แพรอยากเป็นหมา…"
ผ้าแพรพูดขึ้นมาหน้าตาเฉย
"...จะได้อาบน้ำอาทิตย์ละหนเดียว"
ป้าเจี๊ยบกับป้าอี๊ดต้องหยุดอาบน้ำ "มั่งมี" กับ "ศรีสุข" มาหัวเราะคำพูดของผ้าแพร
ผ้าแพรนั่งดูป้าๆอาบน้ำลูกหมาที่เพื่อนป้าแจงหยิบมาให้จากใต้ทางด่วน พันธุ์ไซด์โรดของแท้ค่ะ ระหว่างการอาบน้ำ ป้าอี๊ดคุยให้น้องแพรฟังว่า เราจะต้องอาบน้ำให้ลูกหมาอาทิตย์ละครั้ง พอได้ยินอย่างนั้น น้องแพรก็เกิดปิ๊งขึ้นมาทันทีตามธรรมดา
ป้าเจี๊ยบสังเกตเห็นว่าเด็กๆกับน้ำเป็นของคู่กัน หลานๆ ของป้าเจี๊ยบทั้ง 7 คน" เล่นน้ำได้ทั้งวัน ยิ่งถ้าเป็นน้ำในสระ ในทะเล หรือแม้กระทั่งในอ่าง เล่นชนิดที่ว่าไม่เคยเลิกเองเลยสักครั้ง จนต้องตั้งกติกาว่าเมื่อไหร่ที่เล่นน้ำจน "มือเหี่ยว" ได้ที่แล้วต้องเลิก ทุกคนเคารพกติกากันถั่วหน้า
แต่ทำไมเวลาที่บอกให้ "อาบน้ำ" เด็กๆ จะอิดๆออดๆ ทุกที?
ตอนที่ป้าเจี๊ยบพาผ้าแพรและแพทริคไปค้างบ้านป้าแจงที่กลางดง เพื่อให้พ่อจ้อยกับแม่แอนได้อยู่กันลำพังบ้าง เย็นวันนั้นแพทริคทำไม่รู้ไม่ชี้เปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยโดยไม่อาบน้ำ! ป้าเจี๊ยบไม่ยอมหรอกค่ะ เล่นอยู่นอกบ้านกันทั้งวัน อากาศแค่เย็นนิดๆ และน้ำอุ่นก็มี จึงบอกให้ไปอาบน้ำซะ
หนุ่มน้อยหาเหตุผลข้างๆคูๆมาเจรจาต่อรองเพื่อจะได้ไม่ต้องอาบ ป้าเจี๊ยบจึงตัดบทว่า "เอายังงี้ก็แล้วกัน พบกันครึ่งทางดีมั๊ย" แพทริกหยุดคิดแป๊บนึงก็พยักหน้าตกลง แต่คงยังไม่เข้าใจว่าป้าเจี๊ยบจะมาไม้ไหน เลยถามว่า "มันเป็นยังไงครับ" ป้าเจี๊ยบเอาแขนวางพาดผ่านสะดือหลานชายแล้วบอกว่า "ครึ่งของแพทไม่ต้องอาบ ครึ่งของป้าเจี๊ยบต้องอาบ ป้ายอมให้แพทเลือกก่อนด้วยว่าจะเอาครึ่งบนหรือครึ่งล่าง" ลองเดาเอาเองนะคะว่าหนุ่มน้อยเลือกอาบครึ่งไหน?
ช่วงนี้กรุงเทพอากาศเย็น ที่บ้านป้าเจี๊ยบวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ที่ 19C สังเกตเห็นว่ามีสมาชิกในครอบครัวใช้วิธีแบบว่า "วิ่งผ่านน้ำ" ซึ่งจะถือว่าเป็นการอาบน้ำจริงๆ ก็ไม่ใช่ แต่ได้ชื่อว่าอาบน้ำแล้ว เรื่อง "อาบหรือไม่อาบ" จึงเป็นประเด็นที่ทำให้ป้าเจี๊ยบต้องเอามาคิด
จริงๆแล้ว คนเราต้องอาบน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตามสุขบัญญัติที่เคยท่องเมื่อตอนเด็กๆ หรือ?
ป้าเจี๊ยบสังเกตว่าคนรอบข้างล้วนอาบน้ำในลักษณะที่เป็นแบบกลไกอัตโนมัติ ถึงเวลาก็อาบ เช้าครั้งเย็นครั้ง มีป้าเจี๊ยบคนเดียวที่เป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ คืออาบน้ำตามเงื่อนไข เอาแน่ไม่ได้ วันไหนไม่ได้มอมแมมอะไร นั่งในห้องแอร์ทั้งวัน ก็ไม่อาบ แค่ล้างหน้า แปรงฟัน และล้างเท้าเสร็จก็นอนได้สบาย บางวันอาบ 3-4 ครั้งก็มี พี่น้องเพื่อนฝูงชอบล้อป้าเจี๊ยบเรื่องนี้ เหมือนกับว่าทำสิ่งที่ "ผิดปกติ"
ไม่ใช่ว่าป้าเจี๊ยบไม่ชอบอาบน้ำนะคะ เวลาเจอเงื่อนไขโดนใจก็อาบได้อาบดี อย่างตอนไปญี่ปุ่นกับทีมผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัย ก็มีป้าเจี๊ยบคนเดียวที่อาจหาญพาตัวเองไปเรียนรู้การอาบน้ำแบบญี่ปุ่น คนอื่นๆ เหนียมกันหมด ฮิๆๆ สปาแบบมีคนช่วยขัดขี้ไคลให้ ป้าเจี๊ยบก็อาบมาแล้วหลายที่
ธันวาคมปีก่อนโน้นไปลุยหิมะอยู่เยอรมัน อาจารย์เอื้องที่ไปด้วยกันเป็นแบบอัตโนมัติค่ะ เธออาบน้ำทุกวันทั้งเช้าและเย็น ปรากฏว่าผิวแห้งจนคันคะเยอทั้งตัว โลชั่นยี่ห้อไหนก็เอาไม่อยู่ กลับมาแล้วตัวยังลายอยู่เป็นเดือน! ป้าเจี๊ยบแทบไม่ได้อาบน้ำเลย แถมโดนเพื่อนล้ออีก แต่สุขสบายดีทุกประการ
ผ้าแพรมักจะมานอนค้างกับป้าเจี๊ยบคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่สาวน้อยถามว่าไม่อาบน้ำได้มั๊ย ต่อหน้าป้าแจง เจ้าตัวรู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่ก็ขออนุญาตตามมารยาท ป้าแจงเลยแหย่ว่า "ป้าหลานคู่นี้พอกัน" แม้จะไม่ใช่การตำหนิ แต่ก็ทำให้คิดว่าน้องแพรกำลังเลียนแบบวิถีปฏิบัติที่ "ผิดปกติ" ของป้าเจี๊ยบหรือเปล่า? เฮ้อ!
อาบทุกวันหรือไม่? ใครจะคิดยังไง ล้อยังไง ตัวป้าเจี๊ยบเองยังไม่คิดจะเปลี่ยนยุทธวิถีการอาบน้ำของตัวเองหรอกค่ะ เป็นไม้แก่ซะแล้ว แต่ห่วงน้องแพรซึ่งใกล้ชิดป้าเจี๊ยบมากจนชักจะทำอะไรคล้ายกันหลายอย่าง และบางสิ่งที่ทำตามนั้นอาจสร้างปัญหาให้สาวน้อยเมื่ออยู่กับผู้อื่น เฮ้อ.. เฮ้อ!
ถึงวันนี้ ป้าเจี๊ยบสรุปได้ว่า แม้จะอาบน้ำมานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ก็ยังไม่รู้เรื่องเบื้องลึกและเบื้องกว้างของการอาบน้ำเลย
ใครรู้ศาสตร์ (science) และศิลป์ (art) ของการอาบน้ำ ช่วยเติมรอยหยักในสมองให้หน่อยเถอะ จะขอบคุณหลายๆ
พูดถึงกลิ่นลาเวนเดอร์แล้วชอบมากค่ะ....เคยอาบน้ำแร่แบบญี่ปุ่น โดยลงแช่ในบ่อน้ำแร่ใส่ลาเวนเดอร์กับสาวญี่ปุ่นอีกเป็น 10 คนเลยค่ะ....หลังจากนั้นก็กลับไปนอนหลับสบายค่ะ กลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยผ่อนคลาย...แช่น้ำแร่ร้อน ทำให้เลือดลมเดินดี เหงื่อออก ตัวเบาโหวงเหวง หลับสบายค่ะ....
การอาบน้ำโดยปกติเราอาบก็เพื่อชะล้างคราบเหงื่อ ไคล ฝุ่น ออกจากร่างกายไม่ให้หมักหมมใช่มั้ยค่ะ? ถ้าไม่อาบน้ำก็จะทำให้ผิวไม่สะอาดเป็นที่อยู่ของเชื้อโรคได้ค่ะ.....แต่อาบมากไปผิวแห้งก็ไม่ดีค่ะ...ต้องมีความพอดีค่ะ