ชีวิตคนมีอันต้องเสื่อมสิ้นไปตามกาลเวลาเป็นธรรมดา เราไม่สามารถห้ามชีวิตได้เลยว่าอย่าแก่นะ อย่าเจ็บเลย อย่าตายจากกันเลย นี่ขนาดชีวิตของเราเอง เรายังไม่สามารถจะให้เป็นไปได้อย่างที่เราต้องการ จะป่วยการพูดไปใยกับชีวิตของผู้อื่นที่จะต้องให้เขาเป็นไปอย่างที่เราคิด
<p style="text-justify: inter-cluster; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"> ไม่เกินร้อยปีต่างคนต่างก็ต้องลาจากกันไป จากคนที่เรารักแม้จะไม่อยากจาก จากสิ่งที่เราโปรดปราณแม้สิ่งนั้นเราจะผูกพันมากเป็นพิเศษ จากสิ่งที่เราได้สะสมด้วยกำลังกายกำลังใจอย่างหนัก แม้เราจะปลื้มปีติกับมันมากยิ่ง ผู้รู้กล่าวว่า เมื่อเรารู้ว่าสักวันหนึ่งเราต้องตาย สิ่งที่เราควรทำในวันนี้คือ ความดีงาม ๓ ได้แก่ ทางกาย ทางวาจา และทางใจ </p> <p style="text-justify: inter-cluster; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify" class="MsoNormal"> ทางกาย จะทำอะไรก็ได้ขอให้กายมีความสุขโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น, ทางวาจา จะทำอย่างไรก็ได้ ขอให้มีความสุขโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น, ทางใจ จะทำอย่างไรก็ได้ ขอให้มีความสุขโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ขณะเดียวกัน ให้ยกระดับจิตให้สูงเท่าที่จะทำได้</p><p> ทั้งหมดนี้ต้องใช้วิจารณญาณในการดำเนินการ ท่านจึงมักสอนว่า พึงเข้าไปตั้งเมตตากายกรรม (การลงมือกระทำทางกายด้วยเมตตาจิต) เมตตาวจีกรรม (การใช้คำพูดด้วยเมตตาจิต) และเมตตามโนกรรม (การนึกคิดด้วยเมตตาจิต) ต่อเพื่อนผู้สร้างสิ่งดีร่วมกัน นี้คือสิ่งที่ควรทำกับการที่เรายังมีชีวิตอยู่ และการเตรียมความพร้อมก่อนตาย เพื่อทำที่พึ่งอันประเสริฐไว้ให้พร้อม เราจะกลัวอะไรกับความตายซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของความเป็นชีวิต บุคคลที่หมั่นคิดถึงความตายอยู่เสมอ นับเป็นผู้ไม่ประมาทกับการมีชีวิตอยู่ แต่ผู้ใดมีอายุเกือบร้อยปีโดยไม่เคยใส่ใจหรือพิจารณาความเกิดตาย ท่านกล่าวว่า เด็กน้อยที่เห็นความเป็นธรรมดาของการเกิดตายยังดีเสียกว่า ดังโคลงโลกนิติที่ว่า</p><p> มีอายุอยู่ร้อย ปีปลาย</p><p>ความเกิดแลความตาย ไป่รู้</p><p>วันเดียวเด็กหญิงชาย เห็นเกิด ตายนาลูก</p><p>อ่อนนั้นยิ่งผู้ แก่ร้อยปีปลายฯ[i] </p><div>
<hr width="33%" size="1" /><div id="edn1">[i] โคลงบทที่ ๕๓ สำนวนพระเจ้าน้องยาเธอ กรมสมเด็จพระเดชาดิศร</div></div>
ไม่มีความเห็น