อวัยวะเราเรียนรู้อะไร


ยังโชคดีที่หัวใจความคิดความจำยังเป็นปกติ ยังรักคนโน้นคนนี้ได้ คิดเขียนอะไรได้ อยู่มาถึงตอนนี้ก็เกินโคต้าชีวิตแล้ว แต่ละนาทีต่อนี้ไปคือเวลาในช่วงที่เป็นกำไรชีวิต ก็ไม่ทราบว่าจะทำกำไรได้กี่มากน้อย ถ้าอวัยวะทุกส่วนไม่สามัคคีกันเรียนรู้ที่จะทำความดี

อวัยวะเราเรียนรู้อย่างไร?

   ประมาณตี2ผมสะดุ้งตื่นประจำ ไม่ได้ขยัน ไม่ได้มีงานต้องรีบทำใดๆ ถึงเวลาเส้นประสาทริมฝ่าเท้าทำงาน จะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆๆเหมือนโดนเข็มแทงจนต้องสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นมานั่งนวดตรงฝ่าเท้าริมด้านขวา เมื่อก่อนจะคลำเจอปุ่มเล็กๆเท่าหัวไม้ขีด พอเรากดที่จุดนี้ความปวดจะคลายเหมือนถอยออกไป แต่ตอนนี้ปุ่มมหัศจรรย์นั้นหายไป  กดหา เรียกหา โหยหาเท่าไหร่ก็ไม่กลับมา ไม่รู้ว่าน้อยใจเรื่องอะไร
  ผมตื่นเวลานี้บ่อยๆก็เกิดเป็นความเคยชิน พอถึงเวลาก็ตื่นอัตโนมัติ ตาแจ้งใจตื่นจะไปฝืนนอนทำไมละ เอ๊ะมันก็เงียบสงบดีนะ นานๆนกทืดทือส่งเสียงร้องเป็นเพื่อนเป็นระยะๆ เคยมีบ้างนานๆครั้งจะมีไก่หลงละเมอขันก่อนเวลา สงสัยว่าตอนกลางวันอาจจะไปเที่ยวเพลินไปหน่อยเลยเก็บมาฝัน นี่ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็จะเปิดประตูไปถาม..ฝันดีหรือฝันร้ายพ่อโอกใหญ่..
   โลกของกลางคืนเป็นของแมลงสัตว์เล็กสัตว์น้อยออกหากิน ถ้าตั้งใจฟังเราจะให้ยินสารพัดเสียง เสียงจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ฤดูฝนจะมีเสียงกบเขียด ถ้าฝนตกหนักเสียงอึ่งอ่างจะโดดเด่นดังพิเศษ ฟังรวมๆก็เป็นเสียงเซ็งแซ่ มีอยู่ปีหนึ่งฟ้าคำรามผ่าเปรี้ยงลงที่โน่นที่นี่รอบๆทิศทาง นอนฟังไปสะดุ้งไป พร้อมกับทบทวนว่าเราเคยไปหลอกสาบานไว้ที่ไหน สาบานให้ฟ้าผ่าหรือเปล่า..ก็ไม่นะ ..แน่ใจนะ..เปียะ..เปรี๊ยงๆๆ จริงๆนะ ..เปรี้ยงๆๆ  ชุดหลังนี่แสงแว๊บเข้ามาในห้องถึงกับเตียงนอนสั่นสะเทือน รุนแรงขนาดกบเขียดชะงักเสียงร้องนั่นแหละ
  เช้ามืดออกไปเดินดูฝนยังปรอยๆไอละอองเล็กๆลอยอ้อยอิ่ง อากาศสะอาดเย็นชื้น พื้นแฉะมีร่องน้ำไหลพัดใบไม้มาเรียงซ้อนเหมือนคลื่นในทะเล ใบไม้ร่วงมากมาย กิ่งก้านหักลงมาระเกะระกะ เดินไปเรื่อยๆตามทิศที่เสียงฟ้าผ่ามาคืนนี้ ไปเจอต้นตอล่อฟ้าไหม้เกรียมไปครึ่งต้น คงจะเฉาและตายในไม่ช้านี่ ก็นึกไปว่าบาปกรรมนี่มันเกิดขึ้นในระบบธรรมชาติด้วยหรือ ยูคาลิปต้นใหญ่นี้ไปทำบาปกรรมอะไรไว้แต่ปางไหน ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุได้ทั้งๆที่ยืนอยู่กับที่ หรือมันมีอะไรซ่อนอยู่ในรหัสของธรรมชาติ ถึงเกิดรายการเช็กบิลกันขั้นรุนแรง เอ๊ะ! ในธรรมชาติมีแก๊งค์มาเฟียด้วยหรือนี่?
  คราวนี้มาดูอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับมนุษย์บ้าง บ่ายวันหนึ่งเมื่อประมาณ เกือบ20 ปีมาแล้ว ผมและเพื่อนๆซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนกับคุณครูอีก 2 คน นั่งรถมุ่งหน้าเข้าไปในตัวจังหวัด เพื่อไปรับถ้วยรางวัลมาจัดงานแข่งเรือยาวประจำปี 
  ไปถึงชวนกันไปกินข้าวเที่ยง แล้วรับของเดินทางกลับ คงเป็นเพราะประชุมงานกันดึก กินข้าวอิ่ม ช่วงบ่ายเพลียง่วง เมื่อเราเดินทางกลับมาถึงโค้งบ้านละกอ ซึ่งกึ่งกลางระหว่างทางพอดี กม.ที่21 ผ.อ.คนขับรถคงหลับในไม่ยอมหักพวงมาลัยไปตามโค้ง ทำให้รถพุ่งชนเสาหลักบอกกิโลเมตร ล้อหน้าด้านที่ผมนั่งชนพับหักมุม ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า รถวิ่งส่ายมาตั้งนาน..พอชนตูม! มันก็ตีลังกาอยู่บนถนนหลายตลบ
   คนขับพุ่งทะลุกระจกตกไปอยู่ข้างทุ่งนาห่างออกไป 20 เมตร ครูอีกคนกระเด็นไปแน่นิ่งอยู่กลางถนน ส่วนอีกคนนอนพับสลบเหมือดคารถที่บู้บี้ ผมหรือครับ ช่วงวิกฤตนั้นนั่งสะลืมสะลือ ไม่ได้รัดสายเข็มขัดนิรภัย พอรถชนตูมแรก ตัวคงไปกระแทกประตูเปิดกระเด็นออก ตกลงไปในปลักควาย 
   อภินิหารมีจริง ถ้าไม่มีปลักควายรองรับ ก้นกบคงกระแทกจนอวัยวะแหกหักภายใน ป่านนี้ไปนั่งเขียนบล็อกอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ บังเอิญว่ามีคนรู้จักขับรถผ่านมา เขาบอกว่าตายไม่ตายก็หอบไปโรงพยาบาล ผมจึงได้มานอนบนเตียงไอซียู. ส่วนเพื่อน3 คนไปนอนเรียงกันที่โรงพยาบาลเหมือนกันแต่อยู่ในห้องที่อากาศเย็นจัด
   ความโศกเศร้ามาเยือนทั้งโรงเรียนและทั่วอำเภอที่อยู่ในช่วงจัดงานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ จู่ๆผู้อำนวยการและคุณครูตัวหลักของโรงเรียนหายไปพร้อมกันถึง3ชีวิต เป็นการหายไปจากหน้าที่การงาน หายหน้าหายตา หายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ไร้ร่องรอย..
   ผมไปนอนโอดโอยร้าวระบมทั้งองคาพยพ ก้นกบหัก ซี่โครงหักไป 2 ซีก เลือดตกค้างในปอด หายใจลำบาก ร่างกายบวมเคร่งตึงไปทั้งตัว หลับๆตื่นๆ อาการคงหนักมาก ใครมาเยี่ยมทำหน้าตาตื่นวิตกกังวล ผมนอนคิดเงียบๆอยู่คนเดียว ตอนนั้นพอพูดแผ่วได้บ้าง คนไหนสนิทกันก็ทักเขาว่า “เฮ้ย!กูไม่ตายหรอก มึงไม่ต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้น” 


   อีก3วันถัดมา เขาก็นำตัวผมส่งกรุงเทพ คุณพรเทพ เตชะไพบูลย์ อดีตส.ส.และรัฐมนตรี กรุณาอนุเคราะห์ค่ารักษาพยาบาล แถมยังไปเที่ยวบอกหมอว่าช่วยรักษาไอ้คุณคนนี้หน่อย อย่าให้ตายเป็นอันขาด ผู้มีพระคุณได้เตรียมการให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวเฉียว   

  หมอบอกว่าอาการหนักมาก ถ้ามาช้าสัก1ชั่วโมงคงหม่องเท้งไปแล้ว หลังจากนั้นก็เข้ากระบวนการรักษา มีทั้งเป่าปอด ผ่าจัดซี่โครงใหม่ ผ่าจัดระเบียบกระดูกสันหลังลดอาการทับเส้นประสาท จุดนี้รอดพ้นการเป็นอัมพาตหวุดหวิด แต่ก็ทรมานมากเพราะปวดผสมเป็นเหน็บที่มันเหมือนกับเอาก้อนน้ำแข็งมาวางทับแล้วไม่ยกออก บางครั้งก็ปวดจนแทบสลบ เคยร้องขอพยาบาลว่าช่วยทำให้ตายทีเถอะ ถ้ามันจะปวดทรมานขนาดนั้น โลกใบนี้ก็ไม่น่าอยู่แม้แต่นิดเดียว ขอสละชีวิตบายบายไปหาเพื่อนสามคนนั่น ขอบคุณที่หมอและพยาบาลไม่ตามใจคนไข้ ขอบคุณปลักควาย และกราบขอบพระคุณควายตัวที่ไปนอนจนเป็นปลักตรงนั้น
   ก่อนออกจากโรงพยาบาลต้องมาหัดเดินใหม่ ขาข้างหนึ่งลีบ เดินกะปลกกระเปลี้ยอยู่นาน ในภายหลังขาค่อยๆมีเนื้อหนังกลับคืนมา แต่อาการชาก็ยังมีบ้างตามบั้นเอวและปลายมือปลายเท้า นานๆจะมีอาการแทรกซ้อนให้ปวดแปลบกลางดึกอย่างที่เกริ่นไว้ ยังโชคดีที่หัวใจความคิดความจำยังเป็นปกติ ยังรักคนโน้นคนนี้ได้ คิดเขียนอะไรได้ อยู่มาถึงตอนนี้ก็เกินโคต้าชีวิตแล้ว แต่ละนาทีต่อนี้ไปคือเวลาในช่วงที่เป็นกำไรชีวิต ก็ไม่ทราบว่าจะทำกำไรได้กี่มากน้อย  ถ้าอวัยวะทุกส่วนไม่สามัคคีกันเรียนรู้ที่จะทำความดี

หมายเลขบันทึก: 72214เขียนเมื่อ 12 มกราคม 2007 04:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2012 17:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ครูบาคะ

        ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาให้กำลังใจทะเลใจ วันนี้สายแล้ว ต้องรีบไปแต่เช้าเพราะจะไปช่วยครูที่โรงเรียนแต่งตัวให้นักเรียนไปแสดงวันเด็กที่อบต. เม็กดำ จัด

ตอนเย็นจะกลับมาแสดงความคิดเห็นค่ะ

    มีพงศาวดารจีนเรื่องหนึ่ง พ่อเป็นแม่ทัพจะไปทำสงครามกับผู้รุกราน พ่อพาลูกชาย ๖ คนไปด้วย ไปหาซินแส ให้ช่วยทำนายดีร้ายให้หน่อย

    ซินแสหมอดูก็ทำนายว่า "ไปเจ็ด กลับหก" พ่อก็มาคิดดู หายไปคนหนึ่ง กลับมาหกคนก็ถือว่าโชคดีแล้ว

    พอไปทำสงครามจริงๆ ลูกชายตายไปสี่คน...ลูกชายคนที่สี่ไปบวชเป็นหลวงจีน...เหลือลูกชายคนที่หก กับพ่อกลับมาหาฮูหยินที่บ้าน.(เรื่องขุนศึกตระกูลหยาง ราชวงศ์ซ้งหรือซ้อง)

   ผมนึกถึงชีวิตครูบา ถ้าไปพึ่งหมอดูเขาอาจทำนายว่า "ไปสี่กลับสาม" แทนที่จะทายว่า "ไปสี่กลับหนึ่ง" (เพราะนับครูบาเป็นคนที่สาม)..ครับ

  • สำนวนการเล่าดีมากครับ ทำให้ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องเศร้า
P
ขอบคุณมากครับสำหรับนิทาน เสียดายไม่ได้ถามซินแสก่อน ไม่ยังั้นคงได้ลุ้นระทึกว่าจะไป-กลับกี่คน ผมมีเรื่องหวิดม่องเท่งหลายครั้ง ยังไม่ถึงจังหวะเล่าก็ปล่อยไปก่อน..
P  เล่าเรื่องครูกับงานเชื่อมโยงองค์กรปกครองท้องถิ่นหน่อยสิครับ ผมยังสงสัยว่าการโอนสถานศึกษาให้องค์กรฯท้องถิ่นทำไมมีปัญหา ไม่ทราบว่าอะไรเป็นเงื่อนไขลึกๆ

ขอให้หาปุ่มมห้ศจรรย์เจออีกครั้ง ปวดอีกครั้งจะได้หายเร็วๆนะจ๊ะ และก็ขอให้สุขภาพแข็งแรง ตับไตเลือดลมไหลเวียนดี ระบบภูมิต้านทานทำงานเป็นปกติ มีกำลังกำแรงทำงานของสังคมได้อีกนานๆนะคะ

P  เมื่อไหร่จะเขียน เต้าเอ๋อ ไม่งั้นเต้าเจี๊ยวแซงคิวไม่รู้ด้วยนะ  ขอบใจที่ให้กำลัง-กำแรง-กำแหง-เอ๋อ!แสดงว่ามหาวิทยาลัยรามคำแหงมีที่มาอย่างนี้เอง
มันก็แปลกนะหนู ไอ้ปุ่มมหัศจรรย์นี่มันหายไปเฉยๆ ตอนท่มีอยู่กดปุบคลายปวดปับ แต่ตอนนี้ต้องมานั่งนวดฝ่าเท้าเองเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง  เลยต้องเปลี่ยนเวลานอนใหม่  กลายเป็นว่าถ้าเขียนตาราง
22.00 นอน
02,30 ตื่น มานวดฝ่าเท้า
03.30 เขียนบล็อก
04.30 นอนต่อ
06.00 ตื่นนน
07.00 ตื่นเต้น
08.00 ตื่นตูม  

เขียนเล่าเรื่องเต๋าแล้วนะคะ แต่ไม่รู้ว่าสามารถดึงบันทึกของเราไปใส่ในบล็อกของKMในมหาชีวาลัยอีสานได้ยังไง ถ้าจะอ่านหนูก็มี blogชื่อ jinongnapa ไว้ให้ แล้วจะลองทำต่อไปค่ะ

สงกาสัยว่าครูบาต้องสมัครรับบันทึกของหนูก่อนใช่ไหมคะ เพราะหนูลองรับสมัคร KMในมหาชีวาลัยอีสานแล้ว สมุดบันทึกของครูบาหนูเปิดอ่านได้เลยจาก Blog ของตัวเองไม่ต้องเข้า blog/sutthinun เหมือนตอนแรก

  • หัวใจดวงเดิมนี่ค่ะ รักก็รักเหมือนเดิม
  • กำไรชีวิตนั่นสิคะ สงสัยแก่นต้องเริ่มกอบโกยบ้างแล้วละ

                              

มีความสุขทุกครั้งที่อ่านแต่บันทึกนี้ลุ้นระทึกครับ กลัวอาการแทรกซ้อนจากการปวดขา มาทักทายหลังทำงานครับครูบา
เป็นกำไรของคนอ่านค่ะ ขอให้พ่อครูบามีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจนะค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท