942. เรียนอิคิไก โคโคโระซาชิ และศิลปะแห่งความยืดหยุ่นจากหนัง Minamata


ผมดูหนัง Minamata ทาง Netflix ด้วยเพราะจอนนี่ เดปป์แสดงนำ น่าสนใจหนังเรื่องนี้เป็นแนวสารคดี พูดถึงเหตุการณ์ที่มาจองโรคมินามาตะ ที่สมัยผมเด็กได้เรียนในโรงเรียน เป็นโรคที่น่ากลัว ประมาณสมองพิการ สาเหตุเกิดจากการปล่อยของเสียของโรงงานผลิตสารเคมี ที่ชาวบ้านและรัฐบาลเองในช่วงแรกดีใจมากๆ ที่โรงงานมาตั้งที่นี้ แต่สักพักหายนะก็คืบคลานมา เด็กเกิดใหม่กลายเป็นเด็กพิการทางสมอง จำนวนมีมากขึ้นเป็นร้อยๆ คน

คนท้องถิ่นที่เจอผลกระทบในครอบครัว เช่นมีลูกที่มีความพิการทางสมอง ก็เริ่มออกมาเรียกร้องแต่ก็ถูกปิดปากด้วยอิทธิพลของเจ้าของโรงงาน และข้าราชการ ทำยังไงก็ไม่สำเร็จ และที่สุดหนังก็เริ่มพูดถึงสุภาพสตรีลึกลับที่พยามไปโน้มน้าวช่างภาพระดับโลกคุณยูจีน จากนิตยสาร Life Magazine ที่มีอิทธิพลระดับโลก ให้ช่วยมาดูหน่อย ยูจีนก็ไม่สน แต่สักพักก็อ้าว ลองไปดูหน่อย เมื่อไปเจอของจริง เด็กสมองพิการเต็มหมู่บ้าน ยูจีนเลยเริ่มทำการขุดคุ้ย ร่วมกับแนวร่วมในท้องถิ่น ตัวเองต้องบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย

ที่สุด ก็เริ่มมีการบุกเข้าไปหาหลักฐานเอามาเปิดเผย ภาพถ่ายเริ่มจุดประกายบรรณาธิการของนิตยสาร ยูจีนได้รับการอนุมิตให้ลงไปขุดคุ้ย จนเริ่มมีการเผยแพร่ภาพที่น่าเวทนาของเด็กๆ และผู้คนที่ได้รับผลกระทบจนทำมาสู่การเปลี่ยนแปลงจุดประกายรัฐบาลและ สาธารณชน ที่สุดนำมาสู่การชดเชยและเปลี่ยนกฏหมายในญี่ปุ่น

ถามว่าผมได้อะไรจากเรื่องนี้ได้สองสามประเด็นครับ

อิคิไก อันแรกเลยถ้าตามนิยามของคำว่ารักเก่ง โลกต้องการ เป็นอาชีพนี่ใช่ครับ ผมตัดภาพไปที่เจ้าของโรงงานที่ยูจีนทัวร์โรงงานสารเคมี เขาบอกว่าเขากำลังทำอะไรที่ดีงามโรงงานเขาเก่งเรื่องสารเคมีสำหรับทำปุ๋ย ชาวบ้านในญี่ปุ่น และทั่วโลกกำลังต้องการสารเคมีจากเขาเพื่อทำให้การเกษตรดีงามขึ้น แถมบอกว่าชาวบ้านที่นี่ก็ได้ประโยชน์ด้วยเพราะทำให้พวกเขามีงานทำ จะว่าไปถ้าเอานิยามนี้จากหนังสือของทิม ทามาชิโร่ นี่ก็ดูใช่ครับ ดูด้วยนิยามไหนก็เรียกว่าอิคิไก แต่กาลเวลาผ่านไปเกิดสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมขึ้น โรงงานปล่อยสารปรอท ทำร้ายคนจนพิการหลายร้อยคน นี่เริ่มไม่ใช่อิคิไกแล้วครับ มีคนจำนวนมากที่เริ่มไม่ต้องการโรงงานนี้ นี่เริ่มไม่ใช่อิคิไกแล้ว กลายเป็นเป้าหมายเพื่อการรักษาสถานภาพและความมั่นคงธุรกิจ นี่เรียกว่าอยู่ด้วยความโลภ โกรธ หลงล้วนๆ ไม่รับผิดชอบ แต่โรงงานก็ยังอยู่ต่อไป เพราะมีคนไม่รู้จำนวนมหาศาล ก็ยังต้องการที่นี่อยู่ เห็นไม่ครับไม่มีอิคิไกก็อยู่ได้ แต่ไม่ยั่งยืนซะแล้ว เพราะชาวบ้าน เริ่มต่อต้านขึ้นเรื่อยๆ

เขาไม่ต้องการอาชีพ หรือใครก็ตามที่ทำให้ลูกหลานเขาพิการ เขาไม่มีความสุขสักนิดกับการทำงานให้โรงงานปีศาจแห่งนี้

และนี่จึงกลายการพัฒนาสิ่งที่เรียกว่าโคโคโระซาชิขึ้นมา (ตัวนี้ฝรั่งเรียกว่า Purpose หรือคนไทยเรียกว่าปณิธาน) ชาวบ้านเจอผลกระทบทางลบที่รุนแรงมาก จึงอยากสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกขึ้น พวกเขาเลยทุ่มเทชีวิตเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเพื่อสังคมนั้น นี่เรียกว่าโคโคโระซาชิ จะมองว่าเป็นอิคิไกก็ได้ แต่เป็นอิคิไกระดับปณิธาน

เพราะฉะนั้นโรงงานก็ทุมเททำต่อไปอย่างมีอิคิไก ชาวบ้านก็ทุ่มเทพยายามเปลี่ยนแปลงไม่ให้โรงงานอยู่ที่นี่ออกต่อไป ชาวบ้านเป็นฝ่ายแพ้ครับ โรงงานแน่กว่าล้ำ กว่า รวยกว่า การเมืองหนุนหลังด้วย ขาวบ้านนอกจากยากจนแล้ว ยังมีภาระต้องเลี้ยงลูกพิการ บางครอบครัวหลายคนเลย การเมืองก็ไม่เข้าข้าง

แล้วทำไงล่ะ ฉลาดมากครับสุภาพสตรีลึกลับท่านนั้นที่ไปหายูจีนถึงอเมริกา จนเชิญชวนช่วงภาพที่ดังที่สุดในโลกมาลงพื้นที่ได้ ทั้งสองร่วมต่อสู้กับชาวบ้านจนสำเร็จและก็แต่งงานกันไปในที่สุด

เรื่องนี้อธิบายได้ด้วยอะไรครับ

จะว่าไปสุภาพสตรีคนนี้ก็มีโคโคโระซาชิ และสามารถจูงใจให้ยูจีนช่างภาพที่ทำงานให้นิตยสารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกเล่มหนึ่งให้มามีโคโคโระซาชิได้ นี่ไม่ธรรมดา บังเอิญผมไปอ่านหนังสือเรื่อง Career Resilence ของ Harvard นี่อธิบายได้เลยครับ

อธิบายได้ว่าสุภาพสตรีท่านนี้และชาวบ้านรู้จักยืดหยุ่น (Resilience) ซึ่งแปลว่าเห็นชัดว่าสู้ไม่ได้ แพ้ก็ลุกขึ้นยืนใหม่ สู้อีก ก็ไม่ถอยทำเองไม่ได้ ก็หาคนช่วย แล้วเขาหาใครช่วย เล่มนี้บอกว่าการที่คุณจะยืดหยุ่นล้มแล้วลุกได้ ดีที่สุดคุณต้องมี Network หรือเครือข่ายช่วยคุณครับ เครือข่ายมีสามประเภท

1.เครือข่ายงานประจำ (Operational Network) เครือข่ายที่ทำให้งานประจำวันของคุณราบรื่นขึ้น

2.เครือข่ายมืออาชีพ (Professional Network) เครือข่ายที่ทำให้คุณล้ำขึ้นเป็นมืออาชีพขึ้น

3. เครือข่ายเชิงกลยุทธฺ์ (Strategic Network) กลุ่มคนที่ทำให้คุณบรรลุฝันที่ยิ่งใหญ่ เกินตัวตนเอง

คุณจะเห็นว่าชาวบ้านก็พยายามสู้กันเองแต่ส่วนใหญ่ก็ช่วยกัน แต่สู้ไม่ได้ เพราะโรงงานก็มีเครือข่ายเช่นกัน มีทั้ง Operational Network เช่นรปภ ที่เก่งกาจ Professional Network มืออาชีพนักเคมี นักอุตสาหกรรมที่คอยสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ และ Strategic Network ที่คอยสนับสนุนปิดข่าว หรือบิดเบือนความจริง ในขณะที่ชาวบ้านช่วงแรกสู้ด้วยมือเปล่าดูเหมือนมีแค่

ชาวบ้านที่คอยส่งข้าวน้ำให้กัน (Operational Network) ไม่มีเครือข่ายมืออาชีพ และเครือข่ายกลยุทธ์มาสนับสนุนเลย

แต่ที่สุดก็มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งเริ่มมองหาคนนอกพื้นที่ และก็ได้ยูจีนช่างภาพจอมแฉระดับโลกมาลงพื้นที่ นี่เลยได้ Strategic Network การปรากฏตัวของยูจีน ยังนำเครือข่ายมืออาชีพ ตามหลังมาเป็นพรวนตั้งแต่บรรณาธิการ เพื่อนนักข่าว

การประสานงานในกลุ่มแข็งแกร่งมากขึ้น จนเจาะเข้าไปในค้นหาความลับในโรงงานได้ ที่สุดเรื่องราวถูกเผยแพร่และทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตลอดกาล นี่ไงครับความสามารถในการยืดหยุ่นที่ผมพูดถึงอย่ายอมแพ้ครับ ล้มแล้วลุก แต่ต้องหาคนช่วย

เอาเป็นว่ามีอิคิไก หรือโคโคโระซาชิกอาจไม่พอ นอกจากที่จะต้องมีศีลธรรมคุณธรรมแล้ว

ถ้าอยากทำงานได้เร็วขึ้น ก็ต้อง Operational Network อยากทำงานได้แตกต่างมีชื่อเสียงในอาชีพต้อง Professional Network แต่อยากทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ด้วยกำลังของคุณเอง ชนิดล้ำไปกว่าคู่แข่งที่มีพลังอำนาจทางเศรฐกิจ และการเมืองหลายปีแสง คุณต้องการ Strategic Network ครับ สำหรับวันนี้พอเท่านี้ครับ ขอบคุณหนัง Minamata ที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้เรียนรู้เรื่องอิคิไก โคโคโระซาชิ ไปจนถึงเรื่องความยืดหยุ่นและเครือข่ายครับ

บทความโดยดร.ภิญโญ​ รัตนาพันธุ์ IKIGAI School

หมายเหตุ: ท่านที่สนใจหลักสูตร IKIGAI@Work อิคิไกสำหรับสร้าง Employee Engagement เป็นหลักสูตร In-house ติดต่อได้ที่ https://www.facebook.com/IkigaiSchool1/

คำสำคัญ (Tags): #ikigai#appreciative inquiry#KOKOROZASHI
หมายเลขบันทึก: 703355เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2022 11:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม 2022 13:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท