อันตรายใหญ่หลวงของชีวิตมนุษย์คือ ถูกครอบให้อยู่ในที่แคบโดยไม่รู้ตัว ที่แคบในที่นี้ หมายถึงแคบทางความคิด หรือด้านกระบวนทัศน์ ที่เรียกว่า อยู่ในห้องเสียงสะท้อน (echo chamber) (๑) ทั้งเสียงสะท้อนของตนเอง และของคนที่คิดเหมือนๆ กัน ทำให้ไม่เข้าใจความซับซ้อนของเรื่องราวและกิจการที่ตนกำลังเกี่ยวข้องหรือดำเนินการ
เครื่องมือหนึ่ง ที่ช่วยเอื้อให้ดึงดูดพลังของความหลากหลาย มาใช้งาน โดยเฉพาะมุมมองที่หลากหลาย ต่อโครงการ หรือกิจการ เรียกชื่อว่า Developmental Evaluation (DE) เพราะ DE ใช้พลังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) ในเรื่องหรือกิจการนั้นๆ มาร่วมกันเป็นเจ้าของ DE โดยพลังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านหนึ่งที่ต้องการคือ การมีมมุมมองต่อเรื่องนั้นแตกต่างกัน หรือมีต่างมุมมอง
ผมเขียนเรื่อง DE ไว้เป็นจำนวนมากที่ (๑) โดยขอแนะนำให้ครูเข้าไปชมวิดีทัศน์ที่ผมไปพูดที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ ที่ (๒) และได้เขียนเรื่องห้องเสียงสะท้อนที่ปิดกั้นโอกาสได้รับมุมมองที่ต่าง ที่ (๓)
พฤติกรรม และคำพูดง่ายๆ ของครู ที่จะช่วยให้นักเรียนตัวน้อยๆ ค่อยๆ คุ้นกับสภาพที่คนเรามีความคิดต่างกัน และเห็นคุณค่าของการมีความคิดต่าง ทำโดย เมื่อครูตั้งคำถาม และนักเรียนคนแรกตอบ ครูถามต่อว่า “ใครมีคำตอบที่ต่างจากนี้บ้าง” และใช้คำถามนี้ไปเรื่อยๆ แล้วจึงย้อนกลับมาทำความเข้าใจว่า คำตอบแรกมีข้อมูลหลักฐานวิธีคิดอย่างไร แล้วไล่ไปเรื่อยๆ ที่คำตอบที่ ๒ ที่ ๓ ... การเรียนรู้จะมีลักษณะที่คำนึงถึงความซับซ้อนของเรื่องนั้น และจะช่วยให้นักเรียนมีวิธีเรียนแบบที่เกิดการคิดขั้นสูงไปในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษะในการตั้งคำถาม และท่าทีเคารพผู้มีความเห็นต่าง รวมทั้งมีกระบวนทัศน์เห็นคุณค่าของความเห็นต่าง
มุมมอง หรือความเห็นที่ต่างกันจะมีคุณค่าต่อเมื่อเราตั้งคำถาม “ทำไม” ทำไมจึงคิดเช่นนั้น เป็นการชวนให้คิดอย่างมีข้อมูลหลักฐาน อย่างมีฐานคิดหรือกระบวนทัศน์ (mindset) ที่เหมาะสม และมีวิธีคิดเชิงเหตุผล ซึ่งนำสู่ทักษะการคิดขั้นสูง
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้เช่นนี้ จะหล่อหลอมให้นักเรียนมีความคิดที่ซับซ้อนและเชื่อมโยง มองเห็นเรื่องต่างๆ ในมิติที่ลึก และจากหลายมุมมอง และที่สำคัญช่วยการพัฒนาทักษะหรือสมรรถนะด้าน “อารมณ์และสังคม” (socio-emotional skills) ไปในตัว คือมีทักษะแสดงความเคารพต่อความเห็นที่แตกต่างจากความเห็นของตนเอง
ครูสามารถตั้งคำถามลากเข้าสู่ระบบนิเวศการเรียนรู้ในมิติของ V (values – ค่านิยม) ใน VASK เพื่อให้นักเรียนค่อยๆ เห็นคุณค่าของค่านิยมที่ดี หรือค่านิยมเชิงบวก ต่อชีวิตที่ดีของตนเอง และเห็นอันตรายของค่านิยมด้านลบ ที่จะทำลายอนาคตของตนเอง
ครูควรทำความเข้าใจ และฝึกตั้งคำถามแนว “สุนทรียปุจฉา” (appreciative inquiry) เพื่อช่วยให้การตั้งคำถามมีความละมุนละไมทางอารมณ์ กระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกในห้องเรียน และนักเรียนได้เรียนรู้วิธีพูดวิธีถามที่ให้ความราบรื่นเชิงสังคม
ผมสะท้อนคิดเรื่องคุณค่าของ appreciative inquiry ไว้ที่ (๔) และเพื่อทำความเข้าใจ appreciative inquiry ในรายละเอียดขอแนะนำหนังสือที่เขียนโดย ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์ ซึ่งดาวน์โหลดได้ที่ (๕)
วิจารณ์ พานิช
๑๑ มิ.ย. ๖๕
ไม่มีความเห็น