เสียงสะท้อนจากฅนด้อยโอกาส : เมื่อผมต้องไปอยู่รวมกับคนบ้า(1)


เหตุการณ์นี้ผมจำไม่มีวันลืม คนดีดี คนปกติอย่างผม ถูกจับไม่ว่าแต่ดันเอาผมไปอยู่รวมกับคนบ้า คนสติไม่ดี ผมพาลจะเป็นบ้าไปด้วย

เมื่อผมต้องไปอยู่รวมกับคนบ้า (1)

     คืนวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม ที่เพิ่งผ่านมานี่เองผมนอนอยู่กับลูกและเมียอยู่ดีดีที่สวนหย่อมเจดีย์ขาวหน้าโรงละครแห่งชาติ ก็มีคนแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่มาไล่จับผม ผมยอมรับว่าวันนั้น ผมเมากับเพื่อน ๆ บ้างนิดหน่อย แต่ไม่มากผมทั้งไหว้ทั้งกราบขอร้องอย่าจับผม เพราะมีลูกเล็ก ๆ อีกคนต้องดูแล เพราะลูกผมอายุแค่ขวบเศษ เท่านั้นเอง แต่เขาก็ไม่เชื่อ ไม่ฟังผม จับผมกับเพื่อน ที่นอนอยู่ใกล้ ๆ กัน อีก สองคนขึ้นรถ ในรถ ผมเจอคนที่อยู่แถว ๆ นั้น อีกหลายคน ตอนแรกผมไม่รู้เลยว่าเขาจะพาพวกผมไปไหนจนกระทั่งเมื่อถึงที่ ที่ผมถูกนำตัวไป เขาเรียกว่า สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง นนทบุรี 

      ที่นั่น ผมยังงง ๆ ว่า มาทำไม มาได้อย่างไร งง อยู่พักใหญ่ จากนั้น ก็ให้แยกย้ายกันไปนอนเพราะตอนนั้น ก็ ค่อนข้างจะดึกแล้ว ถึงตอนเช้าก็มีผู้หญิงตัวไม่ใหญ่สวมแว่นตาเดิมมาทักทาย และแนะนำตัว ให้พวกเราเรียกแกว่าแม่ เราก็เรียกกันตามที่แกให้เรียก ตามที่แกให้เรียก ผมเริ่มมองไปรอบ ๆ ตัวว่าเรามาอยู่ที่ไหนกันแน่ ภาพที่ผมเห็นผมตกใจมาก บางคนเดินแกผ้าไม่ใส่อะไรเลย บางคนเดินน้ำลายไหลยืด บางคนส่งเสียเอะอะโวยวาย บางคนมองพวกผมตาขวาง ผมกับเพื่อน อีก สามคน มองหน้ากันไปมา พร้อม ๆ กับ คำถามว่า เขาเอาเรามาอยู่กับคนบ้าหรือไงว่ะนี่ ??? 

     พวกเราสามสี่คน ที่ดูแตกต่างไปจากคนอื่น ได้รับมอบหมายให้ทำงานกวาดบ้าน ถางหญ้า เราก็ทำไปตามที่เขาให้ทำ เพราะ ไม่อยากให้มีปัยหาอื่น ๆ ตามมา แต่ในใจก็คิดนะว่า เราจะออกไปได้อย่างไร เพราะอยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะเราไม่ใช่คนบ้าแบบคนในนี้ คิดกันยังไม่ทันจบ ก็มีเจ้าหน้าที่มาเรียกชื่อคน หนึ่งในนั้น มีผมด้วย แต่ไม่มีเพือน ๆ ผมอีกสามคน ไปกันใหญ่แล้วล่ะนี้ เขาจะพาผมไปไหนอีกล่ะนี่ ผมยิ่งกังวลใจหนักขึ้นกว่าเก่า ??? 

     ผมแอบถามพี่คนขับรถว่าจะพาผมกับคนในรถอีก 21 คนรวมผม ก็ 22 คนไปไหน คำตอบที่ได้คือ ไปทับกวาง ผมตกใจมาแค่นี้ก็ไกลเมียและลูกของผมมากพออยู่แล้ว นี่จะพาผมไปถึงทับกวาง สระบุรีเชียวหรือ ผมได้แต่นั่งคอตก ยอมรับสภาพความจริง จำได้ว่า วันที่ ไปทับกวางนั้น ตรงกับวันจันทร์ที่ 22 มกราคม เมื่อไปถึงทับกวาง ผมเจอสภาพที่น่าตกใจกว่าที่เจอที่ เดิมที่ผมอยู่เสียอีก นอกจากจะเจอคนเดินแก้ผ้าแล้ว คนเอะอะโวยวายแล้ว หนักยิ่งกว่าคือ คนที่เดินไปถ่ายไป เวลาเขาแถวเคารพธงชาติ ก็มีผมเพียงคนดียวที่ยืนร้องเพลงชาติ คนอื่น ๆ ก็ มายืนเหมือนกัน แต่ก็ ไม่ได้ทำอะไร ยืนบิดไปบิดมา เบี้ยวไปเบี้ยวมา ในตอนนั้น ผมคิดเพียงอย่างเดียว อยู่ไม่ได้แล้วกู ผมพยายมหาทางออกจากที่ทับกวางให้ได้ ??? 

     จนวันนึงหลังจากอยู่ที่นั่นได้สองสามวัน โอกาสก็มาถึงผม เจ้าหน้าที่ให้ผมออกไปดายหญ้าที่นอกกำแพงริมรั้ว ผมก็ออกมาดายหญ้าตามคำสั่งพร้อม ๆ กับคนอื่น ๆ ที่ อยู่ด้วยกันอีก สามสี่คน ผมเหลียวซ้านเหลียวขวา อยู่ พักใหญ่ พอสบโอกาสผมก็ปีนรั้วหนีออกมา และ หลบอยู่แถวนั้น จน ปลอดคน ผมก็ หารถโบกเข้ามาที่ กรุงเทพ กลับมาหาลูกและเมียของผมที่สนามหลวง ที่ที่ผมอยู่อย่างมีความสุขของผมและครอบครัว 

     เหตุการณ์นี้ผมจำไม่มีวันลืม คนดีดี คนปกติอย่างผม ถูกจับไม่ว่าแต่ดันเอาผมไปอยู่รวมกับคนบ้า คนสติไม่ดี ผมพาลจะเป็นบ้าไปด้วย   

หมายเลขบันทึก: 75042เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2007 08:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ประสบการณ์ของคุณน่าสนใจมากครับ มีคน "ปกติ"ไม่กี่คนที่มีโอกาสอย่างนี้  แต่โชคดีนะครับ ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ถึงขั้นพาคุณไปฉีดยา ไม่งั้น อาจจะบ้าไปจริงๆ

 

อย่างนี้ ตามกฏหมายแล้วน่าจะสามารถขอให้ทางรัฐชดใช้ความผิดให้คุณได้นะครับ เพราะไม่รู้ว่าจะมีคน "ปกติ" ที่ถูกจับไปอย่างนี้อีกกี่มากน้อย

 

อย่างนี้ เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนเต็มๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท