และวันหนึ่ง กาเหว่า ก็กลับมา....เสียง กาเหว่า กาเหว่า..ก้องป่า


การเห็นความงามเป็นความสุขใจ และถ่ายทอดลงบนกระดาษ โดยที่ไม่รู้ว่าได้ผ่านเข้าไปในใจของพวกเขาแล้ว...

       “  กาเหว่า.......กาเหว่า......

 

          โกต๊ก.......โกต๊ก......โกต๊ก......

 

       ...........................................

 

      ที่เด็กรักป่า แต่ก่อนเป็นที่นาปลูกข้าวล้วนๆ เรามาซื้อที่นาจากชาวบ้านและปลูกต้นไม้ นานสิบปีแล้ว จากที่ไม่มีเสียงนกให้ได้ยินใกล้ๆ เราก็เริ่มอยู่ใกล้นก โดยที่ไม่ต้องมีกล้องดูนก กล้องสองตา หรือสโคป

       ถ้านั่งเล่นเพลินๆหน้าบ้านก็จะมี นกสีชมพูสวน  ตัวเล็กมาก สีดำ ก้นแดง สวยมาก ที่ต้นตะขบ หรือไม่ก็มีพวกนกปรอดสวน

        ถ้าแดดสายๆนิดหน่อย แถวลานหญ้า เราก็จะเห็น นกกระรางหัวขวาน ที่หัวกางออกและหุบได้ เหมือนอินเดียนแดง มากันเป็นคู่หรือก็ กลุ่ม 3-4 ตัว

        ถ้ามองไปที่ชายป่า ต้นไม้ใหญ่ๆ เราก็จะเห็น พวกนกบั้งรอกใหญ่  เด่นที่มีตาสีแดง หางยาวสวย กระโดด ตึ้ก ตึ้ก ไปตามกิ่งไม้  หรือ เดินตามทางก็จะเจอนกตัวใหญ่เท่าไก่ เป็นพวกนกกระปูดใหญ่ กระโดดๆ แล้วก็บินหายไปในพงป่า

         นกที่ชาวบ้านว่าไม่เห็นนานแล้ว คือ นกกาเหว่า  ที่ร้อง กาเหว่า กาเหว่า......ที่ผ่านมาป่าจะโล่งๆ แต่หลังๆมาชาวบ้านดูแลมากขึ้น เรือนยอดของต้นไม้ก็ชิดกัน สมบูรณ์มากขึ้น นกก็ทยอยมากันหลากชนิดขึ้น และวันหนึ่ง  กาเหว่า ก็กลับมา....เสียง กาเหว่า กาเหว่า..ก้องป่า

        และพวกที่ไม่เคยเห็นก้ได้เห็นในปีนี้ นกโพระดกธรรมดา   ที่หัวจะลายๆ  กับนกโพระดกหูเขียว  มีหูเขียวจริงๆ

        เวลามีค่าย เด็กๆก็ได้มีโอกาสดูนก ตอนเช้า และเวลาเย็น รอบทุ่งนา และชายป่า โดยมีพี่เลี้ยงเยาวชนเป็นคนนำแบกสโคป ตั้งก้องให้น้องๆ เพื่อนๆดู และก็บันทึกชื่อ วาดรูป

ลงสีไม้น้ำ

         การได้มีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมของนก ในเรื่องถิ่นที่อยู่อาศัย การหากิน ประเภทอาหาร เด็กๆจะรู้สึกว่า  ชีวิตที่เราเห็นเป็นชีวิตหนึ่ง เป็นเพื่อน เป็นผู้อยู่ร่วมกับเรา และเห็นความสวยงามอย่างใกล้ๆ

         การเห็นความงามเป็นความสุขใจ และถ่ายทอดลงบนกระดาษ โดยที่ไม่รู้ว่าได้ผ่านเข้าไปในใจของพวกเขาแล้ว...

 

..................................................................

นกกาเหว่า ( Common Koel )

นกกระปูดใหญ่ ( Greater Coucal )

นกโพระดกธรรมดา  ( Lineated Barbet ) 

นกโพระดกหูเขียว   ( Green-eared Barbet ) 

นกสีชมพูสวน ( Scarlet-backed Flowerpecker )

นกปรอดสวน ( Streak-eared Bulbul)

นกกระรางหัวขวาน ( Hoopoe )

นกบั้งรอกใหญ่ (  Green-billed Malkoha )

 

 

หมายเลขบันทึก: 73520เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2007 20:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 17:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะเที่ยว"บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์"นะคะ ช่วงนี้มีงานเย็นดูดาว เช้าดูนก" แล้วอีกไม่เกิน 5 ปีจะงามมากค่ะ

ขอบคุณคะที่มาเยี่ยม...ไว้นำรูปลูกสาวคนเก่ง ผู้มุ่งมั่นมาให้ดูบ้างนะคะ

ดีจังคะ งานเย็นดูดาว เช้าดูนก ....นกแถวบึง น่าจะเยอะนะคะ 

  •  แวะมาทักทาย
  • เอารูปนกมาฝากครับผม
  • ที่คลิก
  • จำได้ว่าตอนอยู่หมู่บ้านเด็กดูนกทุกวันเลยครับ

  • ParrotPeacockCrow




สวัสดีค่ะ คุณดอกแก้ว,

 

เข้ามาฟังเสียงนกร้องแล้วก็นึกภาพนกสีสันต่าง ๆ ไปด้วย  รู้สึกสนุกเพลิดเพลินและตื่นเต้นไปกับเด็ก ๆ ด้วยจังค่ะ

 

แถมได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ ชื่อนกตอนท้ายอีก  ไม่เคยรู้จักมาก่อนซักชนิดเลยค่ะ  ชื่อภาษาอังกฤษน่ะนะคะ

 

มาสะดุ้งโหยงก็เจอนกหน้าตาน่ากลัวของคุณขจิต ฮิ ๆ ๆ (ล้อเล่นนะคะ) นั่นแน่  ทำเป็นเล่นไป  นกยูงมีการรำแพนหางได้ด้วย

 

บังเอิญตอนนี้ย้ายมาอยู่อีกคอมพ์นึง  ไม่งั้นจะไปค้นรูปที่ถ่ายนกบางชนิดมาจากญี่ปุ่นมาฝากด้วยค่ะ

 

ก็ไม่ได้ถ่ายเยอะหรอกค่ะ  แต่ที่ว่าจะนำมาฝากก็เพราะญี่ปุ่นมีนกที่เหมือนเราอยู่อย่างนึง

 

ตอนคุณดอกแก้วไปอยู่แคมป์ที่โยโยกิก็ดี  หรือไปฮิโรชิม่าหรือที่ใด ๆ ก็ดี  เคยสังเกตุไหมคะ

 

ก็เจ้า "กา" นี่ล่ะค่ะ

 

กาญี่ปุ่นนั้น ตัวใหญ่กว่าของเรามากเลยนะคะ คิดว่า

 

คือก็ไม่ค่อยได้สังเกตุเห็นของเราเท่าไหร่  แต่ที่นู่นรู้สึกจะตัวเบ้งมากเลย

 

และของเราจะร้องแบบสุภาพหน่อย  เสียงเบา ๆ "..กา...กา..."

 

แต่ของญี่ปุ่นไม่ทราบเป็นเพราะตัวใหญ่  เส้นเสียงพลอยใหญ่ไปด้วย  แล้วก็มีลักษณะนิสัยจริงจัง ขึงขัง เข้มแข็งเหมือนคนญี่ปุ่นไปด้วยหรือเปล่า

 

เพราะเวลาได้ยินเสียงกาญี่ปุ่นร้องแต่ละทีนี่  สะดุ้งทุกทีเลยค่ะ แหะ ๆ

 

เพราะมันร้องเสียงดังและใหญ่มาก  อย่างกับเสียงมนุษย์ผู้ชายมาร้องชนิดที่ต้องขอใช้คำว่า ตะเบ็งกึ่งตะคอก หรือว่าแหกปากอยู่ใกล้ ๆ หูเรานี่เลยว่า "....กา!..กา!... "

 

บางทีก็เกือบจะขำน่ะนะคะ เพราะคำว่า "กา" นั้นชัดถ้อยชัดคำดีมาก จนอยากจะหันไปพูดกับมันว่า "จ้า....รู้แล้วจะว่าเธอเป็นกา"   หรือไม่ก็ "จ้า..รู้แล้วว่้าพี่กามาแล้วนะจ๊า...." 

 

เนื่องจากพี่กาของญี่ปุ่นนั้นประกาศชื่อตัวเองชัดมาก ๆ เลยน่ะค่ะ  ก็เลยทนไม่ไหว  วันหนึ่งถามคนญี่ปุ่นว่า  เออ...นี่ นกตัวใหญ่ ๆ สีดำเนี่ย  ที่แหกปากร้องไม่หยุดเลยเนี่ย  บ้่านเธอเขาเรียกว่าอะไร  บ้านฉันเขาเรียกว่า "กา" น่ะ  

เพื่อนคนญี่ปุ่นบอกว่้า  เขาเรียกว่า "การาสุ" ค่ะ

 

อือ...แปลกดีเหมือนกันเนอะ  ทีอย่างนี้ตั้งชื่อเสียเพราะและยาวกว่าเราอีก  ปกติชอบเรียกอะไรสั้น ๆ แล้วมีแต่พี่ไทยนี่แหละที่ออกจะวิลิศกว่าโดยทั่วไปถ้าเป็นเรื่องของชื่อเสียงเรียงนามต่าง ๆ

 

ไม่ทราบว่า กา เมืองไทย  มีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง  แต่กาญี่ปุ่นชอบรื้อและกินขยะน่ะค่ะ  รวมทั้งซากสัตว์ต่าง ๆ ด้วย  คนญี่ปุ่นเลยมองว่ามันสกปรก

 

เลยกลายเป็นการแวะมา ลปรร เรื่องนก เรื่องกา ไปเสียแล้ว  ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้มีความรู้อะไรเรื่องนี้กับเขาหรอก แหะ ๆ

 

แต่ที่แน่ ๆ อยากฟังเสียงกาเหว่าจังค่ะ  

 

อ้อ, บ้านอาจารย์ที่ปรึกษาที่ญี่ปุ่นเลี้ยงนกกระตั้วด้วยค่ะสองตัว

 

สีสวยเหมือนของเมืองไทยเลย  สีม่วงตัวนึง สีเหลืองตัวนึง  ชอบแย่งกันส่องกระจกทั้งคู่เหมือนกัน

 

พูดได้ด้วยค่ะ  นาน ๆ ทีมันก็พูดคำว่า "โอนี่..." ขึ้นมาคำนึง  แปลว่า "พี่ชาย" ค่ะ

 

ยังดีนะนี่  ที่ไม่พูดว่า "ที่รัก"  หรืออะไรทำนองนี้  ฮิ ๆ ภรรยาอาจารย์ที่ปรึกษายิ่งขี้อายอยู่  ฮี่้ ๆ

 

นกกระตั้วญี่ปุ่นสุภาพด้วยค่ะ  โค้งจังเลยนั่น จนเราเกือบจะเผลอโค้งกลับ ฮิ ๆ (เอ...หรือเราคิดไปเองว่ามันโค้งให้เรา)

 

คนญี่ปุ่นก็ชอบดูนกค่ะ  ชอบวาดรูปนกด้วย  เคยไปเรียนวาดภาพพู่กันแบบโบราณกับมาดามญี่ปุ่นอาวุโสท่านหนึ่ง  ท่านงัดหนังสือต้นแบบขึ้นมาให้ดูจะเป็นลมตาย  มีนกญี่ปุ่นตั้ง ๔๐๐ กว่าชนิดได้มั้งคะเล่มนั้น  ฉัีนจะวาดจบไหมนี่ชีวิตนี้

 

เลยต่้อรองว่าขอวาดภูเขา น้ำตก ทะเลสาบ กับ บ่อน้ำและปลาคาร์พแทนได้ไหม  เพราะไม่ชอบนกขนาดนั้น แหะ ๆ (๔๐๐ ชนิดเนี่ยนะ)

 

แต่มาดามบอกว่าต้องเป็นขั้นตอนค่ะ  ก็ต้องทนวาดดอกไม้ใบหญ้าไปก่อน  ซึ่งไม่ค่อยชอบเลย  นอกจากต้นไผ่  สงสัยจะเคยเกิดเป็นหมีแพนด้า

 

แล้วก็พัฒนาไปวาดนก  ซึ่งออกมาหน้าตาเหมือนนกคุณขจิตเลยค่ะคุณดอกแก้ว  ฮือ ๆ

 

ทนทรมานกับนกมามากแล้ว เกือบจะกราบลา  ก็ได้ไปวาดภูเขาสมใจ  เย้ ๆ

 

สงสัยแววจะออก  มาดามวากาโกะคงจะเชื่อแล้วว่าชอบวาดภูเขากับทะเลจริง  ๆ  ก็เลยอนุมัติให้วาดอย่างที่ชอบได้  ฮิ ๆ (ภูเขาวาดง่ายหน่อยค่ะ  แต่ทะเลจะยากกว่า)

 

แต่ไปเกิดสุด ๆ ก็ปลาคาร์พนั่นเอง  มาดามพยักหน้าหงึกหงักบอกว่าผ่าน  แหะ ๆ  

 

พอดีหมดแรงเรียน   แล้วป่วยด้วยก็เลยเลิกไป เพราะตอนนั้นเรียนเนื่องจากต้องการพัฒนาวิชาดาบ  โรแมนติคดีไหมคะ 

 

วันนี้ได้อ่านที่คุณดอกแก้วบรรยายถึงนกโพระดกหูเขียวนี่  นึกถึงหนังสือนก ๔๐๐ ชนิดสำหรับวาดภาพพู่กันสีน้ำของมาดามคนญี่ปุ่นขึ้นมาทันที

 

แต่ท่าทางฟังดูแล้วนกที่วาดด้วยสีไม้น้ำของเด็ก ๆ จากเด็กรักป่าคงจะสวยกว่าแน่นอนค่ะ  

 

อยากไปเข้าค่ายอย่างเด็ก ๆ มั่งจัง  (แต่ขอไปส่องกล้องเฉย ๆ นะคะ  ขอไม่วาดนก  แหะ ๆ)

 

สวัสดีค่ะ,

 

ณัชร 

ขอบคุณ คุณขจิตคะที่ นำนกมาฝาก 

ไปแวะบล็อก คุณขจิตมาแล้ว รูปสวยจังเลยคะ

ชอบนกกระแตแต้แว้ดเหมือนกันคะ...ร้องแบบชื่อเขา

ตลอด  รู้เลยว่าเขามา....

  สงสัยว่า...น่าจะดีนะคะ รายงานการพบนกที่เห็นรอบบ้าน

ข องสมาชิก g2k ทำ บันทึกสถิติเอาไว้

คุณณัชร มีรูปนกที่ญี่ปุ่น ก็ดีซิคะ มาโพสให้ดูกันบ้าง

"  กา "  ที่ญี่ปุ่น ....ใช่คะ  ได้ยินคะ  ใช่เสียงดังมาก

ในเมืองจะมี กา เพิ่มขึ้นเรื่อยๆคะ มาหาเศษอาหาร

กิน ....

   เรื่องวาดรูปนก  แรกๆก็จะรู้สึกวาดยากคะ  เพราะนกไม่นิ่ง  แต่ต้องดูบ่อยๆ  ดูกล้อง ดูหนังสือบ้าง

ส ำหรับมือใหม่นะคะ.....แฮ่ะ ก็วาดไม่เก่งเท่าเด็ก

เหมือนกัน

     แต่ว่า  นกน้ำ  ดีคะ  เพราะจะนิ่งกว่า ไม่ค่อยบินไปไหน อยู่ตรงนั้นกันเป็นชั่วโมง สอง

ชั่วโมง  เป็นนางแบบ  นายแบบ ให้เรา อย่างสบายเลยคะ และการนิ่งนานๆ ก็เป็นข้อเสีย

ว่าเป็นเป้านิ่ง สำหรับผู้ล่า  ดูนกน้ำ ช่วงฤดูหนาว บ้านเราจะมากันเยอะคะ

     ที่บุรีรัมย์ อยู่ใกล้เราคะ เราจะไปดูนกน้ำกันที่

ห้วยจรเข้มาก  / ห้วยตลาด /..........เราจะพาเด็กๆไปได้กลุ่มใหญ่คะ  ถ้าไปดูตามป่า ก็ต้องแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ เพราะนกป่าเร็วมาก ต้องเดินเงียบๆ และใส่ชุด

ให้สีกลมกลืนกับธรรมชาติจะดีคะ ...ไม่อาบน้ำยิ่งดีคะ

ทั้งนกและสัตว์ ชอบอยู่ใกล้

* มาดามที่สอนวาดภาพให้คุณณัชร วาดภาพได้ตั้ง 400 ภาพ เลยหรือคะ คงมีความสุขมาก
 

ใช่ คุณ ดอกแก้ว พูดถึงนกน้ำ  ได้มีโอกาสเห็นนกกระสายืนขาเดียวในสวนสาธารณะใหญ่ตอนไปเดินออกกำลังกายด้วย  เสียดายรีบถ่ายรูปไปหน่อยภาพเลยไหว 

 

ไม่รู้นี่นากลัวมันเอาขาลง ฮิ ๆ  หรือกลัวมันบินหนีไป

 

 ก็ภาพที่เห็นมันย้อนยุคมากเลยน่ะ คุณดอกแก้ว นกสีขาวตัวยักษ์มันยืนอยู่ในบ่อน้ำใหญ่น้อง ๆ บึง กึ่งทะเลสาบน้อย ๆ (นึกออกไหม แหะ ๆ) แล้วล้อมรอบด้วยต้นไม้ทึบ ข้างหลังมีภูเขา  

 

 ไม่อยากเชื่อเลยว่าอยู่ถัีดจากที่พักกลางกรุงโตเกียวนี่แหละระยะวิ่งเหยาะ ๆ ไปไม่ถึง ๑๕ นาที

 

เป็นสวนของครอบครัวพวกซามูไรเก่านี่แหละ  หน้าตาเหมือนพวกสวนของท่านโชกุนในการ์ตูนอิ๊คคิวซังเลย  แล้วทางครอบครัวบริจาคให้รัฐบาล

 

ตัวบ้านก็ยังมีอยู่นะ  เขาคงจะทำเป็นสำนักงาน

 

บนเขา เขาก็ทำเป็นทางวิ่ง ๆ เดิน ๆ แ้ล้วมีราวไม้ให้จับบ้างกันลื่น  

 

ให้ประชาชนแถวนั้นได้ไปออกกำลังกายกัน

 

มีนกแอบอยู่เยอะเหมือนกัน  ร้องหลายเสียงมาก  ตัวโต ๆ  แต่ไม่รู้จักว่ากี่ชนิด  เสียดายจัง

 

ถ้าเด็ก ๆ จากเด็กรักป่าไป  คงได้สอนพี่ณัชร (ฮิ ๆ รีบนับตัวเองเป็นพี่)

 

ชื่อสวน ชิน เอโด กาว่า น่ะ คุณดอกแก้ว

 

แต่ไม่มีกานะ  ฮิ ๆ (ค่อยยังชั่ว)

 

กาญี่ปุ่นจะออกหากินตอนเช้่าตรงเวลามากค่ะ

 

ไม่ต้องมีนาฬิกาปลุกนะคะ  ใครจะไปเรียนโตเกียว ฮิ ๆ

 

ประมาณ ๖ โมงเช้านี่แหละ  ไม่ว่าข้่างนอกจะสว่าง จะมืด ประการใด

 

พี่กาของเราจะมาแล้ว  (ทำเสียงแบบผู้ร้ายหนังไทยนะคะ)  "....กา!...กา!..." ฮิ ๆ

 

อ้อ, แต่น่าสนใจอยู่อย่างค่ะ  รู้สึกว่าวันที่แผ่นดินไหวที่โตเกียวนั้น  ไม่ได้ยินเสียงกานะคุณดอกแก้ว

 

คิดว่าเขารู้นะ  ไม่รู้เขาหนีไปไหนก่อน  

 

เพราะมันไหวตอนเช้าน่ะ  จำได้  ตอนนั้นยังนอนแอ้งแม้งอยู่

 

(แหะ ๆ คือตื่นสายด้วยล่้ะ  นอนเพลิน ก็วันเสาร์นี่นา)

 

ไม่มีพี่กามาปลุกน่ะ

 

รู้สึกเหมือนนอนในเรือแบบเรือเดินสมุทรแล้วมีคลื่น

 

แล้วนึกขึ้นได้ว่า  เอ...ฉัีนไม่ได้อยู่บนอันดามัน ปริ๊นเซสนี่หว่า....

 

อาการนอนไหวไปไหวมาเหมือนนอนเปลก็เลยรู้สึกกึ่ง ๆ น่ากลัวขึ้นมาโดยฉับพลัน

 

อ้าว นอกเรื่องนกเรื่องกา ไปเสียแล้ว

 

ว่าแต่ว่าไอเดียคุณดอกแก้วดีมากเลยค่ะ  ที่ว่าจะให้สมาชิก g2k ช่วยกันมองรอบบ้าน  หานก แล้วรายงานกันว่ามีอะไรบ้าง

 

เป็นกิจกรรมเสริมสร้างการเจริญสติ  และการตระหนักรู้ต่อธรรมชาติรอบตัวดีนะคะ

 

ไปญี่ปุ่นรอบหลังนี้รู้สึกชัดเลยว่า  เขามีจิตสำนึกสาธารณะกันเยอะ

 

  ส่วนหนึ่งเพราะเขามีการฝึกการตระหนักรู้ต่อความรู้สึก ความต้องการของผู้อื่ืน  รวมทั้งธรรมชาิติด้วย  อยู่เสมอในชีวิตประจำวันนั่นเอง 

 

เรื่องนกของคุณดอกแก้วจุดประกายเยอะดีจังค่ะ

 

อ๋อ...มาดามวากาโกะอายุเจ็ดสิบกว่าแล้วค่ะ

 

แต่เชื่อไหมคะ  มือไม่สั่นเลยน่ะ

 

ใช่ค่ะ วาดมาตลอดชีวิตขนาดนั้น  วาดมาหมดแล้วน่ะ ๔๐๐ ชนิดนก  

 

แต่ท่าทางท่านจะชอบวาดดอกไม้นะ  เป็นคนรักสวยรักงาม

 

สามีท่านเสียไปแล้ว  เป็นคนสิงคโปร์ที่มีกิจการอยู่ทั้งที่ไทยและสิงคโปร์

 

มาดามเคยมีงานแสดงภาพที่สิงคโปร์ และมีภาพวาดลงหนังสือที่นั่นด้วย  ของสมาคมภาพวาดพู่กันจีนน่ะนะคะ

 

นับว่าโชคดีมากที่ท่านจากญี่ปุ่นมาก็มาอยู่เมืองไทย

 

และนับว่าโชคดีมากที่ได้อยู่คอนโดเดียวกับท่านมานาน  เดินออกกำลังกายก็เห็นหน้ากันตลอด

 

ก็ทราบน่ะนะคะว่าท่านสอนบ้าง  แต่ตอนนั้นยังไม่สนใจ

 

จนกระทั่งไปเรียนดาบนั่นแหละ  บางครั้งเอาดาบไปซ้อมข้าง ๆ สวนบ้าง เพราะมันมีน้ำตก (จะเอาบรรยากาศน่ะ  ยิ่งกลางคืนมีพระจันทร์ด้วยสุดแสนโรแมนติค)

 

วันหนึ่งเดินสวนกับมาดามที่ชั้นลอยที่เป็นสวน  นึกยังไงก็ไม่รู้  บอกท่านว่าอยากเรียนวาดภาพ  ต้องทำยังไงบ้าง 

 

ตอนนั้นเพิ่งซ้อมดาบเสร็จมั้ง  เพราะจำได้ว่าพกอยู่ในห่อผ้าไหมสีน้ำเงินที่เซนเซให้ด้วย

 

ท่านก็ยิ้ม ๆ  บอกว่าไม่ต้องเตรียมอะไรหรอก  แค่มาที่ห้องท่านแค่นั้นแหละ อุปกรณ์เีดี๋ยวท่านจัดให้เอง   แล้วก็ชมว่าเป็นเด็กที่ขยันมีงานอดิเรกดี   เรียนดาบนี้เป็นสิ่งที่ดีมากนะ 

 

คนญี่ปุ่นเขามักจะมีอะไรผูกพันพิเศษกับดาบซามูไรนะคะ เท่าที่สังเกตุดู  คนโบราณน่ะค่ะ  โดยเฉพาะพวกที่รู้ว่าเรียนแบบสมาธิเนี่ย

 

ไว้วันหลังสงสัยต้องไปค้นบล๊อกเก่า ๆ เรื่องที่เคยเขียนถึงมาดามเอาไว้แล้ว  ชักจะคิดถึง  แหะ ๆ  แต่คงไม่มีเวลาไปเรียนแล้วนี่  เพราะเรียนทีหลายชม.เลย 

 

แล้วมาดามยังขยันลุก ขึ้นมาทำกับข้าวให้อีก   อ้วนเลยค่ะตอนนั้น  มาดามทำโซบะอร่อยสุด ๆ

 

ฮือ ๆ หิวแล้วน่ะ คุณดอกแก้ว

 

แล้วคุยกันใหม่นะคะ  เดี๋ยวไปหารูปกาญี่ปุ่นให้คุณดอกแก้วก่อนดีกว่า

 

สวัสดีคุ่ะ,

 

ณัชร 

มาแล้วค่ะ กากินน้ำที่สวนสาธารณะอูเอโนะ  กลางกรุงโตเกียว

 

ความจริงคิดว่ามีรูปกาขุดคุ้ยหาอะไรกินตามพื้นแถวหน้าห้องเก็บขยะที่ปราสาทนาโงย่าด้วย  แต่ทำไมหาไม่เจอก็ไม่รู้ ขอโทษทีค่ะ รูปนั้นท่าทางจะเห็นตัวใหญ่น่ากลัวราวกับไก่ดำยักษ์ ฮิๆ

 

รูปนี้ไม่กล้าเข้าใกล้พี่กามากค่ะ  กลัวไวรัส แหะ ๆ 

 

กำลังย่อง ๆ จะเข้าไป  พี่กาหันก้นให้พอดี  เฮ้อ 

 

ถ่ายตอนเดือนตค.ค่ะ  ยังไม่หนาว


การได้มีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมของนก ในเรื่องถิ่นที่อยู่อาศัย การหากิน ประเภทอาหาร เด็กๆจะรู้สึกว่า  ชีวิตที่เราเห็นเป็นชีวิตหนึ่ง เป็นเพื่อน เป็นผู้อยู่ร่วมกับเรา และเห็นความสวยงามอย่างใกล้ๆ

นี่คือ..บทสรุปที่งดงามในบันทึกนี้ครับ

เห็นด้วยกับคุณ แผ่นดินครับ ชอบมาก..

หวัดดีคะคุณณัชร

       กาในรูป ตัวเท่าน้องไก่ เลยนะคะ

  คุณณัชรเรียนซามูไร แบบสมาธิ นี่ คนญี่ปุ่นก็เอ็นดูแย่

เ ลยซิคะ.....ยังงี้อยากเรียนอะไร เขาก็สอนให้หมด...

 คุณณัชรมีเรื่องเขียนตั้งเยอะ  อยากอ่านคะ

  • เรื่องกาหายไปไม่ยอมมาปลุกแล้วแผ่นดินก็ไหว
  • ทำไมกาจึงรู้ว่าแผ่นดินไหวก่อนกรมอุตุ
  • เรื่องมาดามกับภาพนก 400 ภาพ
  • เรื่อง กา ที่อูเอโน๊ะ
  • โซบะ ที่อร่อยสุด
  • ความผูกพัน คนกับดาบซามูไร
  • ศิลปะกับความสุขของคนอายุเจ็ดสิบ
  • .....................
  • ..............

ที่ อูเอโน๊ะ ...มีสวนสัตว์ ด้วย ใช่มั้ยคะ ถ้าจำไม่ผิด

ใกล้ๆก็มีประสาท  พิพิธภัณฑ์  ด้วยใช่มั้ยคะ......

จำได้ว่า...ตอนไปอยู่ โดเกียว 1 เดือน ช่วงแรกๆของการอยู่โตเกียวจะมีกิจกรรม 1 วัน ที่เขาให้โจทย์ สถานที่มา 4-5 แห่ง ฝึกการใช้ชีวิต

ลำพัง...ให้รอด....ดิฉันก็รู้สึกสนุกคะ อ่านแผนที่แล้วไม่ชวนใครเลย  ไม่ชวนเพื่อนเลย ส่วนมากเพื่อนจะไปช้อปปิ้ง ไปกัน สองคนบ้าง กลุ่มบ้าง อยู่กันเป็นกลุ่มถ้าจะไม่สนุก

ไปเองคนเดียว ถึงจะเรียก ฝึกใช้ชีวิตจริงๆ  ขึ้นรถไฟฟ้าไปลง อูเอโน๊ะ เข้าสวนสัตว์  สนุกมากเลยคะ ถามเขาไปเรื่อยๆ เดินมั่วๆ

เห็นคนถ่ายรูปนกในกรงนกที่สวนเยอะเลย คิดในใจ อยากพาเขามาถ่ายรูปที่บ้านเรา ก็คนเมืองเน๊อะ

แล้วก็ไปดูพิพิธภัณฑ์  เจอเจ้าหน้าที่ เขาถามว่า ดิฉันเป็นนักศึกษาเหรอ  ดิฉันก็ว่า ถ้าบอกว่าเป็นนักศึกษาคงจะถูกดี และเราก็เหมือนเป็นนักเรียนแหละนะ ไม่ค่อยรู้เรื่องนี่นา เขาก็พาไปซื้อตั๋วให้คะ  น่ารักดี 

แต่เวลา หนึ่งวันก็ดูไม่หมดนะคะ...ต้องรีบกลับที่ โยโยกิ กลัวหลงทางถ้ามืด......

เอ.....ชักเล่ายาวไปนะคะ 

 

ขอบคุณคะ คุณแผ่นดิน

    ถ้ามีโอกาสไปเดินป่า และยิ่งไปกับผู้รู้นะคะ

พาแนะนำเราดูนก ในธรรมชาติ เล่าเรื่องพฤติกรรมนก

ใ นธรรมชาติ จะประทับใจมาก

   นกแต่ละชนิดก็มีเหต มีผล มีที่มาที่ไป ที่จะมีพฤติกรรมต่างๆนานา  ทั้งน่ารัก ไม่น่ารัก

แ ต่ก็น่าเอ็นดูคะ  

สวัสดีคะ คุณบางทราย

    ไปเยี่ยมบล็อก คุณ บางทรายมาแล้ว.....จะติดตามอ่านคะ

ย ินดีที่มาเยี่ยม เด็กรักป่า ที่นี่คะ

  

         เคยอยากไปหัดดูนกมากเลยค่ะ เพราะอ่านในคอลัมภ์ของมติชนรายสัปดาห์ ของคุณหมอหม่อง และคุณปริญญา ผดุงถิ่นที่เขียนบรรยายบรรยากาศการดูนก หน้าตาสีสันของนก น่าจะทำให้เราผ่อนคลายใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นนะคะ

         ถ้าคุณดอกแก้วมีรูปนกมาให้ดูด้วยจะยิ่งได้บรรยากาศมากขึ้นเลยค่ะ นี่แค่อ่านยังรู้สึกถึงบรรยากาศธรรมชาติของป่าเลยค่ะ

คะ คุณอนิศรา

      คุณหมอหม่อง เป็นที่ปรึกษา เรื่องการบันทึกธรรมชาติและแนะนำการ

ดูนกให้เด็กรักป่าคะ 

   คุณหมอหม่อง มีสมุดบันทึกติดตัวตลอด เวลาเจอกันเราต้องขอชื่นชมกันทุกครั้งคะ

บางทีก็อาจหาญอวดงานของเราให้ คุณหมอดูด้วยคะ

 คุณหมอหม่อง เป็นคุณหมอที่วาดรูปธรรมชาติ

ได้แบบธรรมชาติ และน่ารักมากเลยคะ

    ถ้า คุณอนิศรา อยู่ เชียงใหม่ ต้องหาโอกาสไปดูนกกับ ชมรมนกล้านนา ของหมอ

ห ม่องและหมอปุ๊  ...ประทับใจมากคะ....

  ....แฮ่ะ...เรื่องใส่รูปยังมีปัญหาส่วนตัวอยู่คะ.....

ต้องหาผู้ช่วยคะ  ยังไง ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ 

สวัสดีค่ะคุณดอกแก้ว

  • ครูอ้อยอ่าน  และได้ยินเสียงร้องของนก  และเมื่อยนิ้วมือด้วยค่ะ
  • เอ๊ะเกี่ยวกันไหมนี่
  • สนุกค่ะ  อ่านแสดงความคิดเห็นแล้ว  ก็สนุกค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณคะ ครูอ้อย

  ครูอ้อย เป็นคนน่ารักจังคะ เท่าที่อ่านในบล็อกและสนุกด้วย 555

 ดีใจคะที่ครูอ้อย มาเยี่ยมที่นี่
 

  • ครูอ้อยชอบอ่านค่ะ 
  • พอถูกใจแบบคอเดียวกันครูอ้อยก็จะแวะเวียนมาบ่อยขึ้นจนคุ้นเคยค่ะ 

ขอบคุณค่ะที่มีความรู้สึกตรงใจกันค่ะ

คุณดอกแก้วคะ,

 

วิธีใส่รูปในบันทึกในบล๊อก

 

เนื่องจากเห็นคุณดอกแก้วสามารอัพโหลดไฟล์ภาพเข้าไปไว้ในส่วนที่เขาเรียกว่าไฟล์อัลบั้มได้แล้ว  ถ้าอยากนำรูปนั้้นมาใส่ในส่วนของบันทึกในบล๊อกด้วย  ก็ทำได้ดังนี้ค่ะ

 

  • ก่อนอื่น พออัพโหลดภาพขึ้นไปแล้ว  มันจะบอกเราใช่ไหมคะว่า  URL address ของภาพนั้น  คืออะไร   (URL address คือตำแหน่งที่เก็บภาพน่ะค่ะ) 


  • เข้าใจว่าเว็บนี้ได้อำนวยความสะดวกโดยจัดแสดงให้เห็นเลย  อยู่ด้านล่างภาพ  ก็ให้เอาเม้าส์ลากทับทั้งแถบ คือ Select มันน่ะค่ะ  แล้วก็ Copy ไว้

 

  •  จากนั้น ให้มาที่หน้าที่จะเขียนบันทึกในบล๊อกนี้น่ะนะคะ

 

  •  ในหน้าต่างที่เีขียนบันทึก  หรือแม้แต่เวลาคลิก "แก้ไข" น่ะนะคะ  มันจะมีปุ่มที่หน้าตาเหมือนภาพวาดอยู่ปุ่มหนึ่ง สีเขียว ๆ น้ำเงิน ๆ น่ะค่ะ

 

  • คุณดอกแก้วคลิกที่ปุ่มนั้น  จะมีหน้าต่างเล็ก ๆ เปิดขึ้นมานะคะ

  • ในหน้าต่าง  จะมีช่องให้ใส่ URL Address ลงไป  ก็แปะ หรือ paste มันลงไปเลยน่ะค่ะ

  • จากนั้นก็สามารถเลือกตำแหน่งภาพได้ตามชอบ  ในหน้าต่างนั้นจะมีให้เราลองเลือกได้

  • หรือจะลองแปะไปเฉย ๆ ก่อน  แล้วค่อยจัดใหม่ทีหลังก็ได้ค่ะ


ขอใ้ห้สนุกกับการลองแปะรูปนกต่าง ๆ ดูนะคะ

 

ณัชร

 

ป.ล.  ฟังที่คุณดอกแก้วเล่าวันที่ไปผจญภัยที่อูเอโนะแล้ว  สนุกจังค่ะ

 

นั่งรถไฟสายยามาโนเตะไปนั่นเอง  ฮิ ๆ  จากหน้าโยโยกิรวดเดียวประมาณครึ่งชม.ไปถึงอูเอโนะไม่ต้องเปลี่ยนสาย  นี่!  เราแม่นสายนี้  ฮิ ๆ

 

สนุกดีนะคะ  ตัวเองก็ชอบการผจญภัยคนเดียวเหมือนกัน 

 

แต่มักจะลงเอยด้วยการผจญภัยในร้านอาหารเสียละส่วนใหญ่ค่ะ  ฮิ ๆ

 

สวนสัตว์อูเอโนะไม่ได้เข้าไปค่ะ  ช่วงนั้นบางวันเขาปิดให้สัตว์พักด้วย

 

ส่วนตัวแล้วชอบป่าในบริเวณศาลเจ้าเมจิ  ใกล้ ๆ โยโยกิที่คุณดอกแก้วเคยไปพักมากกว่าค่ะ 

 

ชอบกลิ่นต้นไม้ใหญ่ยักษ์ในนั้น   ญี่ปุ่นเขารักษาความเขียวร่มรื่นเอาไว้ได้ดีจริง ๆ

 

เดินเข้าไปในบริเวณศาลเจ้าเมจินี่  เหมือนหลุดเข้าไปในป่าเหมือนกันนะคะ  มีเสียงจั๊กจั่น เรไร และเสียงนก

 

มีเสียงธารน้ำไหลด้วย  ตอนเดินข้ามสะพานไม้

 

หน้าหนาวก็ได้ยินเสียงรองเท้าบู๊ทตัวเองกระทบกรวดบนทางเดินดังสวบ ๆ ท่ามกลางเสียงนกเสียงไม้รอบข้าง แถมไปอีกเสียงนึง

 

ไม่ได้ยินเสียงเมืองหลวงรอบนอกเลยค่ะ 

 

ต้นไม้ใหญ่สูงทึบบังพระอาทิตย์อันร้อนจ้าบางวันมิดได้ด้วย  เหมือนเป็นหลังคาธรรมชาติ

 

ทำยังไงกรุงเทพจะมีอย่างนั้นบ้างได้หนอ

 

โห....ฝันอีกแล้วเรา แหะ ๆ

 

สวัสดีค่ะ 

คุณณัชร นี่ดีจังเลย เดี๋ยวจะลองดูคะ...ไม่แน่ใจตัวเองเล้ย...

ขอบคุณคะ

แวะมาเยี่ยมชม และนำรูปนกปรอดสวนมาฝากค่ะ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท