ดูละครเกาหลีมาหลายเรื่อง แต่ละเรื่องจะให้แง่คิดและแบบอย่างการประพฤติปฏิบัติตนในแต่ละด้านที่ลึกซึ้งกินใจทั้งสิ้น เช่น แดจังกึม หมอโฮจุน เป็นต้น
ละครเรื่อง “ซอดองโย : สายใยรักสองแผ่นดิน” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่งดงามและให้แนวคิดอันเป็นแบบอย่างที่ดีหลายเรื่อง ที่ไม่เพียงแต่พระเอกหล่อ นางเอกสวย อันเป็นภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
บทเรียนหนึ่งที่เราได้ดูในตอนที่แล้ว คือความสามารถในการจูงใจให้คนพัฒนาผลงานของพระเอก (อาชาง) แม้จะอยู่ท่ามกลางฐานอำนาจเก่าที่มีอิทธิพลในการแต่งตั้งโยกย้ายคนในหน่วยช่างตามอำเภอใจ โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถ และปกครองคนงานด้วยการข่มขู่ให้เกรงกลัวกันมานาน คนที่มีผลงานหลายคน ไม่ได้รับการยกย่อง มีการคัดลอกผลงานกัน ทุกคนยอมจำนนกันหมด
เมื่ออาชางได้รับแต่งตั้งให้มีบทบาทในการบริหารงานช่างระดับหนึ่ง เขาต้องการเปลี่ยนแปลงระบบนี้ โดยเสนอให้มีการสอบวัดความรู้เพื่อคัดเลือกคนด้วยวิธีการที่เปิดเผย ซึ่งอาชางเกือบจะทำสำเร็จอยู่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกลุ่มอำนาจเก่าที่ครอบงำจนทำให้คนงานที่มีฝีมือไม่กล้าเปิดเผยความจริงได้
แต่อาชางก็หาได้ท้อแท้ไม่ เพราะจุดหมายของเขาคือต้องการมีอำนาจ ซึ่งเขาก็มีวิธีการสร้างอำนาจโดยไม่ใช้การวิ่งเต้น แต่ต้องการให้นำผลงานมาวัดประเมินผลกัน เพื่อจูงใจให้คนที่มีความรู้ ประสบการณ์สูงมาช่วยกันทำงาน
อาชางพยายามเข้าไปพูดคุยกระตุ้นจิตสำนึกคนงานที่มีฝีมือแต่ยอมจำนนในระบบเก่า ให้เกิดความตระหนักในคุณค่าของผลงานที่เกิดจากมันสมองของตน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
ความพยายามของอาชางซึ่งมีจุดยืนเพื่อยกย่องคนมีฝีมืออย่างชัดเจน ทำให้คนงานหญิงที่ทำงานลงแป้งทากาวมา 30 ปี เป็นคนแรกที่มาขอความมั่นใจกับอาชาง คนต่อมาคือคนงานที่มีฝีมือในการทำกระดาษ
เมื่อได้คนงานที่มีฝีมือมาส่วนหนึ่ง อาชางและทีมงานเก่าก็ร่วมแรงร่วมใจกันกับคนงานสองคนนี้ คิดค้นผลิตกระดาษที่มีคุณภาพดีได้สำเร็จ ซึ่งเป็นกระดาษบางเหนียวคงทน ถูกฝนไม่เปื่อยยุ่ย โดยได้นำเสนอองค์ชายอะจา ที่ต้องการนำเสนอผลงานให้ทูตเมืองสุยที่จะมาเยือนได้ชื่นชม
เมื่อมีการประกาศเกียรติคุณผลงานทำกระดาษสำเร็จ อาชางก็ไม่แอบอ้างว่าเป็นผลงานตนเอง และพรรคพวก แต่กลับยกย่องคนงานหญิงที่มีประสบการณ์ทากาว และคนงานเก่าที่มีฝีมือแต่ถูกกดขี่โดยฐานอำนาจเก่า อาชางได้ประกาศต่อหน้าองค์ชายอะจาและทุกคนให้ทราบว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลงานของคนงาน 2 คนดังกล่าว ตนและพวกของตนเป็นเพียงลูกมือเท่านั้น โดยเสนอให้จารึกชื่อและผลงานของสองคนนี้ลงในตำราสรรพศาสตร์ของแพ่กเจ (น่าจะถือว่าการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ทางปัญญาได้มีมานานแล้ว)
เพียงเท่านี้อาชางก็ได้บารมี ได้อำนาจ ได้ใจคนงานอื่นๆที่มีความสามารถและเคยยอมจำนนฐานอำนาจเก่าให้เกิดความกล้าขึ้นมา ร้องเรียนความไม่ยุติธรรมอย่างเปิดเผย จนทำให้หัวหน้าฐานอำนาจเก่ายอมลาออกจากตำแหน่ง
เยี่ยมครับ
อาชาง ได้ Collaboration capital ออกมาเยี่ยมมากเลยครับ
ละครเกาหลีเรื่องนี้ มีแนวคิดแฝงอยู่หลายอย่างนะค่ะ เช่น
หนูชอบสิ่งที่อาชางทำ นั่นคือช่วงที่อาชางยังไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่ม อาชางก็พยามยามเรียนรู้ด้วยตนเอง จนสามารถเป็นที่ยอมรับได้
เป็นสิ่งที่ดี ที่นำมาใช้ได้ในการทำงานค่ะ