ในกระบวนการพัฒนา เรามักจะมีแผนพัฒนาที่เขียนไว้สวยหรูว่าจะแก้ไข หรือพัฒนาสิ่งที่เป็นปัญหา ตั้งแต่ก่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑
การทำงานส่วนใหญ่มักจะอ้างว่าเป็นการแก้ไขปัญหา ที่มักใช้คำหรูๆ ที่ถูกใจคนส่วนใหญ่มาตลอด ตั้งแต่คำว่า งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข จนมาถึงการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม อย่างยั่งยืน
แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้ชาวบ้านย่ำแย่ไปกว่าเดิม ป่าหมด น้ำปนเปื้อน อาหารธรรมชาติลดลง มีระบบทรัพยากรโดยรวมแย่ลง และน้อยลงกว่าเดิม มีหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างแทบไม่มีวันใช้ได้หมด จนกระทั่งรอวันตายที่จะเอาเงินฌาปนกิจมาใช้หนี้ หรือ ต้องรอจังหวะที่ “โชคดี” จากการเสี่ยงโชค ที่มีโอกาสน้อยมาก หรืออาการหนักมากขึ้นไปอีกนอกนั้นก็มีแต่รอโชคชะตาด้านต่างๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหา ให้กับตนเองและครอบครัว
แต่โครงการพัฒนาทั้งหลาย ก็ยังมีแนวโน้มที่จะ “ซ้ำเติม” ชาวบ้าน และชุมชน ในทุกระดับโดยการทำลายทั้งทรัพยากรพื้นฐาน อย่างรุนแรง และขาดความละเอียดอ่อน และความสอดคล้องกับระบบการพัฒนาที่ยั่งยืน
ดังนั้น จึงใคร่ขอร้องให้นักวิชาการและนักพัฒนาช่วยลองพิจารณาว่าสิ่งที่คนทำอยู่ทุกวันนั้น เป็นการช่วยลดประเด็นที่จะทำให้เป็นการซ้ำเติมความทุกข์ยากของชุมชนได้มากน้อยเพียงใด
แต่อย่างไรก็อย่าให้มากกว่าเดิมอีกเลย ถ้าจะมาช่วยก็ขอแบบต่อเติมให้สวยงามขึ้นกว่าเดิม ได้ไหมครับนักวิชาการส่วนมากจะมองแต่ประโยชน์ส่วนตัวไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่ทำนั้นจะส่งผลระยะยาวอย่างไรและไม่เคยคิดที่จะติดตามผลงานที่ทำกับคนที่รู้น้อยกว่าหรืออาจรุ้มากกว่าแต่แนะนำสิ่งที่นักวิชาการรุ้ก็ว่าตัวเองถูกกว่าชาวบ้าน
ไม่ชอบคิดอ่านแล้วคิดดีทำดีขึ้น
ต่อแต้ม ดีกว่าเสียแต้ม
ประเด็นสำคัญคือ การนับถือคนอื่นพอๆกับตัวเอง
จะทำให้รู้ร้อนรู้หนาว และไม่ซ้ำเติมใครครับ
คนที่คิดได้ต้องทำได้โดยธรรมชาติครับ
คนที่ทำไม่ได้ มักแค่ได้คิด แต่ยังคิดไม่ได้ครับ
อย่าปนกันในขั้นตอนการพัฒนา ครับ