หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก (10) รถไฟความเร็วสูงลาว - จีน จากหลวงพระบางสู่วังเวียง

เช้าวันสุดท้ายในหลวงพระบางไม่มีโปรแกรมไปท่องเที่ยวที่ไหนเลย เพราะตอนสายของวันนี้จะเดินทางไปเที่ยวต่อที่วังเวียง โดยรถไฟความเร็วสูงลาว - จีน เช้าวันนี้เลยเดินเล่นอยู่แถวๆที่พักในซอยโจมา เมื่อวานเดินชมบรรยากาศไปทางด้านท้ายซอยไปจนถึงริมแม่น้ำโขง เช้านี้จึงเดินชมบรรยากาศไปทางต้นซอยซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านโจมา ร้านกาแฟขึ้นชื่อของหลวงพระบาง

เดินออกมาถึงปากซอยเป็นเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆ ร้านโจมายังไม่เปิด แต่ทันได้เห็นประเพณีตักบาตรข้าวเหนียวของชาวหลวงพระบาง ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก ด้านวัฒนธรรม และเป็นขนบประเพณีที่สืบทอดถือปฏิบัติต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน

ทุกเช้าชาวบ้านจะฟังเสียงกลองของวัดซึ่งเป็นสัญญาณให้ชาวบ้านเตรียมตัวตักบาตรโดยเตรียมปูเสื่อรออยู่ริมทางที่พระจะเดินบิณฑบาต ผู้หญิงจะนุ่งซิ่นมีแพรเบี่ยงหรือผ้าสไบพาดไหล่ ผู้ชายจะสวมกางเกงขายาวมีผ้าพาดไหล่ ทั้งนี้เวลาใส่บาตรผู้ใส่บาตรจะต้องนั่งคุกเข่า

การตักบาตรจะใส่เพียงข้าวเหนียวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่พระจะฉันจะเคาะเกราะไม้ไผ่เป็นสัญญาณ ชาวบ้านจะจัดกับข้าวมาถวายที่วัด เรียกว่า ถวายจังหัน พร้อมทั้งฟังธรรมคำสอนด้วย

ร้านกาแฟโจมาเบกอรี่ตั้งอยู่ที่ถนนเจ้าฟ้างุ้ม บนถนนสายหลัก ใกล้กับวงเวียนไนท์มาร์เก็ต หน้าปากซอยที่พักของเรา เป็นร้านที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมารับประทานอาหาร ซึ่งมีเมนูที่หลากหลาย กาแฟที่ร้านนี้รสชาติหอมหวาน พนักงานสื่อสารได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ที่สำคัญคือราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับราคากาแฟในบ้านเรา

ร้านโจมาเบเกอรี่เปิดบริการทุกวัน ระหว่างเวลา 06.30 น. - 21.00 น.

หลังจากเช็คเอาท์ออกจากที่พักในราว 9.00 น. ก่อนจะเดินทางไปสถานีรถไฟ มีเวลาให้แวะที่ศูนย์หัตถกรรมบ้านผานม ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางเมืองหลวงพระบางเพียง 5 กิโลเมตร การเดินทางแยกจากเส้นทางหลวงหมายเลข 13เหนือ ก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำคานเพียงเล็กน้อยก็จะถึงหมู่บ้านผานม

บรรพบุรุษของชาวลื้อหมู่บ้านผานมถูกกวาดต้อนมาจากสิบสองปันนาเมื่อ พ.ศ. 2490 เมื่อครั้งเกิดจลาจลที่เมืองเชียงรุ้งเมืองหลวงของแคว้นสิบสองปันนา ขณะนั้นสิบสองปันนาอยู่ในฐานะเมืองประเทศราชของไทย กองทัพไทยจึงยกไปปราบจลาจลโดยเกณฑ์ทัพเมืองหลวงพระบางซึ่งมีพระเจ้าสุกเสิมเป็นเจ้าครองนครไปช่วยรบ หลังปราบจลาจลเรียบร้อยจึงกวาดต้อนครอบครัวอุปราชเชียงรุ้งและบ่าวไพร่ชาวลื้อมาไว้ในเขตเมืองหลวงพระบาง

ชาวลื้อที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำคานนอกเมืองหลวงพระบาง เรียกว่าบ้านผานม มีชื่อเสียงด้านการทอผ้าด้วยกี่กระตุกแบบดั้งเดิม ที่มีลวดลายแบบชาวลื้อแท้ๆ ได้รับใช้ราชสำนักหลวงพระบางโดยเป็นผู้ทอผ้าส่งให้เจ้านายในราชสำนักใช้ในราชพิธีต่างๆ

ปัจจุบันผ้าทอบ้านผานมมีทั้งผ้าแพรเบี่ยง ผ้าซิ่น และผ้าที่ประยุกต์เป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผ้าปูโต๊ะ ผ้าคลุมเตียง กระเป๋า ฯลฯ ซึ่งชาวบ้านผานมจะนำผ้าทอมาวางจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อที่ศูนย์หัตถกรรมแห่งนี้

การเดินทางมาท่องเที่ยวหลวงพระบางในสมัยก่อนหากไม่เดินทางโดยเครื่องบินก็ต้องนั่งรถยนต์ข้ามเขามาหลายลูก ใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่เมื่อเดือนธันวาคม 2564 รถไฟความเร็วสูงลาว - จีนได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เพื่อเชื่อมโยงทางการค้าระหว่างจีนและลาว ตั้งแต่นครหลวงเวียงจันทน์ไปจนถึงคุนหมิง ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลยูนนานในประเทศจีน รวมทั้งหมด 32 สถานี ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงลาว - จีนนี้ใช้งบประมาณการก่อสร้างกว่า 8,900 ล้านหยวน หรือ 1,200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

ปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงลาว - จีนเปิดให้บริการเฉพาะในประเทศลาวก่อน จำนวน 6 สถานี ได้แก่ สถานีบ่อเต็น สถานีเมืองไซ สถานีหลวงหลวงพระบาง สถานีวังเวียง สถานีโพนโฮง และสถานีเวียงจันทน์ ใช้เวลาเดินทางตลอดสายเพียง 4 ชั่วโมง 20 นาที ขณะที่การเดินทางโดยรถยนต์ต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานถึง 13 ชั่วโมง ส่วนการเดินทางจากสถานีหลวงพระบางถึงสถานีวังเวียง ออกเดินทางเวลา 10.50 น. ถึงสถานีวังเวียงในเวลา 11.55 น. ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 5 นาทีเท่านั้น

รถไฟความเร็วสูงลาว - จีนมีที่นั่งให้เลือก 3 แบบ คือ ชั้นธุรกิจ นั่งสบาย กว้างขวาง ราคาแพงที่สุด ชั้น 1 ราคารองลงมา ส่วนชั้น 2 ราคาถูกที่สุด การเดินทางครั้งนี้เลือกที่นั่งชั้น 1 ราคา ตั๋วประมาณ 500 บาท ซึ่งที่นั่งจะเป็น 2 แถว ซ้ายขวา แถวละ 3 ที่นั่ง กระเป๋าเดินทางและสัมภาระต้องยกขึ้นวางไว้บนที่วางกระเป๋าเหนือศีรษะ ยกเว้นกระเป๋าที่มีขนาดเล็กเท่านั้น ส่วนห้องน้ำบนรถไฟเป็นห้องน้ำขนาดเล็กเหมือนห้องน้ำบนเครื่องบิน แต่ไม่มีกระดาษชำระ ครีมล้างมือ หรืออื่นๆให้บริการ

การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงมีระเบียบปฏิบัติคล้ายกับการเดินทางด้วยเครื่องบิน จะมีการตรวจสัมภาระที่นำติดตัวไปด้วย เช่น ของเหลวต้องไม่เกิน 100 มล. ห้ามพกอาวุธหรือของมีคม สเปรย์แอลกอฮอล์ น้ำดื่มที่เปิดขวดดื่มแล้วนำติดตัวขึ้นไปได้ แต่ถ้าขวดที่ยังไม่เปิดไม่อนุญาต ในขั้นตอนนี้ใช้เวลาค่อนข้างมากเพราะคิวยาว จึงควรรีบมาก่อนเวลารถไฟออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

หากคาดหวังว่าจะได้ชมทิวทัศน์อันงดงามระหว่างการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงลาว - จีนนั้นคงต้องผิดหวังอยู่บ้าง เพราะระหว่างสถานีหลวงพระบางถึงสถานีวังเวียงนั้นรถไฟแล่นผ่านอุโมงค์ที่เจาะทะลุภูเขาเป็นส่วนใหญ่ พอจะเห็นวิวทิวทัศน์บ้างเพียงระยะทางสั้นๆระหว่างภูเขาเท่านั้น