วงสนทนานี้มีอยู่ ๖ ชีวิต แต่ละชีวิตมีพื้นหลังความรู้ทั้งที่อบรบและการเรียนมาต่างกันในบางส่วน แต่อาจเหมือนกันเมื่อไปถึงที่สุดแล้ว
- สายวิทยาศาสตร์ ๓ คน ประกอบด้วย วิทยาศาสตร์การอาหาร ฟิสิกส์และชีวเคมี
- สายมนุษย์ศาสตร์ ๓ คน ประกอบด้วย จริยศาสตร์ (ปรัชญา) ภาษาอังกฤษ และศาสนา (เชิงวิชาการ)
ระหว่างที่เราคุยกันเรื่องนี้ ผมเป็นทั้งผู้สังเกตและผู้คุยและถามเรื่องที่ไม่รู้ ผมหันไปถามนักจริยศาสตร์ว่า คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ที่ได้คำตอบกลับมาคือความนิ่งงัน ต่อมานักภาษาอังกฤษ ก็บอกว่า ต่อไปเราคงมีอาชีพใหม่ขึ้นคือการรับจ้างตั้งครรภ์กับบุคคลที่อยากมีลูก แต่ละคนสับทับว่า ใช่ คงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะมันคือการก้าวไปของวิทยาศาสตร์ คำหนึ่งที่ผมถามกลุ่มผู้มีฐานทางวิทยาศาสตร์คือ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เขาไม่คิดอะไรบ้างหรือ กับการที่ต้องตั้งครรภ์และการที่ต้องมอบเด็กในท้องของตัวเองให้กับผู้เป็นเจ้าของเชื้อ ส่วนผู้เป็นเจ้าของเชื้อซึ่งมิได้ตั้งครรภ์ ประคบประหงม ดูแลเอาใจใส่ด้วยตัวเอง เขามีความรู้สึกอย่างไร และอีกหลายๆ คำถามที่อยู่ในใจ ผมคิดว่า นักจริยศาสตร์ก็น่าจะมีคำถามในใจเหมือนกัน อย่างน้อยจากกรณีนี้ ทำให้นึกถึงตอนเรียนประถม เกี่ยวกับนกกาเหว่าและกา
ยินดีครับ
กาเอ๋ยกาเหว่า ไข่ให้แม่กาฟัก แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร ฯลฯ
มีจริงๆด้วยนะคะ คุณนม.ที่เมืองนอกมีหญิงสาวรับจ้างท้องกันเยอะเลยค่ะ เค้าลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ด้วยนะคะ
แล้วก็เคยมีกรณีนึง คือ หญิงที่รับจ้างตั้งครรภ์เกิดผูกพันกับเด็กในท้องจริงๆจนไม่ยอมให้เด็กในท้องคืน จึงเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นหนะค่ะ แต่รู้สึกว่าผลสรุปนี่จะให้พ่อกับแม่เด็กชนะนะคะ
เดี๋ยวนี้ เค้าสามารถทำให้คนแก่ท้องแทนลูกสาวได้ด้วยนะคะ เพราะเค้ากลัวว่าเอาไปฝากท้องคนอื่นเดี๋ยวจะเกิดกรณีอย่างนั้น ฝากแม่ตัวเองเลยละกัน(ยายของเด็กหนะค่ะ)อายุ 60 ก็ตั้งท้องได้ คงฉีดฮอร์โมนช่วยหนะค่ะ