ในห้องเรียนที่ผมสอน ผมจะแบ่งนักศึกษาได้ออกเป็นสามกลุ่มตามการนั่งในห้องเรียน ได้แก่ กลุ่มหน้าห้อง กลุ่มกลางห้อง และกลุ่มหลังห้อง
กลุ่มหน้าห้องกับกลุ่มกลางห้องนี่แท้จริงเป็นกลุ่มเดียวกัน แล้วแต่ว่าใครจะสายตาสั้นหรือสายตายาวมากกว่ากัน สายตาสั้นมากหน่อยก็มาอยู่หน้าหน่อย สายตาสั้นน้อยหน่อยก็อยู่กลาง นักศึกษากลุ่มนี้ผมจะจำหน้าได้แม่นยำครับ กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มี participation กับผู้สอน เป็นกลุ่มที่เราสื่อสารกันในห้องเรียน
แต่กลุ่มท้ายสุดคือกลุ่มหลังห้อง กลุ่มนี้เป็นไม่ค่อยได้สบตากัน ไม่ค่อยได้มี participation กัน เป็นกลุ่มที่ห่างเหิน จำหน้ากันไม่ค่อยได้ ด้วยเพราะว่าไกลสายตาไปเยอะทีเดียว
โดยปกติแล้วกลุ่มหลังห้องนี่จะเป็นกลุ่มที่ระบบการศึกษาทั่วไปให้ความหวังน้อยที่สุด
ในห้องเรียนปกติทั่วไปเราจะคิดกันว่านักศึกษาที่นั่งหลังห้องเป็นนักศึกษาที่เรียนอ่อน เป็นนักศึกษาที่มีปัญหา เป็นนักศึกษาที่เป็นตัวถ่วงนักศึกษาคนอื่นๆ เป็นนักศึกษาส่วนเกินของมหาวิทยาลัย
ทุกคนรู้ว่า "นักศึกษาหลังห้อง" หมายความว่าอย่างไร และระบบการศึกษาของเราไม่ได้ให้ความหวังแก่ "นักศึกษาหลังห้อง" มากนัก
แต่ไม่ใช่ "นักศึกษาหลังห้อง" ในห้องเรียนที่ผมสอนครับเพราะในเทอมนี้นักศึกษาหลังห้องสอนให้ผมรู้ว่า "ความหวังของประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมาจากหน้าห้องเสมอไป"
นักศึกษากลุ่มหลังห้องทำให้ผมตระหนักว่า "ความหวังของประเทศไทยแท้จริงแล้วจะมาจากหลังห้อง" จะมาจากกลุ่มที่ถูกมองข้ามไป
เพราะในเทอมนี้นักศึกษากลุ่มนี้ "make a difference in our society with technology" มากกว่าและ "ยิ่งใหญ่" กว่าที่ผมนึกไว้มากนัก
นักศึกษากลุ่มนี้ไป "ฝึกอบรมการประกอบคอมพิวเตอร์และติดตั้งซอฟต์แวร์เบื้องต้น" แก่ "นักโทษ" ใน "คุก" ครับ
"นักโทษ" จริง และ "คุก" จริง
ของ "จริง" และประโยชน์เกิดขึ้น "จริง"
ดูได้จากเว็บไซต์ของ "
เรือนจำกลางสงขลา" ครับ การอบรมครั้งนี้ทางเรือนจำได้เก็บภาพใส่ไว้ในเว็บไซต์ของเรือนจำด้วย เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก
ดูรูปแล้วผมแนะนำให้ไปอ่านบันทึกต่อไปนี้ของนักศึกษาด้วยครับ
ไปเรือนจำมาแล้ววันนี้ สอนนักโทษ โย่ว เอารูปจากการไปอบรมผู้ต้องขังในเรือนจำ มาให้ดูครับ ประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน Project OS !!! เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะครับเพราะโดยปกตินักโทษในเรือนจำจะเป็นกลุ่มบุคคลท้ายสุดที่สังคมจะนึกถึง
นักโทษในเรือนจำคือ "คนหลังห้อง" ของสังคม
ลองนึกถึง "โอกาส" ที่นักโทษเหล่านั้นได้รับสิครับ ความรู้สึกดีที่นักโทษมีต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ ความรู้สึกเห็นถึงโอกาสของอาชีพที่เขาจะทำได้เมื่อออกจากคุก
สถิติบอกว่านักโทษเกินครึ่งที่ออกจากคุกจะประกอบอาชญากรรมอีก สาเหตุหนึ่งเพราะนักโทษที่ออกมาไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลี้ยงชีวิตต่อ
ดังนั้นการฝึกอบรมเล็กน้อย ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ก็มีคุณค่าอย่างยิ่งกับนักโทษเหล่านั้น
ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อสังคมในวันที่นักโทษเหล่านี้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเรา
เทอมนี้เป็นเทอมที่นักศึกษาสอนผมครับนักศึกษาสอนผมว่า ความหวังของประเทศไทยต้องฝากไว้กับ "คนธรรมดา" ครับ
ถ้าอยากให้ประเทศนี้ก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ไปได้ต้องฝากประเทศกับ คนธรรมดา คนเดินดิน คนทำงานอยู่หน้างาน คนสู้กับงาน คนเจอปัญหาที่แก้ปัญหา คนที่เป็นฟันเฟืองที่ไม่ได้ใหญ่โตแต่ขับเคลื่อนสิ่งเล็กน้อยนั้นให้เคลื่อนที่ไปได้ด้วยความตั้งใจและอดทน
ประเทศนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนไปด้วย "คนฉลาด" ที่อยู่บนหอคอยงาช้าง ใช้ชีวิตไปวันๆ กับการปรุงแต่งคำพูดสวยหรูสำหรับหน้าหนังสือพิมพ์
หากแต่ประเทศนี้ขับเคลื่อนด้วย "คนธรรมดา" ที่อยู่บนดินทุกคน
คนธรรมดาที่ไม่ได้พูดด้วยคำพูดสวยหรู คนธรรมดาที่ไม่ได้เขียนด้วยสำนวนลึกซึ้ง คนธรรมดาที่ไม่ได้มีปรัชญาชั้นเลิศ
แต่เป็นคนธรรมดาที่มีประสบการณ์ "จริง" จากการทำงาน "จริง"
อย่ามองข้าม "พลัง" ของ "คนหลังห้อง" นะครับ