รายงานผลการขับเคลื่อน KM มร.ชม.


KM การขับเคลื่อน ขยายผล บล็อก

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๐ ครับ
                        วันนี้ขออนุญาต นำเรื่องความเคลื่อนไหวเรื่องการจัดการความรู้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏมารายงานให้สมาชิก
gotoknow รับรู้รับทราบด้วยกันครับ                            

                      

                       ขณะนี้ชุมชนคน KM ของมหาวิทยาลัยกำลังฟิตเปรี๊ยะแทบปริออกมาทุกคน นัดหมายกันเวียนมาประชุมแบบเสวนาแลกเปลี่ยนกันใน กลุ่มขับเคลื่อน KM” ที่ห้องสะบันงา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตั้งแต่เวลา ๙.๐๐ ๑๒.๐๐ น.
                       

                      ประเด็นคือหาแนวทางที่สร้างเสริมวิธีการ ขยายผลเรื่องการจัดการความรู้ให้กระจายไปกว้างขึ้นในสังคมมหาวิทยาลัย ทุกระดับ คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษา
                       

                        ผมได้มีโอกาสนำเสนอเรื่องการเขียน Blog และสร้างกลุ่ม Bloger ขึ้นในมหาวิทยาลัย
                       คงมีโอกาสดันดารา
Bloger ใหม่ๆได้อีกหลายท่าน
                       ผมลงรูปให้ดู จะรู้ว่าใครเป็นใครบ้าง?

หมายเลขบันทึก: 70811เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2007 11:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

แวะเข้ามาดูหน้าตา Blogger หน้าใหม่ วัย Young at Heart ค่ะ ฮิ ๆ

อาจารย์ลงรูปผู้เข้าร่วมประชุมตอนยิ้ม ๆ หน่อยก็ดีนะคะ ดูเขาจะเครียดกันไปหน่อย หรือว่าอาจารย์ให้โจทย์เขาไปบล็อกอะไรยาก ๆ คะเนี่ย ฮิ ๆ 

อาจารย์ดูหน้าตาสบายดีนะคะ ผิวสีอมชมพู ท่าทางจะไม่ค่อยไอแล้ว?  อาจารย์ยังไปหาหมอแมะอยู่หรือเปล่าคะ?

หนูมาที่นี่คิดถึงหมอแมะที่เชียงใหม่มากเลยค่ะ เพราะไปดวลดาบหลายทัวร์นาเม้นท์เจอฟาดมาหลายดาบสะบักสะบอม  เพราะการแข่้งแบบสู้กันนั้นเขาไม่แยกชายหญิงด้วยล่ะค่ะอาจารย์  แล้วผู้หญิงก็เล่นน้อยมากด้วย  หนูเคยเจอคนฝรั่งเศสสูง ๗ ฟุตฟาดหนูไหล่แทบหลุด

อาการอย่างนี้ ทำให้นึกถึงหนังจีนกำลังภายใน ที่ต้องไปหาหมอจีนอย่างเดียวถึงหาย  ความจริงญี่ปุ่นเขาก็มีนะคะ หมอแมะสไตล์จีน แต่ภาษาหนูยังไม่เก่งขนาดไปคุยอะไรยาก ๆ กับหมอได้  เดี๋ยวเกิดได้ยินว่าหมอให้ไปปีนภูเขาฟูจิหาบัวหิมะมารักษาล่ะก็ยุ่งกันใหญ่ แหะ ๆ

 สวัสดีค่ะ,

ณัชร 

หนูณัชร          ขอบคุณสำหรับคำชมว่าหน้าอาจารย์อมชมพู อาจารย์ทั้งหลายเลยอมมะม่วงแทน จึงดูเครียดไปหน่อยครับ          เรื่องหมอแมะอาจารย์ไปหาบ้างเมื่อไอ แต่พอทานปุ๊บหายปั๊บ เพราะดูท่าธาตุขันธ์อาจารย์จะถูกกับยาจีน          ฟังหนูบ่นเรื่องฟันดาบแล้วสบักสบอม อาจารย์เห็นจากในรูปตอนโพสท่าแอดเดรสเข้าประจำที่ อาจารย์ว่าหนูเกร็งไปหน่อย           ดูจากเส้นเอ็นคอขึ้นชัดมาก มากกว่าคู่ต่อสู้ของหนู คิ้วก็ขมวดซะปูดเชียวตอนนี้อาจารย์อยากแนะนำให้หนูรู้จักเซียนซามูไรตัวจริงเสียงจริง          ถึงไม่เคยชิงแชมป์โลกที่ไหน แต่ก็เป็นที่เกรงขามของนักรบบูชิโด เพราะเขามีดาบในหัวใจ และบินเข้าไปได้ในหัวใจคนทั้งปวง          ดูรูปเอาเองก็แล้วกันพิชัย

เห็นหนอ ๆ  ๆ  ฮิ ๆ กำหนดไม่ทันเลยค่ะอาจารย์  เจอเวอร์ชั่นรูปใหญ่เห็นชัดอย่างนี้  เมื่อกี๊หนูนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านของเวบนี้ที่เขาคอยอัพเดทคนโหลดภาพใหม่หรือบล๊อกใหม่ขึ้นไปน่ะค่ะ ทันเห็นรูปนี้ของอาจารย์โผล่เป็นรูปเล็ก ๆ ขึ้นมาพอดี หนูก็สะัดุ้งไปทีนึงแล้ว แล้วก็ตอบไปทีนึงแล้ว  มาเห็นรูปใหญ่เต็ม ๆ อย่างนี้ก็ต้องบอกว่าน่าเกรงขามจริง ๆ
ค่ะ 

โห....มีดาบในหัวใจเลยเหรอคะอาจารย์  มาแนวเดียวกับเซนเซหนูเลย  เห็นท่าพวกระดับปรมาจารย์เขาจะเป็นอย่างนี้กันหมดทุกประเทศจริง ๆ เสียด้วยหนอ  คือ  พวกระดับเซนเซเขาจะไม่พกดาบ  ไม่ยึดติดกับดาบ  เพราะจริง ๆ แล้วเขาฝึกเพื่อที่จะไม่ต้องใช้ดาบน่ะค่ะ คือ ทำยังไงก็ได้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดไปได้ด้วยจิตเมตตาและคุณธรรม  โดยไม่ต้องมีการต่อสู้่หรือชักดาบออกมาเลย ลึกซึ้งมาก ๆ เลยนะคะ คนญี่ปุ่นเนี่ย  ลึกมากจนหนูไม่ค่อยจะแน่ใจเลยค่ะว่าเรียนรู้เรื่องหรือเปล่า ฮิ ๆ 

อ้อ, เรื่องที่หนูเกร็งท่าออกดาบนั้้นก็จริงอยู่น่ะค่ะ  อาจารย์ตาดีมากเลยนะคะ  ตอนนั้นหนูเพิ่งออกเสียงเสร็จพอดี หนูไวกว่าเขานิดนึง

แต่ถ้าอาจารย์กลับไปดูภาพนั้นดี ๆ ท่าแรกนั้นสูสีนะคะ  เพราะ แรงฟาดแรงพอกัน  ดูได้จากสายคาดเอวกระดอนเป็นแนวเดียวกันทั้งคู่ จังหวะเดียวกันพอดีด้วย  และจะว่าไปแล้ว สายตาหนูมองไปที่ตรงที่น่าจะเป็นหัวคู่ต่อสู้ในจินตนาการแล้วก็มองไปยังภาพรวม ๆ ด้วยน่ะค่ะ  คือพร้อมที่จะเด้งตัวออกไปซ้ายขวาแล้วแต่สภาพแวดล้อมสองข้างจะอำนวย  แต่คุณแชมป์โลกเธอมองไปที่ปลายดาบของเธอน่ะค่ะ 

นอกจากนี้ขาแข้งหนูมีความยืดหยุ่นกว่าพร้อมที่จะสปริงตัวไปจังหวะอื่นต่อได้  เปรียบเหมือนฟุตเวิร์คนักมวยน่ะค่ะ  แต่ท่าแรกนี่คุณแชมป์โลกเธอขาตายเสียแล้ว แข็งมากเลยทั้งตัว ซึ่งความจริงเซนเซหนูบอกว่าปีนี้เธอแข็งไป สู้ปีก่อนหน้าไม่ได้  ปีันี้เธอและทีมชาติญี่ปุ่นเลยได้รองแชมป์ค่ะ แชมป์โลกรัสเซียได้ไป  แต่ทีมไทยก็ทำได้ไม่เลวนะคะ ในหมวดที่สู้ ๆ กันนั้นทั้งแบบเดี่ยวและทีม แล้วหนูจะเขียนแยกบล๊อกต่างหากรายงานค่ะ

แต่ทั้้งนี้ทั้งนั้นวันนั้นถ้าหนูไม่ได้วิชาดี วิชาการเจริญสติที่ได้อาจารย์สอนเอาไว้ก่อนหน้า หนูก็คงแย่ไปแล้วน่ะค่ะ  รวมทั้งในภาพก็คงจะไม่มีสมาธิในการออกดาบได้ขนาดนั้นด้วย  เผลอ ๆ จะตื่นสนามสะดุดแข้งสะดุดขาตัวเองล้มเอา ขายหน้าประเทศชาติหมด

ว่าแล้วหนูก็ต้องคุกเข่าลงไปโค้งเอาหน้าผากแตะพื้นหนึ่งทีคารวะอาจารย์

 สวัสดีค่ะ,

 ณัชร

อาจารย์เป็นโรคไม่เจียมบอดี้

หัวใจหนุ่มแต่สังขารโทรม เผลอไปเล่นบาส

เขย่งนิดเดี๋ยว กล้ามเนื้อน่องฉีก

เลยต้องอาศัยมาดคุณชายใหญ่

หรือซามูไรผู้ไร้ดาบ กระเพลกอยู่ทุกวัน

แต่อีก สองอาทิตย์หมอบอกว่าจะวิ่งบร๋อได้แล้ว

 ตอนนี้ ปล่อยให้โดนหัวเราะเยาะไปก่อน

พิชัย

สวัสดีค่ะ อาจารย์,


โถ...ที่แท้คงจะลืมวอร์มอัพนั่นเอง  เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ ฮิ ๆ ต่อไปนี้อาจารย์อย่าลืมกำหนดวอร์มหนอ ๆ ก่อนจะเล่นบาส และหลังเล่นนะคะ จะได้ไม่ฉีกอีก

หนูเห็นรูปอาจารย์ยืนเด่นเป็นสง่า เป็นศิลปินหัวใจซามูไร อยู่หน้าหลวงพ่อโตของเราที่ศูนย์ ๒ ตรงนี้แล้ว  ก็เลยเป็นแรงดลใจให้หนูไปงัดบล๊อกเก่าที่เคยเขียนไว้ภาษาอังกฤษที่อื่น
มาทำเวอร์ชั่นไทยให้อาจารย์ค่ะ  หนูว่าท่านทางจะเข้ากันดี  เพราะหัวข้อคือ ซามูไรหัวใจศิลปินค่ะ ฮิ ๆ  

คือหนูว่า เซนเซหนูกับอาจารย์ท่าทางจะคล้ายกันจริง ๆ ด้วยนะคะ  จะสื่อสารอะไรด้วยนี้  ละเมียดละไมมาก

ว่างจากการส่งดาบจากใจไปสอนกรรมฐานใครแล้ว ก็เชิญค่อย ๆ กระเผลกไปอ่านได้นะคะอาจารย์ ที่นี่ค่ะ 

 http://gotoknow.org/blog/gonash/70913

แวะเอารูปเซนเซหนูมาฝากอาจารย์ค่ะ  คือคนกลางชุดขาวน่ะค่ะ หน้าตาใจดีมีเมตตาม้ากมากใช่ไหมคะ หนูพยายามชวนให้ไปปฏิบัติที่เชียงใหม่อยู่นี่น่ะค่ะ  เพราะท่านเคยไปอยู่วัดเซนมาก่อน  ทุกวันนี้ปฏิับัติแบบเซนอยู่ทุกวันน่ะค่ะ  เห็นเวลาเดินจงกรมแบบเซนจะเดินแบบลากเท้า  และมีเกี๊ยะแบบเจริญสติด้วยนะคะอาจารย์  โหดมากเพราะมีแถบเดียวตรงกลางเหมือนส้นตึกน่ะค่ะ คือตกลงมาแล้วก็ตาย เอ๊ย ตกแล้วตกเลย  เซนเซไปไหนมาไหนใส่ชุดประจำชาติแล้วก็เกี๊ยฝึกสติตลอดน่ะค่ะ คนที่สอนศิลปะป้องกันตัวโบราณเขาจะอนุรักษ์วัฒนธรรมดีมากเลยค่ะ เมืองไทยน่าจะทำได้อย่างนี้บ้าง

 

 

 แต่รูปต่อไปนี้เซนเซจำเป็นต้องถือดาบน่ะนะคะ  เพราะเป็นรูปที่บางกอกโพสต์มาสัมภาษณ์และขอถ่ายรูปเอาไว้

เอามาฝากเพราะเห็นเป็นอารมณ์เดียวกับรูปอาจารย์ชุดขาวอยู่กลางธรรมชาติร่มรื่นพอดีเปี๊ยบเลยค่ะ

ชะรอยหนูจะได้ครูบาอาจารย์พิมพ์เดียวกันหมดเลย คือ มีเมตตา ใส่ชุดขาว มีความเป็นศิลปินและซามูไรในคนเดียวกัน และมีดาบอยู่ในใจทั้งคู่ 

รูปนี้ถ่ายที่รร.ปาร์คนายเลิศค่ะ  เราเรียนกันที่นั่นด้วยสำหรับบางคลาส เนื่องจากดาบโบราณเน้นการเรียนกลางธรรมชาติแบบเซนน่ะค่ะ เรียนแบกดาบไ้ม้ฝึกสมาธิใกล้ต้นไม้ใหญ่เป็นต้น (แบบมูซาชิ)

 

 สวัสดีค่ะอาจารย์,

ณัชร 

 

เท่ไม่เบาจริงๆครับ

เซนเซของหนู อาจารย์เห็นรูปแล้ว

ต้องแอบไปยืนโพสท่าเลียนแบบ

เอาไม้เท้ามาแทนซามูไร

แล้วฝึกร้องไฮ้ ๆ ๆ แล้วโค้งจนปวดหลัง

เอาไว้เจอเซนเซของหนู อาจารย์จะขอฝากตัวเป็นศิษย์

ขอบคุณสำหรับ blog ที่แจ้งมาครับ อาจารย์จะเข้าไปอ่าน

สำหรับน่องของอาจารย์ นั้น ตอนนี้เป็นสีเขียวช้ำขึ้นมา แสดงว่าใกล้หายแล้วครับ

พิชัยเซซัง

โอ...อย่างอาจารย์ไม่ต้องฝากตัวเป็นศิษย์แล้วล่ะค่ะ  เพราะหนูอ่านที่อาจารย์ไปคอมเม้นท์เรื่องตัวอักษรพู่กันจีนเปรียบเทียบกับเพลงดาบแล้วหนูอึ้งมาก  หนูได้ไปตอบไว้ในคอมเม้นต์ในบล๊อกอันนี้หนูแล้วค่ะว่าอย่างอาจารย์นี่ท่าทางจะประลองฝีมือกับเซนเซหนูได้แล้ว แหะ ๆ

 http://gotoknow.org/blog/gonash/70913

 แต่เซนเซหนูท่านมีกำลังภายในจริง ๆ นะคะอาจารย์  เวลาสอนสู้มือเปล่าท่านให้ไปยึดตัวท่านเหมือนจะเล่นแบบยูโด หรือ จิวจิตสุ ยังไงเนี่ย  แล้วท่านทำตัวสบาย ๆ รีแล็กซ์อย่างนี้ยกมือเบา ๆ เท่านั้นตัวหนูหมุนเป็นพายุทอร์นาโดติ้ว ๆ ๆ กระเด้งไปถึงกำแพงโรงยิมเลยค่ะ (เป็นภาพที่น่ากลัวมากเพราะเป็นทอร์นาโดลูกใหญ่) คือเป็นพลังที่เบา ๆ ไม่กระแทกออกแรงน่ะนะคะ ไม่ทราบว่ามาจากไหน ใครโดนต้องร้องว่า ฮึ้ย ด้วยความแปลกใจเพราะอยู่ดี ๆ ก็เสียหลักแล้วค่อย ๆ หมุนออกไปเลยค่ะ  แหะ ๆ  อันนี้ไม่รับแสดงออกทีวีนะคะ เป็นเทคนิคลับของสำนัก  หนูยังหัดไม่ถึงไหนเลยค่ะอาจารย์  เซนเซบอกว่าต้องใช้ใจอย่างเดียว  แล้วท่านบอกว่าหนูใจร้อน (รู้ได้ไงก็ไม่ทราบ)
 คือมีหลายท่าน่ะค่ะ  แต่หนูชอบท่าที่เซนเซทำหนูหมุนเป็นพายุลอยออกไป  เพราะทำให้หนูหลอกตัวเองได้แป๊บนึงว่าหนูตัวเบาดี  ฮิ ๆ

 

สวัสดีค่ะ,

ณัชร (วันนี้ตัวยังหนักอยู่) 

แวะมาบอกวิธีแปะรูปค่ะอาจารย์  เผื่ออาจารย์ไม่ได้เข้าไปอ่านที่หนูตอบไว้ในบล๊อกหนู

----------------------------------- 

ง่ายมากเลยค่ะ อาจารย์เห็นปุ่ม html ข้างบนกรอบเขียนข้อความไหมคะ  ขวาสุดน่ะค่ะ นั่นล่ะค่ะ  ไปกดตรงนั้น  แต่ก่อนอื่นอาจารย์ต้องมี แอดเดรสที่อาจารย์ใส่รูปเก็บไว้ก่อนนะคะ  ว่าอาจารย์เก็บไว้ที่ไหน  ของหนูส่วนใหญ่มาจาก flickr น่ะค่ะ  แต่ก็สามารถไปเอามาจากที่ไหนก็ได้ในเวบ  ที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์เขาน่ะนะคะ

 

หลังจากนั้น ก็ใส่คำสั่งใส่ภาพแบบ html ธรรมดา ๆ นี่ล่ะค่ะ  คือ

<img src="http://www.ที่อยู่ภาพสมมติ.com/12.jpg"></img>  แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ  อ้อ พอเสร็จแล้วหน้าต่างที่เขาให้ edit html ก็อาจจะมีปุ่มให้คลิก โอเค หรือ อัพเดท อะไรทำนองนี้น่ะนะคะ ก็คลิกไปธรรมดา มันก็จะพากลับมาหน้าต่างเขียนข้อความเหมือนเดิมนี่ล่ะค่ะ

 หน้าต่างเดียวกันนี้ใช้คำสั่งของโปรแกรม  html ได้หมดน่ะค่ะ  คิดว่าน่ะนะคะ  ยังไม่เคยลองทุกอัน

ขอให้สนุกกับการแปะรูปนะคะ,

 

ณัชร

โอโฮ้ ขอบคุณ

รวดเร็วปานซามูไรสาวตัวเบา

จะลองดูครับ ขอบคุณ

  • สวัสดีค่ะอาจารย์พิชัย
  • แวะเข้ามาทักทาย และฝากเนื้อฝากตัวค่ะ
  • หวังว่าจะได้ร่วม ลปรร. กับท่านอาจารย์อยู่เสมอนะคะ ด้วยความเคารพค่ะ

สวัสดีคุณตูนครับ

ยินดีต้อนรับนะครับ ที่มน.เป็นอย่างไรบ้างครับ

เคยมีโอกาสพบชาวมน.หลายท่านที่มาร่วมปฏิบัติธรรม ที่ราชภัฏพิบูลสงคราม

ฝากความระลึกถึงทุกท่านครับ

ผมเข้าไปแวะอ่านบล็อกคุณตูนแล้ว

     ขอบคุณมากค่ะอาจารย์  ดีใจที่ได้พบคนคอเดียวกันค่ะ จะได้เพิ่มวงในการเรียนรู้ของหนูค่ะ  คงต้องรบกวนอาจารย์บ่อยๆ ค่ะ

     ด้วยความเคารพค่ะ

ยินดีครับ

ผมเองก็จะไปรบกวนแลกเปลี่ยนในความรู้ของอาจารย์เช่นกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท