เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 กลุ่มเด็กบ้านหลังเรียน (บ้านหนองบัว ตำบลดอนกอก อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์) ได้ร่วมกันขับเคลื่อนต่อยอดกิจกรรมจากโครงการ “บ้านหลังเรียน” ที่กลุ่มนิสิตศิลปะสัญจร และศูนย์ประสานงานเครือข่ายนิสิตจิตอาสาเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ริเริ่มบุกเบิก-นำร่องไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565
กิจกรรมดังกล่าว ยังคงดำเนินการที่ “สวนลุงวิทย์” - พื้นที่ชีวิตที่ถูกนำร่องเนื่องในกิจกรรมนี้
กิจกรรมวันนี้เปิดเวทีด้วยการบอกเล่าเรื่องราว “ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน” ซึ่งเป็นโจทย์ที่ให้ไว้จากสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวคือ ผมและทีมงานฝากให้เด็กๆ ได้ไปสืบค้นข้อมูลเรื่องบริบททั่วไปของบ้านเกิดตัวเอง โดยเน้นประเด็น ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน และเน้นให้หาข้อมูลผ่านปากคำของคนในครอบครัว หรือชาวบ้านมากกว่าการสืบค้นจากอินเทอร์เน็ต
เหตุที่ให้โจทย์ประเด็นเดียว เพราะต้องการให้เด็กๆ มีสมาธิในเรื่องนี้โดยตรง หรือแม้แต่ไม่สร้างภาระให้กับเด็กๆ จนกลายเป็นความรู้สึกหน่วงหนักและไม่สนุกกับการเรียนรู้
เหตุที่เน้นให้สอบถามจากผู้คนมากกว่าสืบค้นจากอินเทอร์เน็ต เพราะต้องการสร้างความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและในหมู่บ้าน รวมถึงการสร้างคุณค่าให้เกิดกับผู้คนที่เกี่ยวข้อง
กระบวนการเช่นนี้ เป็นการชักชวนให้เรียนรู้ ไม่ได้บังคับ หรือมีกติกาใดๆ ว่า “ต้องทำทุกคน”
เรียกได้ว่า เป็นการเรียนรู้ตามอัธยาศัย ใครใคร่ทำก็ทำ ใครใคร่นั่งฟังก็มานั่งฟัง นั่นเอง
ซึ่งก็เป็นที่น่าชื่นใจ เพราะเอาเข้าจริงๆ เด็กหลายๆ คนทำการบ้านมาอย่างดี – มีรายละเอียดที่ชัดเจน ถึงแม้ส่วนหนึ่งจะมาจากการไปศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่ศาลาประชาคมกลางหมู่บ้านก็เถอะ ก็ถือว่าดีเยี่ยมมากแล้ว อย่างน้อยก็ได้ไปเรียนรู้จากสถานที่จริง –
ครับ - เหมือนการช่วยให้เด็กๆ ได้รับรู้ว่า นอกจากตัวตนของผู้คนแล้ว ในหมู่บ้านของตนเองมีแหล่งข้อมูลอยู่ที่ใดบ้าง
อีกหนึ่งกิจกรรมถัดมาเป็นประหนึ่งการต่อยอดจากกิจกรรม “ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน” นั่นคือการวาดภาพในหัวข้อ “มนุษย์ที่พึงประสงค์ในหมู่บ้าน”
กิจกรรมนี้มุ่งให้เด็กๆ ได้สะท้อนแนวคิดผ่านระบบและกลไกของศิลปะ เพื่อถ่ายทอดถึงคุณลักษณะของผู้คนที่พึงประสงค์ หรือผู้คนที่อยากให้มีในหมู่บ้าน หรือแม้แต่คุณลักษณะที่เด็กๆ “อยากมี-อยากจะเป็น”
การวาดภาพ มีเงื่อนไขง่ายๆ นั่นคือ “การคิด-จินตนาการถึงใครสักคน” ที่เป็น “ต้นแบบ-ฮีโร่” หรือแม้แต่ตัวละครสมมุติที่เด็กชื่นชอบ โดยให้อธิบายประกอบภาพของตนเองถึงเหตุผลที่ “ชื่นชอบ –อยากเป็น-อยากให้มีในหมู่บ้าน”
ใช่ครับ – เป็นเรื่องอุดมคติ แต่ก็ไม่ผิดที่จะให้เด็กๆ ได้ออกแบบชีวิต - ออกแบบเรื่องราวหมู่บ้านและผู้คนในอุดมคติที่พวกเขาหลงรัก
นี่คือกระบวนการเรียนรู้ง่ายๆ แต่งดงามที่เกิดขึ้นในวันนั้น
ทุกๆ อย่างยังคงค่อยเป็นค่อยไป
ทุกๆ อย่าง ยังดำเนินไปในมิติ “บันเทิงเริงปัญญา” โดยยึดเด็กๆ และชุมชนเป็นศูนย์กลาง อันหมายถึง ชวนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ตัวเองและบริบทในชุมชนบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองอย่างช้าๆ และเป็นไปในลักษณะของการ "เรียนรู้อย่างเป็นทีม”
เป็นอีกครั้งที่ผมและทีมงานยังไม่ด่วนสรุปว่า กิจกรรมเหล่านี้ยึดโยงเรื่องการเรียนรู้ตัวเองและสำนึกรักษ์บ้านเกิด รวมถึงประเด็นที่ว่า เด็กๆ ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากกิจกรรมที่ว่านั้น เช่นเดียวกับการประเมินว่าเด็กๆ เข้าใจและเกิดทักษะการเรียนรู้ต่างๆ บ้างแล้ว หรือยัง ยกตัวอย่างเช่น
เขียน : ศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม 2565
ภาพ : ธัญวรัตม์ มีชาติ
การทำกิจกรรมกับเด็ก จะเป็นเรื่องราวให้เด็กเรียนรู้และจดจำตลอดไปค่ะ