ลองคิดดูซิคะว่า....มีคนถามคุณว่าโกรธมั๊ย....ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่....
เมื่อมีคนถามดิชั้นว่า..โกรธมั๊ย...ดิชั้นแม้จะโกรธมักจะเฉไฉไปว่า...โกรธทำไม...ไม่โกรธหรอก....สมควรโกรธมั๊ยหล่ะ....เหตุแห่งการโกรธไม่มีในโลก...ว่าไปนั่น..คนที่ถามว่าโกรธมั๊ย...ลึกๆ เขาใจเรา...รับรู้ว่าโกรธคือความเจ็บความไม่สบายของ"ใจ"...ทำไปแล้ว...นึกถึงใจเขาอยากไถ่หนักให้เป็นเบาโดยการถามว่าฉันทำร้ายใจเธอหรือเปล่า...แทนว่า.."โกรธมั๊ย"...การได้ถามใครว่าโกรธมั๊ย...เป็นความรู้สึกที่ดี...มากๆหากหลุดคำถามนั้นจากปากไปได้....(ลดตัวตนได้ดีเหมือนกัน)
ลูกๆ จะถามดิชั้นอยู่เรื่อยว่า"แม่โกรธมั๊ย"ดูเหมือนเธอทั้งสองจะทดสอบความเข้าใจความหมายของคำว่า "โกรธ" โดยการหยิก...ตี....ต่อยเสมอ....แล้วจ้องหน้าถามว่า..."แม่แบบนี้...โกรธมั๊ย...." "แม่เจ็บมั๊ย"...."แม่...ตอนนี้เป็นไง..เธอจ้องหน้าถามเมื่อแกล้งเหยียบเท้าดิชั้น"
โกรธไม่ได้เกิดจากเจ็บกาย..ดูเหมือนพร้อมกันไปกับการเรียนรู้ความหมายของคำของลูก...ดิชั้นเรียนรู้ว่า "โกรธจะเกิดเมื่อเราไม่รู้ตัว"..."ยึดตัวกูของกู" เมื่อเรารู้ตัวโกรธจะหายไป...
น่าดีใจ น่าปลื้มที่ถูก ถาม นะคะ
มีคนห่วงเรานะ
น่าเก็บไว้ที่ปาก ติดไว้ถามคนรอบตัว ให้เป็นนิสัยด้วย
สวัสดีค่ะ...คุณเมตตา
คุณเมตตาค่ะ
วันนี้ คุณสะมี บอกว่า คุณเมตตา โทรมาหา อิฉัน ตกกะใจมาก แหม น่าจะบอกกันล่วงหน้าก่อนนะคะ ความเกือบแตกแล้ว ดีนะ ที่ชาติก่อนเป็นปลาไหล อิ อิ
อ้อ คุณกฤษณา เธอฝากบอกว่า ให้คุณเมตตา พาเนื้อไปเยอะ ๆ จะแดดเดียว จะทอด ได้ทั้งนี้ เพราะ หนาวเนื้อ ห่ม เนื้อ จึงหายหนาว