกลอน ของ ศ.อำไพ สุจริตกุล ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของผู้นำ
" ความรู้ คู่ คุณธรรม "
เมื่อความรู้ ยอดเยี่ยม สูงเทียมเมฆ
แต่คุณธรรม ต่ำเฉก ยอดหญ้านั่น
อาจเสกสร้าง มิจฉา สารพัน
ด้วยจิตอัน ไร้อาย ในโลกา
แม้นคุณธรรม สูงเยื่ยม ถึงเทียมเมฆ
แต่ความรู้ ต่ำเฉก เพียงยอดหญ้า
ย่อมเป็นเหยื่อ ทรชน จนอุรา
ด้วยปัญญา อ่อนด้อย น่าน้อยใจ
หากความรู้ สูงล้ำ คุณธรรมเลิศ
แสนประเสริฐ กอปรกิจ วินิจฉัย
จะพัฒนา ประชาราษฎร์ ทั้งชาติไทย
ต้องฝึกให้ ความรู้ คุ่คุณธรรม
นายนิคม อำภารักษ์ ID 106142006 รุ่น 6 เมื่อ อ. 04 มี.ค. 2550 @ 17:53 (182349) |
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ และ อ.ยม
จากการเรียนในวันที่ 2-3 มี.ค. 2550 อ. ได้พูดถึงจริยธรรมของการเป็นผู้นำจริยธรรม มาจาก จริย + ธรรม คือ ความประพฤติที่ควรปฏิบัติในหมู่คณะจริยธรรม จึงเป็นหลักเกณฑ์หรือกฎที่สังคมใช้ในการตัดสินว่า การกระทำใด เป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ควรปฏิบัติและการกระทำใดที่ไม่ควรปฏิบัติทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ประโยชน์ของจริยธรรม
ผู้นำที่ดีนอกจากจะเป็นบุคคลที่รอบรู้ ยังต้องมีการปรับตัวและสามารถเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรได้โดยที่ไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และผู้นำควรจะต้องมีคุณธรรม จริยธรรมในการพัฒนาบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกผ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างปรองดองกัน ทั้งในด้านของความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
นายชูศักดิ์ ลาภส่งผล
นักศึกษา MBA 6
จากการศึกษาสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทราบว่าดิฉันได้ทำการบ้านของสัปดาห์ก่อนไม่ตรงประเด็น และการที่ไม่ได้จัดสรรเวลามาอ่านงานของเพื่อน ๆ ใน Blog ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้แก้ไขเพิ่มเติมในการบ้านของตน
สำหรับการเรียนในสัปดาห์นี้ดิฉันได้ยอมรับกับตัวเองว่าพอมีเวลาให้กับงาน ได้อ่านการบ้านของเพื่อนทุกคนทำให้ได้เห็นพัฒนาการของเพื่อนบางคน ทำให้ตนเองได้ค้นพบวิธีการและยอมรับในวิธีการนำเสนอของอาจารย์ใหญ่ และอาจารย์ยมว่าเป็นกุศโลบายในการสอนที่ทำให้พวกเราต้องทบทวน และส่งงานทาง Blog ก็เพื่อให้โอกาสพวกเราได้มี ทุนทาง IT ซึ่งเป็นหนึ่งในทุนที่ผู้นำที่มีสภาวะผู้นำควรจะมี
ความรู้ทางวิชาการที่ได้ในสัปดาห์นี้พอสรุปโดยสังเขปดังนี้
แนวทางในการพัฒนาผู้นำ
ความหมายของ จริยธรรม (Ethics)
"ความประพฤติ กริยา ที่ควรปฏิบัติ" หรือ
"การกระทำที่ควรประพฤติในหมู่คณะ"
ได้ทราบถึงความแตกต่างระว่าง "ศีลธรรม" "จริยธรรม" และ"จรรยาบรรณ"
ประโยชน์ของการมีจริยธรรม
จริยธรรมของผู้นำ
ผู้กำหนดจริยธรรมคือ พนักงาน หัวหน้างาน ผู้บริหาร หน่วยงาน องค์กร โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม จะทำให้จริยธรรมนั้นมีการยอมรับมากขึ้น เป็นประโยชน์มากขึ้น
จากกิจกรรมที่อาจารย์มอบในห้อง โดยให้ทำเป็นกลุ่ม ทำให้ทุกคนได้ทราบถึง
สิ่งที่สำคัญที่ดิฉันได้จากการเรียนในสัปดาห์นี้ คือ วิชาการที่อาจารย์มอบให้ทำให้ดิฉันพอจะประเมินตนได้คร่าว ๆ ว่าอยู่ในภาวะใด และจะต้องพัฒนาต่อไปอย่างไร และทำให้มีความพร้อมที่จะเปิดใจกว้างเพื่อรับรู้วิชาการที่จะได้รับจากอาจารย์ใหญ่ในชั่วโมงต่อไปได้เป็นอย่างดี
ดิฉันมั่นใจว่า ความรู้ที่ได้รับจากวิชานี้ จะทำให้ดิฉันค้นพบเส้นทางที่จะพัฒนาตนไปส่การเป็นผู้นำที่มีสภาวะการเป็นผู้นำที่ดีต่อไปในอนาคต ทั้งภาคกิจการส่วนตัว และภาคผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อนำชุมชนไปสู่การพัฒนาทั้งรูปธรรม นามธรรม โดยมีจริยธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว
ด้วยความเคารพอย่างสูง
น.ส. พนาวัลย์ คุ้มสุด ID: 106142010
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ/อาจารย์ยม/นักศึกษา MBA มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด หัวหิน ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านครับ
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สองของผมที่ได้เรียนวิชา "ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร" ซึ่งก็เช่นเคยท่าน อ.ยม ได้ให้การบ้านว่า "เรียนกับอาจารย์แล้วได้อะไร" ผมต้องยอมรับว่าสัปดาห์นี้ผมได้พลาดอะไรดีๆไปหลายอย่างเนื่องจากต้องไปสอบเลื่อนตำแหน่งและติดราชการเป็นเหตุให้ต้องมาสายทั้งสองวัน สิ่งที่ได้รับในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ
สัปดาห์นี้ผมอาจจะเขียนสั้นนะครับแต่ที่ผมได้รับจริงๆคือได้รู้จักตนเองมาขึ้น ซึ่งผมถือว่ามีค่ามากที่สุด ก็ต้องขอบคุณวิธีการเรียนการสอนของท่าน ดร.จีระ และท่าน อ.ยม ทำให้ผมสามารถทบทวนบทเรียนจาก Blog ที่เพื่อนๆได้เขียนมา ขอบคุณครับที่ทำให้ผมได้ฝึกคิดและประเด็นที่สำคัญที่สุด ทำให้ผมได้เริ่มเข้าใจตนเองมาขึ้นหันมามองตนเองมากขึ้น ว่าเราขาดอะไรและมีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุง
ขอทดสอบ Font ขนาด 12 นะครับ เพราะขนาด 16 ของผมมันติดกันเป็นพรืดเลยครับ
Jaruwan Yunprayong MBA 6 ID:106142009 เมื่อ อ. 06 มี.ค. 2550 @ 13:09 (184299)
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์, อาจารย์ยม และเพื่อนๆนักศึกษาทุกท่าน
เมื่อวันที่ 2 - 3 มีนาคม 2550 ศึกษาภาวะผู้นำจาก ได้อะไรจากการเรียนบ้าง
อาทิตย์นี้ทางมหาวิทยาลัยพิมพ์ ชีท ประกอบการสอนให้นักศึกษาไม่ทันจึง ต้องจดบันทึกเองจาก อ.ยม ในการบรรยาย ซึ่งก็ได้เนื้อหา ความรู้และสนุกกับการเรียนเหมือนเดิมค่ะ
1. “การให้ที่ดีที่สุด ประเสริฐที่สุดคือการให้อะไร” คำตอบคือ การให้ปัญญา จะนำไปสู่ความคิดทั้งปวง
2. ไม่น่าเชื่อว่าต้นไม้ของ อ.ยม แค่ต้นเดียว จะสามารถสร้างคนให้เป็นผู้นำที่ดีได้ ดูเหมือนง่าย ๆ นะคะ แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถปฏิบัติตามหลักต่างๆ ในต้นไม้ของ อ.ยมได้ครบทุกข้อ??
อ.ยม เน้นเสมอเรื่อง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง กับ 3 ห่วง 2 เงื่อนไขที่เข้าใจง่าย และมีความหมายดีค่ะ ซึ่งประกอบด้วยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อาทิตย์หน้าจะได้มีโอกาสเรียนกับ อาจารย์ ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมภ์ นะคะ
ทั้งนี้ฝิ่นขอออกตัวนิดหนึ่งและขอเป็นการขออนุญาตจากท่านอาจารย์ ศ.ดร.จิระ ในวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม ที่ฝิ่นสามารถไปเรียนหนังสือได้ตอนช่วยบ่าย เนื่องจาก คณะ สสร. มาร่างรัฐธรรมนูญที่ โรงแรม Springfield Village Golf and Spa ที่ฝิ่นทำงานอยู่ จึงสามารถไปเรียนได้หลังจากที่ คณะท่านได้ check out จากโรงแรมไปแล้วค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
จารุวรรณ ยุ่นประยงค์
น.ส.ปภาวี นาคสุข ID 106142008 MBA 6 เมื่อ อ. 06 มี.ค. 2550 @ 13:14 (184311) |
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์, อ.ยม และสวัสดีเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-3 มี.ค.2550) ดิฉันได้ความรู้เพิ่มเติมมากมายเกี่ยวกับจริยธรรมของการเป็นผู้นำ และการพัฒนาภาวะผู้นำจากการสอนโดย อ.ยม ซึ่งสามารถสรุปได้เป็นเนื้อหาสำคัญ แนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาภาวะผู้นำ มีด้วยกันหลายแนวทาง คือสำหรับในเรื่องของจริยธรรมนั้น ผู้นำควรมีต่อองค์กร, สังคม, ผู้ร่วมงาน และประเทศชาติ ซึ่งก่อนที่จะมุ่งประเด็นไปที่ส่วนต่างๆ ก่อนอื่นผู้นำต้องมีจริยธรรมประจำใจของตนเองเสียก่อน เพื่อใช้เป็นหลักยึดถือในการประพฤติปฏิบัติ และเพื่อให้การบริหารงานเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์ประกอบภายนอกต่างๆ
ปภาวี นาคสุข
ID 106142008
กนกลักษณ์ เร้าเลิศฤทธิ์ เมื่อ อ. 06 มี.ค. 2550 @ 13:48 (184346) |
สวัสดีค่ะศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อาจารย์ยม และผู้อ่านทุกท่าน
จากการที่อาจารย์ยมได้ให้เกียรติมาสอนสัปดาหที่ 2 ในวันที่2-3 มีนาคม 2550 ในเนื้อหาดังนี้
1.ภาวะผู้นำมีประโยชน์อย่งไร
2.แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำ
3.จริยธรรมของการเป็นผู้นำ
1.จากความคิดเห็นของดิฉันภาวะผู้นำมีประโยชน์ในด้านต่างๆดังนี้
-ต่อตัวผู้นำเอง
ช่วยให้ผู้นำมีความรับผิดชอบมากขึ้น
ฝึกให้มีคุณธรรม จริยธรรม
ฝึกให้กล้าคิด กล้าตัดสินใจ
-ต่อองค์กร
สามารถนำองค์กรไปสู่ความ
สำเร็จ ตรงเป้าหมายสร้างความเชื่อมั่นให้กับ
องค์กร-ต่อประเทศชาติ ทำให้คนมีคุณภาพ มีความเชื่อ ศรัทธาปลูกจิตสำนึกให้คนรักและพัฒนาประเทศ ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า
***ภาวะผู้นำเปรียบเสมือน brand ที่จะสะท้อนตัวผู้นำเอง****
2.แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำให้มีคุณค่าตามหลักทศพิธราชธรรม
ราชธรรม ๑๐ ประการ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงบำเพ็ญมาโดยสม่ำเสมอ ได้แก่ ทาน ศีล บริจาค ความซื่อตรง ความอ่อนโยน ความเพียร ความไม่โกรธ ความไม่เบียดเบียน ความอดทน และความเที่ยงธรรม ราชธรรม ๑๐ ประการนี้เรียกว่า “ทศพิธราชธรรม”
สรุปและข้อเสนอแนะ
การเป็นผู้นำนั้นไม่ยาก แต่จะเป็นผู้นำที่มีคุณค่านั้นทำอย่างไร ดิฉันคิดว่าผู้นำที่ดีนั้น ควรจะพิจารณาหลักทศพิราชธรรม นำมาเป็นข้อคิดและปฏิบัติอย่างเหมาะสม เพื่อพัฒนาตนเองและสังคม
3.จริยธรรมของการเป็นผู้นำ
สาเหตุของความเสื่อมขององค์กร
1.การต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
2.สมาชิกในองค์กรสำคัญตนผิด
3.ความไม่ไยดีต่อ INNOVATION
4.ขาดการวางแผนระยะยาว ขาดวิสัยทัศน์
5.การไม่ได้ให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์
(การเสียคนที่มีคุณค่า ยิ่งกว่าเสียเงินทองมากมาย)
เทคนิคขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลง
1.ทำให้เกิดการตื่นตัวในองค์กร สร้าง
ความเร้าใจทั้งเชิงบวกเชิงลบ
2.ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เช่น คณะ
กรรมการระบบ ISO
3.ต้องให้คณะกรรมการกำหนดวิสัยทัศน์
ทำ action plan
4.จะต้องสื่อวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ ให้เข้าใจ
สื่อได้
5.ให้ทุกส่วนมีส่วนร่วมและร่วมมือในการ
เปลี่ยนแปลง พัฒนา สร้าง
INNOVATION ขึ้นมา6.ทำการประเมินผล
7.เอาผลสำเร็จบางประการมาประกาศชัย
ชนะระยะสั้น
8.นำส่วนที่มีปัญหาบางจุดและผลสำเร็จ
ระยะสั้นมากำหนดแนวปฏิบัติใหม่9.ทำ
การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (CONTINUE
IMPROVMENT)
จริยธรรม คือ ความประพฤติ
หรือการกระทำที่ควรปฏิบัติ
ประโยชน์ของจริยธรรมช่วยให้
มนุษย์1.ช่วยจัดระเบียบสังคม
2.อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
3.พัฒนาคุณภาพชีวิตให้เป็นชีวิตที่
สมบูรณ์4.พัฒนาชีวิตให้สำเร็จตามเป้าหมาย
5.สร้างสันติภาพ
6.สามารถแก้ปัญหาชีวิตและความทุกข์
ให้หมดไปได้
จริยธรรมของผู้นำทั้งภาครัฐ
และภาคเอกชน1.ต้องมีความซื่อสัตย์
2.ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
3.บริหารจัดการเรื่องของประสิทธิภาพ
และจริยธรรมให้ไปด้วยกันได้4.บริหารจัดการด้วยความเป็นธรรม
5.บริหารให้เกิดความมั่นใจและมั่นคง
6.ปลูดฝังค่านิยมให้กับทีมงาน
ดิฉันได้เป็นตัวแทนของกลุ่มได้
นำเสนอเรื่องจริยธรรมของนักศึกษา MBA มีดังนี้1.ต่อสถาบัน
-ให้ความเชื่อมั่นในตัวสถาบัน
-ให้เกียรติสถานที่
2.นักศึกษา
-ไม่แข่งขันกัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
-มีการแชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยน
ความคิดเห็น3.ต่อองค์กร
-นำความรู้ที่ได้มาใช้ประโยชน์กับองค์กร
4.ต่อสังคม
-เมื่อมีความรู้แล้ว จะไม่นำความรู้มา
เบียดเบียนสังคม
-มีการนำความรู้เผยแพร่ให้กับสังคม เช่น
การสอนหนังสือ
จริยธรรมของผู้นำในองค์กร
CEO CONCEPT ได้แก่
-CUSTOMER SATISFACTION การ
บริการที่ดีประทับใจและการผลิตสินค้าที่
มีคุณภาพ
-EMPLOYEE SATISFACTION
สวัสดิการที่ดี(ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดิน
ทาง ค่าประกันภัย ประกันสังคม ) และมี
career path (ให้โอกาส ให้ความก้าว
หน้า ซึ่งช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน)
-ORGANIZATION RESULT แบ่งปันให้
กับสังคม เช่นจ่ายภาษีอย่างถูกต้องตาม
กฎหมาย , คำนึงถึงความปลอดภัยต่อ
สังคม
สรุปและข้อเสนอแนะ
ผู้นำควรมีภาวะผู้นำที่มีจริยธรรมที่เหมาะสม สามารถบริหารการเปลี่ยนแปลง ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง(ความรอบรู้ มีเหตุมีผล มีคุณธรรม มีภูมิคุ้มกัน พอดีพอประมาณ) ทั้งนี้การพัฒนาจริยธรรมจะเป็นการสร้างสมดุลย์ในระหว่างความคิดและการกระทำให้อยู่ในทางสายกลาง ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง สังคมเกิดความยั่งยืน สงบสุข
จริยา ลิ้มธรรมรักษ์
106242001 MBA 7
ศรีสุดา วรรณสมบูรณ์ ID 106342002 เมื่อ พ. 07 มี.ค. 2550 @ 01:12 (185104) |
สวัสดีค่ะ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์/อาจารย์ ยม/เพื่อนๆ นักศึกษา MBA มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมป์ฟอร์ด หัวหิน และ เพื่อน ๆ นักศึกษา MBA 6,7 ทุกท่าน
จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ในวันศุกร์ที่ 2 และวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2550 ของวิชาภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลง ทำให้เข้าใจถึงบทบาทที่ผู้ที่เป็นผู้นำพึงมี และพึงปฏิบัติ เพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จ ซึ่งความสำเร็จในที่นี้ ไม่ใช่สำเร็จเพียงด้านยอดขาย สถานะทางการเงิน เท่านั้นแต่นั่นยังต้องรวมถึง ภาพพจน์ที่ดี และทรัพยากรบุคคลที่อยู่ในองค์กร ด้วย และอาจารย์ ยม ยังได้ให้แนวทางที่ใช้ในการพัฒนาภาวะผู้นำ โดยมีแนวทาง คือ
1.แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำตามหลักทศพิธราชธรรม
2.แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำแบบญี่ปุ่น 10 ประการ
3.แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวคิด YOM, 2006 ทฤษฎี 6 ท.
4.แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำตามแนวคิด Bennis, 1989 เบนนิส
5.แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำตามหลักสัปปุริสธรรม 7
ทั้งนี้ยังได้ ให้คำนิยาม คำว่า พอเพียง ซึ่งอาจารย์ ยม ได้ให้ความหมาย คำว่า พอเพียงในความคิดของอาจารย์ว่าคือ การดำเนินชีวิตทางสายกลางเพื่อ ความยั่งยืน และต้องอยู่บนหลักการและเหตุผล อย่างพอประมาณ และมีแผนรองรับในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องมีความรู้คู่คุณธรรม
อีกทั้งผู้นำควรมีแผนรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไว้ เพื่อให้องค์กรได้รับความเสียหายน้อยที่สุด การจะเป็นผู้นำที่ดีไม่ใช่แต่บริหารจัดการ ให้บรรลุถึงเป้าหมายเพียงแต่ให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดเพียงอย่างเดียว ผู้นำควรมีจริยธรรมซึ่งสามารถนำมาใช้ให้สอดคล้องได้กับสภาวะการณ์ต่าง ๆ ได้ เพื่อให้เกิดความสงบสุขของทุกคนในองค์กร
ในสัปดาห์นี้ อาจารย์ ยม ได้ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้นำที่มีต่อ เพื่อนนักศึกษา MBA 6,7 ,ต่อทีมงาน,ต่อองค์กร,ต่อสังคม และประเทศชาติ แม้ว่านักศึกษาทุกท่านจะต่างหน้าที่การงาน,ต่างองค์กร,ต่างอายุ และต่างประสบการณ์ แต่ว่าแต่ละท่านก็มีความคิดเห็นหลัก ๆ เป็นไปในทางเดียวกัน คือ ต้องการผู้นำเป็นคนดี, ไม่เห็นแก่ตัว, ให้โอกาสกับทุกคนเท่าเทียมกัน ให้อภัย เพื่อให้เกิดปัญญาคิดทำในสิ่งที่ถูกต้อง, ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และที่สำคัญที่สุดคือทุกท่านต้องการให้สังคม และประเทศชาติมีความสงบสุข
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม นาคสุข และเพื่อนๆนักศึกษา MBA ทุกท่าน
4 E’s Leadership
6 C’s Leadership
4 K’s Leadership
6 L’s leadership
5 M’s leadership
4 S’s Leadership
5 T’s Leadership
กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง มี 2 กลยุทธ์ คือ (2 Strategies for Changes)
จริยธรรม มีประโยชน์อย่างไร?
จริยธรรมต่อสังคม
จริยธรรมต่อพนักงาน/ทีมงาน
จริยธรรมต่อลูกค้า
จริยธรรมต่อเพื่อนร่วมงาน
จริยธรรมต่อคู่แข่งขัน
สรุป ดิฉันมั่นใจว่าสิ่งที่ดิฉันได้เรียนในสัปดาห์นี้ จะสามารถนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาไปสู่การเป็นภาวะผู้นำที่ดีในอนาคตได้ โดยมีจริยธรรมในการดำเนินชีวิตควบคู่ไปด้วย
นางสาวปณิธาน เชื้อชาติ ID : 106142013
จากนาย สราวุฒิ ฉายแสง เมื่อ พ. 07 มี.ค. 2550 @ 13:03 (185413)
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม นาคสุขและเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน
จากที่ อ.ยมบรรยายถึงเรื่องการฝึกตนให้เป็นผู้นำของญี่ปุ่นดังนี้
1.ฝึกเป็นคนมีวินัย
2.มีมารยาททางสังคม
3.ฝึกเป็นคนขยัน
4.มีความคิดริเริ่ม
5.จงรักพักดีต่อองค์กร
6.มีนิสัยรักการอ่าน
7.รักความสะอาด
8.มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูง
9.รักในศักดิ์ศรี
10.พัฒนาตลอดเวลานี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆเพราะทุกคนรู้จักหน้าที่ของตัวเองว่า ควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร
กล่าวถึง การพัฒนาภาวะผู้นำ ตามทศพิศราชธรรม ดังนี้
1.การให้
2.ศีล
3.การบริจาค
4.การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต
5.ความอ่อนโยน การมีอัธยาศัยดี
6.การบำเพ็ญความเพียร
7.การไม่ถือโกรธ ไม่ผูกพยาบาท
8.การไม่เบียดเบียน
9.การมีความอดทน อดกลั้น
10.ความโปร่งใสในการทำงาน
เมื่อเชื่อมโยงหลักการของทั้งสองประเทศแล้วก็ทำให้ทราบว่าการเป็นผู้นำนั้นต้องเป็นคนดี และเก่ง โดยการเป็นคนดีนั้นต้องมีความเคารพต่อกฎกติกาของสังคม ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เพราะถ้าเก่งแต่ไม่ดีก็จะทำให้องค์กรเสียหาย โกงกิน ส่วนการเป็นคนเก่งนั้น ก็หมายถึง การที่เป็นผู้ใฝ่รู้อยู่ตลอดเวลา มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ที่จะพัฒนาองค์กรให้ดียิ่งขึ้น
นาย สราวุฒิ ฉายแสงรหัส 106142011มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด(หัวหิน)
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม นาคสุข และสวัสดีเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน!!!
พัฒนาภาวะผู้นำ ตามทศพิศราชธรรม
ทานัง คือ การให้ ซึ่งได้แก่ อามิสทาน(การให้สิ่งของ) ธรรมทาน(การให้ความรุ้) และ อภัยทาน ศีล คือการมีความประพฤติดีงาม สำรวมกาย วาจาใจ ประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดี ให้เป็นที่เคารพนับถือของประชาชน
บริจาคะ (การบริจาค) การเสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
อาชชวะ ได้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความจริงใจ ไม่หลอกลวงประชาชน ซื่อตรงต่อคำพูด ซื่อตรงต่อวิชาชีพ
มัททวะ ได้แก่ ความอ่อนโยน การมีอัธยาศัยดี ซึ่งถ้าเป็นยุคนี้ต้องเรียกว่ามีความใจกว้างในการรับฟัง ไม่ดื้อ ไม่รั่น ไม่บ้า หรือมัวเมาในอำนาจ
ตปะ ได้แก่ ความเพียรเพื่อกำจัดความเกียจคร้านและความชั่ว พยายามลดกิเลสของตน ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่มีอำนาจ ที่จะมีโอกาสจะเห็นผลประโยชน์รูปแบบต่างๆวิ่งผ่านหน้า ตปะ จะเป็นสิ่งที่เหนี่ยวรั้ง ไม่ให้คนดี เสียคน
อักโกธะ คือการไม่ถือโกรธ ไม่ผูกพยาบาท หรือจงเกลียดจงชังคนใดคนหนึ่งหรือ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นักปกครองคนใด ครองธรรมมะข้อนี้ไม่ได้ ก้อาจจะนำไปสุ่การสร้างความอยุติธรรมในการตัดสินใจ
อวิหิงสา คือการไม่เบียดเบียน ประชาชน เพื่อนร่วมงาน, ลูกน้องของตน ,หน่วยงาน และครอบครัวตนเอง เพราะการเบียดเบียนนำไปสุ่การเอาเปรียบ การเอาเปรียบบ่อยๆ ก็ทำให้เสียนิสัยและนำไปสุ่ พฤติกรรมคอร์รัปชั่น
ขันติ ได้แก่ การมีความอดทนอดกลั้นความโลภ ต่อแรงกดดันต่างๆอวิโรธนะ ความโปร่งใส วิโรธนะ การทำงาน อย่าให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย นั่นคือการทำงานอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา
ฝึกตนเป็นคนมีภาวะผู้นำ
เพียรกำจัด (ลด ละ เลิก) สิ่งที่ไม่ดี ข้อบกพร่องหรืออกุศล ให้หมดไป
เพียรรักษา (รักษา) สิ่งที่ดี คุณภาพดีๆ มาตรฐานงานดีๆ วินัย หรือกฎข้อบังคับ ความรู้ ภูมิปัญญา ของตน ขององค์กร ให้คงอยู่ ยั่งยืนนาน เพียรระวัง (ป้องกัน) มิให้สิ่งที่ไม่ดี เข้าครอบงำ มีข้อบกพร่อง ก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น โดยเน้นที่การดับที่เหตุรากเหง้า
จริยธรรมต่อพนักงาน/ทีมงาน 1.พึงให้ค่าจ้าง ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถให้รางวัลเมื่อมีกำไรมากขึ้น 2.พึงเอาใจใส่สวัสดิการ จัดหาเครื่องป้องกันอันตราย อันเกิดจากการทำงาน 3.พึงพัฒนาให้ความรู้เพื่อเพิ่มความชำนาญ 4.พึงยุติธรรมต่อพนักงานทุกคน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง 5.พึงศึกษานิสัยใจคอของพนักงานแต่ละคน 6.พึงเคารพสิทธิส่วนบุคคลของพนักงาน 7.พึงเชื่อถือไว้วางใจในงานที่มอบหมาย 8.พึงให้คำแนะนำปรึกษาช่วยเหลือ 9.พึงสนับสนุนให้พนักงานประพฤติตนดี ห้ามปรามถ้าพบว่าพนักงานทำไม่ดี
จริยธรรมต่อลูกค้า 1.พึงขายสินค้าบริการในราคายุติธรรม 2.พึงขายสินค้าบริการที่มีคุณภาพตามที่แจ้งแก่ลูกค้า ในราคาที่ตกลงกัน 3.พึงดูแลลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน ใส่ใจในข้อร้องเรียนของลูกค้า 4.พึงงดเว้นการสร้างเงื่อนไขให้ลูกค้าต้องทำตามเงื่อนไขเพื่อต่อรอง 5.พึงปฏิบัติต่อลูกค้าด้วยอัธยาศัยไมตรีอันดี
จริยธรรมต่อเพื่อนร่วมงาน 1.พึงมีความจริงใจ 2.พึงหลีกเลี่ยงการนินทาเพื่อน 3.อย่าซัดทอดความผิดให้เพื่อน 4.พึงยกย่องชมเชยเพื่อนในสิ่งที่สมควร 5.พึงให้ความร่วมมือในกิจการของเพื่อนด้วยความเต็มใจ 6.พึงรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน 7.พึงหลีกเลี่ยงการทำตัวเหนือเพื่อน
จริยธรรมต่อคู่แข่งขัน 1.พึงละเว้นการกลั่นแกล้ง ให้ร้ายป้ายสี การขายตัดราคา การแย่งลูกค้าและข้อมูลของคู่แข่งมาโดยมิชอบ
2.พึงให้ความร่วมมือในการแข่งขัน เพื่อสร้างสภาวะการตลาดที่ดี และรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้เกิด ประโยชน์สูงสุดร่วมกันป้องกันดูและทรัพย์สิ
สรุป การจะสามารถเป็นภาวะผู้นำที่ดีได้ ต้องมีจริยธรรมด้วย
นายเอกราช ดลยสกุล ID: 106142015
เรียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม และสวัสดีเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน
ผมนายวิวัฒน์ นาเวียง ID:106342001 MBA 7 ม.นานาชาติ แสตมฟอร์ด หัวหิน หลังจากที่ได้เรียนในวันที่ 2-3 มีนาคม 2550 ที่ผ่านมา อ.ยม ได้บรรยาย และได้ทำกิจกรรมร่วมกันดังนี้
1.ภาวะผู้นำมีประโยชน์อย่างไร
2.แนวทางการพัฒนาผู้นำ
-แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำแบบญี่ปุ่น
1. ฝึกคนมีวินัยเช่นตรงต่อเวลา ปฏิบัติตามกฎ กติกา มารยาท2. มีมารยาททางสังคม ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของชาวญี่ปุ่น
3. ฝึกเป็นคนขยัน อดทนเป็น
4. Enterprise Spirit กล้าริเริ่มส่งใหม่ๆ
5. Team Work คนญี่ปุ่นยึดฉันทามติ จงรักภัคดีต่อองค์กร ทำงานแบบอุทิศ ทุ่มเท
6. มีนิสัยรักการอ่าน7. รักความสะอาด ความบริสุทธิ์
8. มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูง
9. รักในศักดิ์ศรี ชาตินิยม
10. พัฒนาตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง และกระตือลือล้น
-แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำ ตามทศพิศราชธรรม
สัปปุริสธรรม 7
1. ธัมมัญญุตา (รู้จักเหตุ) , 2. อัตถัญญุตา (รู้จักผล) 3.อัตตัญญุตา (รู้จักตน) 4. มัตตัญญุตา (รู้จักประมาณ), 5. กาลัญญุตา (รู้จักกาล), 6. ปริสัญญุตา (รู้จักชุมชน), 7.ปุคคลัญญุตา (เข้าใจความแตกต่างบุคคล)
กำจัด รักษา พัฒนา ป้องกัน
Yom, 2005, 6 ท. สำหรับฝึกภาวะผู้นำ
4 E’s Leadership
6 C’s Leadership
4 K’s Leadership
1.Knowing your competitors รู้คู่แข่ง คู่แข่งทางการค้า2.Knowing your customer รู้ลูกค้า ลูกค้าในอนาคตและปัจจุบัน และมีการวางแผน
3.Knowing your people รู้ทีมงาน ทีมงานในอนาคตเป็นอย่างไรจุดอ่อนจุดแข็ง
4.Knowing your yourself รู้ตัวเอง รู้จักตัวเอง เช่นการศึกษา วางแผนการพัฒนาตนเอง
6 L’s leadership
1.Learning to love youeself รักตัวเอง ใส่ใจ ออกกำลังกาย สนใจเรื่องอนาคต
2.Learning to love business รักธุระกิจ ทำอย่างไรให้ลูกน้องรักธุรกิจ
3.Learning to love team รักทีม ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม4.Learning to love customer รักลูกค้า
5.Learning to love suppliers รักผู้ที่เกี่ยวข้อง ดูแลทุกคน6.Learning to relax โดยการหาความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา5 M’s leadership
1.Mission วิสัยทัศน์ ภาระกิจที่ชัดเจน
2.Meeting-learn-chair-develop ประชุมเรียนรู้แชร์ และพัฒนา
3.Measurement การวัดความพึงพอใจของลูกค้า พนักงาน4.Memory จำได้ว่าข้อมูลที่แล้วมาเป็นอย่างไร โดยอาจจะมีตัวชี้วัด เช่นการบันทึก5.Mastering time เวลา
4 S’s Leadership
1.Strategy เขียนกลยุทธ์เป็น
2.Setting goals ต้องตั้งเป้าหมายเป็น
3.Sleep well หาทางที่มันดี
4.Selecting the right people เลือกคนที่ถูกต้อง
5 T’s Leadership1.Taking responsibility รู้จักมีความรับผิดชอบเอาใจใส่2.teachimg responsibility ต้องสอนถึงโทษและดี3.Take care of HR,Employee การดูแลพนักงานและทรัพยากรมนุษย์4.Take care of customer satisfaction ทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น5.Take care of Organization การดูแลองค์กรก็จะดีขึ้นผลประมาณการก็จะดีตามขึ้นไป
สาเหตุของความล้มสลายขององค์กร ได้แก่กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง มี 2 กลยุทธ์ คือ (2 Strategies for Changes)
จริยธรรม มีประโยชน์อย่างไร?
จริยธรรมเป็นกฏเกณฑ์ที่สังคมสร้างขึ้นเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขทำให้เกิดจิตสำนึกในหน้าที่ความรับผิดของตนเอง เป็นการกระทำหรือพฤติกรรมที่ถูกต้องและดีงามในสังคมนั้นๆ
จริยธรรมทำให้เกิด
จริยธรรมของผู้นำในความเห็นของผมดังนี้
สรุป ผู้นำที่สมบูรณ์แบบคือผู้นำทีเปี่ยมด้วยความรู้ ความสามารถและมีคุณธรรมจริยธรรม ผู้นำที่ได้รับการยอมรับนับถือ มีอำนาจบารมีได้ เพราะความมีคุณธรรมจริยธรรม เป็นที่เลื่องลือทำให้การดำเนินงานขององค์กรได้รับการยอมรับ เชื่อถือ เพราะผู้นำมีคุณธรรมจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ใช้หลักความมี
จริยธรรมตามหลักธรรมาภิบาล หรือหลักบรรษัทภิบาลในการบริหารงานถือเป็นคุณธรรมอันสำคัญอย่างยิ่งของผู้นำ
จากการที่ได้เรียนวิชาภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่2 (วันที่2-3มีนาคม) ทำให้ได้รู้เกี่ยวกับการพัฒนาภาวะผู้นำ จริยธรรมของการเป็นผู้นำ และกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงองค์การสำหรับผู้นำ ซึ่งสามารถสรุปเนื้อหาได้ดังนี้
ในทุกองค์การนั้นจะต้องมีผู้นำเป็นผู้บริหารงานและคอยขับเคลื่อนให้พนักงานทำงานได้บรรลุเป้าหมายขององค์การ ทำให้ผู้นำอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาที่มีมากมายอยู่เป็นประจำ ดังนั้นผู้นำจึงต้องมีการพัฒนาตนให้มีภาวะผู้นำมากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีการพัฒนาภาวะผู้นำดังต่อไปนี้เทคนิค 10 ประการ ในการฝึกตนให้เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง (แบบชาติญี่ปุ่น)
1. ฝึกเป็นคนมีระเบียบวินัย เช่น การตรงต่อเวลา ปฏิบัติตามกฎ กติกา มารยาท2. มีมารยาททางสังคม3. ต้องขยัน และ มีความอดทน4. กล้าที่จะริเริ่มสิ่งใหม่ๆ5. มีความจงรักภักดีต่อองค์กร ทำงานให้องค์กรแบบอุทิศและทุ่มเท6. มีนิสัยรักการอ่าน7. รักความสะอาด8. มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูง9. รักในศักดิ์ศรี และ ชาตินิยม10.พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง และมีความกระตือรือร้น
การพัฒนาผู้นำตามหลักทศพิศราชธรรม
1. การให้ ได้แก่ ให้สิ่งของ ให้ความรู้ ให้ทาน2. ศีล คือ การมีความประพฤติที่ดีงาม ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี3. การบริจาค คือ การสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม4. การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คือ มีความจริงใจ5. ความอ่อนโยน การมีอัธยาศัยดี คือ ต้องใจกว้างและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น6. การบำเพ็ญความเพียร เพื่อจำกัดความเกียจคร้าน 7. การไม่ถือโกรธ ไม่ผูกพยาบาท 8. การไม่เบียดเบียน ประชาชน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้องของตน และหน่วยงาน9. การมีความอดทนอดกลั้น ความโลภ และแรงกดดันต่างๆ10. ความโปร่งใส ในการทำงาน และมีความตรงไปตรงมา
การที่จะเป็นผู้นำที่ดีและมีคุณค่าได้นั้นผู้นำทุกคนจะต้องมีจริยธรรมของการเป็นผู้นำ เพราะการมีจริยธรรมนั้นจะเป็นประโยชน์มากที่จะช่วยทำให้คนในองค์การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจริยธรรม หมายถึง พฤติกรรมที่ควรทำ ในการกำหนดจริยธรรมนั้น ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม ได้แก่ - พนักงาน- หัวหน้างาน- ผู้บริหาร- หน่วยงาน- องค์การ
ผู้นำควรมีจริยธรรมดังต่อไปนี้1. จริยธรรมของผู้นำ ต่อสังคม- ไม่ประกอบธุรกิจที่นำความเดือดร้อนมาสู่สังคม- คอยดูแลกิจการของตนไม่ให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม- พึงเคารพในสิทธิทางปัญญาของผู้อื่น- พึงให้ความร่วมมือกับชุมนุมและสังคม2. จริยธรรมของผู้นำ ที่มีต่อพนักงานและทีมงาน- ให้ค่าจ้าง ค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ- เอาใจใส่ในสวัสดิการ- พัฒนาให้ความรู้เพื่อเพิ่มความชำนาญ- มีความยุติธรรมต่อพนักงานทุกคน- ควรศึกษานิสัยใจคอของพนักงาน- เคารพสิทธิส่วนบุคคลของพนักงาน- ให้คำแนะนำและคำปรึกษาเมื่อลูกน้องมีปัญหา3. จริยธรรมของผู้นำ ที่พึงมีต่อลูกค้า- ขายสินค้าและบริการในราคายุติธรรม- ขายสินค้าและบริการที่มีคุณภาพตามที่แจ้งลูกค้าไว้- ดูแลและใส่ใจลูกค้าสม่ำเสมอ- มีอัธยาศัยดีกับลูกค้า4. จริยธรรมของผู้นำ ที่พึงมีต่อเพื่อน ร่วมงาน- มีความจริงใจ- ให้ความร่วมมือ- รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน- ไม่นินทาเพื่อนร่วมงาน
- ไม่ทำตัวเหนือกว่าผู้อื่น
เมื่อองค์การได้ดำเนินกิจการได้ระยะหนึ่งแล้ว ผู้นำควรที่จะมีการเปลี่ยนแปลงองค์การเพื่อให้องค์การมีการพัฒนาเพราะจะทำให้องค์การมีผลกำไรมากขึ้น แต่ในการที่จะเปลี่ยนแปลงองค์การนั้น อาจจะได้รับการต่อต้านจากพนักงาน ดังนั้นผู้นำควรใช้ความสามารถและการมีภาวะผู้นำมาแก้ไขปัญหาเหล่านั้นที่จะเกิดขึ้น
ขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงองค์กร1. มีการชี้แจงล่วงหน้าเพื่อให้พนักงานมีการตื่นตัว และต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้คนในองค์การทราบ โดยมีการประชุมอย่างสม่ำเสมอ2. มีการจัดตั้งทีมเจ้าภาพที่จะทำการเปลี่ยนแปลงองค์การขึ้นมา3. ให้ทีมเจ้าภาพกำหนดวิสัยทัศน์4. ทีมเจ้าภาพที่จะทำการเปลี่ยนแปลง ต้องเข้าใจในกลยุทธ์และสามารถโน้มน้าวใจได้5. ให้ทุกส่วนในองค์การมีส่วนร่วมและร่วมมือในการที่จะเปลี่ยนแปลง พัฒนา และสร้าง Innovation ใหม่ๆ6. รวบรวมข้อมูลมาสรุปและประเมินผลออกมาดูว่าเป็นอย่างไร7. นำผลสำเร็จที่ประเมินออกมาได้มาสร้างชัยชนะในระยะสั้น8. มีการกำหนดแนวปฏิบัติใหม่ ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ให้เป็นวัฒนธรรมขององค์การ
9. ทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้า พนักงาน ทีมงาน และผลประกอบการขององค์การ
กลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงองค์การเพื่อการพัฒนา มี 2 แนวทาง ดังนี้
1. Top Down (Programmatic)ลักษณะ : เป็นกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงที่สั่งลงมาจากด้านบนของแผนภูมิองค์การ กลยุทธ์นี้จะมีผู้เกี่ยวข้องอยู่ไม่กี่คน เนื่องจากมีทรัพยากร และ งบประมาณจำกัด และใช้ได้ในระยะสั้น
ข้อดี : รวดเร็ว ประหยัด ไม่เสียเวลามาก
ข้อเสีย : มีผู้เกี่ยวข้องอยู่ไม่กี่คน ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านมาก
2. Bottom - Up (Learning)ลักษณะ : เป็นกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงที่ให้ระดับล่างมีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดสู่เบื้องบน กลยุทธ์นี้จะมีผู้เกี่ยวข้องอยู่มาก
ข้อดี : คนระดับล่างมีส่วนร่วม ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ ทำให้ลดการต่อต้าน และจะทำให้เกิดความสำเร็จในระยะยาวข้อเสีย : เสียเวลามาก
ในการที่จะเป็นผู้นำที่ดีและมีคุณค่านั้น ผู้นำต้องพัฒนาตนให้มีภาวะผู้นำมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะใช้หลักการฝึกตนให้เป็นผู้นำของประเทศญี่ปุ่น หรืออาจใช้หลักทศพิศราชธรรมของไทย หรือหลักอื่นๆก็ได้
ผู้นำต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยการพัฒนาองค์การให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยใช้ความรู้ ใช้เหตุผล และการมีคุณธรรม ถึงจะทำให้องค์การมีความสุขสำเร็จและมีความยั่งยืนและที่สำคัญที่สุดที่ผู้นำทุกคนจะต้องมีนั้นก็คือ จริยธรรม เพราะถึงแม้ว่าผู้นำคนนั้นจะเก่งและมีความสามารถเพียงใด แต่ถ้าไม่ยึดหลักจริยธรรมในการบริหารแล้วก็ไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้
นางสาวสุพรรษา อาลี
ID 106242002 MBA 7
ม. นานาชาติแสตมฟอร์ด หัวหิน
สวัสดีค่ะ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ / อ.ยม นาคสุข / เพื่อน ๆ / และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ต้องยอมรับค่ะว่าในการเรียนวิชาภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กรสัปดาห์ที่ 2 นี้ ดิฉันเสียเปรียบเพื่อน ๆ ท่านอื่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้เรียนใน class วันศุกร์เท่านั้น เนื่องจากป่วย แต่ดิฉันก็จะพยายามศึกษาจากเอกสารที่ทางมหาวิทยาลัยแจกให้และจากเพื่อน ๆ ค่ะ
ในสัปดาห์นี้ที่ได้มาเป็นเนื้อ ๆ ก็คือ การเป็นผู้นำแบบญี่ปุ่น ดิฉันประทับใจการเป็นผู้นำแบบญี่ปุ่นตรงที่คนญี่ปุ่น- รักษาเวลา- เคร่งครัดในกฎระเบียบ- มีความเป็นชาตินิยมสูง- มีความเป็นทีม- และชอบคิดค้นวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
สุกัญญา เพ็ญสุข
MBA ม.นานาชาแสตมฟอร์ด (หัวหิน)สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด หัวหิน และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขณะนี้ มีนักศึกษา ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแห่งการเรียนรู้ใน Blog นี้ เรียงตามลำดับ ได้ดังนี้
ขอชื่นชม นักศึกษาที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจเขียนแชร์ไอเดีย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแห่งการเรียนรู้
อย่างไรก็ตามขอชื่นชมมากเป็นพิเศษ สำหรับนักศึกษาที่ส่งเข้ามาติดอันดับ Top Ten ได้แก่
นักศึกษาที่ส่งมา ติดอันดับ Top Ten ส่วนใหญ่ทำได้ดี และถ้าศึกษาแนวการเขียนทั้ง 4 ประการที่กล่าวมาข้างต้นนี้ หลายท่านคงจะทราบว่า แนวการเขียนของท่านเป็นอย่างไร นักศึกษาที่ทำได้ดี จะได้เปรียบกว่า เพราะเท่ากับได้ฝึกการเขียน และสามารถนำไปใช้ประยุกต์เขียนสอบในทุกวิชา ได้เป็นอย่างดี
ส่วนนักศึกษาที่ส่งมาช้าสุด หรือและเขียนมาสั้นที่สุด ขอให้ทบทวนน๊ะครับ ท.ทบทวนดูว่าเราจะพัฒนาอย่างไรให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ในยุคโลกาภิวัฒน์ ความดี ความเก่ง ความรอบรู้ ความรวดเร็ว และคุณธรรมฯ เป็นสิ่งที่เราต้องลับเลื่อยให้คมอยู่เสมอ
สัปดาห์นี้ ศุกร์และเสาร์ที่จะถึงนี้จะมีการเรียนการสอน โดยอาจารย์ใหญ่ของเรา ศ.ดร.จีระ แน่นอน ในสัปดาห์นี้ ผมอาจจะไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมด้วย เนื่องจากติดสัมมนาในกรุงเทพฯ ในโครงการเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการปริญญาเอก
การเขียนบทความแชร์ความรู้ ของพวกเรา ขอให้ย้ายไปเขียนใน Blog ของ ศ.ดร.จีระ ที่ Blog ของ MBA ม.นานาชาติ สแตมฟอร์ด ซึ่ง ศ.ดร.จีระ ได้เปิด Blog เรียบร้อยแล้ว โดยเข้าไปที่http://gotoknow.org/blog/chirakm/81898
ส่วนเนื้อหา เกี่ยวกับผู้นำ ใน Blog ที่ผมตั้งขึ้นรองรับความเห็นของพวกเรานี้ จะยังคงมีข้อความเกี่ยวกับผู้นำ ต่อเนื่อง ตลอดไป อย่างน้อย สัปดาห์ละครั้ง
ผมจะเขียน บทความแชร์ไอเดีย เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเกี่ยวกับผู้นำ ภาวะผู้นำ ในโครงการปริญญาโท และปริญญาเอก เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ต่อไป
ท้ายนี้อย่าลืม ว่ามีงานแปลบทความ ที่แต่ละกลุ่มจะต้องส่งมาร่วมแชร์กัน น๊ะครับ
ขอความสวัสดีจงมีแด่นักศึกษาและท่านผู้อ่าน
สวัสดีค่ะ ศ.ดร. จีระ อ. ยม เพื่อนนักศึกษา MBA รุ่น 6, 7 และผู้อ่านที่รักทุกท่าน
ดิฉันได้เข้ามาอ่านงานของเพื่อนในBlog แล้วรู้สึกประทับใจ และอดชื่นชมกับการเรียน การสอนของท่านอาจารย์ และนักศึกษามิได้ เพราะต้องยอมรับว่าวิธีการนี้ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านการเรียนรู้อย่างยิ่งจริง ๆ จากที่คิดว่าเราแค่เป็นผู้บริหาร มีเลขาไว้ทำงาน จะพิมพ์อะไรก็สั่งการไป อยากได้ข้อมูลอะไรก็สั่งการไป บางครั้งยังไม่มีเวลามาตรวจสอบ จึงทำให้งานที่ได้ ไม่ได้ดั่งใจ หรือผิดพลาดไปไม่อาจแก้ไขก็มี
วันนี้หลังจากได้เข้ามาทำเอง พิมพ์เองตรวจเองทำให้รู้ว่าที่เราเคยคิดว่าไม่มีเวลานั้นบางครั้งมันเป็นข้ออ้างของตัวเราเองด้วยซ้ำไป ลองจัดสรรเวลาดูจริง ๆ เราเองก็สามารถทำได้แล้วทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจในผลการกระทำของเราแล้วทำให้มีความสุขและมีพลังขึ้นมาด้วยซ้ำไป
สรุปข้อคิดเห็น : ดิฉันคิดว่าการเรียนการสอนของวิชาภาวะผู้นำ ตามแนวของ อ.ยม และอ.ใหญ่ ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวดิฉัน และเชื่อว่าก็ได้เกิดขึ้นกับเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนด้วยเช่นกัน และคงจะเป็นแนวทางที่เราสามารถนำไปใช้กับชีวิตการงานของแต่ละคนได้เป็นอย่างดีต่อไปในอนาคต
พรุ่งนี้วันศุกร์คงได้มีโอกาสได้พบกับท่านอาจารย์ใหญ่ และคงได้รับฟังเรื่องราวของ ITV ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเราทุก ๆ คนตั้งตาคอยได้รับคำชี้แนะเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษา วิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเราต่อไปในอนาคตนะคะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
พนาวัลย์ คุ้มสุด นศ.MBA ID 106142010
มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมป์ฟอร์ด หัวหิน
จากการที่ได้เรียนวิชาภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่2 ทำให้ได้รู้เกี่ยวกับการพัฒนาภาวะผู้นำ จริยธรรมของการเป็นผู้นำ และกลยุทธ์ในการเปลี่ยนแปลงองค์การสำหรับผู้นำ ซึ่งสามารถสรุปเนื้อหาได้ดังนี้
การพัฒนาผู้นำ ตามหลักทศพิศราชธรรม
1. การให้ ได้แก่ ให้สิ่งของ ให้ความรู้ ให้ทาน2. ศีล คือ การมีความประพฤติที่ดีงาม ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี3. การบริจาค คือ การสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม4. การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คือ มีความจริงใจ5. ความอ่อนโยน การมีอัธยาศัยดี คือ ต้องใจกว้างและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น6. การบำเพ็ญความเพียร เพื่อจำกัดความเกียจคร้าน 7. การไม่ถือโกรธ ไม่ผูกพยาบาท 8. การไม่เบียดเบียน ประชาชน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้องของตน และหน่วยงาน9. การมีความอดทนอดกลั้น ความโลภ และแรงกดดันต่างๆ10. ความโปร่งใส ในการทำงาน และมีความตรงไปตรงมาจริยธรรม หมายถึง พฤติกรรมที่ควรทำในการกำหนดจริยธรรมนั้น ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม
และระหว่างที่เรียนนั้น ท่านอาจารย์ยมได้ให้ทำงานกลุ่ม เกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมของผู้นำในด้านต่างๆ สามารถสรุปเนื้อหาได้ดังนี้
สำหรับ ศิษย์พนาวัลย์ คุ้มสุด ผมดีใจที่มีการพัฒนาขึ้น และรู้จักพัฒนาการบริหารตน ผมขอให้กำลังใจ ให้พนาวัลย์มุ่งมั่นพัฒนาตนเองยิ่ง ๆ ขึ้นไป พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ต่อไปนี้ เราจะไม่พูดคำว่า “ไม่มีเวลา” อีกต่อไป "ชีวิตมีค่า เกินกว่าที่จะมีแค่แผนเดียว" ครับ การวางแผน การจัดการ เป็นธรรมชาติว่า ช่วงแรก ๆ จะยุ่ง และเสียเวลา แต่ระยะยาว จะได้ผลยั่งยืนกว่ากัน ขอฝากแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นำมาบูรณาการปรับใช้กับการดำเนินชีวิต ต่อไป ขอให้ประสบความสำเร็จกับการเป็นผู้นำ ที่มีภาวะผู้นำที่เป็นเลิศ สวัสดี
4L’S พารณ | 4L’S จีระ |
Village that Learn | Learning Methodology |
School that Learn | Learning Environment |
Industry that Learn | Learning Opportunity |
Nation that Learn | Learning Community |
ข้อเปรียบเทียบ | คุณพารณ | อาจารย์จีระ |
วัยวุฒิ | เป็นผู้มีอาวุโสมากกว่าอาจารย์ จิระ กว่า 20 ปี | อาวุโสน้อยกว่า แต่ประสบความสำเร็จค่อนข้างเร็วกว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จโดยเฉลี่ย |
คุณวุฒิ | จบทางด้านวิทยาศาสตร์ คือ วิศวกรรม | จบทางด้านสังคมศาสตร์ คือ เศรษฐศาสตร์ |
ประวัติการทำงาน | อยู่ในภาคธุรกิจเอกชนเป็นส่วนใหญ่ | อยู่ในภาคการศึกษาโดยเฉพาะสถาบันการศึกษา |
ประสบการณ์ | เป็นผู้ประสบความสำเร็จในการบริหารภาคธุรกิจ | เป็นผู้ประสบความสำเร็จทางด้านนักวิชาการและวิจัย |
จุดแข็ง | จุดอ่อน |
1. ใฝ่รู้ และรักการอ่าน | 1. ไม่ค่อยดูแลสุขภาพ |
2. ขยันและตั้งใจทำงาน | 2. ขาดการพักผ่อน |
3. เป็นที่เชื่อถือของผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา | 3. มีความเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป |
จากหัวข้อที่ได้รับมอบหมายคือให้หาจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง เมื่อมองดูภาพรวมของตนเองก็มีดังนี้
S จุดแข็ง
· มีความอดทน
· อ่อนน้อม ถ่อมตน
· เรียบร้อย และเรียบง่าย
W จุดอ่อน
· ขี้น้อยใจ
· ชอบคิดมาก
· คิดช้า ไม่ค่อยทันการณ์
· ไม่ฉลาด
· เชื่อผู้อื่นง่ายเกินไป
· คิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเอง
อย่างไรก็ตาม มนุษย์เรามักจะไม่ค่อยมองเห็นความเป็นจริงของตนเองสักเท่าไหร่ หากเพื่อนๆ ท่านใด มองเห็นจุดดี และจุดบกพร่องของดิฉัน รบกวนเสนอแนะกลับด้วยค่ะ
นอกจากนี้ จากหัวข้อที่ได้รับมอบหมายคือให้หาจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง และประวัติบุคคลที่ชื่นชอบเมื่อมองดูภาพรวมของตนเองก็มีดังนี้
เรียน ศ.ดร.จีระ อ.ยม และเพื่อนๆนักศึกษาMBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด (หัวหิน)
จากที่ดิฉันได้เรียนวิชาภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในองค์กรที่ผ่านมา โดยสัปดาห์นี้ได้รับมอบหมายให้ศึกษาผู้นำที่ชื่นชอบ โดยดิฉันขออนุญาติเลือกศึกษาประวัติท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มีประวัติดังนี้
สถานะครอบครัว
บิดา ฯพณฯ สุนทร หงส์ลดารมภ์(อดีตรองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
มารดา ท่านผู้หญิงลำเจียก หงส์ลดารมภ์
ภรรยา คุณหญิงกัญญา หงส์ลดารมภ์
ที่อยู่ปัจจุบัน
เลขที่ 71/39 ถ.บรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ 0-2884-9420-2 โทรสาร 0-2884-9422
www.chiraacademy.com e-mail:[email protected]
ตำแหน่งปัจจุบัน
ประสบการณ์ในอดีต
บทบาทและกิจกรรมที่สำคัญในปัจจุบัน
งานด้านที่ปรึกษา
เกียรติประวัติทางวิชาการ
กิจกรรมด้านสื่อ
***การบ้านที่ให้อ่านหนังสือ 2 เล่ม คือ "2 พลังความคิด ชิวิตและงาน" กับ "ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้" ดิฉันขอส่งใน Blog ต่อไปนะค่ะ***
นางสาวพนาวัลย์ คุ้มสุด ID: 106142010
จากการที่ได้เรียนวิชาภาวะผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่ 3 (วันที่ 9 - 10 มีนาคม) ดร.จีระได้สอนเกี่ยวกับเรื่องผู้นำ และได้ให้ทำงานลง Blog ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 คำถามที่ 1 อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้แล้วได้อะไรบ้างและเกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำอย่างไร จากการที่ได้อ่านหนังสือแล้วทำให้ได้รู้ว่า “คน” เป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร เมื่อก่อนนั้นจะมีความเชื่อเก่าๆว่า “คน” เป็นเพียงต้นทุนการผลิต ซึ่งไม่ใช่เลย คนต่างหาก คือ “ผลกำไร” ที่แท้จริงขององค์กร หากได้รับการดูแลเอาใจใส่ เพิ่มศักยภาพ โดยการพัฒนาอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ และเป็นระบบ หนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ในเรื่องของการพัฒนาคน ถึงแม้ว่าท่านทั้งสองจะมีอายุที่แตกต่างกัน มีการศึกษาที่แตกต่างกัน แต่ท่านทั้งสองมีเป้าหมายเดียวกันคือ การมุ่งมั่นในเรื่อง “คน” คุณพารณฯ ได้เข้าไปทำงานใน เครือซิเมนต์ไทย เริ่มแรกในงานด้านวิศวกรรมคือเป็นวิศวกร เพราะท่านจบการศึกษามาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ แต่เมื่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ได้เห็นบางอย่างในตัวของท่าน จึงให้ท่านไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการบุคคล ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เคยทำงานเกี่ยวกับการบริหารคนมาเลย แต่เมื่อได้รับมอบหมายท่านก็จำเป็นต้องทำ และทำได้ดีเสียด้วย คุณพารณฯ ได้ดูแลนโยบายเรื่องคนของปูนซีเมนต์ ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาทำงานกับบริษัท และเขาจะได้รับการฝึกอบรม เอาใจใส่ดูแลจนถึงวันที่เขาเกษียณอายุออกไป เพราะคุณพารณฯ เชื่อว่าองค์กรจะดีเพราะมีคนเก่งและดีและจากการที่ก่อนหน้านี้คุณพารณฯ ได้เคยทำงานในบริษัท เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติมาก่อน ทำให้ท่านได้รู้ว่า เหนือสิ่งอื่นใดคือ มีการดูแล “คน” อย่างดี เพราะมีแนวคิดว่าคนเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดขององค์กร งานจะสำเร็จได้ด้วยคน จึงมีแผนในการพัฒนาพนักงานให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อคุณพารณฯ ได้เข้ามาอยู่ที่ปูนซิเมนต์ไทย ท่านก็ได้นำเอาวิธีการบริหารงานแบบบริษัทข้ามชาติอย่างที่เคยได้เรียนรู้มาปรับใช้เริ่มตั้งแต่การจัดโครงสร้างและระเบียบการบริหารองค์กร การทำงานที่เป็นระบบ
หลักการบริหารคนของคุณพารณฯ ที่เป็นปัจจัยให้ประสบความสำเร็จมีดังนี้
จะเห็นได้ว่าหลักการบริหารคนของคุณพารณฯ นั้น ได้แสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำของคุณพารณฯ หลายๆด้านดังนี้
ส่วน ดร.จีระ นั้น ด้วยความที่เป็นคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีความกล้าที่จะทำงานทำให้ท่านได้รับเลือกให้เป็นผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยวัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังเป็นผู้วางพื้นฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศไทย และจนถึงปัจจุบันนี้ หลายๆคนก็ยังคงนึกถึง ดร.จีระ ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์เหมือนเคย ด้วยความที่ ดร.จีระ เป็นคนที่มีฝีมือและความสามารถ จึงได้รับมอบหมายให้ทำวิจัยเกี่ยวกับแรงงานสัมพันธ์ และการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ ขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศอย่าง ILO – International Labor Organization จากการที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานดังกล่าวแล้ว ทำให้ ดร.จีระ ได้พบกับ คุณพารณฯ เป็นครั้งแรก เพราะ ดร.จีระ ไม่มีความรู้เรื่องนี้ เขาจึงต้องการที่จะได้เรียนรู้จากผู้รู้นั่นก็คือคุณพารณฯ ซึ่งในตอนนั้น ปูนซิเมนต์โดดเด่นมากในเรื่องการพัฒนาคน และหลังจากนั้นมา ดร.จีระ ก็ได้ยึดคุณพารณฯ เป็นต้นแบบอยู่เสมอ
ดร.จีระ ได้เกษียณตัวเองออกจากการสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวัยเพียง 55 ปี บนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า เขาสามารถเป็นอาจารย์ได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้เขาสามารถขยายฐานสังคมแห่งการเรียนรู้ได้กว้างขวางกว่าเดิม
ภาวะผู้นำของ ดร.จีระ มีดังนี้
คำถามที่ 2 คุณพารณฯ และ ดร.จีระ มีภาวะผู้นำที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ท่านทั้งสองมีภาวะผู้นำที่เหมือนๆกัน หลายอย่าง สรุปได้ดังนี้
ส่วนที่ 2 เลือกผู้นำมา 1 คน แล้วให้เขียนประวัติ + วิเคราะห์ตามทฤษฎี
ข้าพเจ้าได้เลือก คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประวัติ เกิด 3 สิงหาคม 2507 บิดา ศ.น.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ มารดา ศ.พ.ญ.สดใส เวชชาชีวะ ภรรยา ดร. พิมพ์เพ็ญ (ศกุนตาภัย) เวชชาชีวะ อาจารย์ประจำ ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บุตร - ธิดา น.ส.ปราง เวชชาชีวะ ด.ช.ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ การศึกษา โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์
ปี 2535 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 (สาธร, ยานนาวา, บางคอแหลม พ.ศ.2535/1, 2535/2) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์
ปี 2538 และปี 2539 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 (ดินแดน, ห้วยขวาง, พระโขนง, คลองตัน)กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์
ปี 2544 และ ปี 2548 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์
ปี 2535-2537 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ปี 2537-2538 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
ปี 2538-2539 ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร
ปี 2538-2540 โฆษกพรรคประชาธิปัตย์
ปี 2540-2544 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบ
- กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
- กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
- กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
- กำกับสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ปี 2541 ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ปี 2542 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ปี 2548 – ปัจจุบัน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ปี 2548 – 23 กุมภาพันธ์ 2549 ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
เนื่องจากข้าพเจ้าชื่นชมและชื่นชอบ คุณอภิสิทธิ์ มานานแล้ว เพราะท่านเป็นคนที่มีบุคลิกดีและดึงดูดใจ และได้ติดตามผลงานของท่านมาบ้าง และเมื่อได้ศึกษาประวัติของคุณอภิสิทธิ์เกี่ยวกับด้านครอบครัว การศึกษา อาชีพการงาน และผลงานของท่าน ก็ยิ่งทำให้รู้ว่าคุณอภิสิทธิ์นั้นเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถมากมาย ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความเป็นผู้นำ
ซึ่งสามารถวิเคราะห์ตามหลักทฤษฎี 8H’S และ 8K’S ได้ดังนี้
คุณอภิสิทธิ์ ได้ถูกส่งไปเรียนที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นช่วงมัธยมจนถึงระดับปริญญา แต่ถึงแม้ว่าท่านจะเติบโตมาจากต่างประเทศ แต่ท่านก็รู้รากฐานของตัวเองว่าเป็นคนไทย หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วท่านจึงกลับมาที่ประเทศไทย และเริ่มอาชีพด้วยการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คุณอภิสิทธิ์ สนใจการเมืองมาตั้งแต่อายุ 9 ปี เนื่องจากระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา และท่านได้เห็นคนนับหมื่นนับแสนออกมาชุมนุมกันตามท้องถนนและต่อสู้เพื่อเอาชีวิตเข้าแลก และคุณพ่อของท่านได้อธิบายว่าผู้คนเหล่านั้นออกมาเรียกร้องสิทธิ ทำให้คุณอภิสิทธิ์รู้สึกว่าทุกคนเป็นเจ้าของประเทศไทยเหมือนกัน ท่านจึงตัดสินใจตั้งแต่ครั้งนั้นว่าจะเป็นนักการเมือง
จะเห็นได้ว่า การที่คุณอภิสิทธิ์ ตัดสินใจจะเป็นนักการเมืองนั้น เหตุผลก็คือ ท่านรู้รากเหง้าของตนเองว่าท่านเป็นคนไทยและเป็นเจ้าของประเทศไทยซึ่งเป็นแผ่นดินเกิด ท่านมีความคิดที่จะทำให้ประเทศไทยสงบสุข และนั่นก็ถือเป็นทุนแห่งความยั่งยืนทางสังคม
แม้ว่าในปัจจุบันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้มีบทบาททางการเมืองน้อยลง แต่คุณอภิสิทธิ์ก็ยังคงรักษาพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงดูแลคนภายในพรรค และยังสร้างความสามัคคีภายในพรรค เพื่อให้อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ดำรงอยู่ต่อไป แม้ว่าระยะนี้จะมีปัญหาทางการเมือง แต่ท่านก็ยังมีเครือข่ายมากมายคือพรรคประชาธิปัตย์ตามภูมิภาคต่างๆ และท่านยังหวังอีกว่าเครือข่ายเหล่านั้นจะช่วยกันสร้างพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาอีกครั้ง
ส่วนที่ 3 เขียนจุดอ่อน และ จุดแข็ง ของตัวเอง
จุดแข็ง
นางสาวสุพรรษา อาลี
ID 106242002 MBA 7
มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด
เรียน ศ.ดร.จีระ อ.ยม และเพื่อนๆนักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด (หัวหิน)
งานที่ได้รับมอบหมายประการแรกคือให้หาจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง จากการที่ดิฉันได้พิจารณาตัวเองพบว่า
จุดแข็ง
จุดอ่อน
***อย่างไรก็ตามคนทุกคนย่อมมีจุดอ่อนและจุดแข็งแตกต่างกันออกไป ถ้าได้รับการพัฒนาก็จะทำให้คนคนนั้นอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นคนดีและเป็นคนเก่ง***
จากการศึกษาผู้นำ ดิฉันขอเลือกนายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์พระประวัติเสด็จในกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นับลำดับราชสกุลวงศ์เป็นองค์ที่ ๒๘ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์
ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๓ เวลา ๑๕.๕๗ น. ตรงกับแรม ๓ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะโรง จุลศักราช ๑๒๔๒ เป็นพระลูกยาเธอองค์ที่ ๑ ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธิดาเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ( วร บุญนาค) สมุหพระกลาโหมในรัชกาลที่ ๕
พระองค์ทรงมีพระกนิษฐาและพระอนุชา ร่วมพระมารดา ๒ พระองค์ คือ พระองค์เจ้าหญิงอรองค์อรรคยุพา ( สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ ) และพระองค์เจ้าสุริยงประยูรพันธุ์ ( ต่อมาได้ดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส - ต้นราชสกุล สุริยง )
สมรสพระราชทาน
รัชกาลที่ ๕ ทรงสู่ขอพระราชธิดาองค์โต - หม่องเจ้าหญิงทิพยสัมพันธุ์ ของ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภานุรังษีสว่างวงค์ ในอภิเษกสมรสกับเสด็จในกรมฯ เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๔๓ พระองค์ทรงมีโอรส และพระธิดา ๓ พระองค์คือ
๑. มจ. เกียรติ อาภากร ประสูติและสิ้นชีพิตักษัยในวันเดียวกัน
๒. (พล.ท. , พล.ร.ท., พล.อ.ท) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพยอาภา
๓. พล.อ.ท. มจ.รังษิยากร อาภากร
บรรดาหม่อมของเสด็จในกรม
๑. หม่อมกิม
๒. หม่อมแฉล้ม
๓. หม่อมเมี้ยน
๔. หม่อมช้อย
๕. หม่อมแจ่ม ( น้องร่วมมารดาเดียวกับหม่อมเมี้ยน)
การออกจากราชการ
พระองค์ได้ออกจากราชการเมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๔๕๔ เนื่องจากกรณีที่ถูกคิดว่า พระองค์จะคิดล้มราชบังลังค์ ร. ๖ ซึ่งพระองค์ก็ยิงยอมเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ตั้งแต่นั้นพระองค์ก็ศึกษาและเขียนตำรายา จึงได้สมญาว่า "หมอพร" พระองค์ได้เสด็จไปรักษาคนไข้ทั่วไป โดยมีตำรวจสะกดรอยตามไปดูด้วย แต่พระองค์ก็หายตัวทุกครั้งเมื่อรักษาเสร็จแม้การออกจากราชการมิได้ทำให้อำนาจของพระองค์หมดไป เมื่อครั้งพระองค์เสด็จไปตรวจตราปืนที่ป้อมพระจุลฯ พบว่า มีจุดที่ต้องแก้ไขทั้ง ๖กระบอก จึงรับสั่งให้คนดูแลเอากระดาษมา แล้วเขียนบันทึกถึงกรมพระนครสวรรค์ เสนาบดีทหารเรือ กรมพระนครสวรรค์ได้ปฏิบัติตามข้อแนะนำอย่าเคร่งครัด และทำบันทึกการแก้ไขไว้เพื่อป้องกันการเข้าถึงพระเนตรพระกรรณ์ของ ในหลวง ร. ๖ แล้วเกิดความเดือดร้อนกันเสด็จเตี่ยในภายหลัง
กลับเข้ารับราชการ
ในวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๔๖๐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ นายพลเรือตรี พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ กลับเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ แล้วพระราชทานยศให้เป็นพลเรือโทตามลำดับ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๑ พระองค์ได้จับเรือเชลยได้ ๖ ลำ หลังจากนั้นก็ทรงทูลขอที่ดินสร้างฐานทัพเรือสัตหีบ และทรงซื้อเรือรบหลวงพระร่วง ซึ่งพระองค์เดินทางไปรับเรือด้วยพระองค์เอง และขับเรือกลับมายังแผ่นดินสยาม นับเป็นคนไทยคนแรกที่สามารถบังคับเรือได้ไกลอาทิตย์ดับที่หาดทรายรี
เสด็จในกรมฯ ทรงรับตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงทหารเรือไม่กี่วัน ได้กราบบังคมลาราชการออกไป เพราะมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ และประชวรโรคภายใน ทางกระทรวงทหารเรือได้ถวายเรือหลวงเจนทะเลเป็นพาหนะ พร้อมนายแพทย์ประจำพระองค์ตามเสด็จไปที่ด้านใต้ปากน้ำเมืองชุมพร ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์จองไว้เพื่อทำสวน ขณะประทับอยู่ก็เป็นไข้หวัดใหญ่เนื่องจากตากฝน ประชวรอยู่ได้ ๓ วันก็ชิ้นพระชนม์ที่ตำบลหาดทรายรี ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๔๖๖ สิริพระชนมายุ ๔๔ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเพลิงศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวง วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๔๖๖***การบ้านที่อ่านหนังสือขอสรุปส่งใน Blog ต่อไปนะค่ะ***
นางสาวปณิธาน เชื้อชาติ
ID: 106142013
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อ.ยม นาคสุข ที่เคารพ และเพื่อนๆนักศึกษา MBA ทุกท่าน
จากการที่ได้ค้นหาตัวเองทำให้ได้รู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ดังนี้
จุดแข็ง
อ่านหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ แล้วได้อะไรบ้างและเกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำอย่างไร
คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา นั้นท่านเป็นต้นแบบที่ดีถ้าพูดถึงเรื่อง “คน”ท่านเป็นต้นแบบใน 4 เรื่องดังนี้
เรื่องแรก เรื่องของคนเก่ง-คนดี ท่านมีความเชื่อว่าคนที่สามารถพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จจะต้องทั้งเก่ง ทั้งดี ไม่ใช่เก่งอย่างเดียว ท่านได้ค้นพบหลัก “เก่ง 4 ดี 4” เก่ง 4 ได้แก่ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน ดี 4 ได้แก่ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม ท่านจะแปะสูตรนี้ไว้ที่ข้างฝาเลยว่า นี่เป็นคนเก่งที่ท่านต้องการให้เกิดขึ้นในปูนซิเมนต์ไทย และก็จะเริ่มสร้างคนด้วยการทำเป็น “ตัวอย่าง”
เรื่องที่สอง ความเชื่อในเรื่องคุณค่าของคน การที่คุณพารณฯเป็นนักพัฒนาที่ยอดเยี่ยมมากๆ ก็เพราะความคิดนี้ท่านเชื่อว่าทุกคน เป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินอื่นใดในองค์กร เราต้องพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องขัดมันอยู่เรื่อยๆ แล้วก็ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด
เรื่องที่สาม การที่คุณพารณฯ ดูแลทุกข์สุขของคนอย่างใกล้ชิด โดยมีความเชื่อว่า คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย
เรื่องที่สี่ การทำงานเป็นทีม ท่านมีความเชื่อว่า “สองหัวดีกว่าหัวเดียว” การทำงานเป็นทีมจะเกิดจิตสำนึกในการเป็นเจ้าของมากๆ เพราะเราได้มีส่วนร่วมที่จะตัดสินใจในการดำเนินการของบริษัท
ส่วน ดร.จีระ นั้น ด้วยความที่เป็นคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีความกล้าที่จะทำงานทำให้ท่านได้รับเลือกให้เป็นผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยวัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้วยความที่ ดร.จีระ เป็นคนที่มีฝีมือและความสามารถ จึงได้รับมอบหมายให้ทำวิจัยเกี่ยวกับแรงงานสัมพันธ์ และการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ ขององค์กรแรงงานระหว่างประเทศอย่าง ILO – International Labor Organization
จากการที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานดังกล่าวแล้ว ทำให้ ดร.จีระ ได้พบกับ คุณพารณฯ เป็นครั้งแรก เพราะ ดร.จีระ ไม่มีความรู้เรื่องนี้ เขาจึงต้องการที่จะได้เรียนรู้จากผู้รู้นั่นก็คือคุณพารณฯ ซึ่งในตอนนั้น ปูนซิเมนต์โดดเด่นมากในเรื่องการพัฒนาคน และหลังจากนั้นมา ดร.จีระ ก็ได้ยึดคุณพารณฯ เป็นต้นแบบอยู่เสมอ
ภาวะผู้นำของ ดร.จีระ มีดังนี้
สิ่งที่ต่างกัน
++อาจารย์ให้เลือกผู้นำมา 1 คน++
นายชาตรี โสภณพนิช
ประธานกรรมการ
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
นายชาตรีดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพตั้งแต่ปี 2542
ประวัติ
นายชาตรี เกิดในประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2476 เป็นบุตรชายคนที่สองของนายชิน โสภณพนิช
การศึกษา
สำเร็จการศึกษาด้านการบัญชีชั้นสูงจาก Kwang Tai High Accountancy College ที่ฮ่องกง และได้ไปศึกษาเพิ่มเติมด้านการธนาคารจากประเทศอังกฤษที่ The Regent Street Polytechnic of London และ The Institute of Bankers รวมทั้งได้ฝึกงานที่ The Royal Bank of Scotland กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ชีวิตการทำงาน
เริ่มชีวิตการทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการบัญชีที่ บริษัท เอเชียทรัสต์ จำกัด เมื่อปี 2501 และมาร่วมงานกับธนาคารกรุงเทพในตำแหน่งเดียวกัน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2502 ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ในปี 2523 นายชาตรี เป็นผู้สร้างความเจริญก้าวหน้าให้ธนาคารอย่างมากในช่วง 12 ปีทองของการดำรงตำแหน่ง ผลประกอบการทุกด้านของธนาคารกรุงเทพขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยนโยบาย ‘ธนาคารแห่งคุณภาพ’ และความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี ที่รวมถึงการเป็นผู้นำในการใช้ระบบเครือข่ายออนไลน์แห่งแรกในประเทศไทยนายชาตรียังได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เช่น ประธานสมาคมธนาคารไทย 3 สมัย ประธานสภาธนาคารอาเซียน กรรมการกลางสภาที่ปรึกษาผู้นำทางธุรกิจระหว่างประเทศของผู้ว่าการนครเซี่ยงไฮ้ และเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ได้รับปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย De La Salle ประเทศฟิลิปปินส์ ปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย Peperdine ประเทศสหรัฐอเมริกา และรางวัลเกียรติยศ ‘Lifetime Achievement Award’ จาก Asia Pacific Bankers Congress (APBC) ในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์โดยอุทิศตนเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงภาคธุรกิจการธนาคาร ทำให้ธนาคารกรุงเทพเติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในภูมิภาคเอเชีย
จะเห็นได้ว่าจากการที่ท่านได้เข้ามาบริหาร ทำให้ธนาคารกรุงเทพฯ มีความก้าวหน้าจากเดิมเป็นอย่างมาก
ท่านเป็นผู้นำที่ใช้หลักการต่างๆได้อย่างดี และตัวของท่านเองก็มี ทุนตามทฤษฎี 8K'S ทุกอย่าง
นายประเสริฐ ชัยยะศิริสุวรรณ
ID : 106242007
ม.นานาชาติแสตมฟอร์ดหัวหิน
สวัสดีค่ะ ศ ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ ท่านอาจารย์ยม นาคสุข และเพื่อนๆทุกท่าน
อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้แล้วได้อะไรบ้างและเกี่ยวกับผู้นำอย่างไร
จากการที่ได้อ่านหนังสือแล้วทำให้ได้รู้ว่า “คน” เป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร เมื่อก่อนนั้นจะมีความเชื่อเก่าๆว่า “คน” เป็นเพียงต้นทุนการผลิต ซึ่งไม่ใช่เลย คนต่างหาก คือ “ผลกำไร” ที่แท้จริงขององค์กร หากได้รับการดูแลเอาใจใส่ เพิ่มศักยภาพ โดยการพัฒนาอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ และเป็นระบบ หนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ในเรื่องของการพัฒนาคน ถึงแม้ว่าท่านทั้งสองจะมีอายุที่แตกต่างกัน มีการศึกษาที่แตกต่างกัน แต่ท่านทั้งสองมีเป้าหมายเดียวกันคือ การมุ่งมั่นในเรื่อง “คน” คุณพารณฯ ได้เข้าไปทำงานใน เครือซิเมนต์ไทย เริ่มแรกในงานด้านวิศวกรรมคือเป็นวิศวกร เพราะท่านจบการศึกษามาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ แต่เมื่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ได้เห็นบางอย่างในตัวของท่าน จึงให้ท่านไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการบุคคล ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ถึงแม้ว่าท่านจะไม่เคยทำงานเกี่ยวกับการบริหารคนมาเลย แต่เมื่อได้รับมอบหมายท่านก็จำเป็นต้องทำ และทำได้ดีเสียด้วย คุณพารณฯ ได้ดูแลนโยบายเรื่องคนของปูนซีเมนต์ ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาทำงานกับบริษัท และเขาจะได้รับการฝึกอบรม เอาใจใส่ดูแลจนถึงวันที่เขาเกษียณอายุออกไป เพราะคุณพารณฯ เชื่อว่าองค์กรจะดีเพราะมีคนเก่งและดี
คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา นั้นท่านเป็นต้นแบบที่ดีถ้าพูดถึงเรื่อง “คน”ท่านเป็นต้นแบบใน 4 เรื่องดังนี้
1. เรื่องของคนเก่ง-คนดี ท่านมีความเชื่อว่าคนที่สามารถพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จจะต้องทั้งเก่ง ทั้งดี ไม่ใช่เก่งอย่างเดียว ท่านได้ค้นพบหลัก “เก่ง 4 ดี 4” เก่ง 4 ได้แก่ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน ดี 4 ได้แก่ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม ท่านจะแปะสูตรนี้ไว้ที่ข้างฝาเลยว่า นี่เป็นคนเก่งที่ท่านต้องการให้เกิดขึ้นในปูนซิเมนต์ไทย และก็จะเริ่มสร้างคนด้วยการทำเป็น “ตัวอย่าง”
2. ความเชื่อในเรื่องคุณค่าของคน การที่คุณพารณฯเป็นนักพัฒนาที่ยอดเยี่ยมมากๆ ก็เพราะความคิดนี้ท่านเชื่อว่าทุกคน เป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินอื่นใดในองค์กร เราต้องพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องขัดมันอยู่เรื่อยๆ แล้วก็ต้องรักษาไว้ให้ดีที่สุด
3. ดูแลทุกข์สุขของคนอย่างใกล้ชิด โดยมีความเชื่อว่า คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย
4. การทำงานเป็นทีม ท่านมีความเชื่อว่า “สองหัวดีกว่าหัวเดียว” การทำงานเป็นทีมจะเกิดจิตสำนึกในการเป็นเจ้าของมากๆ เพราะเราได้มีส่วนร่วมที่จะตัดสินใจในการดำเนินการของบริษัท
ส่วน ดร.จีระ นั้น ด้วยความที่เป็นคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีความกล้าที่จะทำงานทำให้ท่านได้รับเลือกให้เป็นผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยวัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนที่เหมือนกันข้อแตกต่าง
จุดแข็ง
จุดอ่อน
++ สำหรับเรื่องผู้นำที่อาจารย์ให้ทำจะส่งใน Blog ต่อไปนะคะ ++
นางสาวสุกัญญา เพ็ญสุข
MBA 7
เรียน ศ.ดร.จีระ อ.ยม และเพื่อนๆนักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด
สมเด็จพระนารายณ์มีพระขนิษฐาร่วมพระมารดาเดียวกัน นามว่า พระราชกัลยาณี มีพระราชอนุชานามว่า เจ้าฟ้าอภัยทศ พระอัยกาของสมเด็จพระนารายณ์ก็คือ สามเด็จพระเอกาทศรถ ขณะมีพระชนม์ได้ 5 พรรษา เสด็จออกไปเล่นที่เกย ขณะนั้นฝนกำลังตก พระนมพี่เลี้ยงห้ามไม่ฟัง ให้กรดกางก็ห้ามเสีย ขณะยืนอยู่ที่เสาหลักชัย ฟ้าฝ่าลงมาต้องหลักชัยแตก แต่พระนารายณ์กุมารมิได้เป็นอันตราย
พระขนิษฐาพระราชกัลยาณี ต่อมาภายหลังจึงได้มีการสถาปนาเป็นกรมหลวงโยธาทิพ ส่วนพระราชธิดาเป็นกรมหลวงโยธาเทพ พระเจ้าหลุยซ์ที่ 14 เคยส่งของมีค่ามาถวายกรมหลวงโยธาเทพอีกด้วย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญแตกต่างจากวีรกษัตริย์พระองค์อื่น พระองค์ทรงมีความเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ พระปรีชาสามารถแผ่ไปไกลถึงต่างประเทศ แม้แต่ปืนใหญ่ซึ่งพระองค์ถวายเป็นของขวัญแก่พระเจ้าหลุยซ์ที่ 14 ปืนกระบอกนั้น นักต่อต้านชาวฝรั่งเศสเคยใช้ยิงทำลายคุกบาสติลมาแล้ว
สมเด็จพระนารายณ์ ทรงทำนุบำรุงให้บ้านเมืองรุ่งเรืองยิ่งกว่าสมัยใดในกรุงศรีอยุธยา มีความสามารถพิเศษในการปกครอง มีข้าราชการและเหล่าทหารหาญตามคัมภีร์พิชัยสงครามคือ หัวศึก ได้แก่เจ้าพระยาโกษาเหล็ก มือศึก ได้แก่พระยาเดโชชัย ตีนศึก ได้แก่พลช้างม้าครบถ้วน ตาศึก ได้แก่พระพิมลธรรม หูศึก ได้แก่เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ปากศึก ได้แก่พระวิสุตรสุนทร (โกษาปาน) กำลังศึก ก็คือผู้คนช้างม้า เสบียงอาหารอุดมสมบูรณ์ในรัชสมัยของพระองค์
บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยย้อนอดีตไปได้ประมาณกว่า 300 ปี สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีคณะราชทูตจากฝรั่งเศส อัญเชิญพระราชสาส์นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มาถวายแด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในปีพุทธศักราช 2228 ในระหว่างปีพุทธศักราช 2228 - 2230 รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชคณะบาทหลวงเจชูอิตชาวฝรั่งเศส ได้มาเผยแพร่ดาราศาสตร์ไทยในประเทศไทย มีสิ่งก่อสร้าง เช่น หอดูดาววัดสันเปาโล เป็นหอดูดาวแห่งแรกในประเทศไทย
นางสาวหยาดอรุณ อาสาสำเร็จ
ID: 106142012
เรียน ศ.ดร.จีระ อ.ยม และเพื่อนๆนักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ดทุกท่าน
ก่อนอื่นต้องขออภัยทุกท่านที่ดิฉันต้องทยอยส่ง Blog เนื่องจากทางหมู่บ้านของดิฉันมีปัญหาเรื่องไฟฟ้า ซึ่งดับวันละหลายๆครั้ง (จนกลายเป็นเรื่องปกติ) และการขาดแคลนทางด้านเทคโนโลยี
ฉบับนี้จึงขอส่งงานจากการที่ได้อ่าน "ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้" ค่ะหนังสือเล่มนี้ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ช่วงความรู้ ได้แก่ เรื่องของสองแชมป์, คัมภีร์คนพันธุ์แท้, จักรวาลแห่งการเรียนรู้ และ สู่การเพิ่มผลผลิต
โดยในช่วงแรก “เรื่องของสองแชมป์” ได้มีการกล่าวถึง ประวัติ และประสบการณ์ทำงานของบุคคลที่น่าสนใจคือ คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ ซึ่งได้มีเป้าหมายที่เหมือนกัน คือมีการมุ่งเน้นและให้ความสำคัญในเรื่องของ “พัฒนาคน” ถึงแม้นว่าทั้ง 2 ท่านจะมีประวัติชีวิต ประวัติการทำงาน และมีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน
ช่วงที่สอง “คัมภีร์คนพันธุ์แท้” ได้มีการกล่าวถึงปรัชญา ความเชื่อและความศรัทธา · ปรัชญา ในส่วนของ HR จะมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้ คือคุณภาพด้านการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะมีส่วนต่อคุณภาพทรัพยากรมนุษย์โดยตรง
· ความเชื่อ และความศรัทธา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะต้องมีความเชื่อในระบบการเรียนรู้ และในสิ่งที่จะทำก่อน เพราะถ้ามีความเชื่อ หรือศรัทธาว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ ก็จะทำให้เกิดมีพลังความมุ่งมั่น และก่อให้เกิดกำลังใจ ที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ
ช่วงที่สาม “จักรวาลแห่งการเรียนรู้” ได้มีการกล่าวถึงคุณสมบัติ 3 ประการสำหรับคนไทยเพื่อก้าวสู่ระดับโลก ได้แก่
1. ความกล่องแคล่วทางด้านภาษา ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
2. เทคโนโลยี
3. คุณธรรมนอกจากนี้แล้วยังมุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนาบุคคลทางด้านการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการปฏิบัติจริง รู้จริง เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ แยกแยะปัญหา และมีการคิดอย่างมีระบบ รวมทั้งสามารถพึ่งพาอาศัยตนเองได้ ซึ่งจะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้แล้วจะต้องมีการเรียนอยู่อยู่ตลอดชีวิต
ช่วงที่สี่ “สู่การเพิ่มผลผลิต” บอกถึงการพัฒนาทรัพยากรเพื่อให้สามารถก้าวไปสู่ระดับประเทศได้นั้น จะต้องได้รับความร่วมมือจากภาคต่างๆ เช่น ภาคเอกชน ภาครัฐบาล ภาควิชาการ และพนักงานหรือแรงงานโดยมีความเชื่อที่ว่า วิธีที่จะส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การสร้างความร่วมมือในกลุ่มพันธมิตรกับหน่วงงานราชการ และการเผยแพร่แนวความคิดการเพิ่มผลผลิต ตลอดจนเทคนิคต่างๆไปยังเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆ และนักธุรกิจทั่วไป
นอกจากนี้แล้วการเพิ่มผลผลิตจะประสบความสำเร็จได้นั้น องค์กรจะต้องมีวัฒนธรรม และคนในองค์กรจะต้องมีระเบียบวินัย ซึ่งผู้นำจะต้องมีความสามารถในการตัดสินใจสูง และจะต้องลงมือทำควบคู่ไปด้วย ไปใช่เพียงแต่สั่ง แล้วไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากนี้แล้วการสนับสนุนด้านงบประมาณและคน เช่นการให้กำลังใจแก่พนักงาน การหาผู้ที่มีความรู้มาให้ความรู้ และมีการส่งพนักงานไปฝึกงาน
นอกจากนี้แล้วตอนท้ายของเล่ม ได้มีบทวิเคราะห์ถึงความคล้ายคลึงกันขงบุคคลทั้งสอง ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อคือ
1. การเดินเข้าสู่สนามของงานสร้างทรัพยากรมนุษย์ด้วยความบังเอิญ
2. มุ่งมั่น และยืนหยัดในการพัฒนาทรัพยากรบนปรัชญาแห่งความยั่งยืน
3. การเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดต่อสังคม
4. การมีบุคลิกแบบ “Global Man”
5. มีความเป็นผู้ใหญ่ ที่พร้อมไปด้วยการเป็นผู้ให้ ทั้งความรู้และความรัก กับคนใกล้ชิด
6. มีความสุขกับการเป็นผู้ให้ โดยไม่สนใจ และไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
ทฤษฎี 4 L’s คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา · Village that Learn : หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้
· School that Learn : โรงเรียนแห่งการเรียนรู้
· Industry that Learn : อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้
· Nation that Learn : ชาติแห่งการเรียนรู้ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์
· Learning Methodology : เข้าใจวิธีการเรียนรู้
· Learning Environment : สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
· Learning Opportunity : สร้างโอกาสในการเรียนรู้
· Learning Community : สร้างชุมชนการเรียนรู้
สิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือเล่มนี้คือ
· วิธี และแนวทางในการบริหารทรัพยากรมนุษย์
· ต้องรู้จักคิดเป็น และต้องสามารถลงมือปฏิบัติได้ ไม่ใช่เพียงแต่พูดเท่านั้น
· คน” คือ “ผลกำไร และเป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร
· องค์กรจะต้องมีการหมั่นพัฒนาทำอยู่สม่ำเสมอ
· ต้องหมั่นเป็นผู้ใฝ่รู้
· การที่จะเป็นผู้นำที่ดีขององค์กร จะต้องเป็นผู้รู้จักให้ และเสียสละ
ความเหมือนและความแตกต่าง ระหว่าง คุณพารณและ ศ.ดร.จีระ
· ความเหมือน
1. มุ่งเน้น และความสำคัญในเรื่อง คน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร
2. การเป็นผู้ใฝ่รู้ที่ไม่มีวันหมดสิ้น
3. เป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
4. รู้จักคิดอย่างมีเหตุ มีผล และรอบคอบ
5. การมีพื้นฐานทางครอบครัวที่ดี และมีการปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก6. เป็นผู้นำทางด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
· ความต่าง
1. วัยวุฒิ
2. การศึกษา
3. ตำแหน่งในหน้าที่การงานแลทางสังคม
โดย ศ.ดร. จีระเป็นนักวิชาการทำงานให้กับภาครัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคุณพารณเป็นนักบริหารองค์กรเอกชน
เรียน ศ.ดร.จีระ อ.ยม และเพื่อนๆนักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด
8 H ประกอบด้วย กับ Heritage ซึ่งตรงK ของศ.ดร.คือ
Sustainable Capitalทุนแห่งความยั่งยืน เมื่อเราเกิดมาต้องรู้จักรากเหง้าของตนเองก่อนและต้องมีculture ด้วย เพื่อให้คนไทยได้ลึกซึ้งทราบถึง วัฒนธรรมของตน เมื่อเรารู้ความเป็นตัวของตัวเองแล้วจะรู้ว่าเรามีอะไรที่พอเพียง อะไรเกิน และอะไรที่ขาดอยู่ อะไรที่ต้องพัฒนาต่อไป
ทุนความรู้ในมนุษย์ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้องค์กร
Heart ตรงกับทฤษฎีของศ.ดร.จีระคือEthical Capital ทุนทางจริยธรรม ถ้าผู้นำขาดคุณธรรมก็ไม่สามารถพัฒนาองค์กรหรือประเทศได้ ก็จะสร้างปัญหาให้กับสังคมมากยิ่งขึ้น
น.ส นภาพร พิพัฒน์ MBA 6
ID 106142007
เรียน ท่านศ.ดร.จีระ , ท่าน อ.ยม และสวัสดีเพื่อน MBA 6 และ 7 ทุกท่าน
จากการที่ดิฉันได้ทำการสำรวจ และวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนของตนเองแล้ว พบว่า
จุดแข็งจากที่ได้อ่านหนังสือเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้แล้ว สิ่งที่ได้จากการอ่านคือ ได้ทราบถึงประวัติ และแนวความคิดต่างๆในการบริหารองค์กร และบริหารคนอันน่าชื่นชมของท่านอาจารย์ที่มากด้วยประสบการณ์และเป็นปูชนียบุคคลที่ทรงคุณค่าทั้ง 2 ท่านคือ ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ โดยเนื้อหาสำคัญของหนังสือเล่มนี้ ทั้ง 2 ท่านมีจุดประสงค์หลักคือนำเสนอแนวทางในการบริหาร โดยการมุ่งมั่นในเรื่อง “คน” เน้นเรื่องวัดผล เรื่องความยั่งยืนระยะยาว และแสวงหาความคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ
หนังสือเล่มนี้ มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จมากมาย ซึ่งดิฉันจะขอสรุปแนวคิดที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรเป็นข้อๆ ดังนี้
1) คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดขององค์กร เพราะองค์กรจะดีเพราะมีคนเก่งและดี องค์กรจะแย่เพราะมีคนไม่เห่งและคนไม่ดี
2) ท่านพารณฯ ได้นำระบบ TQM มาใช้เป็นนโยบายหลักของทุกบริษัทในเครือซิเมนต์ไทย โดยเน้นการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาคน ในขณะที่นักบริหารของไทยส่วนใหญ่จะมุ่งให้ความสำคัญกับปัญหาทางด้านการเงิน และผลกำไรมากกว่าความสำคัญของพนักงาน
3) ต้องหมั่นเรียนรู้และเข้ารับการฝึกอบรมปีละหลายๆ เรื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์
4) เน้นความมีส่วนร่วมของพนักงานให้เกิดความผูกพันกับบริษัท
5) การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุนของบริษัทที่ไม่ใช่ต้นทุน เพราะคนเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญสูงสุดที่ต้องมีการเอาใจใส่ดูแล หมั่นพัฒนาให้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา ดังเช่นที่ท่านพารณฯ ได้ให้ทุนการศึกษาแก่พนักงานบริหารทุกระดับชั้นที่มีความสามรถไปศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยชั้นนำ TOP 10
6) ผู้บริหารต้องเป็นผู้ที่ขับพลังและอัจฉริยภาพของบุคลากรในทุกระดับองค์กร
7) ผู้บริหารควรมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และมีความกล้าที่จะทำงานแหวกวงล้อมเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จ8) บุคลิกที่ท่านพารณฯ มีและผู้นำทุกคนควรมี คือ การอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านจะไม่ยึดติดกับคำยกย่องสรรเสริญทั้งปวง
9) ท่าน ศ.ดร.จีระ มีความกล้าที่จะกระโดดออกมาจากการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยฯ ซึ่งกลับทำให้ท่านสามารถขยายฐานสังคมแห่งการเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง และสามารถเป็นอาจารย์ได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย นั่นก็แสดงถึงการจะเป็นผู้นำที่ดีได้ ต้องกล้าที่จะคิด กล้าที่จะตัดสินใจ และต้องเชื่อในสิ่งที่จะกระทำ และที่สำคัญก็กล้าที่จะคิดนอกกรอบ บ่งบอกถึงการมีความคิดสร้างสรรค์
10) แนวคิดของท่าน ศ.ดร.จีระ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตนเองได้มีดังนี้
10.1) การทำงานที่ดีคือการทำงานที่เอาความสามารถของคน แต่ละคนมารวมกัน และสามารถปรับตัวได้ดี โดยมีทุนที่ 4 คือ ทุนแห่งความสุขและความสมดุล มากกว่าคนอื่น
10.2) ไม่ควรหลงยึดติดกับความเก่งของตัวเอง
10.3) ชีวิตของอาจารย์ทุกวันนี้มีแต่คำว่าไม่รู้ และพร้อมที่จะเรียนรู้ และรับฟังชีวิต มองตัวเองให้ น้อยลง มองคนอื่นมากขึ้น10.4) ข้อดี 4 ประการจากวัยเยาว์ที่ช่วยส่งเสริมให้ ศ.ดร.จีระ ประสบความสำเร็จได้คือ
1. การเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน ในตำแหน่งกองหน้า เป็นการฝึกฝนให้ท่านเป็นคนแสวงหาการเรียนรู้ตลอดเวลา สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
2. เป็นคนเกิดปีลิง ทำให้ท่านเป็นคนขวนขวายและใฝ่รู้ ดูได้จากการที่ท่านเคยสอบซ่อมวืชา English 1 ยังผลให้ท่านขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมในห้องสมุดจนไม่พลาดเรื่องสอบอีก
3. มีเครือข่ายตั้งแต่วัยเยาว์ และมาจากครอบครัวที่อบอุ่น บ่งบอกถึงการมีทุนมนุษย์ที่ดี
4. อาชีพอาจารย์ สามารถทำงานได้ภายใต้แรงกดดัน และทำงานได้หลากหลายแบบ11)
ทฤษฎี 4 L’s ของท่านพารณฯ
· Village that Learn หมู่บ้านแห่งการเรียนรู้
· School that Learn โรงเรียนแห่งการเรียนรู้
· Industry that Learn อุตสาหกรรมแห่งการเรียนรู้
· Nation that Learn ชาติแห่งการเรียนรู้12) ทฤษฎี 4 L’s ของท่าน ศ.ดร.จีระ ฯ
· Learning Methodology เข้าใจวิธีการเรียนรู้
· Learning Environment สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้
· Learning Opportunity สร้างโอกาสในการเรียนรู้
· Learning Community สร้างชุมชนการเรียนรู้
13) ท่านพารณฯ นิยมชมชื่นในสิ่งที่ลูกน้องทำ และเวลาชมก็จะชมต่อหน้าคนอื่นๆ จึงทำให้ลูกน้องเกิดความตั้งใจในการทำงานอย่างมา
4) คนที่มีความสุขคือคนที่อดทนคนอื่นได้เก่ง
15) ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีความเชื่อก่อน เชื่อว่าสิ่งนี้แล้วจึงทำ ไม่ใช่ทำเพราะเขาว่ากันมา
16) เรื่อง เก่ง 4 ดี 4 , เก่ง 4 ได้แก่ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน , ดี 4 ได้แก่ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม ตั้งเพื่อให้พนักงานมีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจน
17) การฝึกอบรมควรจัดให้พนักงานทุกระดับ ทั้งระดับล่าง และระดับบน เพื่อประโยชน์ในการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจตรงกัน
18) คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย คือให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ร่วมทานอาหารกลางวันกับพนักงานเป็นประจำ เพื่อให้พนักงานเกิดความรู้สึกที่ดีต่อผู้บริหาร ในความเป็นกันเอง และยังช่วยในเรื่องการรับรู้ข่าวสาร และบางปัญหาที่เกิดกับพนักงานระดับล่างได้อีกด้วย
19) สภาพแวดล้อมในการทำงาน ควรเป็นบรรยากาศของความเป็นมิตรเป็นทีมเวิร์ค การทำงานเป็นทีมจะเกิดจิตสำนึกในการเป็นเจ้าของมากๆ เพราะพนักงานได้มีส่วนร่วมที่จะตัดสินใจในการดำเนินการของบริษัท
20) เรื่องการมีส่วนร่วม เวลาที่มีการออกความเห็น พนักงานทุกคนจะมีแต้มเท่ากับผู้บริหาร โดยที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าประธานที่ประชุมจะต้องเป็นเสียงใหญ่สุด
21) เราควรคิดเสมอว่า เราทำงานเพื่องาน เพื่อความสุขจากการทำงาน แล้วเงินคือสิ่งที่จะตามมา
และประโยคที่ดิฉันประทับใจมากจากหนังสือเล่มนี้ คือ “จักรยานนานไปก็เสื่อม แต่คนถ้าทะนุบำรุง พัฒนา ยิ่งนานยิ่งเก่งกล้า แต่ในทำนองเดียวกัน คนถ้าไม่ดูแลพัฒนาก็เสื่อม หรือเสื่อมเร็วกว่าวัตถุด้วย” ทำให้รู้ซึ้งเลยว่าคนเป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่ง หากองค์กรใดมีคนเก่ง และดี องค์กรก็จะไปได้ดี และการที่คนจะดีและเก่งได้ ต้องได้รับการดูแล บำรุงรักษา อย่างถูกวิธี เปรียบเสมือนกับการปลูกต้นไม้ในบ้าน ต้นไม้เปรียบได้กับคนในองค์กร บ้านเปรียบเป็นองค์กร
ส่วนผู้บริหารก็เป็นคนรดน้ำ ใส่ปุ๋ย เมื่อเรานำต้นไม้มาปลูกเราก็ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ย หากมีส่วนใดที่ดูแล้วไม่สวยงาม หรือไม่เป็นประโยชน์ ก็ทำการตัดและตกแต่งเสียใหม่ เพื่อให้ต้นไม้ต้นนี้เติบโต ให้ผลผลิต และเมื่อเติบโตเป็นไม้ใหญ่ก็จะสามารถให้ร่มเงาแก่บ้านของเราได้ องค์กรก็เช่นกัน ผู้บริหารมีหน้าที่ดูแล และพัฒนาคนในองค์กรให้เติบโตเป็นเหมือนต้นไม่ใหญ่ จึงจะทำให้องค์กรนั้น เป็นองค์กรแห่งความสำเร็จได้
ประวัติของผู้นำที่เลือกเพื่อทำการศึกษา และวิเคราะห์แนวความคิด ได้แก่ชื่อ : คุณวิกรม กรมดิษฐ์
ตำแหน่งปัจจุบัน 1975 : ประธานกรรมการ บริษัทอมตะ โฮลดิ้ง จำกัด 1989 : ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอมตะคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) : กรรมการบริษัท บี ไอ พี ดีเวลล๊อปเม้นท์ จำกัด 1994 : ประธานกรรมการบริหารบริษัท อมตะเวียดนาม จำกัด 1995 : กรรมการบริษัท อมตะพาวเวอร์ จำกัด : กรรมการบริษัท อมตะเอ็กโก้ พาวเวอร์ จำกัด 1996 : ประธานกรรมการบริหารบริษัท อมตะ พาวเวอร์ เบียนหัว จำกัด : ประธานมูลนิธิอมตะ 2001 : ประธานบริษัท อมตะ เนชั่นแนลแกส ดิสตริบิวชั่น จำกัด กรรมการบริษัท อมตะเอ็กโก้ พาวเวอร์ จำกัด 2002 : ประธานกรรมการที่ปรึกษา บริษัท อมตะเวียดนาม จำกัดSimple Life ที่พักของเศรษฐีที่รวยเป็นอันดับที่ 29 ของเมืองไทย คุณคิดว่าจะโอ่โถงเพียงไหน... บ้านหินอ่อน โซฟาหลุยส์ แชนเดอเลียหรูจากอิตาลี โฮมเธียเตอร์ครบชุด ชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้สักทองโบราณ จากุซซี่ขนาดยักษ์ ห้องฟิตเนสครบวงจร...ที่กล่าวมาไม่มีสักอย่าง ณ บ้านพักของวิกรมที่เขาใหญ่ Profit Organization วันที่ 17 มีนาคม 2550 หลังรับการบริจาคเงินก้อนมหาศาลจากวิกรม มูลนิธิอมตะจะมีทุนหนาเกือบหมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะขึ้นแท่นเป็นมูลนิธิระดับบุคคลอุปถัมภ์ที่มีเงินมากมายที่สุดอีกแห่ง แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะทำให้มูลนิธินี้เป็น "อมตะ" สมความตั้งใจของผู้ก่อตั้งวิกรมจึงต้องนำโมเดลธุรกิจมาจัดการอย่างเข้มข้น Great Image Creator จากลูกที่เคยเกือบจะยิงพ่อ จากเพลย์บอยหาตัวจับยาก วันนี้ภาพลักษณ์ใหม่ในสังคมของวิกรมคือ นักบริหารผู้มีวิสัยทัศน์ที่มักได้รับเชิญให้แสดง "วิชั่น" ผ่านสื่อหลายแขนง และนักบุญผู้คอยสนับสนุนผู้ด้อยโอกาสI’m a Dreamer!! "ผมเป็นคนชอบหลอกตัวเองด้วยการสร้างความรู้สึกในแง่ดีบ่อยๆ กระทำจนเป็นนิสัยในการล่อหลอกตัวเองให้ทำในสิ่งที่ "ฝัน" ไว้ เพราะความฝันคือเข็มทิศ เป็นพลังขับเคลื่อนชีวิต เป็นน้ำหล่อเลี้ยงมนุษย์ และที่สำคัญ ความฝันไม่เสียสตางค์" วิกรมเขียนไว้ในหนังสือ "มองโลกแบบวิกรม"วิกรม กรมดิษฐ์ Think Tank ที่ไม่ทำงาน? ไม่บ่อยครั้งนักที่อันดับต้นๆ ของผลโหวต 50 "ผู้จัดการ" Role Model จะปรากฏชื่อบุคคลที่ "ผู้จัดการ" ไม่เคยนำเสนอเรื่องราวของเขามาก่อน การที่ "วิกรม กรมดิษฐ์" ได้รับคะแนนการยอมรับจากผู้อ่านสูงถึงอันดับ 5 ในปีนี้จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องหาคำตอบ |
เรียน ท่านอาจารย์ จิระ และ ท่านอาจารย์ ยม
1. คุณได้อะไรจากการเรียนในสัปดาห์นี้
· สิ่งแรกที่จะกล่าวนั้นก็คือ ได้เจออาจารย์จิระ ซึ่งถือว่าเป็นเกียติอย่างยิ่งอีกครั้ง หลังจากที่เคยเจออาจารย์เมื่อตอนที่ได้เรียน Mini-MBA ซึ่งตอนนั้นกล่าวได้ว่ายังไม่เข้าใจ แต่ครั้งนี้ที่ได้เรียนเกี่ยวกับภาวะผู้นำ ทำให้เกิดความเข้าใจเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้กับ ร้านอาหารชาวเล ของผมได้เป็นอย่างดี
2. วิเคราะห์ข้อดี- ข้อเสีย ของตัวเอง
ข้อดี | ข้อเสีย |
1. จริงใจ | 1. ใจอ่อนในการทำงาน |
2. มุ่งมั่น | 2. อารมณ์ร้าย |
3. กล้าคิด – กล้าทำ | 3. ด้าน IT |
3. อ่านและจับประเด็น ในหนังสือ HR Champions
· ผมได้ทราบถึงความเป็นมาของทั้ง 2 ผู้รู้ ในด้านบุคคลที่มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนษย์
· ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารงานของคุณพารณ ในขณะที่ท่านบริหารงานอยู่ที่ ปูนซีเมนต์ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจร้านอาหารได้
· ได้รู้เกี่ยวกับการบริหารงานอย่างมีคุณธรรม
· ได้ทราบถึงทฤษฏี 4L’s ของคุณพารณ และ อาจารย์จิระ
· ได้รู้เกี่ยวกับการบริหารคน การส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับพนักงาน เพื่อเพิ่มค่าให้พนักงาน ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าการจ่ายเงินเดือนพนักงาน เพื่อส่วนหนึ่งของต้นทุน แต่เมื่อได้เรียนและได้อ่านหนังสือแล้ว
ทำให้ทราบว่า พนักงานนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญของร้านอาหาร เพื่อส่วนในการสร้างรายได้ให้กับร้านถ้าไม่มีพนักงานที้งหมด 60 คนในร้าน ด้วยตัวผมเองก็ไม่สามารถทำงานทั้งหมดได้ด้วยคนเดียว
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมานท์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสสาชูเซสท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๗๐ มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ซึ่งภายหลังทั้งสองพระองค์ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธย เป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินีและพระเชษฐา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในพุทธศักราช ๒๔๘๑ โดยประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เป็นการชั่วคราว แล้วเสด็จกลับไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๘๘ จึงโดยเสด็จพระราชดำเนิน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง ในวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคตโดยกระทันหัน ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกันนั้น แต่เนื่องจากยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการศึกษา จึงต้องทรงอำลาประชาชนชาวไทย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
สรุป
คงจะไม่มีเหตุผลใดๆ มาบรรยายได้พอเพียงว่าทำไมผมถึงชื่นชอบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ในหลวง)
สำหรับหลักการภาวะผู้นำของในหลวง นั้นเมื่อเทียบกับทฤษฎี 8K’s ของอาจารย์จิระแล้วนั้น ผมสามารถตอบได้เลยว่า พระองค์ทรงมี ครบทุกหลักการ โดยมุ่นเน้นด้านจริยธรรม
สำหรับการวิเคราะห์เชิงบริหาร วิศัยทัศน์ของในหลวง อาจจะไม่ได้มุ่งเน้นให้ประเทศไทยต้องเป็นที่ หนึ่งด้านการค้าโลก หรือว่าจะต้องมีชื่อเสียง ด้านการค้ากับนานาชาติแต่วิศัยทัศน์ของพระองค์มุ่งเน้นความอยู่รอดของประชาชน ทุกระดับชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในกลุ่ม เกษตรกร และประชาชนราดหญ้า พระองค์ทรงสนับสนุนการส่งเสริมการเกษตร อย่างต่อเนื่อง
และนี้เองคือสาเหตุว่าทำไมคนไทยถึงรัก “ในหลวง” รวมทั้งผม1. คุณได้อะไรจากการเรียนในสัปดาห์นี้
2. วิเคราะห์ข้อดี- ข้อเสีย ของตัวเอง
3. อ่านและจับประเด็น ในหนังสือ HR Champions พร้อมทั้งวิเคราะห์หาความเหมือนและแตกต่างระหว่าง อาจารย์พารณ และ อาจารย์จิระ
1 คุณได้อะไรบ้างจากการเรียนในสัปดาห์นี้
· ทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์
· เน้นเรื่องการดูแลรักษาบุคคลภายในและภายนอก หมายถึง ความเป็นอยู่ของพนักงาน และ สนองตอบถึงความต้องการของลูกค้า
· หลักการบริหารงาองค์กร คือ การกระจายอำนาจ empowerment
ข้อเสนอ สำหรับการเรียนครั้งต่อไป อยากให้มีการสลับที่นั้งเพื่อจะมีเห็นมุมมองของพี่ๆ และเพื่อนในชั้นเรียนกันอย่างทั่วถึง
จุดแข็ง |
จุดอ่อน |
๒๕๒๗:กรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) |
๒๕๓๒:ประธานกรรมการบริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) |
เมษายน ๒๕๓๕:ประธานกรรมการบริษัท เชียงใหม่ ไนท์บาซาร์ จำกัด |
เมษายน ๒๕๓๖:กรรมการที่ปรึกษาบริษัท อเมริกัน อินเตอร์แนชเชอนัล กรุ๊ป (เอ.ไอ.จี.) |
เมษายน ๒๕๔๙:กรรมการที่ปรึกษา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด |
พฤษภาคม ๒๕๔๙:ที่ปรึกษา บริษัท เชฟรอน เอเซีย เซ้าท์ จำกัด |
๒๕๓๑:กรรมการสภาที่ปรึกษา สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
๒๕๓๓:ประธานคณะกรรมการมูลนิธิเคมบริดจ์ (ไทย) |
มิถุนายน ๒๕๓๕ :ประธานสภาสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยและกรรมการบริหาร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย |
เมษายน ๒๕๓๖:ประธานกรรมการสภาสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย |
ตุลาคม ๒๕๓๖:ประธานคณะกรรมการนักธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย |
สิงหาคม ๒๕๓๘:ประธานกรรมการบริษัท อิมพีเรียล เทคโนโลยี แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) |
กันยายน ๒๕๓๘:รองประธานกรรมการคนที่ ๒ มูลนิธิสวนหลวง ร. ๙ |
ตุลาคม ๒๕๓๘:ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์กฏหมายภูมิภาคแม่น้ำโขง |
มกราคม ๒๕๓๙:ดิสติงกวิชด์ อินเตอร์แนชเชอนัล ไอซิส เฟลโลว์ (มาเลเซีย) :ทูตองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย |
สิงหาคม ๒๕๓๙:ประธานกรรมการที่ปรึกษา มูลนิธิคาร์ลอส พี. รอมูโล |
ธันวาคม ๒๕๔๐:ประธานสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเอเชียน |
มกราคม ๒๕๔๑:กรรมการที่ปรึกษา สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย |
มีนาคม ๒๕๔๒:ที่ปรึกษาปัญหาต่อต้านคอรัปชั่นภูมิภาคเอเซีย - แปซิฟิค ของธนาคารโลก |
กรกฎาคม ๒๕๔๒:กรรมการที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ดัลลิชคอลเลจ กรุงลอนดอน |
มกราคม ๒๕๔๓ :กรรมการที่ปรึกษา องค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ |
พฤศจิกายน ๒๕๔๖ :กรรมการ สถาบันอู ถั่น :เฟลโลว์ ของโรงเรียนดัลลิช กรุงลอนดอน |
กรุงเทพฯ ประเทศไทย วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๔๗๕ |
๒๔๘๖ - ๒๔๘๘ :โรงเรียนอำนวยศิลป์ ๒๔๘๘ - ๒๔๙๑ :โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ๒๔๙๑ - ๒๔๙๕ :ดัลลิชคอลเลจ กรุงลอนดอน ๒๔๙๕ - ๒๔๙๘ :มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ |
จุดอ่อน | จุดแข็ง |
- ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก- ใจอ่อน- ขาดความกระตือรือร้น | - ใจเย็น- มีความพยายามและอดทน- ช่วยเหลือตัวเองได้ดี |
จุดอ่อน | จุดแข็ง |
- ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าแสดงออก - ขาดความกระตือรือร้น |
- ใจเย็น - มีความพยายามและอดทน - ช่วยเหลือตัวเองได้ดี |
เรียน ศ.ดร.จีระ อ.ยม และเพื่อนๆนักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด
จากการที่ดิฉันได้อ่านหนังสือ "ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้" ทำให้ดิฉันได้ความรู้เพิ่มเติมมากมายเกี่ยวกับ ประวัติท่าน พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ในการบริหารงานในองค์กรให้สำเร็จบรรลุตามเป้าหมาย ดังนี้
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
ข้อแตกต่างระหว่างอาจารย์จีระและคุณพารณ
อาจารย์จีระและคุณพารณมีส่วนที่เหมือนกัน
นางสาวพนาวัลย์ คุ้มสุด ID:106142010
กว่าที่คุณตันจะมาถึงจุดที่มีธุรกิจเป็นพันล้านแบบนี้ ชีวิตเริ่มจากศูนย์
พอเรียนจบมศ.3 อายุ 17 ปี ผมตัดสินใจออกมาทำงานเลย ผมเป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง และมีจิตใจอยากเป็นนักธุรกิจ ตอนเด็ก ๆ เห็นคนทำงานแล้วอยากไปทำ เวลาปิดเทอมผมจะไปทำงานช่วยเสิร์ฟบะหมี่ ไปช่วยเขาลวกบะหมี่ ไปขายเฉาก๊วย เลี้ยงไก่ยังเคยเลย มีญาติของเพื่อนเขาเลี้ยงไก่ เราก็ขอไปดูไปช่วย ชอบทำงาน มีความสุข ในการทำงาน ไม่เคยคิดว่าเหนื่อย ทำได้เรื่อย ๆ
ในวัย 17 ปี ก็ค่อนข้างคิดต่างจากวัยรุ่นทั่วไปแล้ว ซึ่งวัยเท่านี้ส่วนใหญ่กำลังเที่ยวเล่นเลยนะคะ
ผมเป็นคนรูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย เรียนไม่เก่ง ถ้าผมยังทำตัวเที่ยวเล่น วันนี้ผมก็แย่สิ สิ่งเดียวที่ผมมีคือต้องตั้งใจทำงานให้ดีกว่าคนอื่น...ตอนผมอายุ 17 ปี ผมรู้สึกว่าสู้เพื่อนไม่ได้ แพ้เพื่อนเด็ดขาดเลย ผมบอกเพื่อนว่า ผมไม่เรียนแล้ว ผมจะออกไปทำธุรกิจ อีก 10 ปีข้างหน้า ผมจะมาพบเพื่อน ๆ ใหม่ 10 ปียังไม่สาย เหมือนหนังจีนไหม ดูหนังมากไปหน่อย (ยิ้ม) แต่เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พออีก 10 ปี ผมกลับไปหาเพื่อน ๆ ที่สนิทกัน เพื่อนที่ผมรู้สึกว่าตอนนั้นเราสู้เขาไม่ได้ เราเป็นบ๊วยอยู่คนเดียวกลับไปก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่นะ (หัวเราะ) บางคนเขามีธุรกิจใหญ่กว่าผม แต่ว่าผมดีกว่าเดิมเยอะ วันที่ผมกลับไป ผมไม่ใช่ที่หนึ่งแต่ผมไม่ได้บ๊วยแล้ว ผมมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่อย่างน้อยถ้าวันนั้นผมไม่สู้ ผมไม่มีวันนี้
การที่ต้องทำมากกว่าคนอื่น ทำให้คุณตันผ่านการทำงานมาหลายอย่าง
การที่ไม่มีความรู้ทำให้ผมต้องทำทุกอย่าง ช่วงแรก ๆ ผมใช้แรงงานเป็นหลัก เป็นพนักงานแบกของ ส่งของ ผมไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว ทำเพราะถือว่าทำมากได้ประสบการณ์มาก
ผมเริ่มต้นการทำงานด้วยเงินเดือน 700 บาท ทำงานส่งของ แบกของมาเรื่อย ๆ จนมีโอกาสได้เป็นพนักงานขาย...พอผมออกจากการเป็นพนักงาน ธุรกิจแรกที่ผมเริ่มเอง คือแผงขายหนังสือพิมพ์ ช่วงแรก ๆ เหนื่อย เพราะเราแลกด้วยเหงื่อ เราไม่มีทุน พอออกมาเปิดแผงขายหนังสือ ผมนำเงินไปซื้อหนังสือรอบแรก หมดตัวตั้งแต่ 5 หมื่นแรกเลย เพราะฝนตกหนังสือเปียกน้ำทั้งหมด เจ๊งตั้งแต่วันที่ยังไม่เปิดร้าน แต่ผมไม่ยอมแพ้ เอาใหม่ ผมอยู่ได้ด้วยการทำงานมากกว่าคนอื่น ร้านขายหนังสือซ้ายขวาขายหนังสือน้อยกว่าผมเยอะ เขาขาย 8 ชั่วโมง ผมขาย 18 ชั่วโมง เขาตื่น 7 โมงเช้า แต่ตี 5 ผมตื่นมาขายแล้ว คุณปิด 2 ทุ่ม ผมปิดตี 2 ปิดแค่ 3 ชั่วโมง ลูกค้ามาผมก็ขาย ลูกค้าไม่มาผมเดินไปหาลูกค้า...หนทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จผมต้องทำงานให้มากกว่าคนอื่น เพราะความสำเร็จไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้าแล้วเราออกไปเก็บได้
เพราะทำมากกว่าคนอื่น ทำให้เป็นเจ้าของธุรกิจได้เร็ว
ผมเขยิบมาเปิดร้านกิ๊ฟช็อป ร้านกาแฟ ร้านอาหาร แล้วก็มาทำธุรกิจเรียลเอสเตท...กำลังจะมีเงิน 100-200 ล้านบาท พอรัฐบาลประกาศค่าเงินบาทลอยตัว กลายเป็นผมมีหนี้ร้อยกว่าล้าน ตายตอนปี 2539 แต่ผมพยายามแก้ปัญหา ผมมีทั้งหนี้ธนาคารและหนี้นอกระบบ ค่อย ๆ แก้วิกฤต เจรจาประนอมหนี้ ค่อย ๆ ใช้หนี้ไป ผมเริ่มต้นใหม่ ผมว่าทุก ๆ ช่วงของชีวิตเหมือนฟ้าทดสอบเรา หรือถ้าพูดอีกแบบชีวิตมันมีวิกฤตอยู่ ว่าแต่จะเจอตอนไหน แล้วคุณจะยอมแพ้หรือเปล่า
ตอนเปิดโออิชิสาขาแรกคุณตันก็ยังทำงานอยู่เบื้องหลัง
ตอนเปิดโออิชิวันแรกผมซ่อมก๊อกน้ำอยู่ในห้องน้ำ จะเห็นว่า 2-3 ปีแรกผมไม่เคยออกข่าว เป็นคนที่ดูแลงานเบื้องหลังมากกว่า คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา เขาเล่าให้ฟังว่า เจอผมครั้งแรกเห็นผมใส่ขาสั้นเช็ดโต๊ะอยู่ในร้าน ตอนนี้ไม่มี เวลาไปทำแล้ว ถึงไปทำก็ไม่มีประโยชน์เพราะมีคนทำอยู่แล้ว แต่ผมต้องพร้อมที่จะทำได้ เราบอกว่าห้องน้ำเหม็นใช่ไหม เราชี้ให้คนอื่นทำ ถ้าเรายังรู้สึกรังเกียจ เราจะไปเรียกให้คนอื่นทำไม่ได้หรอก ถ้าเรากล้าที่จะล้างห้องน้ำ ไม่มีใครไม่กล้าไม่ทำหรอก สมัยก่อนผมจะทำบ่อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นต้องทำ แต่ผมพร้อมจะทำ ผมทำให้ได้
ทุกวันนี้ยังเสียเหงื่อกับการทำงานเหมือนเมื่อ 20 ปี ที่แล้วไหม
ต่างกันครับ สมัยก่อนผมทำเอง มีลูกน้องไม่กี่คนแต่เดี๋ยวนี้เป็นมหาชน มีการบริหารที่เป็นระบบ มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ผมยังต้องทำงานอยู่ แต่ว่าหน้าที่บางอย่างไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวนี้ทำงานเป็นทีมมากขึ้น ทำงานแบบมืออาชีพมากขึ้น...ถ้าเป็นเมื่อก่อนยังเป็นบริษัทเล็ก ๆ ถ้าทำแบบนี้ไม่ดี เพราะไม่คล่องตัวหรือถ้าเป็นบริษัทใหญ่แล้วผมยังทำแบบเดิมที่เคยทำ ก็ไม่ดี เพราะเรารู้คนเดียว และไม่มีแผนงานรองรับ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ แต่ตอนนี้งานจะถูกวางแผนทั้งปี เงินจะเข้าบริษัทเท่าไหร่ แล้วเราจะใช้เท่าไหร่ จะมีกำไรเท่าไหร่ มีตัววัดผลทุก 1 เดือน ทุก 3 เดือน ทำตามแผนงาน ถ้าไม่ทำตามแผนก็แก้
ตัน ภาสกรนที คนเก่ากับคนปัจจุบัน ณ วันนี้ เปลี่ยน ไปมาก-น้อยแค่ไหน
ตัวผมยังเหมือนเดิม แต่งานไม่เหมือนเดิม ถามว่าผมอยากเป็นคนเดิมไหม อยากครับ แต่มันเป็นไม่ได้แล้ว ถามว่าชีวิตเปลี่ยนไหม คนเราจะมีชีวิตเหมือนเดิม ๆ เป็นไปไม่ได้หรอก ชีวิตผมเปลี่ยนครับ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากเป็นทุกอย่าง เพราะบางอย่างผมก็ไม่ได้อยากเป็น ผมไม่อยากเป็นคนดัง สมัยก่อนใส่ขาสั้น เดี๋ยวนี้ใส่ไม่ได้แล้ว ลูกน้องบอกว่าพี่ตันไม่ได้แล้วนะ เสื้อผ้าหยิบตัวไหนมาเถอะ มีแต่ลูกน้องซื้อให้ทั้งนั้น ผมชอบกินอาหารที่ขายริมถนน เดี๋ยวนี้พอไปกิน ลูกน้องก็จะบอกว่า... พี่ตัน อันตรายไปนั่งกินข้างถนนคนเดียว เดี๋ยวโดนเขาอุ้มหรอก หรือผมไปลาว ไปจัดงานอีเวนท์ จะไปเดินงานวัด แต่ลูกน้องไม่ให้ไปเดิน ก็ผมอยากไปน่ะ ผมบอกผมจะไป ปรากฏไปเรียกตำรวจมาเฝ้าผมเลยนะซ้ายขวา โอ๊ย...อะไรของมันวะ ในตัวไม่ได้มีอะไร กระเป๋าก็ไม่มี มีนาฬิกาเรือนเดียว คือเป็นคนเดิมไม่ได้ คนรอบข้างไม่อยากให้เป็น เขาคิดมากกัน (ยิ้ม) เพราะเรามีความรับผิดชอบเยอะ
มีคำแนะนำอย่างไร กับประโยคที่บอกว่า...จุดเริ่มต้นของคุณตัน คือจุดที่ใคร ๆ ก็เริ่มต้นได้
ผมเชื่อว่าคนเรามีโอกาสเหมือนกัน เพียงแต่มันจะมาหาเรา เมื่อไหร่ บางคนโชคดีตั้งแต่ปีแรก บางคนทำงานแป๊บเดียวก็ดี บางคนทำงาน 5 ปียังไม่ดี บางคนขยันและประหยัดมา 10 ปียังไม่เห็นผลเลย แต่มันอาจจะไปเห็นผลปีที่ 11 บางคนทำ 20 ปีจึงจะเห็นผล โอกาสจะมาหาเราเมื่อไหร่ ไม่รู้ แต่ถ้าวันหนึ่งโอกาสมาแล้วเราไม่พร้อม เราก็พลาดโอกาส หรือวันนี้อะไรก็ดี แต่คุณทำตัวเหลวไหล มันก็สายไปแล้ว ทุกคนต้องพร้อม ต้องมีความหวัง ความพยายามต้องใหญ่ ความทุ่มเทต้องเยอะ คิดแล้วต้องลงมือทำ มีคนทำแต่ไม่คิด อันนี้เจ๊งแหง ๆ หรือคิดแล้วไม่ได้ทำ แม้แต่คิดว่าจะประสบความสำเร็จมันยังไม่มีเลย ต้องคิดดีแล้วลงมือทำทันที ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน มีขึ้นมีลง แต่ได้ดีแล้วอย่าลืมตัว เวลาเจอปัญหาอย่าท้อแท้ ผมว่าทุกคนทำได้
ผมเชื่อว่าไม่ว่าฟ้าจะผ่า ฟ้าจะร้อง สักวันหนึ่ง คุณก็ได้ดี เพราะหลาย ๆ ธุรกิจที่มีโอกาส ผมได้มาเพราะตรงนี้ ผมไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนดีนะ แต่อย่างน้อยผมก็ไม่ได้เป็นคนชั่ว หลายธุรกิจที่เขาให้โอกาสผม เขาเห็นว่าผมเป็นคนขยัน เป็นคนไม่เที่ยว ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ก็เลยสนับสนุนผม ผมอยากฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่าถึงคุณจะขยันมาก คุณจะเก่งมาก คุณจะพยายามมาก ที่สำคัญอย่าลืมเป็นคนดีด้วย เพราะคนดีวันหนึ่งจะมีความหมาย คนเราทุกคนถ้าคุณถึงจุดจุดหนึ่งคุณอยากจะทำอะไรดี ๆ ถามว่าแล้วคุณจะทำให้กับใคร ก็ต้องอยากทำให้กับคนดี ๆ ถามผมว่าผมอยากจะช่วยเหลือใคร ผมก็ต้องอยากช่วยเหลือ คนดี ๆ ใครจะไปอยากช่วยเหลือคนที่มันไม่ดี
เราย้อนกลับไปเปิดหนังสือ ชีวิตนี้ไม่มีทางตัน ที่ถือไปให้เจ้าของเรื่องราวได้เซ็นชื่อให้ เหนือลายเซ็นของเขา ข้อความ นั้นเขียนไว้ว่า...ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้
อย่างที่เขาเอ่ยกับเราว่า...แท้จริงแล้วทุกคนมีต้นทุน อยู่ในตัว ตัน ภาสกรนที จึงเป็นอีกหนึ่งชีวิตของคนสู้งาน ที่ยืนยันว่าความสำเร็จไม่ได้หล่นจากฟ้า แต่มาจากสมอง สองมือ และหนึ่งใจที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของตัวเราเอง...ที่เกิดกับใครก็ได้
นายเตชสิทธิ์ หอมฟุ้งรหัส 106142005
MBA 6 มหาวิทยาลัยนานาชาติสแตมป์ฟอร์ด
จุดอ่อน
1. เป็นคนเบื่อง่าย
2. เก็บอารมณ์ไม่อยู่เมื่อเกิดความรู้สึกต่าง ๆ3. สมาธิสั้น
น.ส.ศรีสุดา วรรณสมบูรณ์ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด หัวหิน
พระนามเดิม | พระองค์ดำ |
พระบรมชนกนาถ | พระมหาธรรมราชา |
สถานที่พระราชสมภพ | เมืองพิษณุโลก |
วันพระราชสมภพ | พ.ศ. ๒๐๙๘ |
วีรกรรมสำคัญ | ช่วยให้ประเทศไทยพ้นจากการปกครองของข้าศึก กอบกู้เอกราชของชาติไทยคืนมาได้เป็นผลสำเร็จ |
พระราชประวัติโดยย่อ
"สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ทรงเป็นพระโอรสใน "สมเด็จพระมหาธรรมราชา" (สมเด็จพระศรีสรรเพชญ์) กับ "พระวิสุทธิกษัตริย์"พระราชบิดาสืบเชื้อสายราชสกุลมาจากราชวงศ์"พระร่วง"แห่งกรุงสุโขทัยส่วนพระราชมารดาเป็นพระธิดา ใน"สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ"กับ "สมเด็จพระศรีสุริโยทัย" (วีรกษัตริย์ที่สิ้นประชนม์บนคอช้าง เมื่อ พ.ศ. ๒๐๙๑ ) ราชวงศ์ "สุพรรณภูมิ"ทรงพระราชสมภพเมื่อปีเถะพ.ศ. ๒๐๙๘ ณ พระราชวังสนามจันทร์เมืองพิษณุโลก ขณะทรงพระเยาว์ มีพระนามสามัญว่า "พระองค์ดำ" ทรงมีพระพี่นาง ๑ องค์พระนามว่า "พระสุพรรณเทวี" (สุวรรณกัลยานี) และพระอนุชา ๑ องค์ พระนามว่า "พระเอกาทศรถ" (พระองค์ขาว) เมื่อสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๑๑๑ พระราชโอรส ก็เสด็จขึ้นครองราชย์ทรงพระนามว่า "พระมหินทราธิราช" บ้านเมืองในราชการนี้เกิดศึกสงครามมากมาย เพราะพระเจ้าหงสาวดี (บุเรงนอง) ต้องการยึดกรุงศรีอยุธยาเป็นประเทศราชของพม่าให้ได้และประสบผลสำเร็จ เมื่อพระมหาธรรมราชาพระราชบุตรเขยซึ่งครองหัวเมือฝ่ายเหนือ คือ เมืองพิษณุโลกเอาใจออกห่างไปฝักใฝ่กับพม่า พระเจ้าหงสาวดี จึงถือโอกาสยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา และให้พระยาจักรี (เชลยศึก)แสร้งทำอุบายหนีจากพม่ามาลอบเปิดประตูเมืองรับกองทัพพม่าเข้าเมือง กรุงศรีอยุธยาถูกโจมตีทุกด้านจนต้องเสียเอกราชให้แก่พม่าเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๙ แรม ๑๑ ปีมะเส็ง พ.ศ.๒๑๑๒ "สมเด็จพระนเรศวร" ทรงเจริญพระชันษาในพม่าตั้งแต่พระชนมายุได้ ๙ พรรษาเนื่องจาก พระเจ้าบุเรงนอง ต้องการนำเอาพระองค์เป็นตัวประกัน มิให้พระมหาธรรมราชาคิดกระด้างกระเดื่องจนพระชนมายุได้ ๑๕ พรรษา ก็ได้กลับมาเป็นพระมหาอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลก "สมเด็จพระนเรศวร"ทรงมีพระทัยกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และเฉลียวฉลาดตั้งแต่ทรงพระเยาว์ดังได้แสดงให้ปรากฏในการตีหัวเมืองพม่าที่แข็งเมืองต่อหงสาวดี ต่อมาได้ทรงรวบรวมคนไทยที่มีความสามารถและมีฝีมือมาฝึก จนมีความเชี่ยวชาญทางยุทธวิธีการรบทั้งแบบไทยและแบบพม่าพระองค์ได้ทรงเหนื่อยยากตรากตรำพระวรกาย เพื่อกอบกู้เอกราชที่เราต้องเสียให้แก่พม่ากลับคืนมา ทรงพระวิริยะอุตสาหะในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติบ้านเมืองในปี พ.ศ. ๒๑๒๗ "สมเด็จพระนเรศวร" ทรงทำพิธีหลั่งน้ำทักษิโณทกประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยา นับเป็นการกอบกู้เอกราชของไทยจากพม่า หลังจากนั้นได้ทรงทำสงครามป้องกันประเทศจากการรุกรานของพม่าหลายครั้งจนพม่าเกิดความขยาดไม่กล้ารุกรานไทยอีก นอกจากนี้ ยังได้ทรงยกทัพไปตีเมืองประเทศราชของพม่าถึง ๕ ครั้ง ทำให้อาณาเขตของไทยแผ่ขยายออกไปมากกว่าครั้งใด ๆ นับตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี "สมเด็จพระนเรศวร"ทรงเป็นนักรบกล้าและทรงเป็นผู้นำที่เข้มแข็งปลุกปลอบขวัญและผนึกกำลังสามัคคีคนไทยทั้งชาติเข้าด้วยกันขับไล่ศัตรูให้พ้นไปจากผืนแผ่นดินไทย พระองค์ทรงออกรบนำหน้าทัพทุกครั้ง โดยไม่พรั่นพรึงต่อศาสตราวุธของฝ่ายตรงข้าม วีรกรรมที่ตำบลบางประหันและการทำยุทธหัตถีที่ตำบลหนองสาหร่าย เป็นเครื่องยืนยันถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของพระองค์ พระบรมเดชานุภาพเป็นที่เลื่องลือเกรงขามทุกทิศานุทิศ แม้ในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพในปี พ.ศ. ๒๑๔๘ ก็กำลังเสด็จไปในงานพระราชสงครามเพื่อความเป็นไทอันไพบูลย์ของพระสกนิกรในพระองค์ แม้ว่าจะเสด็จสวรรคตแล้วก็ตาม แผ่นดินไทยก็ยังว่างเว้นศึกสงครามอีกเป็นเวลานาน ด้วยวีรกรรมของพระองค์ทำให้คนไทยได้มีองค์พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงเป็น "มหาราช" พระองค์แรกในสมัยกรุงศรีอยุธยาทรงพระนามว่า "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช"
|
สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ / นักศึกษา MBA ม.นานาชาติ สแตมฟอร์ด และท่านผู้อ่านทุกท่าน
ขอชื่นชม นักศึกษา MBA ม.นานาชาติสแตมฟอร์ด ที่ส่งข้อมูลมาแชร์ความรู้ใน Blog ของอาจารย์ใหญ่และของผม นักศึกษามีพัฒนาการ การเขียนได้ดี ทั้งปริมาณ และคุณภาพ และรักษาเวลา ได้ดี เห็นได้ชัดว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ มีความตั้งใจ มุ่งมั่น และมีมีพัฒนาการด้านความรู้ทางวิชาการ และเริ่มมีทักษะ ทาง IT มากขึ้น และผมมากไปกว่านั้นคือความรับผิดชอบต่อตนเอง ผมรู้สึกประทับใจศิษย์รักทุกคน
จากการอ่านข้อมูลของนักศึกษา ที่ทยอยส่งเขียนแชร์ความรู้มา ในสัปดาห์นี้ มีนักศึกษาส่งเรียงตามลำดับวันและเวลา ดังนี้
กรณีที่นักศึกษาส่งมาสอง/สามครั้ง ผมได้นำเอาวันแรกที่ส่งเป็นข้อมูลบันทึกการส่ง ส่วนเนื้อหาครบถ้วน ในแต่ละครั้งหรือไม่ ผมกับ อาจารย์ใหญ่ จะได้ร่วมกันพิจารณาต่อไป
ส่วนที่ผมให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มกัน ทำการศึกษาจากเอกสารภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับผู้นำ นั้นก็เพื่อให้นักศึกษาได้คุ้นเคย มีประสบการณ์การศึกษาเอกสารตำราภาษาอังกฤษมากขึ้น ประการต่อมา เพื่อให้นักศึกษาได้ใช้งานนี้ในการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน ฝึกภาวะผู้นำการทำงานเป็นทีม เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ระหว่างกลุ่ม ระหว่างกันและกัน
มีกลุ่มแรกที่ส่งมาโดยการประสานงานของคุณชาญชัย ขอชื่นชมที่ส่งก่อนเวลา และทำได้ดี เพราะที่จริงให้ส่งหลังสอบ แล้ว 1 สัปดาห์ แต่ก็ส่งมาก่อน ถือเป็นตัวอย่างที่ดี ขอให้สมาชิกในกลุ่ม ศึกษาในรายละเอียดให้เข้าใจทั่วกันด้วย จะเป็นการดีที่สุด
สัปดาห์นี้ ทราบข่าว ว่า ท่านอาจารย์ใหญ่ ของเรา ศ.ดร.จีระ ไปดำเนินการเรียนการสอนด้วยตัวท่านเอง แต่มีการเปลี่ยนกำหนดการ ขอให้นักศึกษากรุณาสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัย เพราะทราบว่า ทางเลขา CEO ของ อาจารย์ใหญ่ ประสานไว้กับทางเจ้าที่ของทางมหาวิทยาลัยแล้ว
เท่าที่ผมทราบคือ ศุกร์ เสาร์นี้ อาจารย์ใหญ่ขอเลื่อนไป วันอาทิตย์ ที่ 18 มี.ค. ตั้งแต่เช้าครับ ส่วนวันอื่น ๆ มีการปรับเปลี่ยนหรือไม่อย่างไร รายละเอียดขอให้สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ทราบว่าวันเสาร์ที่ 24 นี้ จะมีการสอบ ขอให้ทบทวนในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไป และเตรียมตัวไว้แต่เนิ่น เป็นการดีที่สุด
ขอให้ทุกท่านโชคดี สวัสดีครับ
อาจารย์ยม
สวัสดีครับ/ค่ะท่านศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์/อ.ยม นาคสุขและเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน
(ข้อแก้ไขข้มมูลและจัดหน้าใหม่ เพื่อความสะดวกกับเพื่อนๆ นักศึกษาทุกท่าน)
จากที่ได้รับมอบหมายแปลหนังสือเรื่อง The Leader of The Future 2 บทที่ 15 เรื่องLeading New Age Professionals เขียนโดย Marshall Goldsmith ของกลุ่ม 3 มีรายชื่อสมาชิกดังนี้
จากการอ่านเนื้อเรื่องของกลุ่ม 3 สามารถสรุปได้ดังนี้….
เป็นผู้นำยุคใหม่อย่างมืออาชีพ
นายมาร์แชล โกลด์สมิธ เป็นที่ยอมรับนับถือในสมาคมการจัดการของประเทศอเมริกาและเป็น1ใน50 นักคิดยอดเยี่ยมที่มีบทบาทสำคัญของวงการการจัดการโดย Business Week ซึ่งเขาเป็นหนึ่งผู้นำที่ได้รับการจัดอันดับ จากหนังสือพิมพ์ The Wall Stress Journal ให้เป็น1ใน 10 ของนักบริหารชั้นนำจากทำเนียบ Forbes ซึ่งยกย่องให้เขาเป็น 1 ใน 5 ของนักบริหารที่น่าเชื่อถือที่สุด อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจาก นักเศรษฐศาสตร์ ว่าเป็นหนึ่งในผู้นำทางความคิดที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกด้วยจากหนังสือ The Leader of the Future 2 กว่า20ปีที่ผ่านมาบทบาทความเป็นผู้นำในองค์กรใหญ่ๆได้เปลี่ยนแปลงไปซึ่งองค์กรต่างๆเห็นความสำคัญของผู้นำที่เฉลียวฉลาด คล่องแคล่ว ทุ่มเท มีแรงกระตุ้น เป็นนักบริหารมืออาชีพปัจจุบันผู้นำมีความกดดันในภาวะไม่แน่นอน ทำให้ต้องกลับมาดูตัวเองว่าความหมายของผู้นำที่ดีคืออะไรและงานมีความหมายอย่างไร ในต้นปี 1980 นายมาร์แชล โกลด์สมิธ ได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาใน องค์กรที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาหลายแห่ง เขารู้สึกประหลาดใจมากที่วันนี้ ผู้จัดการองค์กรและพนักงานมืออาชีพทำงานหนักกันได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น โลกแห่งการเปลี่ยนแปลงของการทำงานอย่างมืออาชีพ ปัจจัย 5 ประการที่สร้างโลกใหม่แห่งการทำงานอย่างมืออาชีพ · การเพิ่มความแตกต่างของค่าตอบแทน ได้เน้นเกี่ยวกับการเพิ่มค่าตอบแทนอย่างมหาศาลแก่ CEO ซึ่งเปรียบเทียบกับจำนวนของพนักงานทั่วไปรวมถึง ผู้จัดการองค์กรและพนักงานมืออาชีพซึ่งมีการขึ้นเงินเดือนในอัตราที่ต่ำมากเมื่อได้นำการปรับเงินเดือนมาเปรียบเทียบเงินเดือนที่สูงก็ย่อมมาพร้อมกับความคาดหวังที่สูงเช่นกัน บรรทัดสุดท้ายของงบการเงินคือแรงกดดันที่เกิดจากผู้ถือหุ้น · หลักประกันความมั่นคงของงานลดลง การแข่งขันของโลกในวันนี้ งานที่มีหลักประกันความมั่นคงของผู้จัดการ และพนักงานมืออาชีพ เหมือนความฝันที่ยังห่างไกล ตลอดจนการให้รางวัลแก่ผู้ทำความดี ผู้จัดการและพนักงานมืออาชีพต่างก็อยู่กับกฎที่เข้มงวดกวดขันเพราะกลัวตกงาน โดยทั่วไปการทำงานอย่างมืออาชีพควรเพิ่มจริยธรรมเพื่อให้เกิดคุณค่าแห่งความสำเร็จ · หลักประกันความมั่นคงทางสุขภาพและเบี้ยบำนาญลดลง เมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลักในเรื่องการประกันสุขภาพและเบี้ยบำนาญใน อเมริกามีความซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด ลูกจ้างในบริษัทหลายแห่ง ต่างประสบปัญหาธุรกิจขาดทุน และปัญหาการไม่ได้รับค่าจ้าง ทำให้พนักงานต้องทำงานกับแรงกดดันและจำเป็นต้องสะสมของเงินตัวเองไว้ เผื่อค่าใช้จ่ายเมื่อเกษียนจากการทำงานอีกด้วย · การแข่งขันระดับโลก ถึงแม้ว่าในสมัยนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่งในการติดต่อธุรกิจ ไม่น่าเชื่อว่า ประเทศจีน, อินเดีย หรือประเทศในแถบยุโรปตะวันออกที่มีการศึกษาน้อย จะสามารถแข่งขันทางธุรกิจกับอเมริกา และประเทศในยุโรปตะวันตกได้ ทุกวันนี้มีมืออาชีพที่ไม่ใช่คนอเมริกา ที่มีการศึกษาสูง ทำงานหนัก และสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเป็นล้านคน พวกเขาทำงานแลกเงินเดือน ถึงแม้ว่าค่าจ้างจะต่ำกว่าคนอเมริกาก็ตาม แต่พวกเขาก็มีความสุขกับการทำงานในระยะยาว · เทคโนโลยีสมัยใหม่ เดิมทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้นซึ่งปัจจุบันผู้จัดการและพนักงานมืออาชีพได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและได้สร้างแนวคิด24-7Mind–setซึ่งสามารถเห็นได้ว่ามืออาชีพต่างก็ใช้โทรศัพท์มือถือหรือ PDA ในการติดต่อสื่อสาร เทคโนโลยีได้แพร่ขยายไปทั้งโลกและจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง คนรุ่นใหม่มืออาชีพต้องการอะไรจากผู้นำของเขา · การสร้างขวัญและกำลังใจ เราต้องดูที่ความต้องการของคนรุ่นใหม่มากกว่าที่จะใช้เพียงทักษะของผู้นำเท่านั้น หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าคนที่จะเป็นผู้นำนั้นต้องมีความรู้ความสามารถ ปฎิบัติตัวเป็นผู้นำตัวอย่างที่ดี รู้จักให้กำลังใจ · การเพิ่มขีดความสามารถ เนื่องจากหลักประกันของงานลดลงและการแข่งขันทั่วโลกเพิ่มขึ้นการปรับปรุงทักษะเป็นสิ่งจำเป็นในอนาคต ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์พวกพนักงานมืออาชีพส่วนใหญ่นั้นมักจะเต็มใจทำงานถึงแม้ว่างานนั้นจะให้ผลตอบแทนน้อยแต่จะส่งผลให้เขาเติบโตในหน้าที่การงานในอนาคตความจงรักภักดีจะได้รับผ่านการเรียนเรียนรู้ไม่ใช่เงิน · ทำเวลาให้มีคุณค่า คนรุ่นใหม่เหล่านี้มักมองว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่าเพราะฉะนั้นผู้นำต้องเล็งเห็นถึงคุณค่าของเวลาใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มีประสิทธิภาพ · สร้างเครือข่ายในการทำงาน ความมั่นคงของอาชีพในอนาคตมาจากความสามารถและการสร้างเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกบริษัท คนรุ่นใหม่ จึงมักสร้างเครือข่ายนี้แก่ผู้อื่นทั้งในและนอกบริษัทให้ความรู้และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่องค์กร สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความจงรักภักดีต่อบริษัท และจะทำให้บริษัทเติบโตสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าได้ในอนาคต · สนับสนุนอุดมการณ์ของพนักงาน พนักงานมืออาชีพที่ดีที่สุดทำงานเพื่ออนาคตข้างหน้า ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน พวกเขาต้องการให้สนับสนุนอุดมการณ์ของพวกเขาให้เป็นจริง · การขยายช่องทางการจำหน่าย มีมืออาชีพหลายคนที่เป็น ตัวแทนอิสระ องค์กรต้องให้โอกาสและช่วยผลักดันไปให้ถึงอุดมการณ์ ซึ่งผู้นำที่ดีควรจะแสดงให้เห็นว่าองค์กรมีความสามารถในการช่วยเหลือพนักงานมืออาชีพและสนับสนุนพวกเขาให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ปัจจัยที่สำคัญที่สุด 2 ข้อ คือ 1. ต้องการให้พนักงานมืออาชีพที่ทำงานหนักมีความสุขให้กำลังใจเกิดบรรยากาศการทำงานที่ดีทุกคนอยากมาทำงาน2. ให้ความสำคัญกับพวกเขา
โดยสรุปว่า การเป็นผู้จัดการและพนักงานมืออาชีพที่มีความเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต ต้องมีความรอบรู้มีความสามารถในการทำงานให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย พวกเขาต้องยอมรับสภาวะที่เปลี่ยนไปของโลกโลกาภิวัตน์ และเทคโนโลยีต่างๆและการแข่งขันที่รุนแรงในรูปแบบต่างๆ โดยพวกเขามีความยินดีและพร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อให้โลกรับรู้ในความสำเร็จของพวกเขา ผู้นำต้องตระหนักถึงความสำคัญของงานและองค์กรไปพร้อมๆ กัน ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความก้าวหน้าในอนาคตของพวกเขาอีกด้วย โดยสรุปว่า การเป็นผู้นำมืออาชีพที่ดีในอนาคต พวกเขามีความยินดีและพร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อให้โลกรับรู้ในความสำเร็จของพวกเขา ผู้นำต้องตระหนักถึงความสำคัญของงานและองค์กรไปพร้อมๆ กัน ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความก้าวหน้าในอนาคตของพวกเขา ซึ่งผู้นำมืออาชีพต้องมีความรอบรู้มีความสามารถในการ ทำงานให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย พวกเขาต้องเข้าใจถึงสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไปในโลกยุคโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีและการแข่งขันที่รุนแรงในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งผู้นำต้องมีความสามารถในการตั้งรับกับสิ่งใหม่ๆ เหล่านี้ อีกทั้งต้องสามารถพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้นำจึงต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ตลอดเวลา มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถบริหารเวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ที่สำคัญต้องสามารถเป็นต้นแบบที่ดีให้กับพนักงานได้ และสามารถสร้างค่านิยมในการทำงานให้พนักงานทุกคนล้วนทำงานเพื่อความสุขเป็นอันดับแรก มิใช่เพื่อเงินทอง
จากที่ได้รับมอบหมายแปลหนังสือเรื่อง The Leader of The Future 2 บทที่ 15 เรื่องLeading New Age Professionals เขียนโดย Marshall Goldsmith ของกลุ่ม 3 มีรายชื่อสมาชิกดังนี้
โดยสรุปว่า การเป็นผู้จัดการและพนักงานมืออาชีพที่มีความเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต ต้องมีความรอบรู้มีความสามารถในการทำงานให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย พวกเขาต้องยอมรับสภาวะที่เปลี่ยนไปของโลกโลกาภิวัตน์ และเทคโนโลยีต่างๆและการแข่งขันที่รุนแรงในรูปแบบต่างๆ โดยพวกเขามีความยินดีและพร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อให้โลกรับรู้ในความสำเร็จของพวกเขา ผู้นำต้องตระหนักถึงความสำคัญของงานและองค์กรไปพร้อมๆ กัน ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความก้าวหน้าในอนาคตของพวกเขาอีกด้วย
โดยสรุปว่า การเป็นผู้นำมืออาชีพที่ดีในอนาคต พวกเขามีความยินดีและพร้อมที่จะทำงานหนักเพื่อให้โลกรับรู้ในความสำเร็จของพวกเขา ผู้นำต้องตระหนักถึงความสำคัญของงานและองค์กรไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความก้าวหน้าในอนาคตของพวกเขา ซึ่งผู้นำมืออาชีพต้องมีความรอบรู้มีความสามารถในการ ทำงานให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย พวกเขาต้องเข้าใจถึงสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไปในโลกยุคโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีและการแข่งขันที่รุนแรงในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งผู้นำต้องมีความสามารถในการตั้งรับกับสิ่งใหม่ๆ เหล่านี้อีกทั้งต้องสามารถพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้นำจึงต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ตลอดเวลา มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถบริหารเวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ที่สำคัญต้องสามารถเป็นต้นแบบที่ดีให้กับพนักงานได้ และสามารถสร้างค่านิยมในการทำงานให้พนักงานทุกคนล้วนทำงานเพื่อความสุขเป็นอันดับแรก มิใช่เพื่อเงินทอง
สวัสดีครับ ท่านศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์/อ.ยม และเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน
วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2550 เรียนแล้วได้อะไร ?
การที่จะเป็นผู้นำที่ดีต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นเข้าใจและปฎิบัติได้ตามเป้าหมายดูสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์กรแล้วนำมาเปรียบเทียบวัฒนธรรมองค์กร วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนทฤษฏี 3 วงกลม
จากบทความของศ.ดร. จีระ หงลดารมภ์จะเห็นได้ว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต้องยั่งยืนเติบโตไปพร้อมกับความสมดุลของธรรมชาติ ผู้นำต้องทั้งเก่งและดี มีคุณธรรมและจริยธรรม มีความรู้ความสามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ มองไปถึงผู้นำที่หัวหินต้องมีวิสัยทัศน์รอบรู้ ใฝ่รู้ตลอดเวลา มีคุณธรรมจริยธรรม รู้จักวางแผนงาน ผังเมือง รองรับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
สำหรับปัญหาทางภาคใต้วิธีแก้ไข รัฐต้องสร้างความเชื่อถือ ศรัทธาแก่ประชาชนชาวใต้แต่ถ้าเริ่มตอนนี้อาจจะสายเกินไป เนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างวิกฤติ ง่ายต่อการปลุกระดมของผู้ไม่หวังดี ส่งคนเก่งคนดีไปก็ตายหมด ช่วงนี้ไม่จำเป็นต้องส่งคนเก่งคนดีลงไปแก้ไข แต่ต้องส่งคนที่มีความรู้ความสามารถตอบโจทย์ทางใต้ได้ มีความเด็ดขาด ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูกเลิกสงสารคนทำผิด กลุ่มโจรฆ่าคนไม่ผิด แต่ตำรวจจับโจรใต้ถูกกดดันสารพัดให้ปล่อยตัว ทหารถูกยั่วยุให้ใช้ความรุนแรง แต่ทำอะไรไม่ได้หน่วยงานราชการทางภาคใต้ไม่มีความร่วมมืออย่างจริงใจในการทำงานแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง แล้วเมื่อไรจะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงแค่ใช้ลมปากในการแก้ไขปัญหาจึงไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีการลงมือปฏิบัติให้ชัดเจนเห็นเป็นรูปธรรม
ดังนั้นทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาให้ถูกจุดตรงประเด็นจึงจะสำเร็จผู้นำชายกับหญิงต่างกันอย่างไรชาย ได้รับการยอมรับจากสังคม มีความเด็ดขาด การตัดสินใจดีกว่า มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีทุนความสุข ทุนสังคม ทุนปัญญา และทุนความรู้ดีกว่าผู้หญิงหญิงมีทุนจริยธรรม ทุนแห่งความยั่งยืน ทุน IT ดีกว่าชาย มีภาระครอบครัวที่ต้องดูแล ผู้หญิงมักจะขาดทุนทางสังคม และเครือข่ายบทบาทของผู้หญิงมักจะถูกกำหนดให้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้นำที่ยิ่งใหญ่เสมอ เช่น คุณฮิลลารี คลินตัน
หลังจาดูเทปดร.ปุระชัย ปะทะ ศ.ดร. จีระ จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ท่านมีทุนมนุษย์ที่ดีมากจากผู้ให้กำเนิด รักการอ่าน ใฝ่รู้ ชอบถ่ายทอดให้ความรู้ให้ผู้อื่น แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ
สรุปจะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ท่านกว่าจะประสบความสำเร็จต้องมีองค์ประกอบ ทุนมนุษย์ ทุนปัญญา ทุนจริยธรรม ทุนแห่งความสุข ทุนทางสังคม ทุนแห่งความยั่งยืน ทุนทางIT และทุนความรู้ จึงจะเป็นผู้นำที่ดีได้และจากการแปล Chapter 3 ทำให้ทราบถึงลักษณะเฉพาะตัวของผู้นำ และChapter 4 กระบวนการภาวะผู้นำ เน้นการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันและพัฒนาเป้าหมาย
อืมดีจังค่ะ เป็นการทบทวนของตัวเองด้วย ขอบคุณที่ทำสิ่งดีๆให้ค่ะ เป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวมมากๆ