ผมห่างหายจาก blog ไป 2 วัน กลับมาอีกทีก็มีของเล่นใหม่ๆ ให้ได้เรียนรู้กัน ครานี้เรามาเรียนรู้จักกันและกันให้มากขึ้นครับ..ขอบคุณคุณรัตติยา และพี่เม่ย ที่ tag ผม..และต้องขอโทษด้วยครับที่มาเล่าแจ้งแถลงความลับช้าไปหน่อย เพราะต้องรีบเคลียร์งานที่แก่งคอย แล้วก็เดินทางมาที่ปูนทุ่งสง อย่างกระทันหัน..เมื่อมาถึงที่ทุ่งสง ก็รีบมาไขความลับนี่แหละครับ...เอาล่ะครับมาดูความลับของผมดีกว่าครับ ซึ่งตามปกติผมไม่ค่อยมีความลับอะไร ยิ่งในหมู่เพื่อนฝูงหรือคนที่สนิทกันก็อาจจะรู้เรื่องพวกนี้ของผมกันบ้างแล้ว แต่ในวงการ blogger อาจจะยังไม่ทราบกันครับ จึงขอเล่าซ้ำอีกครั้ง หากท่านใดที่ทราบแล้วก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ...
ความลับที่ 1. ผมเป็นเด็กกำพร้าพ่อตั้งแต่เล็กๆครับ..เท่าที่ทราบจากคุณตา คุณยาย และคนเฒ่า คนแก่ระแวกบ้านผมเล่าให้ฟังก็พอทราบว่าพ่อกับแม่ผมแยกทางกันตั้งแต่ผมคลอดได้ 7 - 8 เดือน ส่วนผมอยู่กับแม่ และได้รับการเลี้ยงดูจากคุณตา คุณยาย ครับ..ถึงจะเป็นเด็กกำพร้าแต่ตอนแรกๆผมรู้สึกเฉยๆครับ..บางทีโดนเพื่อนๆล้อ ว่า เป็นคนไม่มีพ่อ ผมก็ไม่โกรธเพราะผมรู้สึกว่าผมได้รับความอบอุ่นจาก คุณตา คุณยาย และแม่ผมพอแล้ว ไม่มีพ่อก็ไม่เห็นเป็นไร (ตอนนั้นยังเด็กๆครับ) และก็ไม่ได้สนใจถามหาพ่อเลย ไม่ได้โกรธ หรือเกลียดพ่อนะครับ แต่อาจเป็นเพราะ ผมไม่คุ้นเคยมากกว่า..ครับ..แต่สุดท้ายก็มีเหตูการณ์ที่ทำให้ผมต้อง..ตามหาพ่อครับ....
ความลับที่ 2. จำต้องตามหาพ่อผู้ให้กำเนิด..อย่างที่ผมบอกในข้อ 1 ครับ ตอนแรกผมก็เฉยๆไม่ได้คิดที่จะตามหาพ่อผู้ให้กำเนิดเลย..สาบานได้ครับว่าไม่ได้โกรธ แต่เป็นเพราะว่าไม่คุ้นเคย ไม่สนิท..แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมต้องตามหาพ่อ...ตอนที่ผมเรียนมัธยมปลายผมมีความใฝ่ฝันมากครับ "อยากเป็นนักเรียนนายเรืออากาศ" ตอนนั้นผมคลั่งไคล้มาก ชอบเครืองบิน ชอบชุดของทหารอากาศมาก..ผมเลือกเรียนสายวิทย์ คณิต ภาษา..พร้อมทั้งฟิตร่างกายทั้งวิ่ง ทั้งว่ายน้ำ ตัวเตี้ยกลัวความสูงไม่พอ ก็ดึงข้อ..จนกระทั่งตอนเรียนจบชั้น ม. 5 กำลังขึ้น ม. 6 (รุ่นสุดท้ายก่อนรับ ม.4) ผมก็คาดหวังว่าจะได้สอบที่จะสมัครสอบเข้าโรงเรียนนายเรืออากาศ ให้ได้ แต่เมื่อถึงวันที่ต้องสมัคร ซึ่งอายุผมครบเกณฑ์ ที่ต้องขึ้นทะเบียนทหารพอดีครับ..ผมเตรียมเอกสารสำหรับการสมัครครบทุกอย่าง ..กะว่าจะแวะขึ้นทะเบียนทหารแล้วก็จะเข้า กรุงเทพฯเพื่อสมัครสอบเลย..แต่แล้วเหมือนฟ้าผ่าครับ.งเมื่อท่านสัสดี บอกว่าผมขึ้นทะเบียนทหารไม่ได้ ..คือท่านบอกว่าตามกฏหมาย "ชายไทยจะต้องขึ้นทะเบียนทหารเมื่ออายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ โดยให้ขึ้นทะเบียนทหารที่ภูมิลำเนาของบิดาผู้ให้กำเนิด" เท่านั้นแหละครับ ผมแทบล้มทั้งยืน..ในสมองสับสนไปหมดจะทำอย่างไร ..พอตั้งสติได้ผมจึงกลับไปหาแม่ แล้วถามถึงบ้านของพ่อจาก ซึ่งแม่ก็บอกว่าอยู่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แต่แม่จำทางไม่ได้แล้ว..ผมตัดสินใจทันทีว่าผมต้องไปแม่สอด.เพื่อตามหาพ่อและจัดการเรื่องนี้ให้จบ และต้องไปสมัครสอบให้ได้..พร้อมกันนั้นผมได้ขอให้เพื่อนผมซื้อใบสมัครให้อีก 1 ชุด โดยขอเป็นชุดที่สมัครวันสุดท้าย..แล้วผมก็ไปตามหาพ่อจนเจอครับ.กว่าจะเจอก็เล่นซะหลายวัน.(เหมือนละคร)แต่ทุกอย่างก็สายแล้ว..ผมสมัครสอบนายเรืออากาศไม่ทัน..ครับ..ตอนนั้นแทบบ้า..แต่ก็เหมือนฟ้าจะบันดาลให้ผมได้เจอพ่อผู้ให้กำเนิดของผม..เฮ้อ..อย่างที่เขาบอกครับได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง...
ความลับที่ 3.เสียใจจะไม่เรียนต่อ ..จากเหตุการณ์ในข้อ 2 ครับผมเสียใจมาก พอเปิดเทอมแรกของ ม . 6 ผมตัดสินใจไม่เรียนต่อครับ ไม่ยอมๆปลงทะเบียน เปิดเทอมแล้วก็ไม่ยอมไปเรียน วันๆเอาแต่นั่งซึมกะทือ ซื่อบื้ออยู่นั่นแหละ อาศัยกลางทุ่งนาเป็นที่อาศัย นั่งใต้ต้นไม้บ้าง ปีนขึ้นไปหลบบนต้นไม้บ้าง..ค่ำๆถึงจะกลับเข้าบ้าน ..ใครบอกยังไงก็ไม่เชื่อ แม่ผมร้องไห้ร้องไห้อีก..ขอร้องให้ไปเรียนให้จบ..แต่ผมก้ไม่ยอมไป บอกกับแม่ว่า "จะทำไร่เลี้ยงแม่" แต่แม่ก็เอาแต่ร้องไห้ พอแม่ร้องไห้ผมก็หนีไปอยู่กลางทุ่งนา..จนกระทั่งโรงเรียนเปิดเทอมได้ 3 สัปดาห์ครับ..แม่ผมนั่งคุยกับผมอีกครั้ง..ขอร้อง..และมีคำพูดของแม่คำหนึ่งที่ทำให้ผมต้องกลับไปเรียน แม่ถามผมว่า.." แม่ผิดอะไรหรือ ถึงทำให้ลูกไม่พอใจขนาดนี้ " (ตามปกติผมไม่เคยดื้อครับ) ผมก็บอกแม่ว่าแม่ไม่ผิด แต่ผมหมดหวังไม่รู้จะเรียนไปทำไม..แม่บอกผมว่า.." ทางไม่ได้มีทางเดียวนี่ ไม่ได้เป็นนายเรืออากาศก็ไปทำอย่างอื่นได้ แต่ต้องเรียนให้จบก่อน"...ผมลุกหนีจากแม่ครับ แต่ครั้งนี้ผมหนีไม่ไกล ผมไปนั่งคิดอยู่ที่ชานหลังบ้าน..คิดถึงคำพูดของแม่..ผมสงสารแม่ครับ..จึงกลับเข้าห้อง เก็บเสื้อผ้า..แล้วก็บอกกับแม่ว่า "ผมจะกลับไปเรียนแล้ว " แม่ดีใจมากครับ..วันนั้นเราสองคนแม่ลูกกอดกันกลมครับ..แม่บอกว่าวันนี้ค่ำแล้วพรุ่งนี้ค่อยไป แล้วแม่จะไปเป็นเพื่อน เพื่อไปคุยกับอาจารย์ด้วย..คืนนั้นผมนอนกอดแม่ทั้งคืนครับ..พอรุ่งเช้าผมไปลาคุณตา คุณยาย.งและบอกกับแม่ว่าแม่ไม่ต้องไปก็ได้ ผมสร้างปัญหา ผมจะแก้ปัญหาเอง..และรับรองว่าไม่หนีไปไหน..แล้วผมก็มาคุยกับอาจารย์ และเรียนต่อจนจบ ม.6 ครับ..
ความลับที่ 4. เกือบโดนกระเทยเฒ่าขมขื่น..ฟังเรื่องราวเศร้าของผมมา 3 เรื่องแล้วมาฟังเรื่องที่ระทึกใจบ้างนะครับ..หลังจากที่จบ ม.6 แล้วผมไม่ได้เรียนต่อครับ หางานทำไดเรื่อย จนได้งานที่ปูนซิเมนต์ไทย เขาส่งให้ไปอยู่ที่แก่งคอย โดยประจำอยู่ที่แผนกจ่ายซิเมนต์ครับ ทำงานเป็นกะ พอไปถึงที่แก่งคอย ผมกับเพื่อนอีก 4 คนก็เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เพื่อน 3 คนเป็นช่างฟิต ทำงานกลางวันตลอด แต่ผมต้องเข้ากะ ..มีอยู่วันหนึ่งผมเข้ากะ เที่ยงคืน ออก 08.00 น พอกลับมาถึงบ้านเช่าก็ซักผ้า อาบน้ำ แล้วก็นอนครับ..แต่ก็ด้วยเราเป็นผู้ชายครับคิดว่าไม่มีภัยใดๆมากล้ำกลายแน่ ก็นอนแบบไม่ใส่เสื้อครับ..แล้วประตูบ้านก็ไม่ได้ปิด.งแบบว่ามันร้อนครับ..พอได้ซักพักกำลังเคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมรู้สึกตัวเหมือนมีใครมานอนใกล้ๆ แล้วก็เอามือมาลูบที่ต้นแขน ลูบหน้าอก ตอนแรกผมก็นึกว่าฝันครับ แต่พอลืมตาขึ้น ..ตกใจครับ เป็นลุงเจ้าของบ้าน นอนทำตาหวานเยิ้ม..อยู่ข้างๆ..ผมรีบลุกขึ้น..แล้วถามแกว่าทำอะไร..แกตอบมาแบบหน้าด้านๆ ว่า " ก็เห็นขาวๆ"ก็เลยมาดูใกล้ๆ..เท่านั้นแหละครับผมตะเพิดแกซะ..แต่แกก็ไม่โกรธ ตอนเดินออกไปยังหันหลังมาบอกผมอีกว่า "ไม่เป็นไรวันหลังจะมาใหม่" ดูๆโธ่เอ๊ยตากระเทยเฒ่า..อยู่อีกไม่กี่วันด้วยความรักนวลสงวนตัว ก่อนที่จะพลาดท่าเสียทีกระเทยเฒ่า ผมจึงย้ายบ้านหนีไปก่อนดีกว่า..เฮ้อ..รอดไป..ครับ
ความลับที่ 5 . ทิฐิจนต้องเสียคนรัก..ถึงแม้ว่าผมจะเป็นผู้ชายที่ไม่หล่อ เท่ากับศรราม แต่ก็ยังพอดีสตรีที่ใจดี..มีใจให้ผมอยู่บ้าง ผมมีแฟนคนแรก ตอนเรียน ม. 3 ครับ ตอนนั้นก็รักกันแบบเด็กๆ ไม่คิดอะไรมาก จนกระทั่งจบ ม. 6 ก็ยังติดต่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เธอ ไปเรียนต่อในรัดับอุดมศึกษา แต่ผมผจญชีวิตหางานทำใน กทม. ตลอดเวลาเธอ ให้กำลังใจตลอด จนผมได้งานทำ สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างหลักฐาน สร้างบ้าน 1 หลัง และบวชเรียน วันหนึ่งเราสองคนคุยกันเรื่องการแต่งงานครับ..เธอมองว่าผมพร้อมแล้ว บ้านก็สร้างแล้ว บวชก็บวชแล้ว..แต่ผมขอเวลาเธออีก 2 ปี โดยให้เหตุผลว่า "ผมยังไม่มีเงิน" เธอก็บอกผมว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ช่วยกันหาได้ แต่ผมก็ไม่ยอม ด้วยความตั้งใจที่อยากให้เธอ มีหน้ามีตา อยากหาเงินให้พอก่อน เพื่อจะได้ไม่ลำบาก ..เธอก็บอกว่า..ถ้าไม่แต่เธอจะแต่กับคนอื่น..ผมนึกว่าเธอพูดเล่นครับ..ก็ถามว่า..ถ้าคนนั้นดีกว่าผม ผมก็ไม่ว่า..โธ่..ก็ผมพูดหวังเรียกคะแนนความสงสาร..แต่แม่คุณเอาจริงครับ..งอนตุ๊บป่อง..พออีกไม่นานผมได้รับจดหมายจากเธอครับ..อ่านจดหมายแล้วผมแทบลมจับ..เพราะในจดหมายฉบับนั้นเธอ..แนบมาพร้อมกับการ์ด งานแต่งของเธอครับ..และ ประโยคหนึ่งในจดหมาย..เธอบอกว่า....อย่าเอาความรักมาตีค่าเป็นเงิน...เสร็จซิเรา..สุดท้ายเราก็จากกันด้วยดีครับ เธอก็แต่งานครับ..ผมก็นอนเช็ดน้ำตาไปอีกหลายเดือน..
เป็นไงครับความลับของผม เหตุการณ์ต่างเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น " บทเรียน" ให้ผมทั้งสิ้น พอมีเหตุการณ์แต่ละครังผมจะเก็บมาเป็นบทเรียน และจะไม่ให้เกิดซ้ำอีก..ครับ..
ว่าแล้วขอ tag ต่อเลยนะครับ ผมขอแวะเข้า สคส.ขอ tag คุณอ้อม (สคส.) ,คุณธวัช , ก่อนนะครับ แล้ว ขอเลยไปแถวกำแพงเพชร tag พี่สิงห์ป่าสัก,วกกลับลงมาทางใต้ คุณเมตตา ครับ, แล้วย้อนกลับไปอีสาน ถามหา คุณหนิง บ้างครับ ขอบคุณครับผม
คุณเรวัตรค่ะ
คุณมะปรางเปรี้ยว..
ขอบคุณครับ..คุณโอ๋-อโณ..
เรียน คุณภูคา
กว่าจะอ่านจบทุกตัวอักษร เล่นเอาอึ้งไปหลายรอบเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะข้อ 1 กะ 2 เพราะคล้าย ๆ กับชีวิตตัวเอง แต่ต่างกันที่ดิฉันอยู่กะ พ่อ และปู่กะย่า ดังนั้น จึงเข้าใจความรู้สึกนี้ดีค่ะ และก็เหมือนคุณภูคา คะ ที่สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ถือเป็นปมด้อยของตัวเองเลย ดิฉันกลับรู้สึกภูมิใจทุกครั้งเมื่อนึกถึง เพราะถึงเราจะไม่มีแม่เหมือนคนอื่นเขา แต่เราก็สามารถดิ้นรน และดูแลตัวเอง ให้เป็นคนดี มาจนถึงทุกวันนี้
ชื่นชมในความรักที่แม่มีต่อคุณภูคา มากเลยค่ะ และชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง ของคุณภูคา มาก ๆ ด้วยค่ะ
ส่วนข้อ 4 หนะ อ่านไป ขำไป แหม ยอม ๆ แกบ้างก็ได้ค่ะ แกแก่แล้ว (ล้อเล่นค่า)
สำหรับข้อ 5 ตอนนี้ ยังทิฐิ อยู่อีกรึเปล่าค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ ที่มาเปิดเผยเรื่องความลับ ที่เป็นเรื่องเตือนใจดี ๆ ให้พวกเราได้รับรู้ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ
เรียน คุณภูคา
รบกวนคุณภูคา เพิ่มคำเหล่านี้ ในป้ายคำหลักด้วยนะคะ
blog tag (เขียนห่างกันนะคะ) แล้วตามด้วย พิมพ์ชื่อคุณอ้อม (สคส.) ,คุณธวัช พี่สิงห์ป่าสัก, คุณเมตตา คุณหนิง
คนอื่นจะได้ตามหาเจอค่ะ แล้วอีกอย่างจะได้ทราบกันด้วยว่า ใครคือคนที่คุณภูคา tag ต่อ
อ้อ รู้สึกว่า มีบางท่านจะโดนเผยไปหลายคนแล้วนะคะ
เรียนคุณภูคา ค่ะ
ป้ายคำหลัก ที่เห็นอยู่ตอนนี้ทำถูกต้องแล้วนี่ค่ะ ไม่ต้องแก้ไขอะไรแล้วค่ะ
ขอบคุณครับ อ.ลูกหว้า..ตอนนั้นน่ะขาวครับ..ตอนนี้ผมไม่ห่วงตัวเองแล้วล่ะครับ..เพราะผมเพิ่มความดำ และความแก่ มาเป็นอาวุธแล้วล่ะครับ...
อ่านแล้ว..แทบน้ำตาหยดแหมะ โดยเฉพาะกับประโยคที่ว่า
.." แม่ผิดอะไรหรือ ถึงทำให้ลูกไม่พอใจขนาดนี้ "
คิดถึงแม่ค่ะ..
สวัสดีค่ะมาขออ่านความลับเอาดื้อๆนี่แหละค่ะ
อ่านแล้วอึ้ง ข้อ 1-3 .. มาหายใจยาวเอาตอนข้อ 4 แล้วแทบหยุดหายใจอีกทีตอนข้อ 5 พออ่านจบต้องปรบมือให้กับ คำลงท้ายว่า " เหตุการณ์ต่างเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น " บทเรียน" ให้ผมทั้งสิ้น พอมีเหตุการณ์แต่ละครังผมจะเก็บมาเป็นบทเรียน และจะไม่ให้เกิดซ้ำอีก " เด็ดขาดจริงๆค่ะ
ยินดีครับ คุณเบิร์ด...โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดครับ..แต่เราจะเอาสิ่งผิดนั้นมาเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงตนเองได้อย่างไร..ครับ..ผมเป็นคนหัวโบราณน่ะครับ .."ผิดเป็นครู"..
ชีวิตเหมือนพระเอกหนังไทยจริงๆ นะคะเนี่ย
สามข้อแรกซึ้งกินใจ
ข้อสี่ลุ้นระทึก นึกว่ามีวางมวย ฮ่าฮ่า
ข้อห้านี่สิ สุดแทนเสียดายแทน แต่เข้าใจค่ะ เข้าใจทั้งผู้หญิงผู้ชาย เคยผ่านประสบการณ์คล้ายๆ กันมานี่
นึกแล้วเศร้า...
แต่หายแล้ว...
^____^
ขอบคุณครับ..
ขอบคุณครับ..คุณเมตตา..